สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 105
จากประสบการณ์ตรง กับการเป็นคุณแม่และต้องเดินทางบ่อยมาก... เพราะสามีทำงานที่ต่างประเทศ
เคยบินพร้อมกับลูกหลายครั้งทั้งในและต่างประเทศ ตั่งแต่น้องได้ เดือนกว่าๆ
คงพอจะออกความคิดเห็นได้นะคะ
ตามเหตุการณ์ของ จขกท ดิฉันก็เคยเจอแบบนี้ครั้งนึงค่ะ ตอนบินกลับบ้านที่ต่างจังหวัด และเจอในสภาพที่หนักกว่า จขกท เยอะมาก
เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนเยอะมาก ดอนเมืองแทบแตก และดิฉันต้องมือนึงอุ้มลูเพราะยังไม่ใช้เปลอุ้ม หลังสะพายเป้เดินทาง แขนขวาสะพายเป้ลูก
แล้วยืนรอเป็นชั่วโมงเหมือนกันค่ะ แล้วน้องงอแงหิวนมหนักมาก ย้ำว่าหนักมาก ก็พยายามปลอบจนไม่ไหวแน่นอน เลยตัดสินใจนั่งลงที่พื้นแล้วให้ลูกนอนที่ตัก แล้วเอาผ้าอ้อมลูกมาพันคอ ให้เหมือนเสื้อให้นม [แล้วยืนให้นมลูกในแถวนั่นแหละค่ะ] จนพนักงานเห็นเลยแนะนำเลยพาไปอีกเค้าเตอร์นึง
พอไปถึงเคาเตอร์ พนักงานหน้าเคาเตอร์ก็เหมือนไม่พอใจอย่างมาก เพราะก็เท่ากับเราลัดคิวคนอื่นเหมือนกัน พนักงานก็บ่นไปเราก็ได้แต่นิ่งยืนฟัง
ยอมรับเลยว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก แต่ครั้งนั้นน่าจะอารมณ์คุณแม่เข้าสิงยืนนิ่งก้มหน้ารับสภาพ พนักงานก็ดำเนินการให้จนเสร็จ ก่อนจะรับบอดดิ้งพาส พนักงานก็ยังพูดว่า
" พี่เข้าใจน้องนะว่าลูกเล็กน้องไม่สามารถคอนโทรลอะไรได้แน่นอน พี่เห็นใจน้องนะ แต่น้องก็อย่างลืมว่าคนต่อแถวอีกหลายคนเค้าก็อาจไม่ได้เข้าใจน้องแบบนี้ ครั้งหน้าก็เตรียมตัวให้ดีกว่าครั้งนี้นะ " ดิฉันได้แต่ตอบว่า " ค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ "
พอเข้าไปราในเกตเลยโทรไปเล่าให้แฟนฟัง ว่าพนักงานบ่นนูนนี่นั่น จนแฟนถามกลับว่า
"แล้วการลัดคิวผิดจริงไหม? ,
" แล้วถ้าเกิดเป็นไฟต์ต่างประเทศจะทำไง ?
"แล้วถ้าคนอื่นมาต่อว่าพนักงานที่ให้ลัดคิวเค้าจะรู้สึกยังไง ?"
พอเจอคำถามแบบนี้บอกได้คำเดียวว่า รู้สึกผิดมากกกกกก........ ตั่งแต่นั้นมาไปถึงสนามบินก่อนเวลาเปิดเคาเตอร์ด้วยซ้ำ ต้องไปยืนรอเป็นคนแรกเสมอ เพราะไม่อยากรบกวนคนอื่นและการเดินทางก็ไม่เคยมีปัญหาตั่งแต่นั้นมา
#เกิดเป็นลูกคุฯแม่ต้องStrong
#น้ำใจเป็นสิ่งที่คนอิ่นเต็มใจหยิบยื่นให้ ไม่ใช่ไปเรียกร้องเอาจากคนอื่น " สามีดิฉันได้กล่าวไว้"
#ล็อคอินนี้ใช้ร่วมกับสามีค่ะ
เคยบินพร้อมกับลูกหลายครั้งทั้งในและต่างประเทศ ตั่งแต่น้องได้ เดือนกว่าๆ
คงพอจะออกความคิดเห็นได้นะคะ
ตามเหตุการณ์ของ จขกท ดิฉันก็เคยเจอแบบนี้ครั้งนึงค่ะ ตอนบินกลับบ้านที่ต่างจังหวัด และเจอในสภาพที่หนักกว่า จขกท เยอะมาก
เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนเยอะมาก ดอนเมืองแทบแตก และดิฉันต้องมือนึงอุ้มลูเพราะยังไม่ใช้เปลอุ้ม หลังสะพายเป้เดินทาง แขนขวาสะพายเป้ลูก
แล้วยืนรอเป็นชั่วโมงเหมือนกันค่ะ แล้วน้องงอแงหิวนมหนักมาก ย้ำว่าหนักมาก ก็พยายามปลอบจนไม่ไหวแน่นอน เลยตัดสินใจนั่งลงที่พื้นแล้วให้ลูกนอนที่ตัก แล้วเอาผ้าอ้อมลูกมาพันคอ ให้เหมือนเสื้อให้นม [แล้วยืนให้นมลูกในแถวนั่นแหละค่ะ] จนพนักงานเห็นเลยแนะนำเลยพาไปอีกเค้าเตอร์นึง
พอไปถึงเคาเตอร์ พนักงานหน้าเคาเตอร์ก็เหมือนไม่พอใจอย่างมาก เพราะก็เท่ากับเราลัดคิวคนอื่นเหมือนกัน พนักงานก็บ่นไปเราก็ได้แต่นิ่งยืนฟัง
ยอมรับเลยว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก แต่ครั้งนั้นน่าจะอารมณ์คุณแม่เข้าสิงยืนนิ่งก้มหน้ารับสภาพ พนักงานก็ดำเนินการให้จนเสร็จ ก่อนจะรับบอดดิ้งพาส พนักงานก็ยังพูดว่า
" พี่เข้าใจน้องนะว่าลูกเล็กน้องไม่สามารถคอนโทรลอะไรได้แน่นอน พี่เห็นใจน้องนะ แต่น้องก็อย่างลืมว่าคนต่อแถวอีกหลายคนเค้าก็อาจไม่ได้เข้าใจน้องแบบนี้ ครั้งหน้าก็เตรียมตัวให้ดีกว่าครั้งนี้นะ " ดิฉันได้แต่ตอบว่า " ค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ "
พอเข้าไปราในเกตเลยโทรไปเล่าให้แฟนฟัง ว่าพนักงานบ่นนูนนี่นั่น จนแฟนถามกลับว่า
"แล้วการลัดคิวผิดจริงไหม? ,
" แล้วถ้าเกิดเป็นไฟต์ต่างประเทศจะทำไง ?
"แล้วถ้าคนอื่นมาต่อว่าพนักงานที่ให้ลัดคิวเค้าจะรู้สึกยังไง ?"
พอเจอคำถามแบบนี้บอกได้คำเดียวว่า รู้สึกผิดมากกกกกก........ ตั่งแต่นั้นมาไปถึงสนามบินก่อนเวลาเปิดเคาเตอร์ด้วยซ้ำ ต้องไปยืนรอเป็นคนแรกเสมอ เพราะไม่อยากรบกวนคนอื่นและการเดินทางก็ไม่เคยมีปัญหาตั่งแต่นั้นมา
#เกิดเป็นลูกคุฯแม่ต้องStrong
#น้ำใจเป็นสิ่งที่คนอิ่นเต็มใจหยิบยื่นให้ ไม่ใช่ไปเรียกร้องเอาจากคนอื่น " สามีดิฉันได้กล่าวไว้"
#ล็อคอินนี้ใช้ร่วมกับสามีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
ในความคิดของผมเอง ผมคิดว่า จนท.ที่เคาน์เตอร์ก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ครับ
- เช็คอิน จนท.ที่เคาน์เตอร์ก็พยายามช่วยแล้ว แต่ จขกท.อาจจะอารมณ์เสียกับการที่ลูกตัวเล็กกำลังงอแงไปเอง ส่วนการสอบถามก็ตามปกตินะครับ ผมเข้าใจว่า จนท.ที่เคาน์เตอร์คงเจอพวกเนียนขอร้องให้เช็คอินให้แบบนี้มาเยอะในแต่ละวัน (ต้องว่ากันไปแล้วแต่กรณีครับ)
- น้ำหนักกระเป๋าเกินไปเยอะ ข้อนี้ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอยู่แล้วละครับตามกฏ
ส่วนคุณยกเลิกเที่ยวบินแล้วไปนั่งกับอีกสายการบินก็เพราะความอารมณ์ร้อนของคุณเองมากกว่า จะมาบอกว่า จนท.ที่เคาน์เตอร์ไม่ไม่มีเซอร์วิซมายด์ก็เป็นอีกส่วนนึง แต่ถ้าคุณเองไม่อารมณ์ร้อนก็คงไม่ต้องเสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่กับอีกสายการบินแน่นอนครับ
ปอลิง.ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ
- เช็คอิน จนท.ที่เคาน์เตอร์ก็พยายามช่วยแล้ว แต่ จขกท.อาจจะอารมณ์เสียกับการที่ลูกตัวเล็กกำลังงอแงไปเอง ส่วนการสอบถามก็ตามปกตินะครับ ผมเข้าใจว่า จนท.ที่เคาน์เตอร์คงเจอพวกเนียนขอร้องให้เช็คอินให้แบบนี้มาเยอะในแต่ละวัน (ต้องว่ากันไปแล้วแต่กรณีครับ)
- น้ำหนักกระเป๋าเกินไปเยอะ ข้อนี้ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอยู่แล้วละครับตามกฏ
ส่วนคุณยกเลิกเที่ยวบินแล้วไปนั่งกับอีกสายการบินก็เพราะความอารมณ์ร้อนของคุณเองมากกว่า จะมาบอกว่า จนท.ที่เคาน์เตอร์ไม่ไม่มีเซอร์วิซมายด์ก็เป็นอีกส่วนนึง แต่ถ้าคุณเองไม่อารมณ์ร้อนก็คงไม่ต้องเสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่กับอีกสายการบินแน่นอนครับ
ปอลิง.ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ
ความคิดเห็นที่ 17
ตอบในฐานะคนที่ใช้บริการแอร์เอเชียบ่อยๆ
- บางครั้งพนักงานพูดจาไม่ลื่นหูจริงค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขั้นทนไม่ได้จนต้องวีนคืน ถ้าเราเป็นคุณที่โดนพนักงานบ่นใส่คงถามตรงๆ ว่าบ่นทำไม เราเป็นลูกค้าคุณไม่สมควรทำกิริยาแบบนี้ใส่เรา คือพูดให้เคลียร์และจบตรงนั้นมากกว่าระเบิดอารมณ์ใส่แล้วเดินไปซื้อตั๋วใหม่สายการบินอื่น
- หลายๆ ครั้งเราชอบที่พนักงานเคาทเตอร์แอร์เอเชียไม่ยอมให้ลูกค้าลัดคิว
- เรามองเหมือนคห.บน คือคนต่อแถวจำนวนมากถูกลัดคิว คิดว่าทั้งแถวจะมีจิตใจอารีต่อคุณแม่ลูกอ่อนหรือด่าพนักงานที่ให้ลัดคิวอยู่ในใจ??
- กระเป๋าน้ำหนักเกินก็ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่มถูกแล้วค่ะ แล้วสายการบินนี้ต้องเดินไปอีกเคาทเตอร์เพื่อจ่ายเงินก่อนเอากระเป๋ามาดรอปให้โหลดใหม่อีกรอบด้วย (อันนี้คือเคสบินไปตปท. แต่คิดว่าในประเทคงเหมือนกัน) ซึ่งมันเสียเวลานานมาก คุณเองบอกว่าเตรียมตัวมาดีแล้วทำไมไม่ซื้อน้ำหนักก่อนเดินทางคะ จะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์ตอนพนักงานแจ้งเรื่องน้ำหนักกระเป๋า
- เราไม่ได้มองว่าจขกท.ผิดนะ แต่เราก็ไม่ได้มองว่าพนักงานเค้าผิดเหมือนกันอ่ะค่ะ
- เรามีเพื่อนสาวลูกอ่อนที่เดินทางบ่อยมากๆ เธอคนนั้นสวมผ้าคลุมให้นมแทบจะตลอดการเดินทางตั้งแต่อยู่สนามบิน ด้วยเหตุผลว่าถ้าลูกหิวต้องได้กินเดี๋ยวนั้น เพราะเดี๋ยวจะงอแงรบกวนคนอื่นบนเครื่อง เพื่อนเราสามารถยืนรอคิวพร้อมกับให้นมลูกไปด้วยได้ค่ะ อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ
- บางครั้งพนักงานพูดจาไม่ลื่นหูจริงค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขั้นทนไม่ได้จนต้องวีนคืน ถ้าเราเป็นคุณที่โดนพนักงานบ่นใส่คงถามตรงๆ ว่าบ่นทำไม เราเป็นลูกค้าคุณไม่สมควรทำกิริยาแบบนี้ใส่เรา คือพูดให้เคลียร์และจบตรงนั้นมากกว่าระเบิดอารมณ์ใส่แล้วเดินไปซื้อตั๋วใหม่สายการบินอื่น
- หลายๆ ครั้งเราชอบที่พนักงานเคาทเตอร์แอร์เอเชียไม่ยอมให้ลูกค้าลัดคิว
- เรามองเหมือนคห.บน คือคนต่อแถวจำนวนมากถูกลัดคิว คิดว่าทั้งแถวจะมีจิตใจอารีต่อคุณแม่ลูกอ่อนหรือด่าพนักงานที่ให้ลัดคิวอยู่ในใจ??
- กระเป๋าน้ำหนักเกินก็ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่มถูกแล้วค่ะ แล้วสายการบินนี้ต้องเดินไปอีกเคาทเตอร์เพื่อจ่ายเงินก่อนเอากระเป๋ามาดรอปให้โหลดใหม่อีกรอบด้วย (อันนี้คือเคสบินไปตปท. แต่คิดว่าในประเทคงเหมือนกัน) ซึ่งมันเสียเวลานานมาก คุณเองบอกว่าเตรียมตัวมาดีแล้วทำไมไม่ซื้อน้ำหนักก่อนเดินทางคะ จะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์ตอนพนักงานแจ้งเรื่องน้ำหนักกระเป๋า
- เราไม่ได้มองว่าจขกท.ผิดนะ แต่เราก็ไม่ได้มองว่าพนักงานเค้าผิดเหมือนกันอ่ะค่ะ
- เรามีเพื่อนสาวลูกอ่อนที่เดินทางบ่อยมากๆ เธอคนนั้นสวมผ้าคลุมให้นมแทบจะตลอดการเดินทางตั้งแต่อยู่สนามบิน ด้วยเหตุผลว่าถ้าลูกหิวต้องได้กินเดี๋ยวนั้น เพราะเดี๋ยวจะงอแงรบกวนคนอื่นบนเครื่อง เพื่อนเราสามารถยืนรอคิวพร้อมกับให้นมลูกไปด้วยได้ค่ะ อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆ
ความคิดเห็นที่ 12
เดี๋ยวๆๆ ทำไมหลายๆคนตำหนิ จขกท ในเรื่องเหล่านี้
1.ทำไมไม่เช็คอินมาก่อน - เดินทางพร้อมทารกทำเว็บเช็คอินไม่ได้ แต่ถึงทำได้ จขกท ก็มาไม่ได้มาเชคอินกระชั้นชิดเกินไป และมาเข้าคิวตามปกติ ต่อให้เขามาเรวกว่านี้ ลูกก็อาจจะงอแงโวยวายเมื่อไหร่ก็ได้ และเป็นชนวนที่ทำให้คุณแม่ต้องเอ่ยปากขอลัดคิว
2.การลัดคิว - จขกท เอ่ยปากขอให้ พนง ช่วยเช็คอินให้ก่อน (หรืออาจเรียกว่า ลัดคิว) ถ้า พนง ไม่อนุญาต จขกท ก็ต้องทนยืนพร้อมลูกงอแงต่อไป จขกท อาจจะไม่แฮปปี้นักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และ พนง ก็ไม่ได้ทำงานบกพร่อง แต่นี่ พนง ก็อนุญาตแล้ว
3. น้ำหนักกระเป๋าเกิน - จขกท ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้ ในเนื้อหาก็เขียนชัดเจนว่ายินดีจ่าย ไม่ได้แสดงการเรียกร้องอะไรเลย
ดูๆแล้วตามที่เล่ามา ปัญหาเกิดจากทั้งสองฝ่าย ฝ่าย จขกท ก็ถูกเร่งให้อารมณ์ร้อนง่ายจากลูกที่กำลังงอแง แต่ฝ่าย พนง เองก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าได้ช่วยเหลือลูกค้าในเรื่องนี้ พนง ทำถูกแล้วที่แจ้งว่าอนุญาตเพียงครั้งนี้เท่านั้นแต่ก็ไม่เหมาะสมนักถ้าจะยังบ่นต่อไปเรื่อยๆ
ส่วนทางออกของเรื่องนี้ทำได้แค่ร้องเรียน พนง ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้นครับ และความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้กับ พนง ของทุกสายการบิน เพราะอาชีพให้บริการจะเจอดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับดวงว่าจะได้เจอกับคนไหน เป็นกำลังใจให้ จขกท และพนงดีๆด้วยคับ
1.ทำไมไม่เช็คอินมาก่อน - เดินทางพร้อมทารกทำเว็บเช็คอินไม่ได้ แต่ถึงทำได้ จขกท ก็มาไม่ได้มาเชคอินกระชั้นชิดเกินไป และมาเข้าคิวตามปกติ ต่อให้เขามาเรวกว่านี้ ลูกก็อาจจะงอแงโวยวายเมื่อไหร่ก็ได้ และเป็นชนวนที่ทำให้คุณแม่ต้องเอ่ยปากขอลัดคิว
2.การลัดคิว - จขกท เอ่ยปากขอให้ พนง ช่วยเช็คอินให้ก่อน (หรืออาจเรียกว่า ลัดคิว) ถ้า พนง ไม่อนุญาต จขกท ก็ต้องทนยืนพร้อมลูกงอแงต่อไป จขกท อาจจะไม่แฮปปี้นักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และ พนง ก็ไม่ได้ทำงานบกพร่อง แต่นี่ พนง ก็อนุญาตแล้ว
3. น้ำหนักกระเป๋าเกิน - จขกท ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้ ในเนื้อหาก็เขียนชัดเจนว่ายินดีจ่าย ไม่ได้แสดงการเรียกร้องอะไรเลย
ดูๆแล้วตามที่เล่ามา ปัญหาเกิดจากทั้งสองฝ่าย ฝ่าย จขกท ก็ถูกเร่งให้อารมณ์ร้อนง่ายจากลูกที่กำลังงอแง แต่ฝ่าย พนง เองก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าได้ช่วยเหลือลูกค้าในเรื่องนี้ พนง ทำถูกแล้วที่แจ้งว่าอนุญาตเพียงครั้งนี้เท่านั้นแต่ก็ไม่เหมาะสมนักถ้าจะยังบ่นต่อไปเรื่อยๆ
ส่วนทางออกของเรื่องนี้ทำได้แค่ร้องเรียน พนง ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้นครับ และความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้กับ พนง ของทุกสายการบิน เพราะอาชีพให้บริการจะเจอดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับดวงว่าจะได้เจอกับคนไหน เป็นกำลังใจให้ จขกท และพนงดีๆด้วยคับ
ความคิดเห็นที่ 9
จริงๆ คุณควรจะเผื่อเวลาให้เยอะกว่านี้รึป่าวคะ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงในการเช็คอิน แล้วยิ่งมีลูกอ่อนด้วยต้องวางแผนในการเดินทางดีๆ เผื่อหิวนม เผื่อเปลี่ยนแพมเพิรส ต่างๆ นานา เล่นลัดคิวแบบนี้ พนักงานก็ต้องว่ากันบ้างล่ะ
พนักงานต้องให้ลัดคิว ยอมให้โหลดกระเป๋าน้ำหนักเกินฟรีรึป่าว ถึงจะเรียกว่าใจดี???
ถ้าคิดว่าพนักงานไม่สุภาพ ก็ร้องเรียนไปค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณเองก็ควรจะเตรียมพร้อมในการเดินทางให้มากกว่านี้
พนักงานต้องให้ลัดคิว ยอมให้โหลดกระเป๋าน้ำหนักเกินฟรีรึป่าว ถึงจะเรียกว่าใจดี???
ถ้าคิดว่าพนักงานไม่สุภาพ ก็ร้องเรียนไปค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณเองก็ควรจะเตรียมพร้อมในการเดินทางให้มากกว่านี้
แสดงความคิดเห็น
"แอร์เอเชียแย่!! นี่หรืองานบริการและการมีน้ำใจจากพนักงานของคุณ ไม่สงสารแม่ลูกอ่อนวัย2เดือนต้องเดินทางลำพังกันหรอคะ?"
ขอบอกก่อนว่าครั้งแรกกับการสมัครล็อกอินเพื่อมาโพสและคอมเม้นในพันทิพย์ค่ะ ถ้าผิดถูกประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่า เคยใช้บริการสายการบินนี้ครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อน และก็ไม่ประทับใจแอร์บนเครื่องบินเท่าไหร่นัก เพราะเคยเจอบริการที่ล่าช้า, พนักงานพูดจาไม่น่าคบหา, ฯลฯ แต่ตอนนั้นคิดว่าเขาคงงานเยอะ, คงเครียด หรือไม่ก็คงมีปัญหาส่วนตัว ก็เลยปล่อยไปและไม่คิดจะใช้บริการอีก และก็ได้ทิ้งตั๋วโปรไปแล้ว 4-6 เที่ยวบินได้ (จำไม่ได้แต่รู้ว่าเยอะค่ะ)
แต่คราวนี้มีภารกิจสำคัญ คือต้องเข้า กทม. เพื่อพาลูกมาหาคุณหมอทั้ง 2 คน และก็เห็นว่ามีโปรที่จองไว้ตรงกับที่ไปกทม. พอดี เลยลองอีกครั้ง
ขาไปจากสกลนคร-ดอนเมือง พนักงานที่สกลน่ารักมากค่ะ ขอชมเชยเลย ^^
ตอนนั้นคิดว่าดีอ่ะ สงสัยเขาปรับปรุงดีขึ้นแล้ว คือ พนง. ที่สกลทำให้ความคิดเชิงลบของดิชั้นมันมลายหายไปเลยนะ
ขาไปเดินทางกัน 4 คนพ่อแม่ลูกค่ะ แต่ขากลับเนี่ย ต้องกลับกัน 2 คน คือดิฉันกับลูกคนเล็ก เพราะลูกคนเล็กต้องอยู่รอพบหมอต่อ และแฟนของดิฉันก็ติดงานด้วย จึงได้พาลูกสาวคนโตขึ้นเครื่องกลับไปก่อน ทำให้ดิฉันและลูกชายคนเล็กวัย 2 เดือนจึงต้องขึ้นเครื่องตามลำพังพร้อมกระเป๋าน้ำหนัก 22 กิโลกรัมค่ะ
และเรื่องมันก็เริ่มจากตรงนี้แหละค่ะ ..
วันนี้ช่วงเวลาประมาณ 05.40 น. ระหว่างที่กำลังรอเชคอินที่เคาท์เตอร์เชคอินอยู่นั้น (ดิฉันมาก่อนเวลาที่บอกสักพักแล้วค่ะ) ลูกชายวัย 2 เดือนของดิฉันก็เกิดร้องงอแงเพราะหิวนมและอยากเปลี่ยนแพมเพิสขึ้นมาค่ะ ดิฉันก็พยายามปลอบลูกอยู่ซักพัก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องง่ายๆ ดิฉันเกรงใจผู้โดยสารท่านอื่นด้วยก็เลยขอความช่วยเหลือจากคุณพนักงานที่ตรงเครื่องสแกนโหลดกระเป๋าว่า "ขอเช็คอินก่อนได้ไหม เพราะคนเยอะมาก ถ้าหากออกจากแถวไปให้นม กลับมาต้องเชคอินไม่ทันแน่ๆ และลูกกินนมแม่จากเต้าเท่านั้น ไม่ยอมกินนมขวด และเครื่องจะออกตอน 06.40 น. (ปั้มนมใส่ขวด ลูกก็ไม่กินค่ะ เด๋วหาไม่เตรียมพร้อม) พี่ผู้ชายผอมๆก็น่ารักนิสัยดี เห็นใจมนุษย์แม่ที่ลูกร้องงอแง จึงพาไปเคาท์เตอร์ของพนักงานอีกคนนึง พอไปถึงคุณเธอก็บอกว่า "ได้ต่อแถวไหม" เราก็บอกว่าเปล่าค่ะ เขาก็บอกลัดคิวคนอื่นไม่ได้นะ แล้วพี่ผชตอบแทนว่า "น้องงอแงไม่ไหวแล้วขอเชคก่อนคนนึง ขอนะคนนึง" (ถ้าพี่ผู้ชายท่านนี้มาอ่าน ดิฉันต้องขอขอบคุณพี่อีกครั้งนะคะ ที่ช่วยพูดให้) แต่คุณ พนง. ท่านนั้นดันตอบกลับว่า คนอื่นก็เข้าแถวเหมือนกัน (ทุกคำพูดเขาไม่มีคำลงท้ายด้วยค่ะ พูดหวนๆ) แล้วเขาก็ว่าต่อสักพัก แล้วจึงบอกว่า "ให้ครั้งนึงนะ ต่อไปต้องต่อแถว" แล้วก็บ่นบลาๆๆ คือดิฉันก็บอกไปนะคะว่าเข้าใจและขอโทษด้วย เพราะน้องหิวนมจริงๆจะให้ออกไปให้นมแล้วต่อแถวใหม่ ตกเครื่องแน่ ปกติมีเพื่อนมาก็จะต่อแถวไม่ลัดแบบนี้ แต่ คุณ พนง. ท่านนั้นก็ยังว่าต่อ (ตอนนั้นชักไม่ไหวละ คิดจะยกเลิกไม่กลับของแอร์เอเชียไปใช้บริการสายการบินอื่นดีไหม เพราะเขาให้แบบไม่ได้เต็มใจอยากให้)
สักพัก พนง. ท่านนั้นก็บอกว่า "นน. กระเป๋าเกินเยอะ"
เราก็บอก" เยอะเท่าไหร่ค่ะ"
พนง."เยอะอ่ะ คิดเป็นกิโลละ400 จะเอาของออกก่อนนหรือจะส่งตามทีหลัง"
ดิฉันเลยบอกว่า "จ่ายหมดค่ะ"
(แต่ตอนนั้นในใจหงุดหงิดมาก พยายามอดทนสุด ๆที่หงุดหงิดคือท่าทางเขาค่ะ ไม่ใช่จำนวนเงินเพราะกระเป๋าหนัก ลากมาเองทราบค่ะ)
ดิฉันก็แบบไม่ไหวจริงๆ ไม่อยากแม้แต่ใช้บริการแล้ว เพราะกลัวว่าขึ้นเครื่องไปจะเจออะไรอีกไหม เพราะครั้งแรกที่ขึ้นใช้บริการแล้วไม่ใช้อีกนานก็เพราะพนักงานบนเครื่องไม่ค่อยป็นมิตร)
จึงถามว่า "ขอโทษนะคะ ยกเลิกได้ไหม "
พนง. ท่านนั้นถามว่า" ยกเลิกกระเป๋าหรอ "
ดิฉันบอก "เปล่าค่ะ ยกเลิกไม่บินแล้ว!!!!!"
เขาไม่ตอบเป็นคำพูดค่ะ เขาขยำกระดาษที่เช็คอินที่ยังไม่ให้เราแล้วก็ทิ้งถังขยะข้างๆเขา
ดิฉันรับเอกสารคืนก็เอากระเป๋าออกมาเลยค่ะ ตอนเอากระเป๋าออกมา(เอาลงจากเครื่องชั่ง)เขาก็ช่วยดึงเอาลงนะคะ อาจเป็นเพราะดิฉันพยายามดึงลงอยู่แต่ลงไม่ได้สักที เขาเลยมายกลงให้ ดิฉันก็กล่าวขอบคุณแล้วก็เดินไปอีกสายการบินเลย สบายใจสุดละ
วินาทีนั้นต่อให้แพงกว่าเท่าไหร่ก็ยอมค่ะ เพราะมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอโทษก็แล้ว ขอบคุณก็แล้ว แต่ท่าทางไม่เป็นมิตรเหมือนให้ไม่เต็มใจ ก็พอเถอะค่ะ
ฝากบอกแอร์เอเชียด้วยนะคะว่า "พนักงานแย่มาก ไม่รู้เพราะการเลี้ยงดูหรือการเทรนของพวกคุณ แต่คิดว่าคงเป็นที่ตัวพนักงานมากกว่า และขอให้วันนึงเมื่อคุณเป็นมนุษย์แม่และเดินทางกับลูกแค่สองคน ขอให้เจอแบบดิฉันนะคะ จะเข้าใจว่ารู้สึกอย่างไร!!!!!"
ป.ล. พนักงานคนนั้นเป็นผู้หญิงผอมๆ ไม่สูง ตัวเล็กๆ ให้บริการที่เคาท์เตอร์เชคอินภายในประเทศ เคาท์เตอร์เกือบสุดท้าย ของช่วง 05.40 น. วันที่ 23 ธันวาคม 2558 ค่ะ
**เพิ่มเติมคิดว่าต้องพิมพ์ให้ละเอียดจะได้เข้าใจตรงกันค่ะ**
1. ดิฉันไม่ได้ว่าอะไรที่เขาขอคิดน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม พนง.เองยังบอกว่าน้ำหนักเกินเยอะถ้าคิดจะแพง ดิฉันบอกเกินเท่าไหร่คะ ยินดีจ่ายหมดค่ะ และก็ได้ควักตังค์ออกมาวางตรงเคาท์เตอร์เพื่อเตรียมจ่ายเงินส่วนเกินแล้วด้วยค่ะ แต่ที่ยกมาพูดเพราะเดี๋ยวหาว่าเล่าไม่หมดอีก จะให้เล่าทุกคำก็ไม่สามารถจริงๆค่ะ
2. ดิฉันอาจจะเล่าย่อไปเอง แต่ก่อน พนง.จะอนุญาต เขาต่อว่าแล้วรอบนึงแล้วหยุดค่ะ แล้วเริ่มว่าใหม่ว่ากฏก็เป็นกฏ คนอื่นก็รอเหมือนกัน บอกความจริงค่ะ ดิฉันเงียบไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงสักคำเพราะคิดว่าเขาพูดถูก มีแต่บอกขอบคุณที่ทำให้ กับ ขอโทษที่ลัดคิว ตอนนั้นในใจก็คิดว่าให้เขาว่าให้จบจะได้พาลูกไปกินนมและไปเข้าห้องน้ำไวๆ แต่ก็เปล่าเลยค่ะ เขายังบ่นต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ ทั้งที่ดิฉันกล่าว ขอโทษและบอกเหตุผลว่าเพราะน้องหิวนมก็เลยงอแงจริงๆ ปกติมาก็ไม่เคยลัดคิว แต่เขาก็ยังไม่หยุดค่ะ เหมือนต้องการประจานให้คนรอบข้างและผู้โดยสารตอนนั้นรู้ด้วย และดิฉันเองขณะนั้น ทั้งต้องฟังเขาบ่น ทั้งในมือก็อุ้มลูกวัย 2 เดือนที่ยังร้องงอแงอยู่ มันทำให้รู้สึกแย่และสมเพชตัวเองมากๆค่ะ .. ดิฉันยอมรับค่ะ ว่าดิฉันทำผิดที่ลัดคิวจริง แต่ว่าก็ขอโทษไปแล้ว ยอมรับผิดทุกอย่าง การที่เดินทางกับเด็กทารกก็ไม่ได้อยากได้อภิสิทธิ์อะไรเลยค่ะ แต่ตอนนั้นมันฉุกเฉินจริงๆ แค่ขอความช่วยเหลือ และรู้ว่าตัวเองทำผิดกฎจริงๆ แต่ทำไมคะ? ทำไมคุณ พนง. คนนั้นต้องทำให้ ผู้โดยสารคนนึงต้องรู้สึกต่ำต้อยและสมเพชตัวเองเช่นนั้นด้วยคะ? จะไม่ให้ลัดคิวแต่แรกก็บอกกันดีๆก็ได้ ดิฉันก็จะยอมรับโดยดีและจากไปเงียบๆ ค่ะ
3. บางคนถามว่า ต้องมีอะไรมากกว่านี้ บอกว่าดิฉันเล่าไม่หมด .. ดิฉันขอตอบว่าดิฉันเล่าหมดแล้วค่ะ ถ้าคิดว่าดิฉันเล่าไม่หมดหรือมีการต่อล้อต่อเถียงอะไรกัน งั้นก็ช่วยดันกระทู้ เพื่อจะได้ถึงแอร์เอเชียและ พนง.คนนั้นก็ได้ค่ะ ดิฉันยินดีรับการติดต่อกลับจากเขา, กล้าคุยและกล้าอธิบายทุกอย่างต่อหน้าเขา พร้อมอัดคลิปวีดีโอ และยังพร้อมให้เปิดกล้องดูได้ค่ะ ว่าตอนนั้นดิฉันได้เหวี่ยงวีนหรืออะไรลงไปไหม
4. ประเด็นหลักที่อยากสื่อนั้นก็มีหลายคนเข้าใจ ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจว่าตอนนั้นดิฉันรู้ตัวว่าตัวเองผิดจริง จึงเงียบ ไม่มีการตอบโต้ใดๆ และขอโทษไปแล้ว แต่มันทนไม่ไหวที่ทำไมต้องต่อว่าและชักสีหน้าไม่หยุด ต่อว่าแล้วก็น่าจะจบ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะคะ ที่จะให้ยืนอุ้มลูกให้เขาว่าไม่จบ บอกตรงๆว่ารู้สึกสมเพชและทุเรศตัวเองมากค่ะ
5. เรื่องลัดคิวนั้น ดิฉันทราบค่ะว่าเป็นความผิดตัวเอง จึงได้ขอโทษไปแล้ว แต่ถ้าไม่เต็มใจอะไรขนาดนั้น (จากสีหน้า พนง.) ก็แจ้งได้ค่ะว่าไม่สามารถทำให้ได้ เพราะตั้งใจจะเปลี่ยนสายการบินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ลองขอความช่วยเหลือดูก่อน
6. อีกประเด็นนึงที่ออกมาโพสก็เพราะอยากให้ทางแอร์เอเชียมีช่องทางพิเศษสำหรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆแบบนี้บ้าง จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระรบกวนเสียงและสายตาคนอื่นเขา
7. สำหรับคนที่ยังไม่ทราบนะคะ กับแอร์เอเชียเด็กทารกก็เสียตังค่ะ
8. สำหรับคนที่บอกว่าดิฉันจ่ายถูกอยากได้บริการดี ... อันนี้ดิฉันขอแย้งนะคะ คือดิฉันไม่ได้ต้องการให้บริการดีมาก แต่ก็ไม่ได้ต้องการบริการอะไรแบบนี้ค่ะ ทำผิดก็ยอมรับค่ะ
9. จังหวัดที่อยู่มีแค่นกแอร์กับแอร์เอเชียค่ะ ปกติบินนกแอร์แทบทุกเดือน ภายในสองสามปีนี้ไม่ต่ำกว่า30ไฟท์ค่ะ แต่แอร์เอเชียน่าจะเป็นครั้งที่3ที่ใช้บริการ ครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว ครั้งล่าสุดตอนไปกทม. เมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ขากลับก็ครั้งนี้ละค่ะ
10. ดิฉันมาถึงเวลาสักพักแล้วค่ะ แต่ที่พิมพ์ว่าเวลา 05.40 น. เวลานั้นคือเวลาที่น้องงอแงสุดๆแล้วจริงๆ ตอนรอเครื่องสแกนคนเยอะโดนเบียดก็ต่อคิวปกติค่ะ แต่ตอนรอเชคอินแถวยาวมากหางแถวหลายหางจนดูแทบไม่ออก ^^
11. ดิฉันทราบดีและระลึกเสมอค่ะ ว่า "ลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับใครทุกคน" ก็เพราะทราบดีอย่างไรเล่าคะ จึงเกรงว่าถ้าลูกร้องงอแงอยู่อย่างนั้นจะทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นต้องหงุดหงิดรำคาญใจ ถึงได้ขอความช่วยเหลือจาก พนง. แถวนั้น และเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น
12. ส่วนเรื่องร้องเรียน ดิฉันโทรเข้าคอลเซนเตอร์แล้วค่ะ แต่เขาบอกให้ร้องที่เวปเท่านั้นไม่มีเบอร์ ดิฉันก็เลยเข้าเวปแต่เข้าเวปเมื่อวานหลายครั้งเวปล่มค่ะ เลยมาโพสในนี้ก่อน
และต้องขอบพระคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นค่ะ
ยอมรับค่ะว่าปกติก็เป็นไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรนัก ไม่ใช่คนที่เวลามีคนมาด่าแล้วต้องยิ้มตอบรับ ทำตัวเฉยๆ ไม่ตอบโต้อะไรแบบนั้น แต่เพราะตอนนั้นอุ้มลูกอยู่ด้วยก็เลยไม่อยากอะไรมากค่ะ อยากจะเงียบๆให้มันจบๆไป แต่หากแอร์เอเชียติดต่อมาคราวนี้ ดิฉันขอตอบโต้แบบไม่อุ้มลูกอยู่ในมือก็แล้วกันนะคะ จะได้คุยกันง่ายขึ้นค่ะ ^^(เมื่อวานที่ยอมง่ายและไม่ตอบโต้ก็เพราะคำว่าอุ้มลูกอยู่บนอกนี่แหละค่ะ ไม่งั้นไม่จบง่ายๆแน่ จะถามซึ่งๆหน้าเลยค่ะ ว่าจะว่าอะไรนักหนา ไม่ให้ก็จบและกรุณาอย่าทำหน้าตาแบบนั่นกับใคร เพราะคนอื่นอาจจะไม่ใช่แค่เดินจากไปเงียบๆค่ะ หรืออาจเจอคนที่ใจเย็นใจดีทนคุณต่อว่าและทำสีหน้าไม่เป็นมิตรได้ ก็ยินดีด้วยค่ะ เชิญให้คนว่าต่อไป)
และที่สำคัญ ยังรอการติดต่อกลับจาก พนง. แอร์เอเชียอยู่นะคะ แบบที่มาเม้นแล้วลบไปแบบความเห็นที่ 182 นี่ ไม่เอานะคะ ดีที่cupหน้าจอไว้ หาว่าหนังอาจะคนละม้วน แต่พอถามม้วนยังๆงกล้าเผชิญคุยก็ลบไปแล้วค่ะ