Montana-class battleship โคตรชั้นเรือประจัญบานของสหรัฐที่เทียบชั้นได้กับเรือชั้น Yamato

ในช่วงตั้งแต่ทศววรศที่ 1930 เป็นต้นมาสถานการณ์การเมืองของโลกในตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงคุกกรุ่นอย่างรุนแรง ไม่ว่าการก้าวขึ้นสู่อำนาจของ อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ การแข่งขันกันสะสมอาวุธเพื่อแสดงแสนยานุภาพของเหล่ามหาอำนาจ carl vilson ผู้ที่เป็นประธานของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐในตอนนั้น และยังเป็นคณะกรรมการของกองทัพเรือสหรัฐ ได้มีความพยายามที่จะทำให้กองทัพเรือสหรัฐได้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เขาเล็งเห็นว่าในตอนนี้กองทัพเรือสหรัฐนั้นมีแต่ความอ่อนแอ หลังจากที่งบประมาณของกองทัพเรือสหรัฐถูกตัดบานหลังจากเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่  หรือที่เราคุ้นๆกันอีกชื่อว่า"black tuesday" นั้นได้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่แก่เศรษฐกิจสหรัฐ งบประมาณทีไม่จำเป็นถูกตัดออกไปทั้งหมดไม่เว้นแม่แต่งบประมาณของกองทัพ ในขณะที่กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น กองทัพเยอรมัน และมหาอำนาจต่างๆในโลกตอนนั้นต่างเร่งกำลังสร้างกองทัพเรือที่แข็งแกร่งจนก่อเกิดกลายเป็นการแข่งกำลังสะสมอาวุธกัน
carl vilson

          
          ผิดกับกองทัพสหรัฐที่ตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพที่เป็นง่อยแถมยังเผชิญปัญหากับสนธิสัญญาลอนดอน( London Naval Treaties) ที่ว่าด้วยการจะกัดการต่อขนาดและจำนวนของเรือรบ ทำให้การพยายามเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองทัพเรือสหรัฐยิ่งทำได้ลำบากขึ้นไปอีก จนในที่สุดในปี 1938 เขาสามารถโน้มน้าวสภาคองเกรสจนออกมาเป็นกฎหมายในชื่อ Naval Act of 1938 กฎหมายฉบับนี้มีใจความสำคัญคือจะเพิ่มความแข็งแกร่งของกองทัพเรือสหรัฐอีก 20 เปอร์เซนต์เพื่อตอบโต้ที่กองทัพจักดิวรรดิญี่ปุ่นได้ทำการรุกรานจีน และเยอรมันได้ทำการผนวกประเทศออสเตรียเข้ามาอยู่กับตนเองโดยตามอำเภอใจ
        
          ด้วยกฎหมาย Naval Act of 1938 นั้นเป็นการนำมาสู่การต่อเรือประจัญบานชั้น South dakota และเรือประจัญบานชั้น Iowa เพิ่มอีก 2 ลำของกองทัพเรือสหรัฐ และสหรัฐยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนของเรือประจัญบานเข้าไปอีก 4 ลำ โดยมีรหัสคือ bb-63 bb-64 bb-65 bb-66 ในช่วงนี้นี่เองที่เรือประจัญบานชั้น Montana ได้ถูกร่างความคิดขึ้นตั้งแต่ปี 1938  ในตอนนั้นเรือบรรทุกเครื่องบินได้เริ่มกลายมาเป็นเรือหลักแบบหใ่ในแกนกลางของกองทัพเรือสหรัฐ สหรัฐนั้นต้องการออกแบบเรือประจัญบานชั้น Montana เพื่อตอบโต้การมีอยู่ของเรือประจัญบานชั้น Yamato โดยเฉพาะและตัวเรือต้องมีความเร็วพอที่จะสามารถทำการคุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบินที่อยู่ในกองเรือตนเองได้ เนื่องจากในตอนนั้นกองทัพเรือสหรัฐนั้นรู้เพียงแค่น้อยนิดเกี่ยวกับเรือประจัญบานชั้น Yamato ของจักรวรรดิญี่ปุ่น สหรัฐรู้เพียงแต่ว่ามันเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่มหึมาและมีปืนใหญ่โคตรพ่อโคตรแม่ที่ใหญ่ถึง 18 นิ้ว ซึ่งมันใหญ่พอที่จะเด็ดชีพเรือทุกๆลำของสหรัฐภายในเพียงไม่กี่นัด ในตอนแรกสหรัฐได้ทำการวางโครงเรือของเรือชั้น Montana โดยตัวเรือชั้นนี้นั้นจะมีขนาดระวางขับน้ำอยู่ประมาณ 45000 ตัน แต่ในภายหลังได้มีความพยายามในการเพิ่มขนาดของตัวเรือจนเรือมีระวางขับน้ำถึง 65000 ตัน!!!! และในปี 1939 เรือชั้น  Montana สองลำได้รับการอนุมัติในการออกแบบจากสภาคองเกรสจากผลของกฎหมาย Naval Act of 1938 เช่นกัน(แต่ในวิกีไทยมันบอกว่าอนุมัติให้สร้างเลยซึ่งตรงนี้ทำ จขกท.มึนมาก) กองทัพเรือสหรัฐไก้หวังว่าจะให้เรือชั้นนี้มีรหัสคือ bb-65 และ และ bb-66 ที่มีรหัสต่อจา่กเรือประจัญบานชั้น Iowa
แบบจำลองของเรือชั้น Montana

        
          แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นเรือชั้นนี้ต้องมีขนาดใหญ่แต่ต้องก็เล็กและแคบพอที่เรือชั้นนี้จะสามารถแล่นผ่านคลองที่ปานามาได้ และตัวเรือชั้นนี้ต้องเตี้ยพอที่จะวิ่งแล่นผ่านสะพานบลู๊คลินได้ แถมอู่ต่อเรือ New York Navy Yard ของสหรัฐไม่สามารถรองรับการต่อเรือที่มีขนาดใหญ่มหึมาขนาดนี้ได้ จนทำให้ตัวเรือถูกลดขนาดระวางขับน้ำมาจนเหลือเพียง 58000 ตัน กองทัพเรือสหรัฐได้วาดแผนไว้ว่าเรือชั้นนี้ต้องมีปืนใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่า เกราะที่หนากว่า มีอำนาจในการจู่โจมและอำนาจในป้องกันถึง 25 เปอร์เซนต์ เหนือกว่าเรือรบชั้นอื่นๆทุกแบบของสหรัฐที่มีอยู่ในตอนนั้น ด้านความเร็วนั้นกองทัพเรือสหรัฐวางแผนไว้ว่าเรือชั้นนี้จะต้องมีความเร็วพอๆกับเรือประจัญบานชั้น iowa ที่มีความเร็วประมาณ 32 น็อต ด้วยหม้อน้ำ Babcock & Wilcox ถึง 8 ตัว ซึ่งทำให้มันเร็วพอที่จะสามารถทำการคุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบินที่แล่นเดินทางไปกับกองเรือได้ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่มหึมาของตัวเรือชั้นนี้ทำให้ตัวเรือชั้นนี้นั้นมีความเร็วสุงสุดเพียง 28 น็อตเท่านั้น ทำให้ตัวเรือค่อนข้างจะมีความสามารถที่ค่อนข้างจำกัดมากขึ้นในการคุ้มกันกองเรือบรรทุกเครื่องบินในแปซิฟิก
        
          ถึงเรือชั้นนี้จะมีเกาะที่หนาโคตรๆแล้วแต่กองทัพเรือสหรัฐก็ยังคงไม่หนำใจ กองทัพเรือสหรัฐได้มีคำสั่งให้เพิ่มความหนาของเกราะเข้าไปอีก เพื่อให้เรือชั้นนี้สามารถทนรับต่อแรงกระสุนทุกขนาดทุกชนิดที่มีอยู่ของศัตรูทั้งหมดได้ ต่อมาเรือชั้นนี้ได้มีคำสั่งอนุมัติจากสภาคองเกรสให้สามารถออกแบบเรือชั้นนี้ได้หลังจาก ที่สภาคองเกรสได้มีการออกกฎหมาย Two-Ocean Navy Act ที่พึ่งอนุมัติออกมาสดๆร้อนในปี 1940 โดยมีใจความสำคัญว่าจะมีการเพิ่มขนาดของกองทัพเรือสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 70 เปอร์เว็นต์ ทำให้แบบของเรือชั้นนี้ได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรส พร้อมกับสนับสนุนเงินทุนเพื่อการต่อเรือชั้นนี้ในปี 1941

         ในเดือน มกราคม 1941 หลังจากที่แบบของเรือชั้นนี้ได้รับการอนุมัติพร้อมเงินทุนสนับสนุนจากสภาครองเกสเรียบร้อย  ทางกองทัพเรือสหรัฐก็ได้มีความเห็นพ้องกันว่าควรจะเพิ่มขนาดเกราะของเรือเข้าไปอีก(จะหนาไปไหนโอ้แม่เจ้า) เพิ่มประสิทธิภาพและอำนาจการทำลายล้างของอาวุธบนเรือ ป้อมปืนใหญ่หลักขนาด 16 นิ้วถูกเพิ่มเข้าไปด้านหลังอีก 1 ป้อม พร้อมปืนใหญ่รองแบบแท่นคู่ขนาด 5 นิ้ว/38 คาลิเบอร์ ที่ใช้บนเรือประจัญบานชั้น iowa ถูกแทนที่ด้วยปืนปืนใหญ่รองแบบแท่นคู่ขนาด 5 นิ้ว/54 คาลิเบอร์ ที่มีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าแทน ความยาวของเรือถูกเพิ่มขนาดอีกเล็กน้อย ถึงแม้ว่ารูปร่างโดยรวมของเรือชั้นนี้จะมีความคล้ายคลึงกับเรือประจัญบานชั้น iowa ไม่ว่าจะระบบอาวุธหลักอย่างปืนใหญ่ขนาด 16 นิ้ว/มาร์ค 7 ปืนใหญ่รองขนาด 5 นิ้วเท่ากัน แต่เมื่อเทียบกันเรือชั้น Montana กลับมีเกราะที่หนากว่า ขนาดระวางขับน้ำก็เยอะกว่าเรือประจัญบานชั้น Iowa
แบบของเรือชั้น Montana


         ในเดือน เมษายน 1942 ในที่สุดแบบเรือชั้นนี้ก็ได้รบการอนุมัติจากสภาคองเกสให้สามาถทำการสร้างเรือชั้นนี้ได้  ทำให้กองเรือสหรัฐได้สั่งให้ทำการต่อเรือชั้นนี้ทันที ในเดือนพฤษภาคม 1942 และสหรัฐมีแผนที่จะต่อเรือชั้นนี้อีก 3 จาก 2 ลำก่อนหน้านี้ และรหัสของตัวเรือชั้นนี้ได้ถูกเปลี่ยนอีกครั้งเนื่องจากรหัสของเรือที่จะตั้งให้ชั้นนี้นั้นตั้งแต่แรกอย่าง bb-65 และ bb-66 ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นเรือประจัญบานชั้น Iowa คือ USS Kentucky และ USS Illisnois แทนเนื่องสหรัฐมีความต้องการเรือชั้นนี้อย่างเร่งด่วนมากกว่า จนทำให้เรือชั้นนี้ได้ถูกเปลี่ยนรหัสใหม่เป็น bb-67 จนถึง bb-71 แทน ในช่วงที่ตัวเรือกำลังจะถูกต่อนั้นก็ต้องประสบปัญหาความล่าช้าเนื่องจากอู่ต่อเรือ New York Navy Yard  นั้นมีคิวที่จะต่อเรือประจัญบานชั้น Iowa และเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Essex อยู่แล้ว และเนื่องจากเรือทั้ง 2 ชั้นนั้นมีความจำเป็นที่เร่งด่วนมากกว่า ในรายของเรือชั้น Iowa นั้นกองทัพเรือสหรัฐนั้นมีความเห็นว่าตัวเรือชั้นนี้นั้นมีความเร็วที่เพียงพอแล้วที่จะสามารถทำการคุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 20 mm และ 40 mm ของตน ในส่วนของเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Essex นั้นกองทัพเรือสหรัฐมองว่าเรือบรรทุกเครื่องบินมันมีความอเนคประสงค์อยู่ในตัว มันสามารถปล่อยอากาศยาน และเปรียบเสมือนฐานอากาศยานลอยน้ำในแปซิฟิกซึ่งมีความอเนคประสงค์อย่างแก่กองทัพเรือสหรัฐ และอากาศยานจากเรือบรรทุกเครื่องบินมันได้พิสูจน์แล้วว่ามันมีความอเนคประสงค์อย่างมากตั้งแต่ สามารถสอดแนมกองทัพเรือของข้าศึก โจมตีข้าศึกในเชิงลึก ป้องกันภัยทางอากาศแก่กองเรือฝ่ายของตน จนถึงขนาดสามารถบินไปเป็นหมู่เพิ่มทำโจมตีกองเรือของข้าศึก
  
          ในที่สุดการต่อเรือชั้นนี้ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดและแทบจะเป็นหยุดการสร้างเรือชั้นนี้แทบจะทันที ในเดือน พฤษภาคม 1942 เดือนเดียวกับที่สั่งให้ต่อเรือชั้นนี้ ในเดิอน มิถุนายน 1942 การต่อเรือชั้นนี้ได้ถูกยกเลิกในที่สุด เพื่อหลีกทางให้กับเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Essex ที่ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่ามันคือต้นแบบของสงครามยุคใหม่ที่มีความอเนคประสงค์และอ่อนตัวกว่าเมื่อเทียบกับเรือประจัญที่นับวันยิ่งเริ่มจะล้าสมัยหมดคุณค่าในการรบไปในที่สุด และการยกเลิกการต่อเรือชั้น Mantana ทำให้สุดท้ายกลายเป็นเรือชั้น Iowa คือเรือรบที่ยิ่งใหญ่และมีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่กองทัพเรือสหรัฐต่อมา
  
รายละเอียดโดยรวม
อาวุธ: ปืนใหญ่ขนาด 16 นิ้ว 4 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
       : ปืนใหญ่รองขนาด 5 นิ้ว 10 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
       : ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 40 mm 40 กระบอก
       : ปืนต่อต้านอากศยาน 20 mm 56 กระบอก
อากาศยานประจำเรือ 4 ลำพร้อมรางปล่อยอากาศยานอีก 2 ราง
ระวางขับน้ำ 65000 ตัน(ตอนแรก), 58000 ตัน(ภายหลัง)
ลูกเรือ 2400 คน
ความเร็วสุงสุด 27 น็อต

อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Montana-class_battleship      

โหวตและถูกใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กกำลังใจ จขกท. อย่างดีครับยิ้มเท่หลิ่วตา

กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่