32
เงาบังใจ
โดย ฮาร์โมนิก้า
บรรยากาศคืนนั้นเต็มไปด้วยความนิ่งเงียบและอึดอัด
ทั้งคู่นอนในห้องพักแขกภายในบ้านชั้นสองที่มีเพียงสามห้องนอนขนาดใหญ่พอสบาย โดยมีเพียงห้องนอนใหญ่ซึ่งเป็น
ห้องนอนของสามีภรรยาอกาดาคอสที่มีห้องน้ำในตัว ห้องนอนแขกสองห้องต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันซึ่งอยู่ด้านนอก ทำให้
สถานการณ์ของสองหนุ่มสาวยิ่งประดักประเดิดมากขึ้นเมื่อต้องเดินสวนกันตรงโถงทางเดิน
กฤชเลี่ยงปล่อยให้อนาสเตเซียใช้ห้องน้ำก่อนขณะที่ตัวเองลงไปเตรียมแช่เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยไว้สองสามอย่างในตู้เย็น
ที่บาร์เครื่องดื่ม อนาสเตเซียรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนสวมชุดคลุมอาบน้ำกลับเข้าห้องเพื่อเลือกชุดยาวมาเปลี่ยนสำหรับ
ลงไปร่วมโต๊ะอาหารค่ำ กฤชเข้าห้องน้ำอาบน้ำขณะที่อนาสเตเซียเสียเวลาเลือกชุดที่จะสวมสำหรับดินเนอร์อยู่
นานกว่าห้านาที
เธอไม่อยากแต่งตัวให้สะดุดสายตาเขาแต่เธอมีชุดให้เลือกไม่มากนัก เนื่องจากเธอต้องใช้เสื้อผ้าของเมแกน ลูกสาวคนเดียว
ของไอรีนและนายแพทย์อคาซัสซึ่งแต่งงานและย้ายไปอยู่กับสามีที่เกาะคิธนอสแล้ว แต่ยังทิ้งเสื้อผ้าส่วนหนึ่งไว้ที่บ้านหลังนี้
เมื่อเธอเดินลงมาชั้นล่างกฤชนั่งอยู่บนสตูลสูงตรงบาร์เครื่องดื่มหน้าห้องรับประทานอาหารคอยอยู่ก่อน ชายหนุ่มสวมกางเกง
ขายาวเข้ารูปสีกาแฟเน้นให้เห็นช่วงขาที่ยาวแข็งแรง กับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนยาวเนื้อเบาเปิดดุมคอลงมาเพียงสองเม็ดพอสบาย
เผยให้เห็นแผงอกที่มีขนหน้าอกสีเข้มระบายอยู่บางๆ
อนาสเตเซียเหลือบมองชายหนุ่มผิวสีแทนที่ดูเข้มคมด้วยผมดกหนาและไรเคราสีน้ำตาลดำ ร่างสูงผอมแข็งแรง ไหล่ที่กว้าง
จนเต็มพอดีความกว้างของเสื้อถูกเน้นให้ดูน่ามองขึ้นด้วยความโปร่งเบาของเนื้อผ้า หญิงสาวลอบมองอย่างอดไม่ได้ รู้สึกอยาก
นั่งตักกอดคอและอิงซบกับไหล่กว้างๆ ของเขาโดยไม่ต้องคิดถึงอะไรทั้งสิ้น
ใบหน้าแดงก่ำของเธอส่อพิรุธจนชายหนุ่มสังเกตเห็น กฤชมองสบตาสีฟ้าใสคู่นั้นที่มีแววพึงพอใจและละอายใจก่อนเบือนหน้า
หนีใบหน้างดงามน่ารัก ด้วยกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากฝืนใจเธอหรือปล่อยให้เกิดเรื่องที่จะทำให้เธอรู้สึกเสียใจ
ภายหลัง แม้จะไม่เข้าใจอารมณ์ลึกซึ้งและศีลธรรมส่วนตัวของอนาสเตเซียที่ดูไม่เข้าท่าในความคิดเขา แต่เขาก็เคารพการ
ตัดสินใจของเธอเกินกว่าจะคิดหักหาญน้ำใจ
เขาเข้าใจว่าหญิงสาวยังยึดติดกับคำปฏิญาณที่กล่าวไว้ต่อหน้าพระในพิธีแต่งงานระหว่างเธอกับนิโคลาโยส และคงไม่คิดกระทำ
การที่ผิดต่อศีลธรรมจนกว่าจะมีการหย่าร้างอย่างเป็นทางการเสียก่อน แต่การหักห้ามใจนั้นก็ยากขึ้นทุกขณะในเมื่อเธอนั้นดูสวย
น่ารักอ่อนหวานและเย้ายวนเกินกว่าจะมองข้ามผ่านไปโดยไม่คิดหรือรู้สึกอะไร
“ดื่มอูโซ่ไหมอนาสเตเซีย” ชายหนุ่มเอ่ยถามไม่พยายามหันไปมองหญิงสาวตรงหน้า
อนาสเตเซียเหลือบมองน้ำสีใสในแก้วทรงสั้นที่ถูกแช่ไว้เย็นเฉียบในมือของกฤชแล้วส่ายหน้า ชายหนุ่มดื่มอูโซ่เครื่องดื่มเรียก
น้ำย่อยยอดนิยมของกรีกที่แช่เย็นจัดแบบเพียวๆ ไม่ผสมน้ำหรือน้ำแข็ง
“ขอปาสตีสดีกว่าค่ะ”
อนาสเตเซียตอบเร็ว ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งบนเก้าอี้นั่งเล่นริมหน้าต่างกรอบสี่เหลี่ยมที่มีบานสีฟ้าเปิดออกสู่ภาพท้องทุ่งนารกร้าง
ภายนอกตัวบ้านที่สร้างห่างๆ กันอย่างประปรายสลับกับพื้นที่เพาะปลูก เรียงรายไปตามสองฟากถนนเป็นแนวยาวซึ่งเป็นลักษณะ
เฉพาะของหมู่บ้านอาโนมิเรีย
กฤชลุกไปด้านหลังบาร์เลือกแก้วทรงผอมขนาดไม่สูงนักสำหรับปาสตีสซึ่งแช่ไว้จนเย็นในช่องแข็งออกมา
“เพียวหรือใส่น้ำแข็งด้วยครับ”
“สปริงวอเตอร์ดีกว่าค่ะ” อนาสเตเซียตอบ “ถ้ามีแช่เย็นอยู่แล้วนะคะ”
“มีครับ” กฤชรับก่อนเทปาสตีสซึ่งเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยยอดนิยมของฝรั่งเศสโดยเฉพาะทางตอนใต้แถบโพรวองซ์ออกมา
รินแบบเย็นๆ ในแก้วเย็นจัดประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของแก้วก่อนรินน้ำสปริงวอเตอร์เย็นเฉียบตามลงไปได้เป็นเครื่องดื่ม
สีเหลืองน้ำนมอ่อนๆ แล้วถือมาส่งให้อนาสเตเซียที่เก้าอี้นั่งเล่นริมหน้าต่างกว้าง
“ชีสไหมอัณญ่า” กฤชถามขึ้นก่อนจะย้ายแก้วเครื่องดื่มและจานใส่เฟต้าชีสกับแครกเกอร์และลูกมะกอกสีดำมาวางลงบนโต๊ะกลม
เล็กระหว่างเก้าอี้นั่งเล่นซึ่งตั้งอยู่ด้วยกันสองตัว
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ” หญิงสาวตอบ เลี่ยงที่จะมองหน้าชายหนุ่มตรงๆ เธอนั่งจิบปาสตีสเย็นเฉียบแก้วนั้นอย่างช้าๆ เหม่อมองทุ่งนา
รกร้างในความมืดสลัว พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปที่อื่นที่ไม่ใช่ญาติหนุ่มรูปหล่อสายเลือดไทยที่ร่างสูงและ
ไหล่กว้างของเธอ
กฤชนิ่วหน้ามองอนาสเตเซียที่พยายามหลบสายตาเขาตลอดค่ำ ร่างสูงโปร่งงามสง่า แขนและขาที่เคยยาวเก้งก้างในสมัยเด็ก
บัดนี้กลับดูยาวกลมกลึงเรียวสวย และทำให้เขาแอบเหลือบมองอยู่บ่อยๆ
ชุดกระโปรงยาวเข้ารูปสีฟ้าเปิดไหล่ตรงสวยทางด้านขวาไว้ข้างหนึ่งตัวนี้เนื้อเบาพลิ้วนุ่มและเนียน เกาะไปกับเรือนร่างจากอกอวบอิ่ม
เอวคอดและโค้งสะโพกผายแนบไปตามต้นขากลมกลึงอย่างยั่วเย้า ก่อนจะบานพริ้วออกเล็กน้อยคล้ายทรงหางปลาตรงต้นขา
ชายกระโปรงตัดเฉลียงเปิดให้เห็นเรียวขายาวด้านขวา ขณะที่ชายอีกด้านเฉลียงยาวลงจรดข้อเท้ามีจีบระบายติดตามรอยผ่า
แยกของกระโปรงลงมา
กฤชถอนใจเลือดในกายที่ยังไม่เย็นลงเท่าไหร่กลับฉีดร้อนขึ้นมาใหม่ ยากเหลือเกินกับการที่คนสองคนที่มีความถูกเนื้อต้องใจ
ต่อกันมาแต่เด็กและยาวนานถึงเพียงนี้ จะสามารถอยู่ด้วยกันในที่รโหฐานโดยไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกต่อกันอย่างเปิดเผย
เขาจะทนหักห้ามใจและอยู่เป็นเพื่อนเธออย่างบริสุทธิ์ใจไปได้อีกนานเท่าไหร่นะ ในเมื่ออารมณ์รักและพิศวาสในตัวเธอผู้เป็น
นางในฝันของเขามายาวนานมันพร้อมจะเอ่อล้นออกมาแทบทุกขณะ
ดอรีนมาเคาะประตูบอกว่าตั้งโต๊ะแล้ว สองหนุ่มสาวเผลอระบายลมหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอก
ช่วงเวลาอาหารค่ำที่มีดอรีนคอยยืนอยู่เพื่อเสริฟอาหารและไวน์ช่วยให้บรรยากาศคลายความล่อแหลมลง หากแต่สองหนุ่มสาว
ยังไม่อาจหาเรื่องมาพูดคุยอย่างเป็นปกติเช่นเคย จึงได้แต่นั่งรับประทานกันอย่างนิ่งเงียบและน่าอึดอัด จนดอรีนที่คอยยกอาหาร
ออกมาเสริฟตามคอร์สต่างๆ รับรู้ถึงความผิดปกติของทั้งคู่โดยไม่กล้าเอ่ยอะไร
อนาสเตเซียปฏิเสธของหวานและดื่มชาคาโมไมล์แทนเครื่องดื่มช่วยย่อย ก่อนจะขอตัวขึ้นนอนทั้งที่ยังไม่ง่วง
กฤชปฏิเสธของหวานเช่นกันและเลือกดื่มกาแฟผสมรัม ก่อนจะเดินไปเปิดทีวีดูข่าวในห้องนั่งเล่นคนเดียว จนห้าทุ่มครึ่งดอรีนเก็บ
ครัวเสร็จและกลับเรือนพักซึ่งแยกออกไปทางหลังตัวบ้าน กฤชจึงปิดโทรทัศน์เดินเข้าห้องทำงานของอคาซัส เปิดโน๊ตบุ๊คที่ติดตัว
มาด้วยและเริ่มต้นตรวจอีเมลล์และอ่านรายงานต่างๆ ที่คัธลีนส่งต่อมาให้อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มต้องตั้งสติอยู่หลายครั้งเพื่อขับไล่ภาพของหญิงสาวผมทองที่ขึ้นไปนอนก่อนออกจากหัวสมอง เขาเฝ้าแต่จินตนาการ
ภาพแขนขาเรียวยาวของเธอกอดกระหวัดรัดเขาไว้อย่างแนบแน่น รู้สึกเคืองตัวเองที่ทำราวกับเด็กหนุ่มร้อนรักที่ไม่รู้จัก
ควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่าน
อนาสเตเซียเข้านอนแล้วแต่ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ เธอนอนร้องไห้เงียบๆ รู้สึกทุกข์ทรมานใจต่างจากที่เคยรู้สึกมาตลอด
สิบวันที่ต้องจำพรากจากจูเลี่ยน อารมณ์ถวิลหาลูกชายนั้นยังคงอยู่ แม้จะผ่อนเบาลงจากความสบายใจที่รู้ว่าเด็กชาย
ปลอดภัยและสบายดี
แต่อารมณ์ถวิลหาชายหนุ่มในดวงใจของเธอ ซึ่งเป็นรักต้องห้ามกลับสร้างความทุกข์ทรมานในอีกรูปแบบหนึ่ง ความรักที่
กลายเป็นเงาบังใจ ก่อให้เกิดความผิดพลาดมากมายตามมา นับแต่ที่เธอพยายามหลบลี้หนีหน้าเขา จนกระทั่งถึงตอนที่
เธอกลับมาเกาะปาโรส และนิคกี้หนุ่มรูปหล่อราวเทพบุตรได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ เขาผู้จัดเจนพอที่จะทำลายกำแพง
ความเงียบขรึมและเฉยชาของเธอลงได้สำเร็จ จนเธอหลงเคลิ้มกับเสน่ห์และความช่างประจบเอาอกเอาใจของเขาไปชั่วขณะ
ถึงขั้นตัดสินใจแต่งงานอยู่กินกับเขาจนมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง ทั้งหมดนั้นโดยแท้จริงส่วนลึกเป็นเพียงการกระทำเพื่อกีดกัน
ชายผู้เป็นรักแรกและรักเดียวออกจากทางชีวิตของเธอเท่านั้น
และทุกวันนี้เธอก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับผลลัพธ์ที่เกิดจากการตัดสินใจผิดของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะต้องทนรับผลกรรมเหล่านี้
ไปอีกนานเท่าไหร่ จะมีสักวันไหมที่เธอจะสามารถรักกฤชอย่างญาติสนิทคนหนึ่งได้ และการอยู่ใกล้เขาเช่นนี้ยิ่งเป็นการทรมาน
ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ราวกับการวางขนมหวานทิ้งไว้ใกล้เด็กเล็กๆ และห้ามไม่ให้แตะต้อง เธอจะทนกับความรู้สึกร้อนเร่าที่อยาก
อยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อไปได้อีกนานสักเท่าไหร่นะ
เธอนอนร้องไห้อยู่นานจนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ของกฤชเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน เสียงฝีเท้าที่หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเธอ
อยู่นานเกือบสองนาทีนั้นทำให้อนาสเตเซียแทบไม่กล้าหายใจ หัวใจที่รุ่มร้อนนั้นเต้นรัวแรงราวจะระเบิดออกมา อารมณ์ความรู้สึก
มากมายที่ไม่รู้ว่ามีอยู่ในกายกลับพล่านร้อนสับสนอย่างไร้ทางออก จนเมื่อเสียงฝีเท้านั้นขยับห่างออกจากหน้าประตูห้องของเธอไป
อนาสเตเซียจึงสามารถผ่อนลมหายใจเป็นปกติ เธอหลับไปพร้อมกับเสียงเคลื่อนไหวสุดท้ายของกฤชก่อนที่ประตูห้องนอน
ของเขาจะปิดลง
ปมรัก รอยอดีต Book II ปมรัก บทที่ 32 เงาบังใจ
32
เงาบังใจ
โดย ฮาร์โมนิก้า
บรรยากาศคืนนั้นเต็มไปด้วยความนิ่งเงียบและอึดอัด
ทั้งคู่นอนในห้องพักแขกภายในบ้านชั้นสองที่มีเพียงสามห้องนอนขนาดใหญ่พอสบาย โดยมีเพียงห้องนอนใหญ่ซึ่งเป็น
ห้องนอนของสามีภรรยาอกาดาคอสที่มีห้องน้ำในตัว ห้องนอนแขกสองห้องต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันซึ่งอยู่ด้านนอก ทำให้
สถานการณ์ของสองหนุ่มสาวยิ่งประดักประเดิดมากขึ้นเมื่อต้องเดินสวนกันตรงโถงทางเดิน
กฤชเลี่ยงปล่อยให้อนาสเตเซียใช้ห้องน้ำก่อนขณะที่ตัวเองลงไปเตรียมแช่เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยไว้สองสามอย่างในตู้เย็น
ที่บาร์เครื่องดื่ม อนาสเตเซียรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนสวมชุดคลุมอาบน้ำกลับเข้าห้องเพื่อเลือกชุดยาวมาเปลี่ยนสำหรับ
ลงไปร่วมโต๊ะอาหารค่ำ กฤชเข้าห้องน้ำอาบน้ำขณะที่อนาสเตเซียเสียเวลาเลือกชุดที่จะสวมสำหรับดินเนอร์อยู่
นานกว่าห้านาที
เธอไม่อยากแต่งตัวให้สะดุดสายตาเขาแต่เธอมีชุดให้เลือกไม่มากนัก เนื่องจากเธอต้องใช้เสื้อผ้าของเมแกน ลูกสาวคนเดียว
ของไอรีนและนายแพทย์อคาซัสซึ่งแต่งงานและย้ายไปอยู่กับสามีที่เกาะคิธนอสแล้ว แต่ยังทิ้งเสื้อผ้าส่วนหนึ่งไว้ที่บ้านหลังนี้
เมื่อเธอเดินลงมาชั้นล่างกฤชนั่งอยู่บนสตูลสูงตรงบาร์เครื่องดื่มหน้าห้องรับประทานอาหารคอยอยู่ก่อน ชายหนุ่มสวมกางเกง
ขายาวเข้ารูปสีกาแฟเน้นให้เห็นช่วงขาที่ยาวแข็งแรง กับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนยาวเนื้อเบาเปิดดุมคอลงมาเพียงสองเม็ดพอสบาย
เผยให้เห็นแผงอกที่มีขนหน้าอกสีเข้มระบายอยู่บางๆ
อนาสเตเซียเหลือบมองชายหนุ่มผิวสีแทนที่ดูเข้มคมด้วยผมดกหนาและไรเคราสีน้ำตาลดำ ร่างสูงผอมแข็งแรง ไหล่ที่กว้าง
จนเต็มพอดีความกว้างของเสื้อถูกเน้นให้ดูน่ามองขึ้นด้วยความโปร่งเบาของเนื้อผ้า หญิงสาวลอบมองอย่างอดไม่ได้ รู้สึกอยาก
นั่งตักกอดคอและอิงซบกับไหล่กว้างๆ ของเขาโดยไม่ต้องคิดถึงอะไรทั้งสิ้น
ใบหน้าแดงก่ำของเธอส่อพิรุธจนชายหนุ่มสังเกตเห็น กฤชมองสบตาสีฟ้าใสคู่นั้นที่มีแววพึงพอใจและละอายใจก่อนเบือนหน้า
หนีใบหน้างดงามน่ารัก ด้วยกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากฝืนใจเธอหรือปล่อยให้เกิดเรื่องที่จะทำให้เธอรู้สึกเสียใจ
ภายหลัง แม้จะไม่เข้าใจอารมณ์ลึกซึ้งและศีลธรรมส่วนตัวของอนาสเตเซียที่ดูไม่เข้าท่าในความคิดเขา แต่เขาก็เคารพการ
ตัดสินใจของเธอเกินกว่าจะคิดหักหาญน้ำใจ
เขาเข้าใจว่าหญิงสาวยังยึดติดกับคำปฏิญาณที่กล่าวไว้ต่อหน้าพระในพิธีแต่งงานระหว่างเธอกับนิโคลาโยส และคงไม่คิดกระทำ
การที่ผิดต่อศีลธรรมจนกว่าจะมีการหย่าร้างอย่างเป็นทางการเสียก่อน แต่การหักห้ามใจนั้นก็ยากขึ้นทุกขณะในเมื่อเธอนั้นดูสวย
น่ารักอ่อนหวานและเย้ายวนเกินกว่าจะมองข้ามผ่านไปโดยไม่คิดหรือรู้สึกอะไร
“ดื่มอูโซ่ไหมอนาสเตเซีย” ชายหนุ่มเอ่ยถามไม่พยายามหันไปมองหญิงสาวตรงหน้า
อนาสเตเซียเหลือบมองน้ำสีใสในแก้วทรงสั้นที่ถูกแช่ไว้เย็นเฉียบในมือของกฤชแล้วส่ายหน้า ชายหนุ่มดื่มอูโซ่เครื่องดื่มเรียก
น้ำย่อยยอดนิยมของกรีกที่แช่เย็นจัดแบบเพียวๆ ไม่ผสมน้ำหรือน้ำแข็ง
“ขอปาสตีสดีกว่าค่ะ”
อนาสเตเซียตอบเร็ว ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งบนเก้าอี้นั่งเล่นริมหน้าต่างกรอบสี่เหลี่ยมที่มีบานสีฟ้าเปิดออกสู่ภาพท้องทุ่งนารกร้าง
ภายนอกตัวบ้านที่สร้างห่างๆ กันอย่างประปรายสลับกับพื้นที่เพาะปลูก เรียงรายไปตามสองฟากถนนเป็นแนวยาวซึ่งเป็นลักษณะ
เฉพาะของหมู่บ้านอาโนมิเรีย
กฤชลุกไปด้านหลังบาร์เลือกแก้วทรงผอมขนาดไม่สูงนักสำหรับปาสตีสซึ่งแช่ไว้จนเย็นในช่องแข็งออกมา
“เพียวหรือใส่น้ำแข็งด้วยครับ”
“สปริงวอเตอร์ดีกว่าค่ะ” อนาสเตเซียตอบ “ถ้ามีแช่เย็นอยู่แล้วนะคะ”
“มีครับ” กฤชรับก่อนเทปาสตีสซึ่งเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยยอดนิยมของฝรั่งเศสโดยเฉพาะทางตอนใต้แถบโพรวองซ์ออกมา
รินแบบเย็นๆ ในแก้วเย็นจัดประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของแก้วก่อนรินน้ำสปริงวอเตอร์เย็นเฉียบตามลงไปได้เป็นเครื่องดื่ม
สีเหลืองน้ำนมอ่อนๆ แล้วถือมาส่งให้อนาสเตเซียที่เก้าอี้นั่งเล่นริมหน้าต่างกว้าง
“ชีสไหมอัณญ่า” กฤชถามขึ้นก่อนจะย้ายแก้วเครื่องดื่มและจานใส่เฟต้าชีสกับแครกเกอร์และลูกมะกอกสีดำมาวางลงบนโต๊ะกลม
เล็กระหว่างเก้าอี้นั่งเล่นซึ่งตั้งอยู่ด้วยกันสองตัว
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ” หญิงสาวตอบ เลี่ยงที่จะมองหน้าชายหนุ่มตรงๆ เธอนั่งจิบปาสตีสเย็นเฉียบแก้วนั้นอย่างช้าๆ เหม่อมองทุ่งนา
รกร้างในความมืดสลัว พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปที่อื่นที่ไม่ใช่ญาติหนุ่มรูปหล่อสายเลือดไทยที่ร่างสูงและ
ไหล่กว้างของเธอ
กฤชนิ่วหน้ามองอนาสเตเซียที่พยายามหลบสายตาเขาตลอดค่ำ ร่างสูงโปร่งงามสง่า แขนและขาที่เคยยาวเก้งก้างในสมัยเด็ก
บัดนี้กลับดูยาวกลมกลึงเรียวสวย และทำให้เขาแอบเหลือบมองอยู่บ่อยๆ
ชุดกระโปรงยาวเข้ารูปสีฟ้าเปิดไหล่ตรงสวยทางด้านขวาไว้ข้างหนึ่งตัวนี้เนื้อเบาพลิ้วนุ่มและเนียน เกาะไปกับเรือนร่างจากอกอวบอิ่ม
เอวคอดและโค้งสะโพกผายแนบไปตามต้นขากลมกลึงอย่างยั่วเย้า ก่อนจะบานพริ้วออกเล็กน้อยคล้ายทรงหางปลาตรงต้นขา
ชายกระโปรงตัดเฉลียงเปิดให้เห็นเรียวขายาวด้านขวา ขณะที่ชายอีกด้านเฉลียงยาวลงจรดข้อเท้ามีจีบระบายติดตามรอยผ่า
แยกของกระโปรงลงมา
กฤชถอนใจเลือดในกายที่ยังไม่เย็นลงเท่าไหร่กลับฉีดร้อนขึ้นมาใหม่ ยากเหลือเกินกับการที่คนสองคนที่มีความถูกเนื้อต้องใจ
ต่อกันมาแต่เด็กและยาวนานถึงเพียงนี้ จะสามารถอยู่ด้วยกันในที่รโหฐานโดยไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกต่อกันอย่างเปิดเผย
เขาจะทนหักห้ามใจและอยู่เป็นเพื่อนเธออย่างบริสุทธิ์ใจไปได้อีกนานเท่าไหร่นะ ในเมื่ออารมณ์รักและพิศวาสในตัวเธอผู้เป็น
นางในฝันของเขามายาวนานมันพร้อมจะเอ่อล้นออกมาแทบทุกขณะ
ดอรีนมาเคาะประตูบอกว่าตั้งโต๊ะแล้ว สองหนุ่มสาวเผลอระบายลมหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอก
ช่วงเวลาอาหารค่ำที่มีดอรีนคอยยืนอยู่เพื่อเสริฟอาหารและไวน์ช่วยให้บรรยากาศคลายความล่อแหลมลง หากแต่สองหนุ่มสาว
ยังไม่อาจหาเรื่องมาพูดคุยอย่างเป็นปกติเช่นเคย จึงได้แต่นั่งรับประทานกันอย่างนิ่งเงียบและน่าอึดอัด จนดอรีนที่คอยยกอาหาร
ออกมาเสริฟตามคอร์สต่างๆ รับรู้ถึงความผิดปกติของทั้งคู่โดยไม่กล้าเอ่ยอะไร
อนาสเตเซียปฏิเสธของหวานและดื่มชาคาโมไมล์แทนเครื่องดื่มช่วยย่อย ก่อนจะขอตัวขึ้นนอนทั้งที่ยังไม่ง่วง
กฤชปฏิเสธของหวานเช่นกันและเลือกดื่มกาแฟผสมรัม ก่อนจะเดินไปเปิดทีวีดูข่าวในห้องนั่งเล่นคนเดียว จนห้าทุ่มครึ่งดอรีนเก็บ
ครัวเสร็จและกลับเรือนพักซึ่งแยกออกไปทางหลังตัวบ้าน กฤชจึงปิดโทรทัศน์เดินเข้าห้องทำงานของอคาซัส เปิดโน๊ตบุ๊คที่ติดตัว
มาด้วยและเริ่มต้นตรวจอีเมลล์และอ่านรายงานต่างๆ ที่คัธลีนส่งต่อมาให้อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มต้องตั้งสติอยู่หลายครั้งเพื่อขับไล่ภาพของหญิงสาวผมทองที่ขึ้นไปนอนก่อนออกจากหัวสมอง เขาเฝ้าแต่จินตนาการ
ภาพแขนขาเรียวยาวของเธอกอดกระหวัดรัดเขาไว้อย่างแนบแน่น รู้สึกเคืองตัวเองที่ทำราวกับเด็กหนุ่มร้อนรักที่ไม่รู้จัก
ควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่าน
อนาสเตเซียเข้านอนแล้วแต่ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ เธอนอนร้องไห้เงียบๆ รู้สึกทุกข์ทรมานใจต่างจากที่เคยรู้สึกมาตลอด
สิบวันที่ต้องจำพรากจากจูเลี่ยน อารมณ์ถวิลหาลูกชายนั้นยังคงอยู่ แม้จะผ่อนเบาลงจากความสบายใจที่รู้ว่าเด็กชาย
ปลอดภัยและสบายดี
แต่อารมณ์ถวิลหาชายหนุ่มในดวงใจของเธอ ซึ่งเป็นรักต้องห้ามกลับสร้างความทุกข์ทรมานในอีกรูปแบบหนึ่ง ความรักที่
กลายเป็นเงาบังใจ ก่อให้เกิดความผิดพลาดมากมายตามมา นับแต่ที่เธอพยายามหลบลี้หนีหน้าเขา จนกระทั่งถึงตอนที่
เธอกลับมาเกาะปาโรส และนิคกี้หนุ่มรูปหล่อราวเทพบุตรได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ เขาผู้จัดเจนพอที่จะทำลายกำแพง
ความเงียบขรึมและเฉยชาของเธอลงได้สำเร็จ จนเธอหลงเคลิ้มกับเสน่ห์และความช่างประจบเอาอกเอาใจของเขาไปชั่วขณะ
ถึงขั้นตัดสินใจแต่งงานอยู่กินกับเขาจนมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง ทั้งหมดนั้นโดยแท้จริงส่วนลึกเป็นเพียงการกระทำเพื่อกีดกัน
ชายผู้เป็นรักแรกและรักเดียวออกจากทางชีวิตของเธอเท่านั้น
และทุกวันนี้เธอก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับผลลัพธ์ที่เกิดจากการตัดสินใจผิดของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะต้องทนรับผลกรรมเหล่านี้
ไปอีกนานเท่าไหร่ จะมีสักวันไหมที่เธอจะสามารถรักกฤชอย่างญาติสนิทคนหนึ่งได้ และการอยู่ใกล้เขาเช่นนี้ยิ่งเป็นการทรมาน
ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ราวกับการวางขนมหวานทิ้งไว้ใกล้เด็กเล็กๆ และห้ามไม่ให้แตะต้อง เธอจะทนกับความรู้สึกร้อนเร่าที่อยาก
อยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อไปได้อีกนานสักเท่าไหร่นะ
เธอนอนร้องไห้อยู่นานจนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ของกฤชเดินขึ้นบันไดมาชั้นบน เสียงฝีเท้าที่หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเธอ
อยู่นานเกือบสองนาทีนั้นทำให้อนาสเตเซียแทบไม่กล้าหายใจ หัวใจที่รุ่มร้อนนั้นเต้นรัวแรงราวจะระเบิดออกมา อารมณ์ความรู้สึก
มากมายที่ไม่รู้ว่ามีอยู่ในกายกลับพล่านร้อนสับสนอย่างไร้ทางออก จนเมื่อเสียงฝีเท้านั้นขยับห่างออกจากหน้าประตูห้องของเธอไป
อนาสเตเซียจึงสามารถผ่อนลมหายใจเป็นปกติ เธอหลับไปพร้อมกับเสียงเคลื่อนไหวสุดท้ายของกฤชก่อนที่ประตูห้องนอน
ของเขาจะปิดลง