หากพวกเรากำลังพุงกาง จงปรบมือพลัน แปะ! แปะ! เย่! //
สวัสดีค่า แนะนำตัวก่อน จขกท.ชื่อ มณฑร์ ค่ะ อายุยี่สิบต้นๆ มารีวิวตามแรงยุของคนรอบข้าง มีพ่อแม่พี่น้องทักว่า ผอมลงเยอะ หุ่นดี ฟิต เฟิร์มขึ้นแยะ เข้ามาขอวิธีลดกันใหญ่ ขอกันมาก็ จัดกันไป!
เราน้ำหนักก่อนลดอยู่ที่ 55 ค่ะ ดูไม่เยอะ แต่พอเฉลี่ยกับส่วนสูงอันน้อยนิด (155) ของเรา ก็ คอสเพลย์เป็นหลักกิโลได้ค่ะ (เป็นผู้หญิงชอบเลข 5 หรือไร เก็บไว้เยอะ)
ตอนเด็ก ช่วงมัธยมก็ไม่ได้อ้วนอะไร อาจจะแค่มีเนื้อมีหนังหน่อย บวมๆ เหมือนสำลีอมน้ำ (/เอ๊ะ!) ซึ่งพอเข้ามหาลัยก็ปล่อยตัวปล่อยใจเพลิดเพลินไปกะอาหารรอบมหาลัย แถมเรียนใกล้ใจกลางเมือง ใกล้ร้านอาหารทุกประเภทด้วย ของกินอู้วฟู้วมาก เรียนเช้า ว่างบ่ายเมื่อไหร่ ก็บุฟเพ่ ปิ้ง ย่าง ชาบู สเต็ก ของหวาน แพนเค้ก โทสต์ ร้านกาแฟ ตอนนั้นรู้สึกชีวิตดี เอนจอยอีทติ้ง สุดท้ายก็เข้าสู่ สภาวะ สมส่วนระยะสุดท้าย BMI พุ่งเกือบทะลุไปอ้วนแล้ว ขาดอีกประมาน 0.1 ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดเลยว่า ตัวเองอ้วน ม่านหมอกอะไรบังตาเรอะ!!! (สมัยนั้นไม่รู้จักอะไรคือ BMI อะไรคือ TDEE) จนเรามาเริ่มปฏิบัติการลดน้ำหนักไปได้สักพัก แล้วมาทำเป็นรูป Before After ขุ่นพระ!! นี่เราทำอะไรลงไป ขุดสมองส่วนไหนในตอนนั้นมาคิดว่า ไม่อ้วน T^T
และที่สำคัญตอนนั้นก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลยยยยยยย กินและนอน นอนและกิน แข่งกะหมีแพนด้าเลย แต่เดาว่า ที่เราน้ำหนักยังไม่พุ่งแหลก ทะลุเลข 6 เหยียบมิดไมล์ เพราะเราเป็นคนชอบเดิน ไปไหนถ้าไม่ไกล ระยะ 1-3 กิโล นี่ สบายๆ เลยค่ะ ไม่นั่งรถ เดินเองดีกว่า ส่องหนุ่มๆระหว่างการเดินอะไรไปเพลินตาดี (/อ้าว เผลอนอกเรื่อง)
ปัญหาแรกของความอ้วงงงงงงงงงงคือ เรื่องกิน ของกินเยอะ ล่อต่อล่อใจ วิธีแก้ปัญหาของเราคือ เลิกเรียน กลับบ้านทันที ไม่ไปเดินเฉี่ยว เดินเฉียด เดินแฉล่บ แถวตลาด หรือโซนร้านอาหารเยอะๆ เห็นร้านสะดวกซื้อทุก 3 ก้าว อยากเข้า ไปเดินเล่นตากแอร์ แต่ เราต้องแข็งใจ .... บรัยส์ สะบัดผมเดินผ่านไป พกเงินสดให้น้อยลง เวลาอยากกินจะได้ไม่มีตังซื้อ 5555 อันนี้ออกแนวรันทด
แก้ปัญหาอีกขั้น หลังจากที่หาอะไรมาบันเทิงปาก สนองนี๊ดได้น้อยลงแล้ว เราก็มาเปลี่ยนอาหารหลักค่ะ ศึกษาอย่างหนักว่า อันไหน ควรกิน อันไหน พอกินได้ หรือ อันไหน ไม่ควรกินเลย (เดาว่า กระทู้รีวิวหลายๆ กระทู้น่าจะเคยบอก อาหารชนิดนี้ ไขมันเท่าไหร่ แป้งเท่าไหร่ โปรตีนเท่าไหร่ แคลเท่าไหร่) แต่ส่วนตัวเราแค่ เลี่ยงอาหารแป้งหนักๆ (ไม่ใช่ไม่กินแป้งเน้อ)
เปลี่ยนจากกินข้าวขาวเปลี่ยนเป็นพวกข้าวสี จากน้ำมันพืชก็เปลี่ยนเป็นใช้น้ำมันมะกอกสเปรย์ จากเนื้อสัตว์ทุกอย่างบนโลก ก็เปลี่ยนเป็น เนื้ออกไก่ หรือพวกเนื้อปลาแทน ส่วนผลไม้ ก็ดูที่น้ำตาลน้อยๆหน่อย กากใยสูงๆ ส่วนผัก ก็ดูๆนิดเดียว ถ้าผักชนิดไหนแป้งเยอะ ก็อย่ากินมากเกินเนาะ ยังกินอาหารให้ครบห้าหมู่ค่ะ แต่เลือกกินมากขึ้น ถึงขั้นลงทุนทำอาหารคลีนกินเอง
ส่วนมื้อไหน ต้องออกนอกบ้าง ก็เดินเข้าร้านตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ไม่ก็ข้าวมันไก่ เพราะกับสั่งเมนูประจำใจ คนลดความอ้วน เช่น สุกี้น้ำไก่ (ตอนนั้นกิน สั่งว่า ไม่ให้ใส่น้ำจิ้มผสมมาก่อนเลยค่ะ แล้วกินมันทั้งแบบนั้นผักต้ม ไก่ต้ม ส่วนแฟนชาคริต (วุ้นเส้น) นี่แล้วแต่อารมณ์ ใส่บ้าง ไม่ใส่บ้าง 555) หรือกินร้านก๋วยเตี๋ยว ก็ไปยืนอ้อร้อ ทำคุยกะแม่ค้าไป ก็คอยบอกเค้า ป้าจ๋า ไม่ใส่น้ำมัน กระเทียมเจียวน้า เอาวุ้นเส้นน้า ไม่ต้องปรุงให้น้า แล้วเราก็กินมันทั้งแบบนั้น คือไม่ปรุงรสอะไรทั้งนั้นค่ะ กินข้าว”ไม่”มันไก่ แกงจืดที่ต้องจืดสมชื่อ จะยอมกินแค่ ตุ๋น ต้ม นึ่ง เพื่อความสบายใจตัวเอง อาหาร ผัดน้ำมันท่วม อาหารทอด บอกลาเลยค่ะ
จริงๆอาหารคลีนมันไม่ได้ทำยากนะคะ เพราะมันคือ การทำให้อาหารมันยังมีความเรียลมากที่สุด ผ่านกระบวนการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เป็นรสชาติที่แท้จริงมากที่สุด เมนูหลักที่ทำบ่อยที่สุด คือ อกไก่ เอาไปนาบกระทะที่สเปรย์น้ำมันเลยค่ะ ผักที่แข็งๆ ก็ต้มโลด ผักที่เป็นใบ ก็ล้างแล้วกินสดเป็นสลัดกันไปเลย ง่ายยยยยยยยยยยยยย
แรกๆ อาจจะรู้สึกแปลกๆ หน่อยที่ต้องกินอาหารแบบนี้ แต่ด้วยเราอาจจะเป็นคนลิ้นจระเข้ด้วย เลยไม่ค่อยลำบากใจในการกินเท่าไหร่ กินแล้วไม่ตาย ถือว่า โอเค ช่วงนั้น เราก็เปลี่ยนลิ้นจนชินกะการกินจืดๆ ไม่มัน ไม่ทอด ไม่ผัด กันไปเลย อาหารอาจจะอร่อยน้อยลง เจริญอาหารน้อยลง (ซึ่งอาจจะดีกับเราที่กำลังลดความอ้วน) แต่พอคิดว่า เรามีเป้าหมายไว้พุ่งชน คิดว่า อู้ยยย แคลลอรี่มันเยอะเนาะ จะไปเอาออกวิธีไหน จะเอาออกได้หมดไหม จะมีเวลาไหม สุดท้าย ไม่กินง่ายกว่า 5555
แต่ถามว่า ชีวิตต้องเครียดขนาดนี้เลยไหม ก็ไม่ต้องขนาดนั้นค่ะ เรามี “ชีทมีล” ให้รางวัลตัวเองได้ สัปดาห์ละมื้อ กินเป็นกำลังใจให้ชีวิต (แต่ก็มีสติในการเลือกเมนูชีทมีลกันหน่อยโน๊ะ เดี๋ยวที่ทำมาจะสูญเปล่า) หรือ มื้อไหนที่ หาอะไรที่ดีต่ออุดมการณ์อันแข็งกล้าของเราไม่ได้ ก็กินๆไปเถอะค่ะ แล้วไปลดแคลมื้ออื่นเอาแทน อาหารมื้อเดียวไม่ได้ทำให้ผอมลงฉันใด อาหารมื้อเดียวก็ไม่ได้ทำให้อ้วนขึ้นฉันนั้น (ยกเว้นจะกินมื้อละ 1000-2000 แคลอ่ะนะ)
ปัญหาที่ 2 ออกกำลังกาย จากที่ไม่ออกกำลังกายเลยยยยยยยยย ขี้เกียจมาก ถึงบ้านนอนแผ่ ขยับแต่ปลายนิ้ว ก็เปลี่ยนเป็น ขอออกกำลังกายสักวันละอย่างน้อย ครึ่งชม. ส่วนออกอะไรบ้าง ก็แล้วแต่ตามที่เราสะดวกเลยค่ะ ของเราก็ ไปว่ายน้ำบ้าง เข้าฟิตเนสไปวิ่งบ้าง เวทบ้าง ทำตามคลิปออกกำลังกายมากมายบนยูทูป ที่ทำบ่อยที่สุดคือ เข้าคลาส กะ ขุ่นแม่(??)ฌอน ที และขุ่นแม่จิลเลี่ยน เราเล่น T25 จนครบทุกเฟส จนวนกลับมาขึ้นรอบใหม่เลยค่ะ (ก็กินระยะเวลาหลายเดือนอยู่เนาะ) หรือคลิปเวท คลิปคาดิโอตามยูทูป มาทำตาม เอาขั้นต่ำๆ สัก 30 นาที จะ 1 คลิป 30 นาที หรือ 2-3 คลิป แต่รวมกัน 30 นาที อันนี้ก็แล้วแต่นะ แต่ตอนนี้ว่าจะกำลังหา Cize มาเล่นดู (เราค่อนข้างขี้เบื่อ ก็พยายามหาอะไรใหม่มาเล่นไปเรื่อยๆ สนุกดี ผอมด้วย)
การออกกำลังแบ่งเป็น คาดิโอ กะ เวท เวลาเลือกออกกำลังก็ สลับกันบ้างอะไรบ้าง ออกคาดิโอ สบายๆ ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ซีเรียส แต่อย่าถามเรื่องตารางเวท เพราะไม่มี 555 วันไหนออกส่วนไหน แล้วแต่ฟีลลิ่งจริงๆ แต่จะพยายามไม่ออกซ้ำจุดเดิมเกิน 2 วัน ยกตัวอย่าง ออกกำลังช่วงกลางตัว หน้าท้อง ก็จะ จันทร์ อังคาร แล้ววันพุธก็เล่นแขนไป สิ่งที่สำคัญที่สุดดดด ถ้าอยากขับไล่ไขมันที่สะสมไว้ คาดิโอคือทางออกนะจ๊ะ (เวทจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อนะ)
ง่ายๆเลยค่ะ สำหรับคนไม่มีเวลาออกไปวิ่ง หรือว่ายน้ำ ทำอะไรนอกบ้าน ก็เข้า Youtube แล้วเสิร์ช Cadio ถูกใจเสียง ถูกใจจริตหน้าตาโค้ชคนไหน ก็กดปุ่มสีแดง “I want you” กันไป
ส่วนการเวท ไม่มีเวทยก ทำไง ลำบากจุง ตัวเวทเนี่ย มีก็ดี แต่ไม่มีก็ยังออกกำลังได้ No Excuse นะจ๊ะ ไปหาคลิป Bodyweight ใน Youtube เช่นเดิม แล้วเล่นเลยยยย เล่นไปแรกๆอาจจะเจ็บปวด รวดร้าว หลังๆอาจจะเริ่มชิน ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราชิน เราอาจจะต้องไปหาอะไรมาถ่วงเพิ่มเช่น ขวดน้ำ(ที่ใส่น้ำเต็ม) ขวดทรายอะไรก็ว่าไป น้ำหนักที่พอเราจะถือแล้ว ไม่หนักมาก แต่ถือนานๆแล้วสาหัส (งงไหม?)
หรือ ทำงานทั้งวันก็ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายแล้ว (ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นข้ออ้างหนึ่งที่เราๆใช้กันบ่อย) งั้นลอง ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ไหม 1-2 ชั้น ก็เดินเถอะค่ะ ประหยัดไฟด้วย ไปทำธุระ ถ้าไม่ไกลจนเกินไปนัก เดินไปดีกว่าค่ะ จะส่งเอกสาร ก็เดินไปเองเลยค่ะ ขยับตัวให้มากขึ้น ถือเป็นการพักสายตาไปด้วยในตัว หรือ นั่งนิ่งๆหน้าคอม หาปากกา ดินสอเล็กๆสักแท่ง ใช้ขาหนีบเอาไว้ตลอด ออกกำลังกายให้ได้สักทาง ดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วก็จริงๆ นะ เวลา 30 นาที ใน 1 วัน หาไม่ยากขนาดนั้นหรอกค่ะ พยายามเพื่อตัวเอง ฮึ๊บบบบ!!!!
เราแนะนำว่า ถ้าอยากที่จะออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง และสนุก ให้ลองหาเพื่อนสักคน ไปทำด้วยกันค่ะ มันจะเป็นเหมือนการแข่งกันกลายๆ แบบ เห้ยยย ยังไม่หยุดเลยอ่ะ แล้วเราจะยอมแพ้ไปง่ายๆ งี้หรอ ไม่ นะ ม่ายยยยยยยยย (แม้ว่าอีกคนก็จะคิดแบบเดียวกัน) แต่จุดนั้นคงเหนื่อยจนคุยกันเองไม่ได้ไปแล้ว 5555
อย่างเราก็มีเพื่อนร่วมวิบากกรรมคือ พี่สาวตัวเอง (ซึ่ง ณ ตอนนั้นคุณเธออ้วนกว่าเราเยอะมากกก) เราก็จัดการบีบคอ ตีหัว(??) ลากมาออกกำลังกายด้วยกัน วันไหนงอแงก็ลงไม้ลงมือเรียกสติกันบ้าง ทำอาหารคลีนกินด้วยกัน ซึ่งเราทำ นางกิน (จ่ะ!)
สุดท้ายก็จากว่าที่ลูกหมูน้ำหนัก 55 กลายเป็นลูกลิงน้ำหนัก 45 ชีวิตดีกันเลย คราวนี้มีแต่คนทักค่ะ ว่า ไปทำอะไรมา ทำไมผอมลง ฟิตมาก เป๊ะ ขึ้นแยะ แต่ก่อน ดูไม่ได้อ้วนมากมาย แต่น้ำหนักนี่ อื้อหืมมมม ตันแน่นไปเมิ้ดด พอตอนนี้ น้ำหนักลดแล้ว สัดส่วนเอว สะโพก ขา และน่มน้ม(??) พากันลดหมดค่ะ แต่ก็ยัง ฟินมากกกกกกกกก (ถึงแม้จะต้องลดไซส์ด้วยก็ตาม TT^TT)
ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดจะลดให้น้ำหนักน้อยกว่านี้แล้วค่ะ เพราะมีอีกเป้าหมายที่อยากทำให้ได้อยู่ คือ อยากบริจาคเลือดได้ทุก 3 เดือน น้ำหนัก 45 คือต่ำสุดที่ให้ได้แล้ว เพราะงั้นก็จะพยายามเลี้ยงให้น้ำหนักอยู่ราวๆนี้ต่อไป และ ขอสัดส่วนดีงาม แบบนี้ต่อไป อ่อ! เราได้ของแถมจากการมีวินัย (แบบโหดๆ) ของตัวเอง เป็นลอนเบาๆบนท้อง ที่เคยเป็นพุงกลมๆ มาก่อน ฮื้อออ รู้สึกแองเจล อยากไปเดินร่อนปีกแข่งกะนางฟ้า VS (ความสวยไม่มีพอๆกับ ความสูง และหน้าอก ยังจะมโน)
หลายคนที่มาถามว่า ลดน้ำหนักวิธีไหน ทำได้ยังไง บลาๆ เราก็ตอบได้แค่แบบเดิมคือ คุมเรื่องอาหาร กับ ออกกำลังกายค่ะ มันมีแค่ สองวิธีนี้แหละที่ทำได้ วิธีอื่น อย่าเสี่ยงเลยค่ะ อันตราย แถมไม่ยั่งยืนด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เรากลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่ออกกำลังกาย ปากใจง่าย ก็กลับมาอ้วนแบบเดิมอีกอยู่ดี ที่เราควรเปลี่ยน ควรจะเป็นพฤติกรรมการดำรงชีวิต ลองกลั้นใจทำอย่างต่อเนื่องสัก สัปดาห์หรือสักเดือน พยายามเปลี่ยนให้มันกลายเป็นนิสัยค่ะ
.........แล้ว เราจะบอกลา ไขมันส่วนเกิน ที่ทำร้ายจิตใจเรามาตลอดได้อย่างถาวรค่ะ จบปิ๊ง !!!
ป.ล. ไม่มีเพจหรืออะไรฝากอย่างใครเค้า เอาเป็นว่า ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมที่เราอาจจะ เขียนตกหล่น ให้รายละเอียดไม่พอ สงสัย ข้องใจอะไร ก็หลังไมค์มาถามกันได้นะคะ หรือจะขอแรงใจ ขอกำลังใจในการออกกำลังก็ได้เลยค่ะ
{รีวิว"ลดความอ้วน"} .....กลับตัวก็ไม่ได้ ให้กลิ้งต่อไปก็ไปไม่ไหววว.....
สวัสดีค่า แนะนำตัวก่อน จขกท.ชื่อ มณฑร์ ค่ะ อายุยี่สิบต้นๆ มารีวิวตามแรงยุของคนรอบข้าง มีพ่อแม่พี่น้องทักว่า ผอมลงเยอะ หุ่นดี ฟิต เฟิร์มขึ้นแยะ เข้ามาขอวิธีลดกันใหญ่ ขอกันมาก็ จัดกันไป!
เราน้ำหนักก่อนลดอยู่ที่ 55 ค่ะ ดูไม่เยอะ แต่พอเฉลี่ยกับส่วนสูงอันน้อยนิด (155) ของเรา ก็ คอสเพลย์เป็นหลักกิโลได้ค่ะ (เป็นผู้หญิงชอบเลข 5 หรือไร เก็บไว้เยอะ)
ตอนเด็ก ช่วงมัธยมก็ไม่ได้อ้วนอะไร อาจจะแค่มีเนื้อมีหนังหน่อย บวมๆ เหมือนสำลีอมน้ำ (/เอ๊ะ!) ซึ่งพอเข้ามหาลัยก็ปล่อยตัวปล่อยใจเพลิดเพลินไปกะอาหารรอบมหาลัย แถมเรียนใกล้ใจกลางเมือง ใกล้ร้านอาหารทุกประเภทด้วย ของกินอู้วฟู้วมาก เรียนเช้า ว่างบ่ายเมื่อไหร่ ก็บุฟเพ่ ปิ้ง ย่าง ชาบู สเต็ก ของหวาน แพนเค้ก โทสต์ ร้านกาแฟ ตอนนั้นรู้สึกชีวิตดี เอนจอยอีทติ้ง สุดท้ายก็เข้าสู่ สภาวะ สมส่วนระยะสุดท้าย BMI พุ่งเกือบทะลุไปอ้วนแล้ว ขาดอีกประมาน 0.1 ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดเลยว่า ตัวเองอ้วน ม่านหมอกอะไรบังตาเรอะ!!! (สมัยนั้นไม่รู้จักอะไรคือ BMI อะไรคือ TDEE) จนเรามาเริ่มปฏิบัติการลดน้ำหนักไปได้สักพัก แล้วมาทำเป็นรูป Before After ขุ่นพระ!! นี่เราทำอะไรลงไป ขุดสมองส่วนไหนในตอนนั้นมาคิดว่า ไม่อ้วน T^T
และที่สำคัญตอนนั้นก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลยยยยยยย กินและนอน นอนและกิน แข่งกะหมีแพนด้าเลย แต่เดาว่า ที่เราน้ำหนักยังไม่พุ่งแหลก ทะลุเลข 6 เหยียบมิดไมล์ เพราะเราเป็นคนชอบเดิน ไปไหนถ้าไม่ไกล ระยะ 1-3 กิโล นี่ สบายๆ เลยค่ะ ไม่นั่งรถ เดินเองดีกว่า ส่องหนุ่มๆระหว่างการเดินอะไรไปเพลินตาดี (/อ้าว เผลอนอกเรื่อง)
ปัญหาแรกของความอ้วงงงงงงงงงงคือ เรื่องกิน ของกินเยอะ ล่อต่อล่อใจ วิธีแก้ปัญหาของเราคือ เลิกเรียน กลับบ้านทันที ไม่ไปเดินเฉี่ยว เดินเฉียด เดินแฉล่บ แถวตลาด หรือโซนร้านอาหารเยอะๆ เห็นร้านสะดวกซื้อทุก 3 ก้าว อยากเข้า ไปเดินเล่นตากแอร์ แต่ เราต้องแข็งใจ .... บรัยส์ สะบัดผมเดินผ่านไป พกเงินสดให้น้อยลง เวลาอยากกินจะได้ไม่มีตังซื้อ 5555 อันนี้ออกแนวรันทด
แก้ปัญหาอีกขั้น หลังจากที่หาอะไรมาบันเทิงปาก สนองนี๊ดได้น้อยลงแล้ว เราก็มาเปลี่ยนอาหารหลักค่ะ ศึกษาอย่างหนักว่า อันไหน ควรกิน อันไหน พอกินได้ หรือ อันไหน ไม่ควรกินเลย (เดาว่า กระทู้รีวิวหลายๆ กระทู้น่าจะเคยบอก อาหารชนิดนี้ ไขมันเท่าไหร่ แป้งเท่าไหร่ โปรตีนเท่าไหร่ แคลเท่าไหร่) แต่ส่วนตัวเราแค่ เลี่ยงอาหารแป้งหนักๆ (ไม่ใช่ไม่กินแป้งเน้อ)
เปลี่ยนจากกินข้าวขาวเปลี่ยนเป็นพวกข้าวสี จากน้ำมันพืชก็เปลี่ยนเป็นใช้น้ำมันมะกอกสเปรย์ จากเนื้อสัตว์ทุกอย่างบนโลก ก็เปลี่ยนเป็น เนื้ออกไก่ หรือพวกเนื้อปลาแทน ส่วนผลไม้ ก็ดูที่น้ำตาลน้อยๆหน่อย กากใยสูงๆ ส่วนผัก ก็ดูๆนิดเดียว ถ้าผักชนิดไหนแป้งเยอะ ก็อย่ากินมากเกินเนาะ ยังกินอาหารให้ครบห้าหมู่ค่ะ แต่เลือกกินมากขึ้น ถึงขั้นลงทุนทำอาหารคลีนกินเอง
ส่วนมื้อไหน ต้องออกนอกบ้าง ก็เดินเข้าร้านตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ไม่ก็ข้าวมันไก่ เพราะกับสั่งเมนูประจำใจ คนลดความอ้วน เช่น สุกี้น้ำไก่ (ตอนนั้นกิน สั่งว่า ไม่ให้ใส่น้ำจิ้มผสมมาก่อนเลยค่ะ แล้วกินมันทั้งแบบนั้นผักต้ม ไก่ต้ม ส่วนแฟนชาคริต (วุ้นเส้น) นี่แล้วแต่อารมณ์ ใส่บ้าง ไม่ใส่บ้าง 555) หรือกินร้านก๋วยเตี๋ยว ก็ไปยืนอ้อร้อ ทำคุยกะแม่ค้าไป ก็คอยบอกเค้า ป้าจ๋า ไม่ใส่น้ำมัน กระเทียมเจียวน้า เอาวุ้นเส้นน้า ไม่ต้องปรุงให้น้า แล้วเราก็กินมันทั้งแบบนั้น คือไม่ปรุงรสอะไรทั้งนั้นค่ะ กินข้าว”ไม่”มันไก่ แกงจืดที่ต้องจืดสมชื่อ จะยอมกินแค่ ตุ๋น ต้ม นึ่ง เพื่อความสบายใจตัวเอง อาหาร ผัดน้ำมันท่วม อาหารทอด บอกลาเลยค่ะ
จริงๆอาหารคลีนมันไม่ได้ทำยากนะคะ เพราะมันคือ การทำให้อาหารมันยังมีความเรียลมากที่สุด ผ่านกระบวนการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เป็นรสชาติที่แท้จริงมากที่สุด เมนูหลักที่ทำบ่อยที่สุด คือ อกไก่ เอาไปนาบกระทะที่สเปรย์น้ำมันเลยค่ะ ผักที่แข็งๆ ก็ต้มโลด ผักที่เป็นใบ ก็ล้างแล้วกินสดเป็นสลัดกันไปเลย ง่ายยยยยยยยยยยยยย
แรกๆ อาจจะรู้สึกแปลกๆ หน่อยที่ต้องกินอาหารแบบนี้ แต่ด้วยเราอาจจะเป็นคนลิ้นจระเข้ด้วย เลยไม่ค่อยลำบากใจในการกินเท่าไหร่ กินแล้วไม่ตาย ถือว่า โอเค ช่วงนั้น เราก็เปลี่ยนลิ้นจนชินกะการกินจืดๆ ไม่มัน ไม่ทอด ไม่ผัด กันไปเลย อาหารอาจจะอร่อยน้อยลง เจริญอาหารน้อยลง (ซึ่งอาจจะดีกับเราที่กำลังลดความอ้วน) แต่พอคิดว่า เรามีเป้าหมายไว้พุ่งชน คิดว่า อู้ยยย แคลลอรี่มันเยอะเนาะ จะไปเอาออกวิธีไหน จะเอาออกได้หมดไหม จะมีเวลาไหม สุดท้าย ไม่กินง่ายกว่า 5555
แต่ถามว่า ชีวิตต้องเครียดขนาดนี้เลยไหม ก็ไม่ต้องขนาดนั้นค่ะ เรามี “ชีทมีล” ให้รางวัลตัวเองได้ สัปดาห์ละมื้อ กินเป็นกำลังใจให้ชีวิต (แต่ก็มีสติในการเลือกเมนูชีทมีลกันหน่อยโน๊ะ เดี๋ยวที่ทำมาจะสูญเปล่า) หรือ มื้อไหนที่ หาอะไรที่ดีต่ออุดมการณ์อันแข็งกล้าของเราไม่ได้ ก็กินๆไปเถอะค่ะ แล้วไปลดแคลมื้ออื่นเอาแทน อาหารมื้อเดียวไม่ได้ทำให้ผอมลงฉันใด อาหารมื้อเดียวก็ไม่ได้ทำให้อ้วนขึ้นฉันนั้น (ยกเว้นจะกินมื้อละ 1000-2000 แคลอ่ะนะ)
ปัญหาที่ 2 ออกกำลังกาย จากที่ไม่ออกกำลังกายเลยยยยยยยยย ขี้เกียจมาก ถึงบ้านนอนแผ่ ขยับแต่ปลายนิ้ว ก็เปลี่ยนเป็น ขอออกกำลังกายสักวันละอย่างน้อย ครึ่งชม. ส่วนออกอะไรบ้าง ก็แล้วแต่ตามที่เราสะดวกเลยค่ะ ของเราก็ ไปว่ายน้ำบ้าง เข้าฟิตเนสไปวิ่งบ้าง เวทบ้าง ทำตามคลิปออกกำลังกายมากมายบนยูทูป ที่ทำบ่อยที่สุดคือ เข้าคลาส กะ ขุ่นแม่(??)ฌอน ที และขุ่นแม่จิลเลี่ยน เราเล่น T25 จนครบทุกเฟส จนวนกลับมาขึ้นรอบใหม่เลยค่ะ (ก็กินระยะเวลาหลายเดือนอยู่เนาะ) หรือคลิปเวท คลิปคาดิโอตามยูทูป มาทำตาม เอาขั้นต่ำๆ สัก 30 นาที จะ 1 คลิป 30 นาที หรือ 2-3 คลิป แต่รวมกัน 30 นาที อันนี้ก็แล้วแต่นะ แต่ตอนนี้ว่าจะกำลังหา Cize มาเล่นดู (เราค่อนข้างขี้เบื่อ ก็พยายามหาอะไรใหม่มาเล่นไปเรื่อยๆ สนุกดี ผอมด้วย)
การออกกำลังแบ่งเป็น คาดิโอ กะ เวท เวลาเลือกออกกำลังก็ สลับกันบ้างอะไรบ้าง ออกคาดิโอ สบายๆ ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ซีเรียส แต่อย่าถามเรื่องตารางเวท เพราะไม่มี 555 วันไหนออกส่วนไหน แล้วแต่ฟีลลิ่งจริงๆ แต่จะพยายามไม่ออกซ้ำจุดเดิมเกิน 2 วัน ยกตัวอย่าง ออกกำลังช่วงกลางตัว หน้าท้อง ก็จะ จันทร์ อังคาร แล้ววันพุธก็เล่นแขนไป สิ่งที่สำคัญที่สุดดดด ถ้าอยากขับไล่ไขมันที่สะสมไว้ คาดิโอคือทางออกนะจ๊ะ (เวทจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อนะ)
ง่ายๆเลยค่ะ สำหรับคนไม่มีเวลาออกไปวิ่ง หรือว่ายน้ำ ทำอะไรนอกบ้าน ก็เข้า Youtube แล้วเสิร์ช Cadio ถูกใจเสียง ถูกใจจริตหน้าตาโค้ชคนไหน ก็กดปุ่มสีแดง “I want you” กันไป
ส่วนการเวท ไม่มีเวทยก ทำไง ลำบากจุง ตัวเวทเนี่ย มีก็ดี แต่ไม่มีก็ยังออกกำลังได้ No Excuse นะจ๊ะ ไปหาคลิป Bodyweight ใน Youtube เช่นเดิม แล้วเล่นเลยยยย เล่นไปแรกๆอาจจะเจ็บปวด รวดร้าว หลังๆอาจจะเริ่มชิน ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราชิน เราอาจจะต้องไปหาอะไรมาถ่วงเพิ่มเช่น ขวดน้ำ(ที่ใส่น้ำเต็ม) ขวดทรายอะไรก็ว่าไป น้ำหนักที่พอเราจะถือแล้ว ไม่หนักมาก แต่ถือนานๆแล้วสาหัส (งงไหม?)
หรือ ทำงานทั้งวันก็ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายแล้ว (ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นข้ออ้างหนึ่งที่เราๆใช้กันบ่อย) งั้นลอง ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ไหม 1-2 ชั้น ก็เดินเถอะค่ะ ประหยัดไฟด้วย ไปทำธุระ ถ้าไม่ไกลจนเกินไปนัก เดินไปดีกว่าค่ะ จะส่งเอกสาร ก็เดินไปเองเลยค่ะ ขยับตัวให้มากขึ้น ถือเป็นการพักสายตาไปด้วยในตัว หรือ นั่งนิ่งๆหน้าคอม หาปากกา ดินสอเล็กๆสักแท่ง ใช้ขาหนีบเอาไว้ตลอด ออกกำลังกายให้ได้สักทาง ดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วก็จริงๆ นะ เวลา 30 นาที ใน 1 วัน หาไม่ยากขนาดนั้นหรอกค่ะ พยายามเพื่อตัวเอง ฮึ๊บบบบ!!!!
เราแนะนำว่า ถ้าอยากที่จะออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง และสนุก ให้ลองหาเพื่อนสักคน ไปทำด้วยกันค่ะ มันจะเป็นเหมือนการแข่งกันกลายๆ แบบ เห้ยยย ยังไม่หยุดเลยอ่ะ แล้วเราจะยอมแพ้ไปง่ายๆ งี้หรอ ไม่ นะ ม่ายยยยยยยยย (แม้ว่าอีกคนก็จะคิดแบบเดียวกัน) แต่จุดนั้นคงเหนื่อยจนคุยกันเองไม่ได้ไปแล้ว 5555
อย่างเราก็มีเพื่อนร่วมวิบากกรรมคือ พี่สาวตัวเอง (ซึ่ง ณ ตอนนั้นคุณเธออ้วนกว่าเราเยอะมากกก) เราก็จัดการบีบคอ ตีหัว(??) ลากมาออกกำลังกายด้วยกัน วันไหนงอแงก็ลงไม้ลงมือเรียกสติกันบ้าง ทำอาหารคลีนกินด้วยกัน ซึ่งเราทำ นางกิน (จ่ะ!)
สุดท้ายก็จากว่าที่ลูกหมูน้ำหนัก 55 กลายเป็นลูกลิงน้ำหนัก 45 ชีวิตดีกันเลย คราวนี้มีแต่คนทักค่ะ ว่า ไปทำอะไรมา ทำไมผอมลง ฟิตมาก เป๊ะ ขึ้นแยะ แต่ก่อน ดูไม่ได้อ้วนมากมาย แต่น้ำหนักนี่ อื้อหืมมมม ตันแน่นไปเมิ้ดด พอตอนนี้ น้ำหนักลดแล้ว สัดส่วนเอว สะโพก ขา และน่มน้ม(??) พากันลดหมดค่ะ แต่ก็ยัง ฟินมากกกกกกกกก (ถึงแม้จะต้องลดไซส์ด้วยก็ตาม TT^TT)
ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดจะลดให้น้ำหนักน้อยกว่านี้แล้วค่ะ เพราะมีอีกเป้าหมายที่อยากทำให้ได้อยู่ คือ อยากบริจาคเลือดได้ทุก 3 เดือน น้ำหนัก 45 คือต่ำสุดที่ให้ได้แล้ว เพราะงั้นก็จะพยายามเลี้ยงให้น้ำหนักอยู่ราวๆนี้ต่อไป และ ขอสัดส่วนดีงาม แบบนี้ต่อไป อ่อ! เราได้ของแถมจากการมีวินัย (แบบโหดๆ) ของตัวเอง เป็นลอนเบาๆบนท้อง ที่เคยเป็นพุงกลมๆ มาก่อน ฮื้อออ รู้สึกแองเจล อยากไปเดินร่อนปีกแข่งกะนางฟ้า VS (ความสวยไม่มีพอๆกับ ความสูง และหน้าอก ยังจะมโน)
หลายคนที่มาถามว่า ลดน้ำหนักวิธีไหน ทำได้ยังไง บลาๆ เราก็ตอบได้แค่แบบเดิมคือ คุมเรื่องอาหาร กับ ออกกำลังกายค่ะ มันมีแค่ สองวิธีนี้แหละที่ทำได้ วิธีอื่น อย่าเสี่ยงเลยค่ะ อันตราย แถมไม่ยั่งยืนด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เรากลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่ออกกำลังกาย ปากใจง่าย ก็กลับมาอ้วนแบบเดิมอีกอยู่ดี ที่เราควรเปลี่ยน ควรจะเป็นพฤติกรรมการดำรงชีวิต ลองกลั้นใจทำอย่างต่อเนื่องสัก สัปดาห์หรือสักเดือน พยายามเปลี่ยนให้มันกลายเป็นนิสัยค่ะ
.........แล้ว เราจะบอกลา ไขมันส่วนเกิน ที่ทำร้ายจิตใจเรามาตลอดได้อย่างถาวรค่ะ จบปิ๊ง !!!
ป.ล. ไม่มีเพจหรืออะไรฝากอย่างใครเค้า เอาเป็นว่า ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมที่เราอาจจะ เขียนตกหล่น ให้รายละเอียดไม่พอ สงสัย ข้องใจอะไร ก็หลังไมค์มาถามกันได้นะคะ หรือจะขอแรงใจ ขอกำลังใจในการออกกำลังก็ได้เลยค่ะ