…..การล็อบบี้ เป็นหนึ่งในกระบวนการทางประชาธิปไตยไหม? กระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับสีเสื้อแดงเหลือง...

ความจริงคุณ “ตระกองขวัญ” ได้อธิบายไปแล้วเรื่องนี้    ผมขออนุญาตต่อยอดจากที่รู้และได้ไปศึกษาเพิ่มเติมมา   เพราะยังมีหลายท่านมองว่าการล็อบบี้และคนทำหน้าที่เป็นเรื่องไม่ดี     สังเกตุว่าผมใช้คำว่า “หน้าที่” แทนคำว่าการ “เข้าไป” ล็อบบี้    เพราะการล็อบบี้ ส.ส จะในหรือนอกสภาเป็น “อาชีพ” และส่วนใหญ่ในอเมริกาหรือยุโรปจะใช้มืออาชีพ    เซอร์วินส์ตัน  เชอร์ชิล  อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษก็เคยเป็นนักล้อบบี้มาก่อน  และเคยล็อบบี้สำเร็จเกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันให้กับบริษัทบีพี


โดยทั่วไป   เราเข้าใจว่าการล็อบบี้ก็คือการติดสินบน   ซึ่งอาจจะมีส่วนถูกเพียงน้อยนิด.....การล็อบบี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางประชาธิปไตยอันสามารถจะทำได้    การล็อบบี้คือการพยายามโน้มน้าวซึ่งการโน้มน้าวนี้อาจจะให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงก็ได้   การล็อบบี้ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่าง ส.ส กับนักล็อบบี้ (lobbyist)  แต่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเรา   ผมจะยกตัวอย่างเช่น  เมื่อเจ้าจ้อนอยากจะได้ไอแพด  เขาอาจจะไปพูดให้พ่อแม่ซื้อให้เขาโดยตรง    แต่เมื่อคิดไปคิดมานั่นอาจจะไม่ได้ผลและไม่มีน้ำหนักเพียงพอ   จ้อนจึงไปพูดอ้อนกับแม่ให้ไปพูดกับพ่อเรื่องไอแพด  จ้อนอาจจะหอมแก้มแม่ฟอดหนึ่งในการขอร้องตรงนั้น.....นี่คือกระบวนการที่เรียกว่า “ล็อบบี้” ที่เราอาจจะไม่รู้ตัว


ในซีกโลกตะวันตก  อาชีพนักล็อบบี้เป็นอาชีพที่ใช้ศิลปะในการพูด  การรู้จักเข้าหาคนเป็นอย่างสูง(และเข้าให้ถูกคนด้วย)   เอาเฉพาะส่วนการเมือง  ผมเคยอ่านเจอว่าบางที ส.ส คนหนึ่งอาจจะมีนักล็อบบี้ไปเยี่ยมบ้านอาทิตย์หนึ่งร้อยถึงสองร้อยครั้ง!!    การล็อบบี้ที่ดีและนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อส่วนรวมนั้นตั้งอยู่บนความซื่อสัตย์ในหน้าที่ของสองฝ่าย    ส่วนเรื่องการให้ “สินบน” หรือ “ของกำนัล” นั้น  มีกฏกำหนดว่าให้ได้จำนวนเท่านั้นเท่านี้  เหมือนกฏเหล็กของพรรคประชาธิปัตย์เคยตั้งเอาไว้นั่นแหละครับ(ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งดี)


การ “ล็อบบี้” เป็นกระบวนการหนึ่งทีอนุญาตหรือเปิดเวทีให้ “เสียงส่วนน้อย” ได้พูดหรือน้อยๆ ได้แสดงออก   การประท้วงของชาวนากลุ่มเล็กๆ ก็จัดว่าเป็นกระบวนการล็อบบี้    แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ผล.....ตรงนี้แหละที่ต้องใช้ “นักล็อบบี้” มืออาชีพเข้ามาช่วย    ในต่างประเทศ...จะมีนักล็อบบี้มืออาชีพและนักล็อบบี้อาสาสมัคร   พวกเขาจะมีคอนเน็คชั่นที่ชาวบ้านอย่างเราไม่มี   เพราะมัวแต่ไปประท้วงนั่งตากแดดตากลมเป็นอาทิตย์ๆ แทบจะไม่มีอะไรดีขึ้น  การว่าจ้างนักล็อบบี้มืออาชีพจึงดูจะง่ายกว่า   พวกนี้เขาเดินเข้ารัฐสภาได้เลย....แล้วสามารถนำเสียงร้องทุกข์ของชาวบ้านพร้อมกับพยายามพูดโน้มน้าวแทนชาวบ้านถึงมือและกรอกหูส.ส ได้    ไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมายหรือเรื่องเลวร้ายอย่างไร?


ที่อังกฤษ  กว่าจะมีการอนุญาตให้สตรีมีสิทธิ์เท่าเทียมบุรุษได้นั้น   กระบวนด้านประชาธิปไตยตรงนี้ผ่านการล็อบบี้มาน้อยๆ สองถึงสามปี!    หรือจะให้ชัดเจดอีกนิด   การที่พระนางประชาบดีโคตมีพระมารดาเลี้ยงของพระพุทธเจ้าได้ขอบวชเป็นภิกษุณี  แล้วพระอานนท์ทำหน้าที่ไปโน้มน้าวพระพุทธเจ้า  ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นกระบวนการที่เรียกว่า “ล็อบบี้”    หรือกรณีของสมเด็จพระวันรัตน์พระอาจารย์ของสมเด็จพระณเรศวรได้ไปขอบิณฑบาตไว้ชีวิตเหล่าทหารที่สมเด็จพระณเรศวรกำลังจะสั่งประหารเพราะแตกทัพในช่วงต่อสู้กับพระมหาอุปราชแห่งพม่า  นี่ก็คือกระบวนการล็อบบี้


อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งบริหารประเทศมาอย่างยาวนานถึงแปดปี    การครองตำแหน่งอย่างยาวนานตรงได้นั้น  หนึ่งในสาเหตุหลักก็มาจกการ “ล็อบบี้” เพราะอดีตนายกฯ ท่านนี้ไม่ชอบการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งคณะ    นักล็อบบี้ที่ล็อบบี้ไม่ให้เกิดการอภิปรายไว้วางใจครั้งสุดท้ายในสมัยท่านนั้น   สื่อบอกว่า  ไปล็อบบี้ในห้องน้ำที่รัฐสภาเลย....ซึ่งต่อมานักล็อบบี้ท่านนี้ก็ได้เป็นถึงประธานรัฐสภา


คำว่า “ล็อบบี้” คือคำภาษาอังกฤษที่ว่า lobby ห้องนั่งเล่นหรือพักผ่อนซึ่งจะมีไว้ในรัฐสภาสำหรับส.สมานั่งพูดคุยกันระหว่างพัก   การพูดคุยกันตรงนั้นสามารถส่งผลต่อการตัดสินใจหรือเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในเรื่องที่จะบรรจุเข้าวาระการประชุมได้   นั่นแหละคือที่มาของคำว่าล็อบบี้ และคนที่ล็อบบี้ก็เรียกว่า ล็อบบี้ยิสต์ (lobbyist) นั่นเอง


ถ้าเห็นว่าข้อความนี้มีประโยชน์กดอีโมใดอีโมหนึ่งก็ได้นะครับ  ขำกลิ้ง หลงรัก ชอบ อะไรก็ได้   แต่อย่ากดโหวตเลย  แหะ แหะ แหะ  ผมเสียว(ไม่อยากจะอยู่ที่สูง  โดนสอยง่าย)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่