เห้นพ่อฟลุ๊คเดอะสตาร์แล้ว ก็อดไม่ได้ที่ต้องสอนสั่งลูกบ้าง ว่า....
จำไว้นะลูกรัก จง กตัญญู พ่อแม่ เพราะรับรู้จากความรักที่พ่อแม่มอบให้
จงกตเวทิตาพ่อแม่ ด้วยความรัก สนองคืนกลับมาให้พ่อแม่มิเสื่อมคลาย
จำไว้นะลูกรัก จง กตัญญู ที่ทำงาน หัวหน้างาน เพราะรับรู้จากโอกาสแสดงความสามารถที่เขามอบให้
จงกตเวทิตาที่ทำงานหัวหน้างาน โดยใช้ความสามารถในทางที่ถูกต้องชอบธรรม สนองคืนกลับมาให้มิเสื่อมคลาย
จำไว้นะลูกรัก จง กตัญญู แผ่นดิน เพราะรับรู้ด้วยสำนึกของตนเองโดยมิต้องให้คนอื่นชี้นำ
จงกตเวทิตาแผ่นดิน ด้วยประพฤติปฏิบัติชอบในกรอบของกฎหมาย(อันชอบธรรม) สนองคืนกลับมาให้แผ่นดินมิเสื่อมคลาย
ซึ่งจากที่พ่อและแม่ได้อบรมเลี้ยงดูหนูมานาน ก็เชื่อว่าหนู ลูกสาวของพ่อ คงเข้าใจสิ่งที่พ่อได้สอนในวันที่หนูยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตาม
ปีนี้หนูอายุครบ 18 ย่าง 19 ใกล้บรรลุนิติภาวะเต็มที เหลือช่วงเวลาที่พ่อและแม่จะสอนหนู ลูกสาวที่รัก ให้คิดและปฏิบัติดีอีกไม่นาน เพราะเมื่อกาลเวลาเหมาะสม พ่อและแม่ก็พร้อมจะปล่อยให้หนูใช้สติปัญญาของตัวเองตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยตนเอง ถึงทุกวันนี้พ่อแม่ก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของหนูมากนัก เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความลิ้มลองทดสอบรสชาติ การเริ่มเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องหัดดูแลตนเอง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของหนู แต่พ่อกับแม่ก็มีกรอบกว้างๆให้ลูกได้คิดและทำตัวไม่ให้หลุดกรอบที่พ่อแม่วางไว้ กรอบที่ว่ามิใช่กรงขังที่จะกักกั้นเสรีภาพของหนู แต่มีไว้ก็เพราะความห่วงใยในสวัสดิ์ภาพของลูกสาวคนเดียว แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมกรอบนี้ก็จะหายไปเองตามกาลเวลา แต่ความห่วงใยของผู้ให้กำเนิดของพ่อกับแม่ไม่เคยจางหาย แม้ว่าหนูจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เท่าใดก็ตาม
สิ่งที่พ่อกับแม่ให้หนูนั้นให้ด้วยความรักและไม่หวังสิ่งตอบแทน คำว่า กตัญญูกตเวทิตา นั้น ถ้าแปลความหมายและพิจารณาให้ดีแล้ว ก็จะเห็น
กุศโลบายของคนรุ่นก่อน ที่ต้องการกดข่มคนที่ด้อยกว่าหรือคนที่อยู่ใต้การอุปการะ มิให้ก้าวพ้นตัวเอง หรือต้องแทนคุณตัวเองไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด เพราะคำๆนี้ มิได้ถูกใช้ในสถาบันครอบครัวเท่านั้น แต่ใช้กันไปทั่วในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษา ที่ทำงาน หน่วยงานและองค์กรต่างๆ หากสังเกตให้ดีจะเห็นผู้ที่อาวุโสกว่า หรืออยู่ในตำแหน่งที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ จะพยายามอ้างเอ่ยคำว่า กตัญญู เสมอมา โดยลืมไปว่า สิ่งที่ตนเองได้ทำให้ผู้อื่นนั้น มันเป็น “หน้าที่” ที่จำต้องปฏิบัติตามภาระความรับผิดชอบ
เป็นครูบาอาจารย์ ก็มีหน้าที่ที่ต้องสั่งสอนอบรมวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์โดยแลกเปลี่ยนบางสิ่งเป็นค่าตอบแทน สมัยก่อน ก่อนที่ลูกศิษย์ทั้งหลายที่อยากได้วิชา ก็ต้องถวายตัวยอมเป็นผู้รับใช้อาจารย์ตามธรรมเนียมก่อนที่ตัวอาจารย์จะถ่ายทอดวิชาให้เป็นการแลกเปลี่ยน สมัยนี้ครูอาจารย์ก็ได้เงินเดือนเป็นค่าตอบแทน เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองในการสอนสั่งนักเรียน
เช่นกัน สิ่งที่พ่อและแม่ทำให้เจ้านั้นมันเป็นหน้าที่และภาระความรับผิดชอบที่ประกอบขึ้นด้วยความรัก แต่มันมิใช่บุญคุณที่หนูต้องยกเทิดทูนท่วมหัว และกดข่มตัวเองไว้ พ่อกับแม่ไม่เคยคาดหวังให้หนูต้องอยู่ในระดับต่ำเตี้ยกว่าอย่าได้มาเทียบเท่า เพราะสิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง คือหวังให้เจ้าลูกสาวของพ่อก้าวพ้นและเจริญก้าวหน้ามากกว่าที่พ่อแม่กระทำได้
คำว่า
กตัญญู หมายถึง รู้อุปการะที่ท่านทําให้, (ผู้) รู้คุณท่าน
กตเวทิตา หมายถึง ความเป็นผู้ประกาศคุณท่าน, ความเป็นผู้สนองคุณท่าน
นั่นคือความหมายตามพจนานุกรม ซึ่งลูกจดจำไว้ก็ดี แต่มันไม่ใช่สิ่งที่พ่ออยากสอนหนูในวันนี้ หนูไม่จำเป็นต้องกตัญญู
ในสิ่งที่พ่อแม่ทำให้ เพราะนั้นเป็นธรรมชาติของสัตว์โลก หมาหมูมันก็รักและดูแลลูกๆของมัน ตามลักษณะชาติพันธ์ ธรรมชาติที่สืบทอดกันมา เพียงแต่ชาติพันธ์ของมนุษย์มีพัฒนาการมากกว่า มีสติปัญญาใคร่ครวญคิดวิเคราะห์ได้ ดังนั้นจึงมีขั้นตอนการดูแลอบรมเลือดเนื้อเชื้อไขแตกต่างจากสัตว์โลกที่ด้อยพัฒนา พูดง่ายๆก็คือที่ทำทุกอย่างให้หนูนั้นมันเป็นหน้าที่ตามธรรมชาติของคนเป็นพ่อเป็นแม่อยู่แล้ว
ส่วน กตเวทิตา นั้น ยิ่งไม่จำเป็นที่หนูต้องมาสนองบุญคุณอะไรเลย
เพราะหนูเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดจากความรัก มิใช่ผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่จำเป็นต้องสร้างได้ตอบแทน สิ่งเดียวที่พ่อกับแม่คาดหวังจากหนูนั้น ก็คือสิ่งเดียวที่พ่อแม่ให้หนูเสมอมา นั้นคือ “ความรัก” และการที่หนูจะยังรักยังห่วงใยพ่อแม่ต่อไป แม้ถึงวันที่หนูจะแยกออกไปมีชีวิตและครอบครัวของตัวเอง นั้นคือสิ่งเดียวที่พ่อแม่ปรารถนาจะได้จากหนู ลูกสาวของพ่อตลอดไป
คำสอนของพ่อนี้ หนูสามารถเอาไปใช้ได้ในทุกที่ ที่เรียกร้องความ กตัญญูกตเวทิตา กับครูบาอาจารย์ก็พึ่งระลึกไว้เสมอว่าใครเป็นผู้ประสิทธิสารทวิชาให้ สนองคุณท่านด้วยการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีตามที่ท่านสอนสั่ง ใช้วิชาความรู้ที่ท่านให้ประกอบสัมมาอาชีพโดยไม่สร้างความเดือกร้อนให้ใคร และอย่าได้เอาความสัมพันธ์หรือคอนเน็คชั่นที่ได้จากมหาวิทยาลัยมีชื่อที่หนูเรียนนั้น มาเอารัดเอาเปรียบสังคมในภายภาคหน้า
กับที่ทำงานหรือหัวหน้างานในอนาคตภายภาคหน้าของหนู ก็จงรู้คุณเขาด้วยการทำงานอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่เขาให้โอกาสและรับหนูเข้าทำงาน สนองคุณเขาด้วยการประพฤติปฏิบัติชอบไม่นำความเสื่อมเสียมาสู่องค์กร มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยนำพาองค์กรนั้นๆไปสู่ความเจริญรุดหน้า
กับสังคมหรือที่ชอบเรียกกันว่าแทนคุณแผ่นดินนั้น ก็จงกตัญญูกตเวทิตาด้วยการประพฤติปฏิบัติตัวให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร เคารพในสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น แค่นั้นก็พอแล้ว ส่วนให้จะหาว่า
เราเนรคุณแผ่นดินทั้งๆที่เราใช้สิทธิเสรีภาพของเราตามกฎหมาย(อันชอบธรรม)ก็ช่างเขา เหมือนอย่างที่พ่อแม่โดนที่พ่อโดนญาติๆของฝ่ายแม่กล่าวหา ทั้งๆที่แค่เป็นเรื่องความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน ถ้าลูกพบเจอกับตัวเองก็อย่าได้ไปใส่ใจนะลูก
ส่วนพวกที่ชอบอ้างตำแหน่งหน้าที่โดยที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินเงินภาษีของประชาชนนั้น ก็จงกตัญญูกตเวทิตาด้วยการแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ หวังให้พวกมันมี “
สำนึก”
ว่าที่ตัวเองมีหน้ามีตามีฐานะทางสังคมทุกวันนี้นั้นมาจากประชาชน ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายผู้จ่ายค่าตอบแทนให้ มิใช่เป็นขี้ข้าที่ต้องมาทำตามคำสั่ง
สุดท้ายนี้ พ่อเชื่อว่า ลูกสาวของพ่อ ที่พ่อพร่ำสอนให้รู้จักคิดมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และเติบโตขึ้นท่ามกลางสังคมที่ไม่มีกรอบกดข่มให้สามัญชนคนธรรมดาต้องเป็นฝ่ายหมอบกราบอยู่ร่ำไป จะคิดและพิจารณาเองได้ ว่าสิ่งที่พ่อสอนนั้น เป็นสิ่งที่สมควรทำตามหรือเปล่า
พ่อฟลุ๊คเดอะสตาร์มาดู พ่อเนรคุณ สอนลูกเรื่องกตัญญู
จำไว้นะลูกรัก จง กตัญญู พ่อแม่ เพราะรับรู้จากความรักที่พ่อแม่มอบให้
จงกตเวทิตาพ่อแม่ ด้วยความรัก สนองคืนกลับมาให้พ่อแม่มิเสื่อมคลาย
จำไว้นะลูกรัก จง กตัญญู ที่ทำงาน หัวหน้างาน เพราะรับรู้จากโอกาสแสดงความสามารถที่เขามอบให้
จงกตเวทิตาที่ทำงานหัวหน้างาน โดยใช้ความสามารถในทางที่ถูกต้องชอบธรรม สนองคืนกลับมาให้มิเสื่อมคลาย
จำไว้นะลูกรัก จง กตัญญู แผ่นดิน เพราะรับรู้ด้วยสำนึกของตนเองโดยมิต้องให้คนอื่นชี้นำ
จงกตเวทิตาแผ่นดิน ด้วยประพฤติปฏิบัติชอบในกรอบของกฎหมาย(อันชอบธรรม) สนองคืนกลับมาให้แผ่นดินมิเสื่อมคลาย
ซึ่งจากที่พ่อและแม่ได้อบรมเลี้ยงดูหนูมานาน ก็เชื่อว่าหนู ลูกสาวของพ่อ คงเข้าใจสิ่งที่พ่อได้สอนในวันที่หนูยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตาม
ปีนี้หนูอายุครบ 18 ย่าง 19 ใกล้บรรลุนิติภาวะเต็มที เหลือช่วงเวลาที่พ่อและแม่จะสอนหนู ลูกสาวที่รัก ให้คิดและปฏิบัติดีอีกไม่นาน เพราะเมื่อกาลเวลาเหมาะสม พ่อและแม่ก็พร้อมจะปล่อยให้หนูใช้สติปัญญาของตัวเองตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยตนเอง ถึงทุกวันนี้พ่อแม่ก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของหนูมากนัก เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งความลิ้มลองทดสอบรสชาติ การเริ่มเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องหัดดูแลตนเอง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของหนู แต่พ่อกับแม่ก็มีกรอบกว้างๆให้ลูกได้คิดและทำตัวไม่ให้หลุดกรอบที่พ่อแม่วางไว้ กรอบที่ว่ามิใช่กรงขังที่จะกักกั้นเสรีภาพของหนู แต่มีไว้ก็เพราะความห่วงใยในสวัสดิ์ภาพของลูกสาวคนเดียว แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมกรอบนี้ก็จะหายไปเองตามกาลเวลา แต่ความห่วงใยของผู้ให้กำเนิดของพ่อกับแม่ไม่เคยจางหาย แม้ว่าหนูจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เท่าใดก็ตาม
สิ่งที่พ่อกับแม่ให้หนูนั้นให้ด้วยความรักและไม่หวังสิ่งตอบแทน คำว่า กตัญญูกตเวทิตา นั้น ถ้าแปลความหมายและพิจารณาให้ดีแล้ว ก็จะเห็นกุศโลบายของคนรุ่นก่อน ที่ต้องการกดข่มคนที่ด้อยกว่าหรือคนที่อยู่ใต้การอุปการะ มิให้ก้าวพ้นตัวเอง หรือต้องแทนคุณตัวเองไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด เพราะคำๆนี้ มิได้ถูกใช้ในสถาบันครอบครัวเท่านั้น แต่ใช้กันไปทั่วในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษา ที่ทำงาน หน่วยงานและองค์กรต่างๆ หากสังเกตให้ดีจะเห็นผู้ที่อาวุโสกว่า หรืออยู่ในตำแหน่งที่มีคุณวุฒิเหล่านี้ จะพยายามอ้างเอ่ยคำว่า กตัญญู เสมอมา โดยลืมไปว่า สิ่งที่ตนเองได้ทำให้ผู้อื่นนั้น มันเป็น “หน้าที่” ที่จำต้องปฏิบัติตามภาระความรับผิดชอบ
เป็นครูบาอาจารย์ ก็มีหน้าที่ที่ต้องสั่งสอนอบรมวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์โดยแลกเปลี่ยนบางสิ่งเป็นค่าตอบแทน สมัยก่อน ก่อนที่ลูกศิษย์ทั้งหลายที่อยากได้วิชา ก็ต้องถวายตัวยอมเป็นผู้รับใช้อาจารย์ตามธรรมเนียมก่อนที่ตัวอาจารย์จะถ่ายทอดวิชาให้เป็นการแลกเปลี่ยน สมัยนี้ครูอาจารย์ก็ได้เงินเดือนเป็นค่าตอบแทน เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองในการสอนสั่งนักเรียน
เช่นกัน สิ่งที่พ่อและแม่ทำให้เจ้านั้นมันเป็นหน้าที่และภาระความรับผิดชอบที่ประกอบขึ้นด้วยความรัก แต่มันมิใช่บุญคุณที่หนูต้องยกเทิดทูนท่วมหัว และกดข่มตัวเองไว้ พ่อกับแม่ไม่เคยคาดหวังให้หนูต้องอยู่ในระดับต่ำเตี้ยกว่าอย่าได้มาเทียบเท่า เพราะสิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง คือหวังให้เจ้าลูกสาวของพ่อก้าวพ้นและเจริญก้าวหน้ามากกว่าที่พ่อแม่กระทำได้
คำว่า
กตัญญู หมายถึง รู้อุปการะที่ท่านทําให้, (ผู้) รู้คุณท่าน
กตเวทิตา หมายถึง ความเป็นผู้ประกาศคุณท่าน, ความเป็นผู้สนองคุณท่าน
นั่นคือความหมายตามพจนานุกรม ซึ่งลูกจดจำไว้ก็ดี แต่มันไม่ใช่สิ่งที่พ่ออยากสอนหนูในวันนี้ หนูไม่จำเป็นต้องกตัญญู ในสิ่งที่พ่อแม่ทำให้ เพราะนั้นเป็นธรรมชาติของสัตว์โลก หมาหมูมันก็รักและดูแลลูกๆของมัน ตามลักษณะชาติพันธ์ ธรรมชาติที่สืบทอดกันมา เพียงแต่ชาติพันธ์ของมนุษย์มีพัฒนาการมากกว่า มีสติปัญญาใคร่ครวญคิดวิเคราะห์ได้ ดังนั้นจึงมีขั้นตอนการดูแลอบรมเลือดเนื้อเชื้อไขแตกต่างจากสัตว์โลกที่ด้อยพัฒนา พูดง่ายๆก็คือที่ทำทุกอย่างให้หนูนั้นมันเป็นหน้าที่ตามธรรมชาติของคนเป็นพ่อเป็นแม่อยู่แล้ว
ส่วน กตเวทิตา นั้น ยิ่งไม่จำเป็นที่หนูต้องมาสนองบุญคุณอะไรเลย เพราะหนูเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดจากความรัก มิใช่ผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่จำเป็นต้องสร้างได้ตอบแทน สิ่งเดียวที่พ่อกับแม่คาดหวังจากหนูนั้น ก็คือสิ่งเดียวที่พ่อแม่ให้หนูเสมอมา นั้นคือ “ความรัก” และการที่หนูจะยังรักยังห่วงใยพ่อแม่ต่อไป แม้ถึงวันที่หนูจะแยกออกไปมีชีวิตและครอบครัวของตัวเอง นั้นคือสิ่งเดียวที่พ่อแม่ปรารถนาจะได้จากหนู ลูกสาวของพ่อตลอดไป
คำสอนของพ่อนี้ หนูสามารถเอาไปใช้ได้ในทุกที่ ที่เรียกร้องความ กตัญญูกตเวทิตา กับครูบาอาจารย์ก็พึ่งระลึกไว้เสมอว่าใครเป็นผู้ประสิทธิสารทวิชาให้ สนองคุณท่านด้วยการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีตามที่ท่านสอนสั่ง ใช้วิชาความรู้ที่ท่านให้ประกอบสัมมาอาชีพโดยไม่สร้างความเดือกร้อนให้ใคร และอย่าได้เอาความสัมพันธ์หรือคอนเน็คชั่นที่ได้จากมหาวิทยาลัยมีชื่อที่หนูเรียนนั้น มาเอารัดเอาเปรียบสังคมในภายภาคหน้า
กับที่ทำงานหรือหัวหน้างานในอนาคตภายภาคหน้าของหนู ก็จงรู้คุณเขาด้วยการทำงานอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่เขาให้โอกาสและรับหนูเข้าทำงาน สนองคุณเขาด้วยการประพฤติปฏิบัติชอบไม่นำความเสื่อมเสียมาสู่องค์กร มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยนำพาองค์กรนั้นๆไปสู่ความเจริญรุดหน้า
กับสังคมหรือที่ชอบเรียกกันว่าแทนคุณแผ่นดินนั้น ก็จงกตัญญูกตเวทิตาด้วยการประพฤติปฏิบัติตัวให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร เคารพในสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น แค่นั้นก็พอแล้ว ส่วนให้จะหาว่าเราเนรคุณแผ่นดินทั้งๆที่เราใช้สิทธิเสรีภาพของเราตามกฎหมาย(อันชอบธรรม)ก็ช่างเขา เหมือนอย่างที่พ่อแม่โดนที่พ่อโดนญาติๆของฝ่ายแม่กล่าวหา ทั้งๆที่แค่เป็นเรื่องความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน ถ้าลูกพบเจอกับตัวเองก็อย่าได้ไปใส่ใจนะลูก
ส่วนพวกที่ชอบอ้างตำแหน่งหน้าที่โดยที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินเงินภาษีของประชาชนนั้น ก็จงกตัญญูกตเวทิตาด้วยการแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ หวังให้พวกมันมี “สำนึก” ว่าที่ตัวเองมีหน้ามีตามีฐานะทางสังคมทุกวันนี้นั้นมาจากประชาชน ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายผู้จ่ายค่าตอบแทนให้ มิใช่เป็นขี้ข้าที่ต้องมาทำตามคำสั่ง
สุดท้ายนี้ พ่อเชื่อว่า ลูกสาวของพ่อ ที่พ่อพร่ำสอนให้รู้จักคิดมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และเติบโตขึ้นท่ามกลางสังคมที่ไม่มีกรอบกดข่มให้สามัญชนคนธรรมดาต้องเป็นฝ่ายหมอบกราบอยู่ร่ำไป จะคิดและพิจารณาเองได้ ว่าสิ่งที่พ่อสอนนั้น เป็นสิ่งที่สมควรทำตามหรือเปล่า