คือกระทู้นี้ ที่คุณไปตั้งไว้ -->
http://ppantip.com/topic/34347694
----------------------------------------------------------------------------
ผมไปตอบเพิ่มเติมให้คุณอีกหน่อย ในคห.ที่ 25 ล่างสุด ไม่ทราบคุณยังตามอ่านอยู่หรือไม่ละ? ..ลองอ่าน คห.ที่ 25 นั่น แล้วพิจารณาดูอีกที ...
----------------------------------------------------------------------------
คห.ที่ 25 นั่น ..จะเอามาลงซ้ำให้ดูอีก คือ ..
การกินยา เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุมันยังอยู่ในใจคุณ มันจะส่งผลออกมา เรื่อย ๆๆๆ ..คุณก็ต้องกินยาไปเรื่อยๆๆ นานๆไป ระบบประสาทของคุณจะพัง และอาจจะต้องเพิ่มยากมากๆๆ ขึ้นไปเรื่อยๆๆ กินไปตลอดชีวิต.. ลองนึกภาพดู วิถีชีวิตคุณจะเป็นยังไงต่อในอนาคต ? เพราะยาพวกนั้น เป็นพวกยากล่อมประสาท ซึ่งคุณน่าจะพอรู้ฤทธิ์เดชผลข้างเคียงของมัน ถ้าใช้ไปนานๆติดต่อกัน
การกินยาเหมือนการตัดหญ้าคาที่ใบ แต่ไม่ได้ถอนรากจากใต้ดินของมันขึ้นมาทำลาย ใบหญ้าคาก็จะงอกออกมาเรื่อยๆจากรากที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้น ..ไม่สิ้นสุดซะที และอาจจะยิ่งขยายบานเบอะเพิ่มมากๆขึ้นเรื่อยๆๆ
คุณต้องหาทางถอนรากของมันออกมาให้ได้ รากของปัญหาของคุณ อยู่ในใจคุณ ต้องพยายามสะกดจิตสะกดใจ ดำดิ่งลึกลงไปในใจคุณ ไปถอนรากมันขึ้นมาให้ได้ โดยการพยายามเพ่งลึกๆๆเข้าไปในใจคุณ อย่าเผลอเพ่งออกมาสนใจอะไรข้างนอกอีกเด็ดขาด แบบที่ผมบอกไว้ละเอียดพอควรแล้วข้างบนนั่น ฝึกตามนั้นเลย พยายามฝืนใจ อดทน ฝึกไปทีละนิดๆ ซึ่งจะยากมากๆใสนตอนแรกๆ แต่ว่านานๆไปจะค่อยๆดีขึ้นเองทีละนิดๆๆ..และจะหายไปในที่สุด
ว่าที่จริงไม่ต้องไปกินยาอะไรหรอก พยายามฝึกไปตามที่บอก นั่นแหละคือยาที่ดีที่สุด ... เพราะว่า ทั้งหมดนั่น คืออาการที่เรียกว่า "จิตหลอกจิต" แค่นั้นเอง ไม่มีความหมายอะไรเลย มันเป็นแค่อาการของจิต เงาของจิต แค่นั้น แต่ถ้าเราเผลอจะไปหลงว่ามันเป็นจิรงเป็นจัง เหมือนคนที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า มองเห็นเมฆบนท้องฟ้าเป็นรูปเหมือนกับเสือ ก็เลยหลงเชื่ออย่างจริงจังว่าเมฆนั่นคือเสือจริงๆ ลอยอยู่บนท้องฟ้า...คราวนี้ความยุ่งเหยิงก็เกิดกับใจคนนั้น...
อาการความเป็นไปของจิตของคุณ จขกท. ตอนนี้ ก็เหมือนกับคนที่ไปหลงเชื่อว่า รูปเมฆบนท้องฟ้าที่มองเห็นเป็นรูปเสือนั้น นั่นคือเสือจริงๆ ..
ถึง คุณสมาชิกหมายเลข 2629294 ที่ตั้งกระทู้เรื่อง "จิตหลอกจิต" ข้างล่าง...
----------------------------------------------------------------------------
ผมไปตอบเพิ่มเติมให้คุณอีกหน่อย ในคห.ที่ 25 ล่างสุด ไม่ทราบคุณยังตามอ่านอยู่หรือไม่ละ? ..ลองอ่าน คห.ที่ 25 นั่น แล้วพิจารณาดูอีกที ...
----------------------------------------------------------------------------
คห.ที่ 25 นั่น ..จะเอามาลงซ้ำให้ดูอีก คือ ..
การกินยา เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุมันยังอยู่ในใจคุณ มันจะส่งผลออกมา เรื่อย ๆๆๆ ..คุณก็ต้องกินยาไปเรื่อยๆๆ นานๆไป ระบบประสาทของคุณจะพัง และอาจจะต้องเพิ่มยากมากๆๆ ขึ้นไปเรื่อยๆๆ กินไปตลอดชีวิต.. ลองนึกภาพดู วิถีชีวิตคุณจะเป็นยังไงต่อในอนาคต ? เพราะยาพวกนั้น เป็นพวกยากล่อมประสาท ซึ่งคุณน่าจะพอรู้ฤทธิ์เดชผลข้างเคียงของมัน ถ้าใช้ไปนานๆติดต่อกัน
การกินยาเหมือนการตัดหญ้าคาที่ใบ แต่ไม่ได้ถอนรากจากใต้ดินของมันขึ้นมาทำลาย ใบหญ้าคาก็จะงอกออกมาเรื่อยๆจากรากที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้น ..ไม่สิ้นสุดซะที และอาจจะยิ่งขยายบานเบอะเพิ่มมากๆขึ้นเรื่อยๆๆ
คุณต้องหาทางถอนรากของมันออกมาให้ได้ รากของปัญหาของคุณ อยู่ในใจคุณ ต้องพยายามสะกดจิตสะกดใจ ดำดิ่งลึกลงไปในใจคุณ ไปถอนรากมันขึ้นมาให้ได้ โดยการพยายามเพ่งลึกๆๆเข้าไปในใจคุณ อย่าเผลอเพ่งออกมาสนใจอะไรข้างนอกอีกเด็ดขาด แบบที่ผมบอกไว้ละเอียดพอควรแล้วข้างบนนั่น ฝึกตามนั้นเลย พยายามฝืนใจ อดทน ฝึกไปทีละนิดๆ ซึ่งจะยากมากๆใสนตอนแรกๆ แต่ว่านานๆไปจะค่อยๆดีขึ้นเองทีละนิดๆๆ..และจะหายไปในที่สุด
ว่าที่จริงไม่ต้องไปกินยาอะไรหรอก พยายามฝึกไปตามที่บอก นั่นแหละคือยาที่ดีที่สุด ... เพราะว่า ทั้งหมดนั่น คืออาการที่เรียกว่า "จิตหลอกจิต" แค่นั้นเอง ไม่มีความหมายอะไรเลย มันเป็นแค่อาการของจิต เงาของจิต แค่นั้น แต่ถ้าเราเผลอจะไปหลงว่ามันเป็นจิรงเป็นจัง เหมือนคนที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า มองเห็นเมฆบนท้องฟ้าเป็นรูปเหมือนกับเสือ ก็เลยหลงเชื่ออย่างจริงจังว่าเมฆนั่นคือเสือจริงๆ ลอยอยู่บนท้องฟ้า...คราวนี้ความยุ่งเหยิงก็เกิดกับใจคนนั้น...
อาการความเป็นไปของจิตของคุณ จขกท. ตอนนี้ ก็เหมือนกับคนที่ไปหลงเชื่อว่า รูปเมฆบนท้องฟ้าที่มองเห็นเป็นรูปเสือนั้น นั่นคือเสือจริงๆ ..