"มุทิตา" ทั้งยินดีในสุขของผู้อื่นและยินดีในความดีของตน : หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป



พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก จ.เชียงใหม่

...

"มุทิตา" ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
หากบุคคลจะเป็นนักศึกษาเล่าเรียนนั้นก็ดี เขาสอบไล่ได้
ได้ชั้นขึ้นไปเรื่อยๆเราก็พลอยมีความยินดีด้วย  
หากลูกหลานของเราปฏิบัติตนเองของเขาเป็นคนดีก็ให้พลอยยินดีด้วย  
หรือคนอื่นก็ตาม ถ้าเขาทำตนเองเป็นคนดีก็ให้พลอยยินดีด้วย
หรือการค้าขายก็ดี บุคคลค้าขายได้เงินได้ทองร่ำรวย
มั่งมีศรีสุขสมบูรณ์อยู่เป็นสุข มีทั้งรถทั้งเรือตึกรามบ้านช่อง
สิ่งของอันใดมากมายก่ายกองก็ดี ก็ให้พลอยมีความยินดีด้วย  
หากบุคคลได้ยศถาบรรดาศักดิ์ก็ดี  ชั้นโน้นชั้นนี้ก็ดีอย่างนี้  
มีเงินเดือนสูงๆอย่างนั้นก็ให้มีความพลอยยินดีด้วยแก่บุคคลอื่นที่ได้ดีอย่างนั้น  
นั่นอย่างหนึ่งเรียกว่า "มุทิตา" ความพลอยยินดี  

แต่ข้อนี้เป็นข้อที่ทำได้ยาก  หากบุคคลเราไม่ตั้งอยู่ในพรหมวิหารแล้ว
ก็ไม่อาจสามารถที่จะมีความพลอยยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดีได้

ถ้าหากเรามีความตั้งจิตตั้งใจ เจตนา พิจารณาถึงอกเราอกเขา
ที่คนเราเกิดมาต้องการมีความสุข  หากบุคคลอื่นมีความสุข
เราก็พลอยยินดีด้วย  แต่ในข้อนี้มีคนที่ขัดข้องมากเพราะไม่เข้าใจ
ว่าตนเองได้สร้างความดีอะไรหรือมุทิตาความพลอยยินดีอะไร  


ได้สงเคราะห์แก่กุลบุตรกุลธิดาลูกหลานหรือศึกษาเล่าเรียนก็ดี
สอบได้ชั้นสูงๆก็ดี หรือสงเคราะห์กุลบุตรกุลธิดาลูกคนอื่นก็ดี
ให้ศึกษาเล่าเรียนจนสอบได้ชั้นสูงๆจนสอบได้เข้าทำการทำงานก็ดี  
ช่วยเขาจนหมดเงินหมดทองหลายบาทหลายสตางค์อย่างนี้  
ช่วยเขาจนเขาได้ดิบได้ดี ได้ยศถาบรรดาศักดิ์แล้วเมื่อเขาได้ฐานะดี
ได้เงินเดือนดีอยู่เย็นเป็นสุขแล้วเขาไม่ถามเรา
เขาไม่พูดกับเราหรือเขาไม่ได้ให้เงินคืนมาให้แก่เรา
แล้วก็เสียใจโศกเศร้าใจอย่างนี้ก็มี  นี่เรียกว่า "บุคคลขาดมุทิตา"
ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี


เพราะเขาเหล่านั้นเขายังไม่รู้จักคุณของเราเป็นผู้สงเคราะห์
เป็นผู้อุปถัมภ์บำรุง  เป็นผู้ส่งเสริม เป็นผู้ให้ความสุขแก่เขา
เขาจึงสำเร็จได้ เขายังไม่เข้าใจอย่างนั้น เขาจึงไม่รู้จักบุญคุณของเรา  
เมื่อเขาไม่รู้จักบุญคุณของเราอยู่เราก็อย่าไปเสียใจสิ  
เราเป็นผู้มีเมตตาเราเป็นผู้มีกรุณาจนสงสารแก่เขา
เราจึงช่วยเขาให้พ้นจากทุกข์
ให้มียศถาบรรดาศักดิ์  
ช่วยคนให้เป็นคนดี  ช่วยคนให้เป็นคนมั่งมี  
ช่วยคนให้เป็นคนมีความสุข ความสบาย  นี่เราทำความดี

เราสั่งสอนคนให้เป็นคนดี จะช่วยเขาให้เป็นคนดี  
ช่วยเขาให้มีความสุข  เราทำความดีคือเราช่วยคนให้พ้นจากทุกข์
ให้เขามีความสุข  "เรายินดีในความดีของตนเองตรงนี้"  

อย่าไปคิดรังเกียจเขา  อย่าไปคิดเสียใจ
ว่าทำไมเขาจึงไม่รู้ว่าเราเป็นผู้ช่วยสงเคราะห์
แล้วเขาจึงไม่รู้จักเราเป็นผู้มีบุญมีคุณแก่เขา  

เราอย่าไปเศร้าใจอย่างนั้น  ให้เราคิดเสียว่า
"เรานี้แหละได้สร้างความดีและได้แนะนำให้คนเป็นคนดี
ได้ช่วยเขาให้พ้นจากทุกข์ ให้เขามีความสุข"  
นี่..ให้มุทิตาความพลอยยินดีถึงความดีของตนเอง
ที่ได้ช่วยคนอื่นพ้นจากทุกข์และมีความสุข
เราจึงจะเป็นผู้มีมุทิตา ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีได้  

ใจก็สบาย  ใจก็แช่มชื่นเบิกบาน ว่าตนเองได้แนะนำคนให้เป็นคนดี
ช่วยคนให้เป็นคนดี  พ้นจากทุกข์ มีความสุขอยู่สบาย  
นี่แหละจึงจะตั้งอยู่ในมุทิตาได้

เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีเราควรพลอยยินดีด้วย  
อย่าไปรังเกียจเขา  เราจึงจะตั้งอยู่ในมุทิตา
ความพลอยยินดีแก่สัตว์อื่นได้ดีหรือบุคคลอื่นได้ดี

แม้เราไม่ได้ช่วยก็ดีบางบุคคลแต่เขาได้ดีมีเงินทองมียศถาบรรดาศักดิ์สูง
เราควรพลอยยินดีด้วย อนุโมทนาด้วย ว่าบุคคลนั้นได้ความดี ได้มีความสุข
  นี่จึงจะได้ตั้งอยู่ในมุทิตาความพลอยยินดีได้



...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "เมตตาพรหมวิหาร ๔"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่