กาลครั้งหนึ่ง นานจนเกือบลืมไปแล้ว ตอนนั้นผมกำลังสนใจเรื่องค้นหาเมล็ดกาแฟดิบ เอามาลองคั่วเองแทนการซื้อกาแฟคั่วสำเร็จ ในเมืองไทยมีแหล่งปลูกกาแฟดีๆหลายที่ ก็ได้หาเอามาคั่วแล้ว เช่นจากดอยวาวี ดอยช้าง จากดอยอะไรไม่รู้ในจ.น่าน พอดีได้อ่านเรื่องแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกและอยู่ใกล้ไทยด้วยคือบริเวณภาคใต้ของปะเทดลาวนี่เอง ทำให้ผมอยากจะหาโอกาสไปเยือนและเบิ่งอะไรที่เกี่ยวกับกาแฟลาวซักหน่อย
ผมไปเที่ยวแถวอุบลราชธานี แล้วตุหรัดตุเหร่เดินทางเข้าไปลาวใต้ จอดรถไว้แถวหน้าด่านไทย-ลาว(ช่องเม็ก) เดินผ่านด่านเข้าประเทศลาว นั่งรถตู้ประจำทางไปเมืองปากเซ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปประมาณ40กม. เป็นเมืองหลักของแขวงจำปาสัก กะว่าจะอยู่สัก2วันหาดูเรื่องของกาแฟลาวซักหน่อย
เมืองปากเซ อยู่ริมแม่น้ำโขงฝั่งตะวันออก มาจากอุบลฯ40กม.ต้องข้ามสะพานข้ามน้ำโขงก่อน
เขาว่าแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญของลาวอยู่ในแขวงจำปาสักนี่แหละ ห่างจากเมืองปากเซไปทางทิศตะวันออกไม่ไกลนักเป็นเมืองปากซอง (หรือปากช่อง) ตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงบอละเวน ซึ่งเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์โดยธรรมชาติ แถวนี้มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1000 เมตร จึงเหมาะกับการปลูกกาแฟ ทำไร่กาแฟกันมานานตั้งแต่ครั้งฝรั่งเศสเข้ามาปกครองแล้ว ทุกวันนี้มีนักลงทุนทั้งจากเวียตนามและไทยเข้าไปทำธุรกิจปลูกกาแฟด้วย กาแฟที่ปลูกในบริเวณนี้แน่นอนว่าเป็นพันธุ์อาราบิกาที่ผมกำลังมาตามหา
เนื่องจากผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องของกาแฟมากนัก วันแรกนี้มีเวลาสบายๆจึงเช่าเหมารถตู้จากปากเซ ออกตระเวณเรื่อยไป ตามแต่คนขับรถจะพาไปหลังจากที่ผมป้อนโปรแกรมด้วยประโยคสั้นๆว่า ...ช่วยพาผมไปดูตามแหล่งที่ทำอะไรๆเกี่ยวกับกาแฟของลาว...แค่นี้ละ
เริ่มต้นออกเดินทางยังไม่ห่างตัวเมืองไปไกลนัก ก็ผ่านลานซื้อขายกาแฟ(มีพื้นที่ใหญ่มากหลายสิบไร่)ของบริษัทดาวซึ่งเป็นกิจการของคนเวียตนาม เลี้ยวเข้าไปดูหน่อย เห็นมีรถปิกอัพของชาวบ้านหลายคันขนกระสอบใส่เมล็ดกาแฟดิบไปขาย ทางโรงงานคิดราคาให้ตามน้ำหนัก จำไม่ได้แล้วว่ากิโลละเท่าไร ธุรกิจของกาแฟดาวจัดว่าใหญ่มากในประเทศนี้ ใหญ่กว่าบริษัทกาแฟของคนลาวเองด้วย
รถวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วไม่มาก เห็นข้างทางหลายแห่งมีชาวบ้านกำลังใช้เครื่องสีเมล็ดกาแฟกะลาออกมาเป็นกาแฟสารเพื่อนำไปขาย
(การสีเมล็ดกาแฟกะลาเปรียบเทียบได้กับการสีข้าวเปลือกแล้วได้ข้าวสาร ฉนั้น…. กาแฟสาร = ข้าวสาร )
ผมแวะดูวิธีการสีกาแฟแบบชาวบ้านๆหลายแห่ง ก็ไม่มีอะไรมากเขาใช้เครื่องสีแบบง่ายๆคล้ายเครื่องสีข้าว ทำงานด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ด้านหนึ่งป้อนเมล็ดกาแฟกะลาเข้าไป แล้วเปลือกก็กระเด็นออกไปทางหนึ่ง อีกทางก็มีเมล็ดกาแฟดิบสีเขียวๆไหลออกมากองบนกระสอบพลาสติก ก็โกยรวมกันใส่ถุงเก็บไว้ ส่วนเมล็ดที่กระเด็นลงพื้นก็มีคนตามไปเก็บทุกเม็ดไม่มีตกหล่น ก็มันเป็นเงินทั้งนั้น
เกษตกรลาวกำลังสีเมล็ดกาแฟ เพื่อนำไปขายให้โรงงาน
แต่ที่มาของเรื่องในกระทู้นี้ อยู่ตรงที่เมื่อผมแวะไปคุยกับหัวหน้ากลุ่มเกษตรกรปลูกกาแฟในตำบลหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้) เพราะอยากซื้อเมล็ดกาแฟดิบเอาไปลองคั่วดูที่บ้านว่ารสกาแฟลาวจะเป็นไง ได้รับคำตอบว่าเสียใจด้วยเด้อ เอาไปขายหมดแล้ว... เหลือแต่...เมล็ดกาแฟกะลา”ชนิดเมล็ดโทน” เท่านั้น...
ห๊า?? อะไรนะ มีด้วยหรือ... เมล็ดกาแฟกะลาโทน.. เคยเห็นแต่”เมล็ดกาแฟสารโทน” ที่คัดเอาจากเมล็ดกาแฟที่สีแล้วเห็นเมล็ดเป็นลูกกลมๆ... แล้วเมล็ดกาแฟแบบกะลามันมีเปลือกหุ้มอยู่ เราจะรู้ว่าเป็นเมล็ดโทนได้ยังไงนะ??
ลุงหัวหน้ากลุ่มฯพาผมเข้าไปในบ้าน แล้วลากกระสอบพลาสติกมาวางตรงหน้าผม เปิดถุงหยิบเมล็ดกาแฟกะลาออกมาให้ดู.... Wow…มันเป็นเมล็ดโทน peaberry coffee bean จริงๆด้วย แกะดูข้างในทุกเมล็ดเป็นเมล็ดโทนทั้งนั้น......แปลกมาก ผมสงสัยว่าเค้าคัดเมล็ดโทนออกมาได้ยังไง แต่เขาบอกว่าใช้เครื่องคัดแยก....
เมล็ดกาแฟกะลาโทน Peaberry coffee bean ในกระสอบหนัก 15 กิโลกรัม
เวลาผ่านไปไม่นาน ผมเดินกลับไปขึ้นรถ โดยลุงหัวหน้ากลุ่มฯ หิ้วกระสอบกาแฟตามไปส่งถึงท้ายรถ....
ภาระกิจตามหาเมล็ดกาแฟของผมในลาว ก็จบลงแบบงงๆ.....mission completed.
....แต่ยังก่อน ....นี่แค่จุดเริ่มต้นของเรื่องเท่านั้น....
........ตัดภาพกลับมาที่เมืองไทย ต่อไปนี้ เป็นกระบวนการ แปลงโฉมเมล็ดกาแฟกะลาเป็นกาแฟที่ดื่มกันทั่วไป โดยใช้กรรมวิธีแบบบ้านๆ
ตามสเต็ป เราจะทำการสีเมล็ดกาแฟกะลาให้เป็นกาแฟสารเสียก่อน จากนั้นจะเอาไปคั่วเป็นเมล็ดกาแฟดำๆอย่างที่เห็นกันทุกวัน แล้วก็บดละเอียดก่อนจะเข้าสู่เครื่องชงกาแฟแล้วก็ ....ออกมาเป็น Espresso แบบนี้.....
Espresso from peaberry
เริ่มต้นเปิดกระสอบควักและล้วงเอาเมล็ดกาแฟกะลาขึ้นมาดูใกล้ๆ
กาแฟก็เหมือนข้าวเปลือก ต้องขัดสีเอากะลาหรือเปลือกหุ้มเมล็ดทิ้งไป แล้วเอาเมล็ดกาแฟสารข้างในมาคั่วให้สุกจึงจะเกิดกลิ่นรสของกาแฟที่เราคุ้นเคย
จะใช้เครื่องสีกาแฟที่ผมได้มาใหม่เอี่ยม ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน...
นี่ไง รุ่นนี้ไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมัน ใช้แค่ความพยายามและอดทนอย่างเดียว....
ตำ... ตำ... และตำไปเรื่อย สบายๆจนกว่ากะลาจะหลุดออกหมดซึ่งกินเวลาไม่นาน แล้วในที่สุดก็จะได้เห็น....เจ้านี่...
คือ กาแฟสาร หรือกาแฟดิบ เม็ดสีเขียวๆเทาๆ หลุดออกจากกะลาครอบแล้ว เอาไปฝัดในถาดหรือกระด้งให้กะลาปลิวไปตามลม เป็นวิธีโบราณที่ง่ายดี แต่กะลาปลิวเต็มลานบ้านเยอะมาก กวาดกันหูตูบเลย
และออกมาเป็นนี่เลย สิ่งที่ต้องการเจอมานานแล้ว...กาแฟสาร Peaberry ล้วนๆน่าจะเกิน 90 % ใครไม่เชื่อลองนับดูได้
.....ขยายภาพดูกันให้ชัดๆเต็มจอ.......
จากนั้น ก็จะผ่านกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ โดยใช้เครื่องคั่วทันสมัยขนาดจิ๋ว สั่งการและควบคุมด้วยสมองคน ตั้งโปรแกรมคั่วแบบ Fuzzy logic คือ เอาแน่นอนไม่ได้แล้วแต่อารมณ์คนคั่ว หรือมั่วๆเอานั่นเอง หน้าตาเครื่องคั่วเป็นแบบนี้....(เดิมใช้คั่วข้าวโพดแต่ไม่ค่อยเวิร์ค เอามาคั่วกาแฟดีกว่า)
สิ่งที่ได้จะออกมาเป็นเมล็ดกาแฟคั่วที่ยอดเยี่ยมมากครับ เพราะสีไม่สม่ำเสมอกัน มันจะมีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมจากการผสมผสานระหว่างรสเข้ม และรสอ่อนหอมกรุ่นละมุนลิ้นปนกันอยู่ คือมันเป็นศิลปะ เข้าใจมั๊ย???
ต่อไปก็เตรียมคั้นเอาความหอมหวลที่แอบซ่อนอยู่ในเมล็ดกาแฟออกมา โดยผ่านเครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ความดัน 15 บาร์
ตอนนี้ Espressoกำลังไหลทะลักล้นออกมาเป็นสายเลย....
สิ่งที่ตามหา และได้มาแบบงงๆ....
คือกาแฟ Espresso จากเมล็ดกาแฟ Peaberry จากเมืองปากซอง จำปาสัก ปะเทดลาว
.....เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละครับ ท่านผู้ชม....
หากสงสัย... กรุณาอย่าถามนะครับ เรื่องกาแฟผมไม่ค่อยรู้อะไรมาก ทำไปแบบสนุกๆเอามันเท่านั้นเอง อิอิ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ
จากเมล็ดกาแฟกะลา Peaberry ของลาว มาเป็น Espresso ไทยๆ..ได้ไง?
ผมไปเที่ยวแถวอุบลราชธานี แล้วตุหรัดตุเหร่เดินทางเข้าไปลาวใต้ จอดรถไว้แถวหน้าด่านไทย-ลาว(ช่องเม็ก) เดินผ่านด่านเข้าประเทศลาว นั่งรถตู้ประจำทางไปเมืองปากเซ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปประมาณ40กม. เป็นเมืองหลักของแขวงจำปาสัก กะว่าจะอยู่สัก2วันหาดูเรื่องของกาแฟลาวซักหน่อย
เมืองปากเซ อยู่ริมแม่น้ำโขงฝั่งตะวันออก มาจากอุบลฯ40กม.ต้องข้ามสะพานข้ามน้ำโขงก่อน
เขาว่าแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญของลาวอยู่ในแขวงจำปาสักนี่แหละ ห่างจากเมืองปากเซไปทางทิศตะวันออกไม่ไกลนักเป็นเมืองปากซอง (หรือปากช่อง) ตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงบอละเวน ซึ่งเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์โดยธรรมชาติ แถวนี้มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1000 เมตร จึงเหมาะกับการปลูกกาแฟ ทำไร่กาแฟกันมานานตั้งแต่ครั้งฝรั่งเศสเข้ามาปกครองแล้ว ทุกวันนี้มีนักลงทุนทั้งจากเวียตนามและไทยเข้าไปทำธุรกิจปลูกกาแฟด้วย กาแฟที่ปลูกในบริเวณนี้แน่นอนว่าเป็นพันธุ์อาราบิกาที่ผมกำลังมาตามหา
เนื่องจากผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องของกาแฟมากนัก วันแรกนี้มีเวลาสบายๆจึงเช่าเหมารถตู้จากปากเซ ออกตระเวณเรื่อยไป ตามแต่คนขับรถจะพาไปหลังจากที่ผมป้อนโปรแกรมด้วยประโยคสั้นๆว่า ...ช่วยพาผมไปดูตามแหล่งที่ทำอะไรๆเกี่ยวกับกาแฟของลาว...แค่นี้ละ
เริ่มต้นออกเดินทางยังไม่ห่างตัวเมืองไปไกลนัก ก็ผ่านลานซื้อขายกาแฟ(มีพื้นที่ใหญ่มากหลายสิบไร่)ของบริษัทดาวซึ่งเป็นกิจการของคนเวียตนาม เลี้ยวเข้าไปดูหน่อย เห็นมีรถปิกอัพของชาวบ้านหลายคันขนกระสอบใส่เมล็ดกาแฟดิบไปขาย ทางโรงงานคิดราคาให้ตามน้ำหนัก จำไม่ได้แล้วว่ากิโลละเท่าไร ธุรกิจของกาแฟดาวจัดว่าใหญ่มากในประเทศนี้ ใหญ่กว่าบริษัทกาแฟของคนลาวเองด้วย
รถวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วไม่มาก เห็นข้างทางหลายแห่งมีชาวบ้านกำลังใช้เครื่องสีเมล็ดกาแฟกะลาออกมาเป็นกาแฟสารเพื่อนำไปขาย
(การสีเมล็ดกาแฟกะลาเปรียบเทียบได้กับการสีข้าวเปลือกแล้วได้ข้าวสาร ฉนั้น…. กาแฟสาร = ข้าวสาร )
ผมแวะดูวิธีการสีกาแฟแบบชาวบ้านๆหลายแห่ง ก็ไม่มีอะไรมากเขาใช้เครื่องสีแบบง่ายๆคล้ายเครื่องสีข้าว ทำงานด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ด้านหนึ่งป้อนเมล็ดกาแฟกะลาเข้าไป แล้วเปลือกก็กระเด็นออกไปทางหนึ่ง อีกทางก็มีเมล็ดกาแฟดิบสีเขียวๆไหลออกมากองบนกระสอบพลาสติก ก็โกยรวมกันใส่ถุงเก็บไว้ ส่วนเมล็ดที่กระเด็นลงพื้นก็มีคนตามไปเก็บทุกเม็ดไม่มีตกหล่น ก็มันเป็นเงินทั้งนั้น
เกษตกรลาวกำลังสีเมล็ดกาแฟ เพื่อนำไปขายให้โรงงาน
แต่ที่มาของเรื่องในกระทู้นี้ อยู่ตรงที่เมื่อผมแวะไปคุยกับหัวหน้ากลุ่มเกษตรกรปลูกกาแฟในตำบลหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้) เพราะอยากซื้อเมล็ดกาแฟดิบเอาไปลองคั่วดูที่บ้านว่ารสกาแฟลาวจะเป็นไง ได้รับคำตอบว่าเสียใจด้วยเด้อ เอาไปขายหมดแล้ว... เหลือแต่...เมล็ดกาแฟกะลา”ชนิดเมล็ดโทน” เท่านั้น...
ห๊า?? อะไรนะ มีด้วยหรือ... เมล็ดกาแฟกะลาโทน.. เคยเห็นแต่”เมล็ดกาแฟสารโทน” ที่คัดเอาจากเมล็ดกาแฟที่สีแล้วเห็นเมล็ดเป็นลูกกลมๆ... แล้วเมล็ดกาแฟแบบกะลามันมีเปลือกหุ้มอยู่ เราจะรู้ว่าเป็นเมล็ดโทนได้ยังไงนะ??
ลุงหัวหน้ากลุ่มฯพาผมเข้าไปในบ้าน แล้วลากกระสอบพลาสติกมาวางตรงหน้าผม เปิดถุงหยิบเมล็ดกาแฟกะลาออกมาให้ดู.... Wow…มันเป็นเมล็ดโทน peaberry coffee bean จริงๆด้วย แกะดูข้างในทุกเมล็ดเป็นเมล็ดโทนทั้งนั้น......แปลกมาก ผมสงสัยว่าเค้าคัดเมล็ดโทนออกมาได้ยังไง แต่เขาบอกว่าใช้เครื่องคัดแยก....
เมล็ดกาแฟกะลาโทน Peaberry coffee bean ในกระสอบหนัก 15 กิโลกรัม
เวลาผ่านไปไม่นาน ผมเดินกลับไปขึ้นรถ โดยลุงหัวหน้ากลุ่มฯ หิ้วกระสอบกาแฟตามไปส่งถึงท้ายรถ....
ภาระกิจตามหาเมล็ดกาแฟของผมในลาว ก็จบลงแบบงงๆ.....mission completed.
....แต่ยังก่อน ....นี่แค่จุดเริ่มต้นของเรื่องเท่านั้น....
........ตัดภาพกลับมาที่เมืองไทย ต่อไปนี้ เป็นกระบวนการ แปลงโฉมเมล็ดกาแฟกะลาเป็นกาแฟที่ดื่มกันทั่วไป โดยใช้กรรมวิธีแบบบ้านๆ
ตามสเต็ป เราจะทำการสีเมล็ดกาแฟกะลาให้เป็นกาแฟสารเสียก่อน จากนั้นจะเอาไปคั่วเป็นเมล็ดกาแฟดำๆอย่างที่เห็นกันทุกวัน แล้วก็บดละเอียดก่อนจะเข้าสู่เครื่องชงกาแฟแล้วก็ ....ออกมาเป็น Espresso แบบนี้.....
Espresso from peaberry
เริ่มต้นเปิดกระสอบควักและล้วงเอาเมล็ดกาแฟกะลาขึ้นมาดูใกล้ๆ
กาแฟก็เหมือนข้าวเปลือก ต้องขัดสีเอากะลาหรือเปลือกหุ้มเมล็ดทิ้งไป แล้วเอาเมล็ดกาแฟสารข้างในมาคั่วให้สุกจึงจะเกิดกลิ่นรสของกาแฟที่เราคุ้นเคย
จะใช้เครื่องสีกาแฟที่ผมได้มาใหม่เอี่ยม ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน...
นี่ไง รุ่นนี้ไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมัน ใช้แค่ความพยายามและอดทนอย่างเดียว....
ตำ... ตำ... และตำไปเรื่อย สบายๆจนกว่ากะลาจะหลุดออกหมดซึ่งกินเวลาไม่นาน แล้วในที่สุดก็จะได้เห็น....เจ้านี่...
คือ กาแฟสาร หรือกาแฟดิบ เม็ดสีเขียวๆเทาๆ หลุดออกจากกะลาครอบแล้ว เอาไปฝัดในถาดหรือกระด้งให้กะลาปลิวไปตามลม เป็นวิธีโบราณที่ง่ายดี แต่กะลาปลิวเต็มลานบ้านเยอะมาก กวาดกันหูตูบเลย
และออกมาเป็นนี่เลย สิ่งที่ต้องการเจอมานานแล้ว...กาแฟสาร Peaberry ล้วนๆน่าจะเกิน 90 % ใครไม่เชื่อลองนับดูได้
.....ขยายภาพดูกันให้ชัดๆเต็มจอ.......
จากนั้น ก็จะผ่านกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ โดยใช้เครื่องคั่วทันสมัยขนาดจิ๋ว สั่งการและควบคุมด้วยสมองคน ตั้งโปรแกรมคั่วแบบ Fuzzy logic คือ เอาแน่นอนไม่ได้แล้วแต่อารมณ์คนคั่ว หรือมั่วๆเอานั่นเอง หน้าตาเครื่องคั่วเป็นแบบนี้....(เดิมใช้คั่วข้าวโพดแต่ไม่ค่อยเวิร์ค เอามาคั่วกาแฟดีกว่า)
สิ่งที่ได้จะออกมาเป็นเมล็ดกาแฟคั่วที่ยอดเยี่ยมมากครับ เพราะสีไม่สม่ำเสมอกัน มันจะมีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมจากการผสมผสานระหว่างรสเข้ม และรสอ่อนหอมกรุ่นละมุนลิ้นปนกันอยู่ คือมันเป็นศิลปะ เข้าใจมั๊ย???
ต่อไปก็เตรียมคั้นเอาความหอมหวลที่แอบซ่อนอยู่ในเมล็ดกาแฟออกมา โดยผ่านเครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ความดัน 15 บาร์
ตอนนี้ Espressoกำลังไหลทะลักล้นออกมาเป็นสายเลย....
สิ่งที่ตามหา และได้มาแบบงงๆ....
คือกาแฟ Espresso จากเมล็ดกาแฟ Peaberry จากเมืองปากซอง จำปาสัก ปะเทดลาว
.....เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละครับ ท่านผู้ชม....
หากสงสัย... กรุณาอย่าถามนะครับ เรื่องกาแฟผมไม่ค่อยรู้อะไรมาก ทำไปแบบสนุกๆเอามันเท่านั้นเอง อิอิ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ