เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย จิรันธนิน กมลเลิศ
https://thestandard.co/coffee-prices-to-rise-in-2025/
กาแฟในปี 2025 จะแพงขึ้นอีก เมื่อคนดื่มกาแฟเพิ่มขึ้น สวนทางกับแหล่งปลูก เจอวิกฤตสภาพอากาศทำเมล็ดกาแฟไม่พอส่งออก จนบริษัทใหญ่ ‘เนสท์เล่’ จ่อปรับขึ้นราคากาแฟ พร้อมลดขนาดของบรรจุภัณฑ์ลง เริ่มปีหน้า
Thaleon Tremain ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Pachamama Coffee ในแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภัยพิบัติจากภาวะแห้งแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ส่งผลกระทบต่ออุปทานกาแฟทั่วโลก ทำให้ราคากาแฟปรับตัวขึ้นอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เหมือนกับกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น โกโก้ น้ำมันมะกอก และน้ำส้ม
แต่สิ่งที่ต่างกันคือความต้องการกาแฟทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณว่าคนจะลดการดื่มกาแฟลง อีกทั้งกาแฟยังสามารถปลูกได้ในบางประเทศที่มีหมอกชื้น เป็นเขตร้อน และดินอุดมสมบูรณ์เท่านั้น เมื่อดีมานด์กาแฟยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกจนทำลายสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 50 ปี
กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ระบุว่า กระบวนการผลิตกาแฟทั่วโลกมาจากเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้า 57% โดยประเทศบราซิลเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุด แต่ที่ผ่านมาบราซิลได้รับผลกระทบจากภาวะแล้งอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตกาแฟได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
หลายๆ บริษัทผู้ผลิตกาแฟก็เตรียมปรับขึ้นราคา รวมถึงบริษัทใหญ่อย่างเนสท์เล่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะปรับขึ้นราคากาแฟในปี 2025 และลดขนาดของบรรจุภัณฑ์ลง ไม่เว้นแม้แต่บริษัท J.M. Smucker เจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Folgers และ Dunkin’ Donut ที่ได้ปรับขึ้นราคาไปก่อนแล้ว
อ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ลิ้งค์ข้างต้น
ปีหน้า กาแฟจะแพงขึ้นอีก เนสท์เล่ จ่อขึ้นราคา ลดขนาดแพ็กเกจ
https://thestandard.co/coffee-prices-to-rise-in-2025/
กาแฟในปี 2025 จะแพงขึ้นอีก เมื่อคนดื่มกาแฟเพิ่มขึ้น สวนทางกับแหล่งปลูก เจอวิกฤตสภาพอากาศทำเมล็ดกาแฟไม่พอส่งออก จนบริษัทใหญ่ ‘เนสท์เล่’ จ่อปรับขึ้นราคากาแฟ พร้อมลดขนาดของบรรจุภัณฑ์ลง เริ่มปีหน้า
Thaleon Tremain ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Pachamama Coffee ในแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภัยพิบัติจากภาวะแห้งแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ส่งผลกระทบต่ออุปทานกาแฟทั่วโลก ทำให้ราคากาแฟปรับตัวขึ้นอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เหมือนกับกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น โกโก้ น้ำมันมะกอก และน้ำส้ม
แต่สิ่งที่ต่างกันคือความต้องการกาแฟทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณว่าคนจะลดการดื่มกาแฟลง อีกทั้งกาแฟยังสามารถปลูกได้ในบางประเทศที่มีหมอกชื้น เป็นเขตร้อน และดินอุดมสมบูรณ์เท่านั้น เมื่อดีมานด์กาแฟยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกจนทำลายสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 50 ปี
กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ระบุว่า กระบวนการผลิตกาแฟทั่วโลกมาจากเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้า 57% โดยประเทศบราซิลเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุด แต่ที่ผ่านมาบราซิลได้รับผลกระทบจากภาวะแล้งอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตกาแฟได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
หลายๆ บริษัทผู้ผลิตกาแฟก็เตรียมปรับขึ้นราคา รวมถึงบริษัทใหญ่อย่างเนสท์เล่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะปรับขึ้นราคากาแฟในปี 2025 และลดขนาดของบรรจุภัณฑ์ลง ไม่เว้นแม้แต่บริษัท J.M. Smucker เจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Folgers และ Dunkin’ Donut ที่ได้ปรับขึ้นราคาไปก่อนแล้ว
อ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ลิ้งค์ข้างต้น