นั่งรถไปให้ถึง Leh บนเส้นทางในตำนาน Manali-Leh Highway ออกจาก Keylong แวะทานกลางวันที่ Pang



day 4

ออกจาก Kalong สู่ Leh

วันนี้โหดระดับ  18 กะโหลก

กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
ของตุ๊ดตัวเล็กๆและผู้ชายทั้งสี่ของนาง
สามารถติดตามกระทู้การเตรียมตัว ค่าใช้จ่าย และ การเดินทางในวันที่ผ่านมา ได้ที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ เกร๋ๆ
http://ppantip.com/topic/34208002
อ้อฝากเพจใหม่ของอิชั้นด้วยนะคะ https://www.facebook.com/armmiethegypsyprincess/

เอาล่ะ วันนี้น่าจะเป็น จุด highlight ของ ย้อนให้ฟังนิดนึงนะคะ พวกเราเดินทางจากกรุงนิวเดลี เพื่อไปให้ถึง เมือง Leh ที่อยู่เหนือไกลสุดโน่น ตอนนี้พวกเรายังอยู่บนถนนที่เรียกว่า Manali-Leh Highway ค่ะ

ทางวันนี้ค่ะ ยาวนานมาก ข้าวภูเขาหลายลูก ผ่านภูมิประเทศหลายแบบ เส้นทางนี้แหละค่ะ หัวใจของทริปนี้ การผ่านเส้นทางนี้นับว่า ได้ใช้ชีวิตคุ้ม แล้วค่ะ  

ทางที่สวยสุดในผัน มีภูมิประเทศต่างๆหลากหลายแบ่งออกเป็นช่วงๆดังนี้
แบ่งช่วงทางออกเป็น 7 ช่วงตามภูมิประเทศดังนี้
1 Keylong-Jispar เป็นเทือกเขาเขียวๆ ไล่ไปทึมๆแบบมอร์ดอร์ ลงไปสู่พื้นราบ
2 Jispar - Sarchu เป็นพื้นราบเลียบเขา สีเขียวๆน้ำตาลๆ มีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลกัดเซาะเลียบเขา ทางเลียบแม่น้ำ
3 Sarchu - Pang ตรงนี้เวียนหัวและโหดสุด ทางวกวน ค่อยๆไล่เป็นทะเลที่ย มีประติมากรรมทรายให้เห็นทั่ว
4 Pang -Taglangla Pass ทางสวยสุด ถนนสองเลนดี พุ่งกึ่งกลางพื้นราบ เข้าไปหาภูเขาสวยๆ และไต่วกวนขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
5 Taglangla Pass - Miru ทางลงเขา มาทุ่งหญ้าเขียวขจี มีแอ่งน้ำ กับหมู่บ้านการเกษตรเล็กๆ เขียวๆ มีนา มีไร่ ฝูงสัตว์
6 Miru-Upshi เป็นทางในซอกเขา จุดที่จะเห็นแม่น้ำสีชมพู กับภูเข้าสีชมพู หมู่บ้านเกษตรกรรม ข้างแม่น้ำ
7 Upshi-Leh ลงมาจากเขาแล้ว ต่อไปมีแต่ทะเลทรายกว้างใหญ่ มีค่ายทหาร และเมืองที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย เริ่มเห็นอาคารทรงทิเบต เมื่อใกล้เลห์มากขึ้น
พร้อมแล้วไปเดินทางพร้อมพวกเราเลยค่ะ
3 4 เริ่ม....
วันนี้อิชั้นตื่นตั้งแต่ตีสี่ค่ะ ไม่ได้ตื่นเต้นนะคะ  แต่ท้องเสียค่ะ ปวดบิดอย่างรุนแรงลงไปกองที่พื้นเลยค่ะ พยายามนึกนะคะว่ามาจากอาหารอะไรที่ยัดห้า เข้าไปเมื่อวาน  มีอย่างเดียวที่ดิฉันกินไม่เหมือนคนอื่นนั่นก็คือ กล้วยที่ซื้อจากร้านขายผลไม้ในเมือง Kalong ค่ะ สงสัยผลที่ดิฉันกินจะเปื้อนขี้ค้างคาว ไปโรงหมอแถวนี้คงลำบาก เลยกินยาแล้ว อดทน ในรถเอาค่ะ ข่าวดีคือ วันนี้นั่งรถนานที่สุด ในทริป อย่างน้อย 11 ชม.และทางก็โหด เลือกวันท้องเสียได้ดี๊ดีค่ะ

สภาพอิชั้นวันนี้ค่ะ ตื่นมาเข้าห้องน้ำตั้งแต่ตีสี น่าจะสักหกรอบได้ โอย วันนี้เดินทางไกลด้วย การเจ็บป่วยในต่างประเทศนี่ ลำบากนะคะ ไม่รู้จะไปอนามัย ยังไงดี ปลอดภัยไหม ดีที่ผู้ชายของอิชั้นเตรียมยาไปทุกสำรับ ศึกษาการใช้ยามาอย่างช่ำชอง อิชั้นเลยรอดค่ะ การเตรียมตัวดีนี่ สบายไปแปดอย่าง อ้ออย่าลืมทำประกันที่คุ้มครองการรักษาพยาบาลด้วยนะคะ เผื่อป่วยหนัก อย่างไส้ติ่งแตก หรือโดนซอมบี้กัด

พวกเราออกจาก Kalong ตั้งแต่ 7 โมงเช้า  ชาวบ้านยังไม่ตื่นเลย ล่ำลาเมืองเล็กๆวิวอลังการ นับตั้งแต่ตอนนี้
รถของ Tsersing ลัดเลาะไปบนเขา ไต่ความสูง้นไปเรื่อยๆ

ภูมิประเทศไม่ได้เขียวเหมือนเมื่อวานแล้ว  แต่จะออกน้ำตาล ทึมๆซะมากกว่า แต่เป็นภูมิประเทศแปลกใหม่ ที่ไม่เคยเจอ แถมเราเห็นสิ่งที่เรียกว่า ธารน้ำแข็งแบบใกล้กว่าเมื่อวานอีกด้วย นี่คงสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะ

ทางที่ออกจาก Keylong ค่ะ อิชั้นปวดท้องมากเลยไม่ค่อยมีอารมณ์ถ่ายรูปเท่าไร


จะเห็นธารน้ำแข็ง ละลาย ใกล้ๆค่ะ ใกล้ขนาดที่ไอเย็น และกลิ่นสดชื่นของน้ำแข็ง เหมือนเปิดตู้เย็นเลยค่ะ


ถนนยังไปอีกไกลค่ะ นี่แค่เริ่มต้น

ถนนวันนี้คือที่สุด นอกจากจะเลนเดียว ข้างๆคือหุบเหวแล้ว  ถนนวันนี้ไม่ดีเอาซะเลย ด้วยว่าเมื่อวานฝนเทลงมา น้ำเลยนอง โดยทั่ว เวลาหลบรถบรรทุกที่สวนมา ล้อข้างนึงจะเบียดก้อนกรวดที่ไหล่ถนนตกลงไปสู่เหวด้านล่าง ก้อนกรวนที่กลิ้งหลุนๆลงไป ทำเอาคนนั่งข้างๆเสียวไปถึงตับอ่อน นอกจากนี้ยังมีก้อนหินที่ตกลงมาขวางทาง น้ำตกที่ไหลตัดทางขาด จะผ่านแต่ละที่นี่ได้ยินเสียงช่วงล่างรถกระแทกกับหิน กลัวเหลือเกินว่ารถจะพังไหม

นังรถอยู่บนถนนดีๆ เผลอแปปเดียวก็มาเจอถนนขาดค่ะ


น้ำตกไหลผ่านถนนรุนแรงมาก จนรถข้างหน้า ต้องจอดให้นักท่องเที่ยวเดินลุยน้ำไปค่ะ ลื่นปุ๊ปนี่ตกเหวข้างล่างเลยนะคะ ภาพโดย  Pao Sawanumpai

เราถูกแวะตามเมืองต่างๆที่จะผ่านทางเป็นระยะ กระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ต้องมีการจดชื่อและตรวจพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนที่เข้าเขต เราจะเจอด่านต่างๆ เรื่อยๆ หน้าที่ของเราคือแสดงตัวและพาสปอร์ต ตอบคำถามเล็กน้อยว่าจะไปไหน กลับเมื่อไหร่ อยู่กี่วัน แล้วแต่ พี่เค้าจะถาม

ที่เมือง เราแวะพักรถและเข้าห้องน้ำ เพราะอิชั้นท้องเสียมาก พอไปถามร้านขายของว่า น้องน้ำไปทางไหน เค้าก็ชี้ไปที่ลานหน้าภูเขา กว้างสุดลูกหูลูกตา ไอ่เราก็ตกใจ มองหาห้องน้ำไม่มี เห็นแต่ลานกรวดกว้าง ถามย้ำอีกครั้ง เค้าก็บอก นั่นแหละห้องน้ำ เห็นลุงคนยึงวิ่งไปหามุมก็เข้าใจ ทุกคนกระจายไปตามที่ต่างๆ บนห้องน้ำที่กว้างที่สุดในโลกและวิวสวยที่สุด  แต่ไม่เหม็นหรอก เพราะสารอะไรที่ออกมาจากร่างกายเร็ว จะโดนลมเย็นพันโกรก ให้แห้ง ภายในนาทีเดียว ยังกะสเปเชียลเอฟเฟคหนังฮอลลิวูด

นี่ค่ะ ห้องน้ำที่กว้างที่สุดในโลก รู้สึกเวิ้งว้าง และเคอะเขิน ระคน อย่าลืมว่าอิชั้นท้องเสีย จึงจำเป็นต้องใช้ค่ะ เอาทิชชู่เปียกไปด้วยนะคะ


จากสีเขียวภูเขาเริ่มทะมึนหม่นหมอง ดูเศร้าสร้อยลงเรื่อยๆ แต่ยังไงภูเขาไม่ว่าจะสีอะไรก็ยิ่งใหญ่ กว่าทุกภูเขาที่เคยเห็น


ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนอีกครั้งคราวนี้เป็น ก้อนหินก้อนใหญ่ๆอยู่เต็มไปหมด หลายก้อนหล่นลงมาบนถนน คนรถของเราต้องลงไปเก็บทีละก้อนให้พ้นทาง


ไปอีกไกลเลยค่ะ


Tsering คนรถของเราค่ะ จะลงมาเคลียทางตลอดเวลาเจอก้อนหิน หรือถนนถูกน้ำตัด ดูว่ารถจะไปต่อได้ไหม ฮึบๆ เค้าเป็นคนรถที่มีทักษะเยอะทีเดียวบนถนนสุดโหดเส้นนี้ แต่เสียดายใจร้อนไปหน่อย


ถนนอินเดียเส้นนี้จะมีคนงานซ่อมถนนประจำตลอด นี่แคมป์คนงาน บนสถานที่เวิ้งว้างว่างเปล่าไร้มนุษย์เช่นนี้ ก็คิดนะคะ ว่าเค้าจะกินอะไร ต้องเตรียมอาหารมาอยู่กี่วัน แล้วอาบน้ำไหม แล้วความเหงาจะทำให้เกิดความรักขึ้นระหว่างกัน แบบในหนัง โบรคแบค ไหมนะ อิชั้นก็คิดไปเรื่อย


เจอทะเลสาบด้วย น้ำฟ๊า ฟ้า สถานที่มันผ่านเยอะจนอิชั้นไม่รู้ว่า มันชื่อว่าอะไร แต่ที่ตาเห็นนี่คือสวยค่ะ สวยมากๆ

เราเดินทางไปเรื่อยๆ ถนนโหดจนไม่อย่างทำอะไร ภูมิประเทศส่วนใหญ่ทึมๆเท่าเหมือนเข้าไปในดินแดนมอร์ดอร์

แต่พอช่วงเมือง Sarchu ที่เป็นจุดนิยมกางเตนท์ เราก็พบภูมิประเทศใหม่ที่เหมือนฉากในหนัง อินเดียน่า โจนส์สักภาค  วิวของเทือกเขาสูงหลากสี ตัดกับสีขาวๆของแม่น้ำ Tsarap ที่กัดเซาะพื้นดินเป็นร่องลึกขนาดใหญ่

เริ่มเข้าสู่เขต เมือง Sarchu ค่ะ ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนเป็นพื้นราบ กับภูเขาสีเอิร์ธโทน


Tsarap ที่กัดเซาะพื้นดินเป็นร่องลึกขนาดใหญ่ มันใหญ่จริงๆนะคะ ขับรถผ่านนี่ตะลึงตามาก ขอโทษทีที่ถ่ายได้แค่นี้ ซอรี่ค่ะ แต่ยืนยัน นอนยัน ตะแคงยันนะคะ ว่า ที่นี่ ว้าวมากที่นึง ว้าวขนาดนักท่องเที่ยวมานิยม เช่าเต้นนอนที่นี่ เพื่อถ่ายดาว ล่าช้าง


สักพักเราก็ต้องแวะที่เมือง Shachu เพื่อตรวจ พาสปอร์ต อีกรอบ


บรรยากาศรอบๆเมือง ค่ะ เวิ้งว้าง เปล่าเปลี่ยว สมกับเป็นเมืองทางผ่าน เข้าห้องน้ำที่นี่ได้ค่ะ นานอยู่ กว่าจะตรวจเสร็จ ภูเขา นี่สีสวยจริงๆ


ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวนะคะ พี่บรร ก็ต้องตรวจเหมือนกัน เข้าคิวกันนานเลย


ออกจาก Shachu ก็ขึ้นเขาต่อค่ะ แหมะ ทางเขาอีกแล้ว เริ่มน้ำตาล บ่งบอกว่ามันเริ่มจะแห้งแล้งขึ้นเรื่อยๆ เห็นเส้นเล็กที่อยู่บนเขานั้นไหมค่ะ นั่นแหละค่ะทางที่พวกเราพึ่งผ่านมา


บนยอดตรงนี้จะมีจุดชมวิว ค่ะ เหมือนป้อมยามสีเหลืองๆเล็ก บนเทือกเขาสีเอิร์ธโทนหลายลูก ถึงตรงนี้เพื่อนร่วมทริปของอิชั้น มีอาการ เวียนหัวมากค่ะ ไม่แน่ใจว่าเมาโค้ง พันกว่าโค้ง หรือเมาอาการออกซิเจนน้อยบนที่สูงกันแน่ แต่ทุกคนพร้อมใจกันเป็น แสดงว่า น่าจะเป็นอย่างหลัง ความสูงเริ่มเล่นงานทุกคนแล้ว ภาพโดย Mai Wa


ไปกันต่อค่ะ ถึงจะลงเขามา ก็ยังมีอาการ วิงเวียนกันนะคะ ด้วยว่า ที่นีอยู่สูงกว่า ประเทศไทยแทบจะทั้งเส้นค่ะ


เราจะผ่านจุดแวะพักรถบรรทุกหลายเมืองอยู่ค่ะ  ผู้หญิงปวดก็ขอเข้าห้องน้ำได้นะคะ


ต่อที่คอมเม้นด้านล่างนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่