วันที่2 Manali โอบกอดเมืองเล็กบนไหล่หิมาลัย ร่าเริงสดใสเหมือนวัวที่ประเทศอินเดีย


วันที่ 2 Manali

สัมผัสมะนาลี เมืองที่มีดี กว่าเมืองทางผ่าน


กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
ของตุ๊ดตัวเล็กๆและผู้ชายทั้งสี่ของนาง
สามารถติดตามกระทู้หลักได้ที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ เกร๋ๆ
http://ppantip.com/topic/34208002
สอบถามข้อมูลหลังไมค์ได้ที่ https://www.facebook.com/armmiethegypsyprincess/

เส้นทางที่เราเดินทางมา มะนาลีค่ะ นั่งรถบัสได้ แต่จะบินมาลงสนามบิน Kullu Bhuntar เมืองหลวงรัฐใกล้ๆค่ะ

ต้องยอมรับนะคะ การที่นั่งรถบัสอินเดีย ยาวนานราวสิบหกชั่วโมงนี่คือการทรมานสะโพกอย่างนึง ถ้าดิฉันเป็นผู้หญิงดิฉันคงคลอดลูกไม่ได้อีกต่อไป
ด้วยว่าพวกเรามาห้าคน ถ้าอิชั้นนั่งคู่กับผู้ชายที่มาด้วยหลายชั่วโมง กลัวว่าความใกล้ชิดจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราเกินเลย
อิชั้นเลยเสียสละไปนั่งคนเดียวกับใครไม่รู้แทน (ไม่รู้ว่าทำไมพวกมัน ร้องเย่!!! และดีใจขนาดนั้น)
ปรากฎ คนที่มานั่งข้างๆอิชั้น ฝรั่งชาวรัสเซียคนนึง รูปร่างพอฟัดพอเหวี่ยง ผิวขาวเครางาม นันย์ตาสีฟ้าชวนฝัน นางชื่ออเล็ก
เรามีวีรกรรมมากมายตลอด 18 ชั่วโมง

ฟ้าเริ่มสาง ยอมรับว่าวิว ระหว่างทางนั้นสวยจริงๆ ที่รายค่อยๆเปลี่ยนเป็นหุบเขา สีเขียวชอุ่มของต้นไม้หน้าฝน ตัดกับกลุ่มบ้านสีสันสดใสเล็กอย่างสวยงาม แม่น้ำสีน้ำตาลจากฝนตกหนักก็ช่วยขับความเขียวของขุนเขาอันยิ่งใหญ่ เอาจริงๆแล้ววิวนอกหน้าต่างรถนั้น แทบจะเหมือนภูเขาสวยๆของเมืองไทย แถวเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แต่ที่นี่ภูเขาจะสูงกว่า ใหญ่กว่า หุบเขาจะลึกกว่า เพลิดเพลินและแปลกตามาก วิถีชีวิตของคนอินเดียยามเช้าก็เริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ล่วงเลย เริ่มมีเสียงแตรอีกครั้ง
แต่แปลกใจที่หมู่บ้านที่คล้ายๆกับหมู่บ้านชาวเขาบ้านเรานั้นเจริญมาก  วัดจากโชว์รูมรถพระดับพรีเมียมแทรกอยู่กลางหมู่บ้านเล็กๆเหล่านั้น  เห็นก็แปลกใจ แต่เชื่อว่าเค้าคงมีกำลังซื้อกัน แต่คิดอีกแง่  ก็คือการตลาดของยี่ห้อรถต่างๆ เพราะถ้าไม่เอาขึ้นมาขายที่นี่ คงไม่มีใครลงไปซื้อแล้วขับผ่านหมื่นโค้งขึ้นมาใช้บนนี้หรอก ทางวกวนจะตาย

นั่งรถบัสไปต่ออีกหลายชั่วโมง จนมาถึง มะนาลี ที่จอดรถอยู่นอกเมืองมาราว สองกิโล ท่ารถอยู่นอกเมืองต้องเดินเข้าเมืองอีกต่อนึง สมาชิกในทริปต่างรู้สึกคลื่นไส้ ตอนแรกว่ามันเป็นอาการขาดออกซิเจนบนที่สูง แต่เอาจริงๆ มะนาลีก็สูงกว่าเชียงใหม่ไม่เท่าไร อาการคลื่นไส่น่าจะมาจากวีรกรรมของโชเฟอร์ลดบัสมากกว่า

นี่แหละรถบัสกระป๋องของเรา จอดตรงท่าจอดรถของมะนาลี คนขับเอาแต่ใจยิ่งกว่าสามีเด็ก คิดจะจอดสูบบุหรี่ก็จอดครึ่งชม.แถมไม่เปิดแอร์ให้อีก นอนรมกลิ่นตัวฝรั่งข้างหลังจนจมูกตอบสนองความหอมไม่ได้อีก รูปโดย Mai Wa


มะนาลีเหมือนเป็นเมืองที่อยู่บนไหล่เขาหิมาลัย เป็นเมืองท่องเที่ยวของรัฐ Himachal Pradesh สูงประมาณ 2050 เมตร ก็ประมาณดอยที่เชียงใหม่นั่นแหละ ใครชอบอากาศบนดอยน่าจะชอบ เป็นระดับความสูงที่ต้นสนกำลังงาม ไปแยกกันเอาว่าเป็นสนสองใบหรือสนสามใบ
มีแม่น้ำใสสะอาดที่เกิดจากหิมะละลายชื่อ Beas River ไหลผ่านเมือง ภายในมีวิหารเทพและเทพีต่างๆ  บ้านเอนท้องถนนไล่ระดับขึ้นไปบนไหล่เขา มีถนนแคบๆเลนเดียวเชื่อมต่อกัน รถสวนไปมาตามแบบอินเดียนไสตล์ เริ่มชินกับความกระอักกระอ่วนบนท้องถนนของอินเดียแล้ว

แผนที่ค่ะ เมืองมะนาลีจะผ่ากลางด้วยแม่น้ำBeasสีใส

โรงแรมที่พักของเรา อยู่เลยจาก จตุรัสกลางเมืองที่เรียกว่า the Mall มีถนนผ่ากลาง the Mall เรียก Mall Road  ซึ่งเหมือนศูนย์กลางทางการค้าของเมือง โดยจะมีร้านรวงต่างๆมากมาย มีทุกอย่างขาย มีร้านอาหารที่เป็นเป็นสถานที่แหล่งwi-fi เราเดินชมเมืองคร่าวๆ พักทานกาแฟ และวางแผนเที่ยวกัน


ภาพคร่าวๆของเมือง มะนาลี ตรงนี้เรียกว่า Mall Road เป็นกลางเมือง ตรงนี้เป็นถนนคนเดินค่ะ มีทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ รว,ทั้ง tourist center  ด้วย ใครหลงก็ให้มาตั้งต้นจุดนี้ได้ค่ะ


เป็นเมืองที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเจอภูเขาสวยๆ เขียวไปด้วยต้นสนชื้นๆ มีน้ำตกสายเล็กๆไหลตกลงมาตามซอกเขา แค่ได้กลิ่นก็สดชื่นถึงโมเลกุลไอน้ำเล็กที่ลอยปกคลุมทั่วไป  อิชั้นชอบกลิ่นเมืองนี้มาก


ผู้คนที่มะนาลี มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งอินเดีย และธิเบตตั้น นี่เค้ากำลังนั่งรอรถ เพื่อไปคอวรถบัสใกล้ๆค่ะ


นี่แหละค่ะ ร้าน chopsticks ได้ดาวจาก tripadvisor ด้วยนะหล่อน แต่ถามว่าเราเลือกจากดาวไหม ไม่ เราเลือกจากที่ร้านมี free Wi-Fi กินเสร็จเรานั่งแช่ อัพโซเชียล นานด้วยนะเออ ไม่ใช่อะไร เชคอินอวด เพื่อชะนีสักหน่อย รูปโดย Mai Wa


อาหารเที่ยงของเราค่ะ เราเลือกร้านชื่อ chopsticks อยู่กลางใจเมือง เป็นร้านอาหารแนวธิเบต จืดบ้าง อร่อยบ้าง เพราะคนไทยกินรสจัด ขอเบลอหน้า "ผู้ชายทั้งสี่ของนาง"


หลังเสร็จกันตอนเที่ยง เราเดินไปหาร้านกาแฟชิคๆนั่งชิวกันค่ะ ภาพร้านรวงริมถนนค่ะ


ร้านกาแฟ เฟรนไชส์ของอินเดียค่ะ ถามหาสตาบัคหรือคะ นางไซเรนยังมาไม่ถึงหิมาลัยค่ะ แต่หาร้านนี้ได้ทุกเมือง เป็นกาแฟระดับพรีเมี่ยม ผู้ชายของอิชั้นที่ชอบดื่มกาแฟบอกว่า รสชาติโออยู่ อย่าลืมสั่ง "ไจ"นะคะhttp://ppantip.com/topic/34208002

เสร็จแล้วนักท่องเที่ยว ใสแบ๊วหัวกลวงอย่างเรา ก็ไปปรึกษา Manali Tourist information centre สิคะ เค้าแนะนำให้เราไป Solang Valley ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ยังไม่ทันตัดสินใจ ตัดภาพอีกที นางเรียกรถเหมาให้เสร็จ(นี่ฮั๊วะกันชิมิ) Toyota AVanza ไปกลับ ราคา 900 รูปี ตอนแรก 1000 ต่อนิดหน่อยตามไสตล์คนไทย


ทางไป solang ที่เที่ยวขึ้นชื่อของมะนาลีค่ะ ไกลอยู่ ขึ้นเขาด้วย

เรานั่งรถลัดเลาะไปตามไล่เขา ขึ้นไปเรื่อย ผ่านโตรกธาร น้ำใสแจ๋ว ภูเขาเขียวๆ มีวัวเล็มหญ้าอย่าง slow life อากาสบริสุทธิ์ วิวแบบนี้แทบจะไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเราตื่นเต้นมาก มันแปลกใหม่และเติมเต็ม มาก

ถนนไป Solang Valleyค่ะ ออกจากมะนาลี ไปทาง ตะวันตกเฉียงเหนือ ขึ้นเขาไปค่ะสูงอยู่ ให้สมเกียรติเป็น Ski Destination


วิวข้างทางระหว่างไป solang ค่ะ การปสุสัตว์ที่นี่จะปล่อยตามอัธยาสัยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ม้า แพะ ส่วนวัว ประเทศนี้เป็นประเทศของเค้าค่ะ อย่าหือกับเค้านะคะ เค้ามีสิทธิเดินทุกที่ รถยังต้องหลบค่ะ ถ้าใครบาปขนาดชาติหน้ามาเกิดเป็นสัตว์ ให้บอกยมบาลส่งมาเป็นวัวที่อินเดียนะคะ


เนื่อจากถนนบนภูเขาเสียหายตลอด เลยมีคนงานซ่อมถนนให้เห็นแทบจะทุกเส้น แต่ที่สังเกตุเห็นทำไมงานแบบนี้มีแต่ผู้หญิงทำ เอ๊ะมีการเหยีดเพศในสังคมนี้รึเปล่านะ แค่สงสัย

พอไปถึง Solang Valley ก็พบกระเช้าขนาดใหญ่ พาขึ้นไปบนยอดเขา ดูเหมือนว่า ที่ Solang Valley จะเป็นเหมือนลานสกียอดนิยม เห็นรูปสกีมาเต็ม พวกเราไปช่วงฤดูร้อน ความรู้สึกแรกเลยคิดว่า มันดรอปไปหน่อย ไม่ว้าวเท่าที่ควร เหมือนมีแค่เนินสกีเปียกๆโคลนๆ มีคนอินเดียเดินลงมาจากยอด หลายกลุ่ม

ถึงแล้วค่ะ ตอนคนขับจอดเรา คิดนิดนึงว่าถึงแล้วเหรอ เอาน่า น่าจะมีอะไรเริ่ดๆข้างหน้า


นั่น อย่าบอกนะว่าถึงแล้ว นั่น มันศาลาพักรถตู้ รึเปล่า ไหนลานสกี ไหนยอดเขา ไหนแหล่งท่องเที่ยวแนะนำ ตั้งสติได้ก็คิดว่า พวกเรามาหน้าร้อนเองนี่หว่า โคลนทางขวานั่นไง ลานสกีชื่อดัง วิบวับเห็นคนเดินลงมา ข้างบนน่าจะมีอะไร ขึ้นไปดูหน่อยละกัน

เนื่องจากข้างล่างไม่มีอะไร เลยตัดสินใจขึ้นกระเช้า  ด้วยราคา คนละ 500 รูปี ถือว่าแพงนะ แต่ข้างล่างไม่มีอะไร  lไหนๆก็มาแล้ว เลยขึ้นกระเช้าไป  กระเช้าพื้นโปร่งใส มองเห็นด้านล่างหมด หวาดเสียวทีเดียว ด้านบน มีร้านกาแฟเล็กๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ

กระเช้าค่ะ คนละ  500  รูปี แพงค่ะ กระเช้าเป็นกระจกใสๆด้านล่าง สวยนะ เสียวด้วย อ่าห์ คือเสียวจนมือสั่นถ่ายรูปเบลอเว่อร์

พอเดินก้าวข้ามพื้นแฉะที่เต็มไปด้วยขี้วัวไปแล้ว จะพบกับไร่ต้นอะรสักอย่างเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ลมหอมๆที่พัดโชยกลิ่นหญ้าเปียกๆ ให้อารมณ์ เหมือนฉากในเรื่อง the sound of music เพียวแต่ต้นไม้ใบหญ้าสูงกว่า รอบๆมี วิวภูเขาที่เขียวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า แซมด้วยน้ำตกที่ไหลเอื่อยๆ หมอกจางๆ หลังสุดเห็นยอดเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมลิบๆ นี่มันคงสูงมาก ถึงเห็นได้ไกลขนาดนี้

พอลงจากกระเช้ามา นี่ค่ะคือวิว โอเค 500 ได้คืนมาแล้ว 220


ทางเดินขึ้นไปสู่ทุ่งไม้เตี้ยๆค่ะ ทางเดินนี้ระวังด้วยนะคะ เราใช้ทางร่วมกับวัว เค้าเป็นเจ้าของประเทศ และเค้ามีสิทธิที่จะขี้บนทาง อิชั้นเสยขี้เปียกๆไปหนึ่ง อิชั้นงี้รีบเอาไปถูหญ้าเลย


จะมีจุดที่มีม้านั่งโรแมนติค มาเป็นคู่รับรองฟิน


เอ๊ะตรงจุดซอกนั่นมีคนเดินขึ้นไปได้นี่ จุดนั้นมันช่างเหมาะกับ..........


เหมาะกับ.....สิ่งนี้ค่ะ.......โอ้วว คุณค่าที่อิชั้นคู่ควร

เที่ยววัดต่อในคอมเม้นนะคะ ข้อความเต็ม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่