12Days Leh RoadTrip บันทึกการนั่งรถไป Leh ของตุ๊ดไทยตัวเล็กๆและผู้ชายทั้งสี่ของนาง บนเส้นทางสุดโหดระดับเอาชีวิตไปทิ้ง


สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉัน ฝากตัวด้วยนะคะ

เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันและผู้ชายของดิฉันอีกสี่คน ไปเที่ยว Leh มาค่ะ พิเศษคือเราไม่บิน เราไปทางบก


นี่คือดิฉันเองเจ้าค่ะ ดิฉันเป็นตุ๊ดไทยออกสาว ตัวเล็กๆคนหนึ่งที่หลงไหลการท่องเที่ยวมาตั้งแต่เด็ก อยากรู้จักโลกกว้างมาตั้งแต่สมัยเรียน ส306(โลกของเรา) ตอน ม3 ที่ผ่านมาเที่ยวสวยๆแล้วไม่อิน จนได้ไปเดินป่ากับผู้ชายสมัยเรียนมหาลัย แล้วพบว่า ตัวเองชอบเที่ยวแบบลุยๆลำบากๆ

หลายๆคนเคยได้อ่านหลายกระทู้เกี่ยวกับ leh กันบ้างแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆก็ไป เลห์กัน แต่ทริปของเราพิเศษตรงที่ พวกเราเดินทางจากนิวเดลี ไปเลห์กันทางบกค่ะ นั่งรถตูดบาน ผ่านเส้นทางที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุด หินสุด ถ้าเอ่ยชื่อ เส้นทางนี้ ในหมู่นักเดินทางด้วยกันถึงกับส่ายหัว มองแรง และยิ้มอ่อน  นี่ถ้าคงมีคนชวนอีกก็อาจคิดดูก่อน

มาทำความรู้จักคร่าวๆ
Leh เมืองหลวงของแคว้น Ladakh เขต Jammu And Kashmir อยู่บนสุดบนแผนที่อันกว้างใหญ่ของประเทศอินเดีย ติดชายแดนปากีสถาน กับ จีนค่ะ ตั้งอยู่เขตภูเขาสูง มีภูมิประเทศเป็นเขตทะเลทราย มีแม่น้ำตจากหิมะละลายไหลผ่านเลยทำการเกษตรได้บ้าง ผู้คนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่มีจำนวนมากเป็นชาวพุทธชนชาติธิเบต บริเวณนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกับเกี่ยวข้องกับพุทธมหายาน ทำให้มีสถาปัตยกรรม และศิลปะคล้ายกับธิเบต มากทีเดียว
สมัยก่อนที่จีนเปิดประเทศ เลห์เป็นหัวเมืองในการพักสินค้าเพื่อค้าขายกับจีน แต่พอจีนปิดประเทศเลห์ก็ถูกทิ้ง มาบูมอีกครั้งเพราะอินเดียชูศักยภาพการท่องเที่ยว

นอกจากนี้เป็นรัฐอินเดียที่มีกรณีพิพาทกับทั้งสองประเทศ ที่ต่างฝ่ายต่างก็อ้างสิทธิว่าเป็นดินแดนของตน สู้รบกันบ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้สงบดีค่ะ
ถามว่า ทำไมรัฐกลางทะเลทราย เดินทางลำบาก ภูเขาล้อมรอบขนาดนั้น ทำไมจีน กับ ปากี ถึงอยากได้กันขนาดนั้น
นอกจากเหตุผลเรื่องทรัพยากร แร่ธาตุ หรือ ชนชาติ ศาสนาแล้ว
ที่ดิฉันมโนคือ เพราะว่า มันสวยระดับ ทาบอกกลั้นหายใจ มีศักยภาพเรื่องการท่องเที่ยวเว่อร์ ประเทศใหนๆก็อยากได้

ที่มาของทริปนี้
ตอนแรกรุ่นน้องสุดหล่อของดิฉันชวนกันไปเนปาลค่ะ แต่เกิดโศกนาฎกรรมอย่างที่ทุกคนรู้ดี ก็เลยเปลี่ยนแผน หันเหไปที่อื่น
ดังว่า คนไทยหลายๆคนพูดถึง Leh กันมาก
ดิฉันและน้องหล่อของอิฉันเลยอยากลองไปสักครั้ง
แต่ปีนี้ตั๋วเครื่องบินไปเลห์ นั้นแพงเว่อร์วีว่า ถึงขนาดเพิ่มเงินอีกนิดเดียวก็ไป ดาวพลูโตได้
นางสุดหล่อเลยเสนอว่า มันมีอีกวิธีที่จะไปเลห์ได้ แต่ต้องถึกหน่อย นั่นคือนั่งรถไปทางบก
การเดินทางทางบกไม่ค่อยมีคนจะไปนัก  มันจะผ่านเส้นทางชื่อดัง Manali-leh เพราะใช้เวลานาน และ
เท่าที่ลองเสิร์จในกูเกิลคำว่า Manali-Leh ดูสิคะ จะเจอรีวิวสองแบบ
1.สวยสุด -ีนนนนน ( the Uttery Beautiful Road)
2. อันตราย เ-ี้ยยยยยๆ ( the Most dangerous road)
ดิฉันได้ยินคำว่าอันตราย ก็ระริกระรี้ เลยค่ะ

เราเป็นตุ๊ดสายลุย ที่มีไลฟ์สไตล์แมนๆแบบผู้ชาย
แค่นี้ก็เริ่ดพอที่เราจะเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อ เสพ โมเมนท์ ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตแล้ว

เส้นทางของอิชั้นและหนุ่มๆค่ะ ไปทางรถเห็นใกล้ๆแต่ โค้งเพียบนะจ๊ะ แต่ละโค้งก็อยู่บนภูเขาสูงทั้งนั้น ลื่นปุ๊บได้กลับบ้านเก่า


การเตรียวตัว
1.ตั๋วเครื่องบิน
    เดินทางจากกรุงเทพ-เดลี เราวางใจให้ Air India ดูแลพวกเราค่ะ ไม่ใช่ว่ามันเริ่ดสุดนะคะ แต่มันถูกสุด
เป็นสาย AI333 มีทุกวัน 8:55 ถึงเที่ยง 12.00 (เวลาเดลีห่างจากไทย 1:30 ชม.) บินด้วย B787 Dreamliner  
ขากลับสาย AI941 ออก 18:20 ถึง 19:45 บินด้วย A319 เครื่อง กับ บริการค่อนข้างดี แต่แอร์ไม่ค่อยยิ้ม กดดีๆจะได้ราคา 13000 ค่ะ แต่พวกเราลังเลบ่อยเลยกดได้ 15000 กว่า
    ใครจะไปเลห์ หากจะบินไปกลับ  ค่าตั๋ว ขาไป จะถูกกว่า ขากลับจากเลห์ จะแพงกว่า Air India ประมาณ 10000 กว่าบาท(10000-15000) ขึ้นไป โดยขาไปราวๆ 4000 ขึ้นไป ขากลับ 6000ขึ้นไป  แต่พวกเราแนะนำ goair ค่ะ คล้าย lowcost ในประเทศ จะถูกหน่อย ไปกลับ 8000(8000-12000) ขึ้นไป ไปราว 3000 ขึ้นไป กลับราว5000 ขึ้นไป  แต่พวกเรา กดได้ เกือบ 7000

2.ที่พัก และรถภายในประเทศ
เราให้พี่เอเจนซี่ติดต่อจองที่พัก รถโดยสาร และจ้างรถ พร้อมคนขับให้ค่ะ ชื่อพี่บุ๋ม อำเภอใจอินเดียทราเวลค่ะ ตามลิงค์นี้เลย https://www.facebook.com/amperjaiindiatravel?fref=ts
พี่บุ๋มเป็นคนไทยที่ไปพบรักที่อินเดียค่ะ พี่แกอยู่อินเดีย จะรับติดต่อให้หมด เราวางแผนไปให้พี่เค้าเลยว่าอยากพักไหน หรือ อยากจะไปไหนบ้าง พี่แกน่ารัก เป็นแบคแพคเกอร์เหมือนกัน เข้าใจพวกเราค่ะ มีปัญหาโทรได้ตลอด รวมค่ารถ และค่าโรงแรมเรา 12 วัน 18000 บาทค่ะ คุ้มนะ เพราะเราไปทั่วเลย และโรงแรมก็เริ่ดอยู่ ถือว่าโอ แต่ใครจะเอาราคาต่ำกว่านี้ก็คุยกับพี่บุ๋มได้ค่ะ
หากใครอยากจะจองที่พักเอง ก็ตามเวบพวก booking.com ก็ได้ค่ะ ที่พักทุกเมืองราคาประมาณ 3000-3600 รูปีต่อห้องค่ะ
     เรื่องรถ หากจะจ้างรถ จาก Manali ไป Leh หรือจาก Leh ไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตามเมืองท่องเที่ยวจะมีบริการรถเช่ามากมาย ราคาManali ไป Leh 23000 รูปี/คัน/สองวัน ไปคนเดียวไม่ต้องห่วง พวกฝรั่งเค้าชอบติดประกาศหาเพื่อนร่วมทางตามป้ายหน้าร้าน  หรือจะใช้วิธีนี้หาเพื่อนร่วมทางก็ได้ จะได้เจอเพื่อนใหม่ด้วย ดูราคารถได้ที่ http://travelhimalayas.in/transportation/taxi-rental/316-leh-local-taxi-rates-2015.html

ที่พักแบบเตนท์ รูปแบบหนึ่งของการพักระหว่างทาง


รูปแบบรถบัสโดยสารระหว่างเมือง (รูปโดย Mai Wa)


ใครไม่อยากจองรถ หรือเป็นสายจักรยานก็ปั่นแบบคุณพี่คนนี้ได้นะเออ แต่สาบานนิดว่าหล่อนต้องแข็งแรงเท่าพี่เค้านะยะ(รูปโดยMai Wa)

3.อาหารการกิน และการใช้ชีวิต
    ค่าครองชีพอินเดียเอาจริงๆถูกกว่าไทยนะ  แต่ใกล้เคียง เงินรูปีอ่อนกว่าไทย แต่เวลาคิดเงิน ให้คิดเสมือนเป็นเงินไทยเลย ไม่ต้องแปลงค่าในหัว ก็คือ เงินอ่อนแต่ค่าครองชีพถูกไง หักล้างกันก็เลยเสมือน รูปีเท่ากับบาท เช่น ถ้าเจอขวด 40 รูปีให้คิดว่า เฮ้ยตั้ง40 หรือว้า ได้เลย  หรือกินข้าวมื้อละ 100 รูปี ก็โอนะ แค่ร้อยเดียว อะไรอย่างงี้
    อาหารอินเดีย ส่วนใหญ่เป็นแกงเครื่องเทศที่มีไก่กับแพะ พวกแกงกะหรี่ไก่ ไก่ย่าง เมนูไก่และแพะอื่นๆเน้นเครื่องเทศหนักๆ กินกับโรตี แต่จะสั่งข้าวก็ได้ ข้าวอินเดียมีลักษณะร่วยๆเม็ดใหญ่ๆแหลมๆ โดยรวมอร่อยกว่าที่คาด บางร้านถึงกับร้องว้าว เรื่องความสะอาดที่กลัวกัน ก็เลือกร้านดีๆ ลำเลเหมาะสม ปรุงสุก ก็โอเคแล้ว
    ขึ้นไปแถวเลห์จะเป็นชุมชนชาวพุทธเชื้อสายธิเบตส่วนใหญ่ คล้ายอาหารจียต้มๆนึ่งๆ รถจืดๆ เที่ยวไปหลายวันจะนึกถึงมาม่า พกแม่ประนอมกับตาโย่งไปด้วยก็ดี จะทำให้ชีวิตดีขึ้นหลายชั่วโมง
อ้อ อยากกินหมูกับวัวหรือ ไปกินประเทศอื่นเถอะ ไม่มีให้กินหรอกนะคะ
สินค้าอื่นๆโภคภัณฑ์อินเดียไม่มีร้านแบบ 7-11 จะมีโชว์ห่วยแบบบ้านเรากระจายอยู่เต็มอยากได้อะไร ชี้เอา หยิบไม่ได้เดี๋ยวตีมือ แนะนำให้ลองเลย์หลายรสชาติ กับคุกกี้ชอคโกแลตที่ละลายในปาก ถุง 20 เท่าบ้านเรานี่แหละ(คิดแบบเงินไทยไปเลย)

ร้านค้าแบบอินเดีย นี่แหละ 7-11ของเค้า


รูปอาหารบ้านเมืองเค้า อร่อยจ่ะ


4. โทรศัพท์
ใครคิดที่จะไปซื้อซิมของอินเดียที่โน่นล่ะก็ได้ค่ะ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ซิมของเจ้านางเนี่ยใช้ต่างภาคต่างรัฐไม่ค่อยจะได้ เหมือนบ้านเราสมัยก่อนที่ซิมภาคอิสานใช้ภาคกลางไม่ได้อะไรเทือกนั้น จะซื้อต้องสอบถามขอบข่ายบริการให้ดี เอาจริงๆพอขึ้นภูเขาแถวเลห์ ก็แทบจะไม่มีสัญญาณแล้วล่ะ ถ้าจะใข้เนต ไปตามร้านหรือโรงแรมที่เค้ามีไวไฟดีกว่า แต่บอกไว้ก่อนว่า แถวมะนาลี กับเลห์ เนตไม่ค่อยแรงมากนักดอก

5. อาการ High Altitude Sickness
เป็นอาการขาดออกซิเจนบนที่สูง คือ ออกซิเจนก็เหมือนน้ำ อยู่ต่ำก็จะถูกอากาศด้วยกันกัดลงมา ความหนาแน่นก็เพิ่มขึ้น แต่พอสูงๆหน่อย มันก็อิสระ เลยเบาบาง ร่างกายมนุษย์ที่เคยชินกับออกซิเจนแถวๆสยามเลยเกิดอาการต่างๆได้เมื่อออกซิเจนน้อย
หากเลยความสูงระดับ 2500ขึ้นไป ก็จะเริ่มมีอาการ  อาการมันจะมี หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก เวียนหัว หน้ามืด เห็นแสงวิ๊งๆ เบื่ออาหาร อาจถึงเป็นลม หมดสติ และเสียชีวิตได้
ทางที่เราผ่านไปสูงกว่าทุกที่ในประเทศไทย มีขึ้นภูเขาที่ระดับความูงมากกว่า 4500หลายลูก ตัวเลห์เองก็สูงกว่า 3500 เมตร บางจุดนี่ระดับ เกิน 5000 เมตร เช่นที่ Talang La เป็นจุดที่เค้าระบุไว้เลยว่าหากไปที่นี่ ต้องระวังสูงสุด
แนะนำให้เตรียมตัว โดยออกกำลังกายพวกคาดิโอ สักวันละ 30 นาที ขึ้นไป สัปดาห์ละสามวัน สัปดาห์ก่อนไป แนะให้ออกทุกวัน ร่างกายจะบริหารจัดการออกซิเจนได้ดีขึ้น
ตัอิชั้นเอง T25 เป็นประจำ เลยไม่มีอาการเท่าไหร่ ร่าเริงได้เหมือนเดินชอปปิ้งสำเพ็ง นี่ดิฉันไปวิ่งเล่นบนยอด 4800 เมตรมาแล้ว ขณะที่คนอื่นลิ้นห้อย ขอโม้หน่อย
หากมีอาการแนะให้ดื่มน้ำเยอะๆ อยากออกกำลังกายให้หัวใจเต้นมาก  เค้าแนะให้กินยา  Acetazolamide (diamox) ก่อนขึ้นวันนึง เค้าว่ามันช่วยอาการนี้ได้  
แนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์หล่อๆใกล้บ้านท่าน หรืออ่านการเตรียมตัวได้ที่ http://www.thaitravelclinic.com/blog/th/other-travel-tips/altitude-sickness2-symptoms-and-preventio.html
6.ความปลอดภัยและประกันชีวิต
    แนะนำให้ทำประกันการท่องเที่ยว ที่ครอบคลุมการส่งผู้ป่วยกลับประเทศ บางบริษัทมีเครือข่าย ฮิลิคอปเตอร์ฉุกเฉิน เพราะเอาจริงๆ ถนนที่เดินทางแต่ละวันนี่ เหวทั้งนั้น เสี่ยงมาก รถลื่นทีเดียวนี่ ได้.....ใช้ประกันแน่แน่ แล้วเรื่องเจ็บป่วย นี่การสาธารณสุขอินเดียยังไม่ปังเท่าที่ควร คาดหวังจะเจอโรงพยาบาลประจำอำเภอแบบบ้านเราที่พอใช้ได้ มันไม่มีดอกนะ ประกันหลายบริษัทครอบคลุมค่าเครื่องบิน หรือส่งเราไปรักษาต่างประเทศ ต่างเมือง ทำเถอะ ทำในเวปไซค์ไม่ยุ่งยาก ราคาก็หลักร้อย ไม่แพงๆ
เรื่องความปลอดภัย อินเดียอาจจะเป็นประเทศที่อันตรายพอสมควรสำหรับผู้หญิงคนเดียว ถ้าจะไปควรระมัดระวังเพิ่มขึ้น
โจรฉกชิงวิ่งราว ไม่ค่อยมี ไม่ค่อยขายของเกินราคาให้นักท่องเที่ยว แต่ก็ระวังเด็กขอทานที่จะมาคอยดึงทึ้งเสื้อผ้าเรา ให้ปฏิเสธอย่างสวยงามและมี มนุษยธรรม
ยารักษาโรคตามเมืองต่างๆจะมีร้านขายยาเล็กทั้วไป ยาที่อินเดียจะต่างจากบ้านเราสักหน่อย ใครมีโรคประจำตัว แนะนำให้เอายาไปด้วย และจดชื่อยา ชื่อสารประกอบไปด้วยก็ดี จะได้คุยกับเภสัชรู้เรื่อง เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ต้องห่วง ยาที่อินเดียถูกมากๆ รวมถึงพวกครีมทาตัว ลิปมัน แล้วก็ยาสีฟันด้วย ถู๊กถูก

7.ภาษา
อินเดีย พูดภาษาอังกฤษได้ จบข่าว

ถึงอินเดียจะมีหลายเชื้อชาติ แต่ก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี รวมถึงป้ายต่างๆก็เป็นอังกฤษเป็นหลักและมีฮินดีบ้าง


สรุปค่าใช้จ่ายของอิชั้น ไปห้าคน เฉลี่ยคนละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่