▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
ประเทศอินเดีย
ภาพถ่าย
[CR] I "Leh" my love in Ladakh เที่ยวเลห์กันนะ Part 3
Part 2 -> http://ppantip.com/topic/35781643
วันที่ 4 ก่อนออกทริป ลงรุปอาหารเช้าหน่อยละกัน เซทอาหารเช้าจะมีไข่ ขนมปัง เนยและแยม พร้อมชาร้อน บางวันก้อจะมีอาหารท้องถิ่นมาให้ลองชิมด้วย
วันนี้เราเก็บเสื้อผ้าและของจำเป็น เพราะเราจะไปค้างคืนที่ Nubra 1 คืน ระยะทางประมาณร้อยกว่ากิโล แต่เส้นทางนั้น ขึ้นเขา ขึ้นเขาและก้อขึ้นเขา เส้นทางที่เคยอ่านมาว่าแคบและสุงมากจะเป็นอย่างไร เด๋วรู้กันครับ
เราขับรถออกมาจากเมืองเรื่อยๆและเริ่มขึ้นเขาไต่ระดับไปเรื่อยๆ
จะเห้นถนนที่เราเพิ่งขับผ่านมาอยุ่ไกลๆด้านล่าง
ถนนที่ขึ้นเขาแคบมาก เหมือนรถวิ่งได้เลนเดียว นานๆก้อจะมีรถสวนผ่านมาซึ่งเราก้อจะหลบให้รถผ่าน ทางอาจจะดูหวาดเสียวบ้าง แต่จากที่นั่งมาหลายวัน เราเชื่อในความปลอดภัยของคนขับเลย
เราขับขึ้นถึงยอดเขาลุกนึง ซึ่งตอนแรกนึกว่าจะถึงยอดแล้ว เปล่าเลยครับ มันไปเริ่มต้นขึ้นไปอีกยอดเขานึง เป่นอย่างนี้เรื่อยๆจนเราเริ่มจะเห็นหิมะที่อยุ่ตามทางแล้ว
ไม่นานเราก้อถึงจุดแรก Khardungla Top ซึ่งเป็นถนนที่รถสามารถสัญจรผ่านได้ สูงที่สุดในโลก ( 5600 เมตรจากระดับน้ำทะเล )
อากาสข้างบนเบาบางมาก เราถ่ายรุปกันอยู่พักนึงก้อต้องกลับเข้ามาที่รถ
วิวด้านบนสวยมาก เลยขอซักรูปนึง อิอิ
วิวบนยอดเขา
ตอนก่อนลงจะเจอรถโกยหิมะกวาดอยู่เพื่อเคลียทางให้ รถทุกคันก้อจะจอดรอ แต่ไม่ได้มีคนมาบ่นอะไรเพราะทุกคนลงมาถ่ายรุปเล่น
จากนั้นเราก้อขับรถมุ่งไปสุ่ Nubra Valley ซึ่งระหว่างทางก้อยังมีวิวสวยๆให้ชมตลอด
ไม่นานเราก้อถึงร้านอาหารที่ Nubra โดยมีเจ้าถิ่นมานอนรอต้อนรับ
ทุกที่ของที่นี่จะมีธงติดอยู่ ซึ่งเป็นธง 5 สีเรียกว่า ธงมนต์ โดยแต่ละสีจะมีความหมายแตกต่างกันไป
สีแดง หมายถึงไฟ เป็นตัวแทนความกล้าหาญ
สีขาว หมายถึงเมฆ เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์
สีเขียว หมายถึงต้นไม้ เป็นตัวแทนของความสุภาพ
สีฟ้า หมายถึงท้องฟ้า เป็นตัวแทนของความฉลาด
สีเหลือง หมายถึงดิน เป็นตัวแทนของความเมตตา
ธงแต่ละผืนจะมีคำสวดหรือคำอธิษฐานเขียนไว้เต็มผืนซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเมื่อลมพัดธงปลิวไสว ก้อจะเหมือนกับการได้สวดมนต์ตลอดเวลา
จกนั้นก้อสั่งอาหารกันครับ อย่างแรกเป๋นหมี่ผัด
ต่อมาเป็นบะหมี่เรียกว่า แม๊กกี้ คล้ายๆมาม่าบ้านเรา แต่จะมีรสผงกะหรี่ติดปลายลิ้นตอนกิน
จากนั้นเป็นโมโม่แบบทอดครับ ไส้ไก่นะถ้าจำไม่ผิด
จากนั้นเราจะแวะไปวัด Diskit กันครับ ขับไปอรกประมาณชม.นึง
จากนั้นเราก้อขับไป Hunder Sand Dunes ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เพื่อไปขี่อูฐกันครับ
ค่าขี่อูฐที่นี่ 200RS / 15 นาที คนจูงจะจูงออกไปที่ทะเลทรายแล้วเดินวนรอบ พอได้บรรยากาศ ผมว่าจะลองขี่ดูมั่ง เลยลองถามอูฐที่นั่นว่า เด๋วให้ 500 รูปีเลย ขอขี่หน่อยได้มั๊ย..... อูฐบอกว่า พันนึงตรูก้อไม่เอา เด๋วหลังหัก 5555
อารมเสียครับ...... เย็นเราไปพักกันที่โรงแรมในหมู่บ้านแห่งนึง ที่พักจะไม่มี heater นะครับแต่สามารถขอผ้าห่มเพิ่มได้
วันที่ 5 ไฮไลท์สวยๆของทริปนี้กับ Pangong Lake ทะเลสาบปันกองซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก ( 4300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ) ที่นี่มีทะเลสาบสีฟ้าที่เป็นสีฟ้าจริงๆ อยากจะบอกว่ากว่าจะมาที่นี่ได้ นั่งรถผ่านเส้นทางแบบสุดมหาโหดมาก ( ถามว่าโหดขนาดไหน นึกภาพเรามีข้าวยำเกาหลีแบบใส่ไว้ในกล่องครับ เชย่าจนแบบว่าพอไปถึงที่ทะเลสาบ คือข้าวยำคลุกกันได้ที่กินได้เลย 55 ) ลงรุปทะเลสาบกันดีกว่า ผมไม่ขอบรรยายว่าสวยแค่ไหนนะครับ ขอลงรูปอย่างเดียวรัวๆเลย ไปชมกันเองละกัน
จากนั้นแวะกินข้าวกันร้านที่ทะเลสาปเลย อาหารตามนี้ครับ
อันนี้ข้าวผัดกระเที่ยมกับเนย หอมมากครับ กินกับแกงกะหรี่ที่มีเนยใส่มาด้วยเพิ่มความหอมมัน
จากนั้นเราขับรถกลับเลห์กัน ซึ่งทางผ่านก้อจะแวะ landmark อีกที่นึงคือ Changla Pass เส้นทางที่รถสัญจรได้ สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
หลังจากถึงที่พัก ก้อออกไปหาอะไรกินมื้อเย็น วันนี้ขอลองร้าน Gismo ละกันครับ