สวัสดีสมาชิกทุกคนอีกครั้ง หลังจากที่ทิ้งท้ายไว้ว่าจะมาเล่าใน Part ของนิวเดลี และ อัคราให้ฟังต่อ จากทริป "เที่ยว Leh (Ladakh) เทให้หมดใจ" และแล้ววันที่สัญญาก็มาถึง คือวันนี้จะมาเล่าให้ฟัง ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากมาย และยังคง concept เดิม ขอคือเล่าให้ฟังในสไตล์ของเรา ซึ่งเน้นเล่าเรื่องมากกว่าการให้ประโยชน์นะคะ สำหรับท่านใดที่สนใจที่จะอ่านกระทู้ เที่ยว Leh สามารดูได้ตาม Link ด้านล่าง
ตอนที่ 1 :
https://ppantip.com/topic/42189464
ตอนที่ 2 :
https://ppantip.com/topic/42190347
เราขอเล่าในส่วนของเมือง นิวเดลี และ อัครา ซึ่งครั้งแรกเราอ่านรีวิว ว่าสามารถนั่งรถ Metro และ รถไฟท้องถิ่นไปได้ แต่พอเราลองติดต่อ Agent คือ คุณบุ๋ม จาก อำเภอใจ อินเดีย ทราเวล ครั้งแรกติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียการซื้อตั๋วรถไฟข้ามเมืองจากนิวเดลี ไป อัครา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่า การนั่งรถไฟควบคุมเวลาการเดินทางได้ยาก เนื่องจากหากมีอุบัติเหตุ จะทำให้ล่าช้า และแนะนำเป็นเดินทางแบบ Private ทัวร์โดยรถยนต์ พร้อมคนขับ สิริรวมแล้ว 7,300 บาท สำหรับ 3 คน เราตกลงเลือกใช้บริการถยนต์
3/8/66 (วันที่ 7) : วันนี้เราเดินทางออกจาก Leh ด้วยสายการบิน Vistara เวลา 09.20 น. เรานัดหมาย Zangpor มารับเพื่อไปส่งที่สนามบินเวลา 07.00 น. เพราะ Jigmat แนะนำว่าให้เผื่อเวลาประมาณ 2 ชม. เนื่องจากสนามบินขาออกของ Leh ค่อนข้างเล็ก และมีช่องตรวจสัมภาระจำกัด ทำให้เสียเวลาในการตรวจสัมภาระนานกว่าสนามบินทั่วไป ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราไปถึงสนามบินประมาณ 07.15 น. และพบว่า "พนักงานของสายการบิน Vistara "หล่อ มากก" ทำให้เราชุ่มชื่นหัวใจ และนึกเสียดายที่ต้องเดินทางกลับในวันนี้ เราเจอกันช้าไป 555
เราตรวจสัมภาระเสร็จประมาณ 08.45 น. (ที่ช้ามากเพราะเพื่อนเราลืมเอา Battery กล้องออกจากกระเป๋าที่จะโหลด และเอาไปไว้ใต้สุดของเป้ ทำให้ต้องค้นเอาออกมาค่อนข้างนาน) ก่อนจัดกระเป๋า เพื่อน ๆ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อนนะคะ จะได้ไม่เสียเวลามาก ค่ะ หลังจากเรียกขึ้นเครื่องแล้วก็เหิรฟ้าสู่เมืองนิวเดลี
หลังจากคนขับมารับที่สนามบินอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางทรหดหลายวันจากเมือง Leh ก็พรั่งพรู บวกกับอากาศร้อนประมาณ 35 องศา แต่รู้สึกว่าร้อนมากกว่าปกติก่อตัวขึ้น ซึ่งนาทีแรกที่เราเข้าเมืองนิวเดลี เสียงแตร ฝุ่น ความวุ่นวาย ทำให้เราอยากกรี๊ดออกมาซิคะ กรี๊ดเลย ระบายมันออกมา 555
เป็นเหตุทำให้เราบอกคนขับรถว่าเราขอยกเลิก Program ทัวร์ทั้งหมดและขอพาเราไปส่งที่โรงแรม The Prime Delhi เพื่อให้เราได้นอนพักแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับวันแรก (คนขับทำหน้า และ ท่าทาง งง ๆ คงคิดในใจว่า มาเพื่อ???) พอถึงโรงแรมสิ่งที่ทำให้เราหลงไหลมากที่สุดไม่ใช่สภาพของโรงแรมแต่กลับเป็นสัญญาณ Internet ที่ดีระดับ 10 ดาว เหมือนคนได้กลับสู่โลกที่คุ้นเคย หลังจากที่เราเข้าสู่ระบบ Social Media Detox ที่ Leh มาหลายวัน





คืนแรกเราพยายามทำใจกล้าพาตัวเองไปเดินเที่ยวรอบโรงแรม แต่พอเดินไปได้แค่ 300 เมตร ก็ถอดใจ เพราะเสียงแตร ฝุ่น ผู้คน ผลักดันให้เรากลับเข้าไปพักที่โรงแรมน่าจะปลอดภัยที่สุด (เราขออนุญาตบรรยายตามความรู้สึกของเรานะคะ หากขัดใจใครเราต้องขอภัยมา ณ ที่นี้)
4/8/66 (วันที่ 8) : วันนี้เราจะเดินทางไปอัครา นัดคนขับมารับตอน 09.00 น. และก็เริ่มออกเดินทาง ตลอดทางเห็นป้ายสตาร์บัค ทำให้เราอยากลองของ (ปกติเที่ยวประเทศไหนก็ต้องลอง สตาร์บัคของประเทศนั้น เพื่อการเปรียบเทียบ ไม่ใช่รสชาด แต่เป็นการแต่งร้านและบริการของแต่ละพื้นที่ ซึ่งน่าสนใจมาก) หลังจากคนขับรถพาเราเดินทางมาได้ประมาณครึ่งทาง เราเริ่มกังวล เพราะคนขับรถมีอาการเหมือนง่วงนอน เราชวนคุยตลอดทาง ในใจภาวนาว่าขอให้ถึงโรงแรมโดยปลอดภัย


ก่อนถึงโรงแรมเราได้แวะที่ Itimud – ud- Daulah หรือ เบบี้ ทัช ซึ่งมีเรื่องประหลาดใจมาก คือ ทุกคนที่เป็นชาวอินเดีย ขอถ่ายรูปคู่กับเรา แหมะ เราก็ย่ามใจว่าสวยเหมือนญาญ่า ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย 555
ส่วนตัวที่นี่ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรมาก แค่แวะถ่ายรูป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคนขับรถ (เพราะอยากปลอบใจที่เมื่อวานเทไปแล้วหนึ่งรอบ)



*** กลับมาเล่าต่อกันคร่า
หลังจากถ่ายรูปกันสักพัก เราก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม คืนนี้เราเลือกพักโรงแรม Courtyard by Marriott Agra ซึ่งตอนจองห้องได้ราคาสำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท แต่เนื่องจาก location ของโรงแรมไม่ง่ายที่จะหาอาการทานกันเอง เราจึงตัดสินใจพักแบบรวมอาหาร สรุปราคารวมเตียงเสริม อาหารเย็น + อาหารเช้า เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 7,300 บาท/คืน/3 คน หลังจากเช็คอินเรียบร้อยเราขึ้นไปบนห้อง ถึงกับร้องว้าวววววว!!! ห้องค่อนข้างใหญ่และมีระเบียง outdoor ให้นั่งเล่นด้วย แต่ ใครจะไปใช้บริการได้เนื่องจากอากาศด้านนอกร้อนนน จนไม่สามารถใช้คำว่าชิลลล์ แบบ outdoor ได้





เราเลือกนอนตากแอร์ในห้องสักพัก ก็ตัดสินใจเดินสำรวจรอบ ๆ โรงแรม เลือกซื้อเค้ก 1 ชิ้น ขนม 1 กระป๋องมานั่งกินที่ Lobby
พอหันไปสบตากระป๋องเท่านั้นแหละ "ข้าวโพดอบกรอบ ตรา คอนเน่" แรก ๆ ก็คิดว่าเราอยู่หลายวันจนแปลอังกฤษ - ไทย ได้เร็วปานเจ้าของภาษาแล้วหรืออย่างไร แต่พอขยี้ตาหันมาดูอีกที ความโบ๊ะบ๊ะเป็นเหตุสังเกตได้ หัวเราะน้ำตาแตก คอนเน่ ดังไกลถึงต่างแดน คนรวยเค้ากินกัน อยู่ไทยราคาไม่เกิน 100 มาโดนหรอยที่นี่ 150 บาท



ก่อนถึงเวลาอาหารค่ำ เราก็ไม่ลืมแวะที่เคาน์เตอร์ Reception เพื่อขอให้โรงแรมจัด Surprise วันเกิดให้เพื่อนของเรา ในเวลาอาหารเช้า ซึ่งทางโรงแรมแจ้งว่าได้เตรียมการไว้แล้ว ขอแค่แจ้งเวลาว่าจะให้จัดตอนกี่โมง
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารค่ำ ซึ่งอาหารแต่ละเมนู อู้หู้ มาก หมายถึงเราจะกินอะไร อย่างไรก๊อนนน แต่ละเมนู ยากยิ่งจะตัดใจกินลง 555
มื้อนี้ตัวเรารอดมาได้จากเมนู Chicken Biryani เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานเครื่องเทศกลิ่นจัดจ้านอยู่แล้ว แต่เพื่อนของเราอีกสองคน ถึงขั้นต้องเดินกลับไปเอาถุงยังชีพที่ห้องเพื่อมาบรรเทาทุกข์ของมื้อนี้กันเลยทีเดียว (จ่ายแพงกว่าทำไม 555)
หลังมื้อเย็นเราก็เข้าห้องพักด้วยความหวังที่จะนอนอย่างสบายที่สุดให้สมราคา แต่การนอนคืนนี้ทรมานที่สุด เพราะกลางสนามมีการจัดงานและเปิดเพลงเสียงดังมากทะลุขึ้นมาถึงบนที่นอน ถ้าแค่เพลงเรายังพอทำใจได้ แต่เพลงที่กลั่นออกมาจากลำโพงเสียงแตกนี่สุดทนนนนน (ถ้าเพื่อน ๆ นึกภาพตามเวลาไปงานบุญสักแห่ง บ้านที่มีฝาหม้อมัดติดผนังแล้วโดนกระตุ้นด้วยลำโพงเสียงแตก ฝาหม้อ กับ ฝาบ้านกระทบกันสนุกเลยทีนี้) สุดท้ายเราก็ต้องพยายามข่มตาตัวเองให้พักผ่อน เพราะอีกวันต้องตื่นเช้า รู้ตัวอีกทีเพลงหยุดตอนประมาณ 01.00 น.
5/8/66 (วันที่ 9) : เช้านี้เรานัดคนขับรถมารับตอน 05.30 น. เพื่อเดินทางไปสำรวจ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่นคือ ทัชมาฮาล ตัวเราก็กระตือรือร้นตื่นมาแต่งตัวกันตั้งแต่ 04.00 น. คนขับรถมารับตามเวลา และเดินทางไปทัชมาฮาล
พอเรามาถึงที่จอดรถราง นั่งเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. เพื่อซื้อตั๋วเข้าทัชมาฮาล ระหว่างทางได้กลิ่นอุจจาระวัว หรือ ตัวอะไรไม่รู้ปะทะมาเป็นระยะ
ที่ช่องซื้อตั๋วคนเริ่มต่อคิวเยอะแล้ว พอผ่านเข้าประตูทัชมาฮาล เรายืนตะลึงไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่ใช่เพราะความงาม แต่เป็นเพราะฝูงคน และ ฝูงลิง คิดในใจ นี่ฉันพยายามยามมาให้เช้ามากแล้วน๊า คนยังเยอะขนาดนี้ แต่หันเจอลิงคิดในใจ เราอยู่อินเดีย หรือ เพชรบุรี
เราเดินหามุมเลี่ยงมหาชนเพื่อถ่ายรูปกันสักพักใหญ่ ๆ ก็พากันกลับ สำหรับเราทัชมาฮาล ก็เป็นสถานที่สวย ๆ อีกแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ประทับใจมากถึงขั้นต้องกลับมาอีกครั้ง (ต้องขอโทษถ้าขัดใจคนที่รักสถาปัตยกรรม และ ความงดงามของที่นี่ ซึ่งเราขออนุญาตแชร์ในมุมมองและความรู้สึกส่วนตัวของเราจริง ๆ)













เมื่อมาถึงโรงแรมเราก็ทานอาหารเช้ากัน และนัดแนะเวลาเพื่อจัด surprise วันเกิดให้คุณคุณกิตติ (จริง ๆ พ่อชื่ออำนาจ แต่เราติดปากเรียกคุณกิตติ) แต่สิ่งที่ suprise กว่าทุกอย่างคือหน้าตาคุณกิตติ ที่เรียบเฉย และเหมือนโดนบังคับให้มาอยู่ ณ จุดนี้ ไม่ยินดี ยินร้าย ใด ๆ สงสารก็แต่พนักงานโรงแรมทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว 555 (รูปไม่ค่อยชัดนะคะ capture มาจาก VDO อีกที)


หลังจากที่คุณกิตติทำเรา surprise ในงานวันเกิดแล้ว (เพราะรู้สึกว่าเราตื่นเต้นกว่านางอี๊ก 555) เรากลับมานอนพักเอาแรงที่ห้อง เนื่องจากตื่นเช้ามาก และนัดคนขับรถมารับตอน 11.00 น. เพื่อเดินทางไปสนามบินนิวเดลี ขากลับเราไม่กล้าหลับเลย เพราะคนขับดูจะทั้งขับ ทั้งหลับมากกว่าเราอีก เลยชวนคุยระหว่างทาง ภาวนาให้ถึงสนามบินอย่างปลอดภัย (อีกละ)
และแล้วเราก็กลับถึงสนามบินนิวเดลีอย่างปลอดภัย รอต่อเครื่องกลับไทย พอถึงสุวรรณภูมิตอนเช้าวันที่ 6/8/66 สิ่งที่แรกที่ต้องทำเป็นประจำคือ สั่งผัดกะเพรา และ เบียร์สิงห์โปร 3+1 สุดจัดไม่ต้องรอปลัดบอก เป็นอันจบทริปอย่างสมบูรณ์แบบ
ขอขอบคุณทุกคนที่ตามไปเที่ยวด้วยกันจนจบทริปนะคะ ผิดพลาดประการใด หรือเขียนไม่ถูกใจใครต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ

(รูปที่ ทัชมาฮาลหน้าเราจะลอย ๆ ดำ ๆ แดง ๆ แต่แรงและ real ขออภัยด้วยนะคะ 555)
อินเดีย อินใจ (Part นิวเดลี + อัครา)
ตอนที่ 1 : https://ppantip.com/topic/42189464
ตอนที่ 2 : https://ppantip.com/topic/42190347
เราขอเล่าในส่วนของเมือง นิวเดลี และ อัครา ซึ่งครั้งแรกเราอ่านรีวิว ว่าสามารถนั่งรถ Metro และ รถไฟท้องถิ่นไปได้ แต่พอเราลองติดต่อ Agent คือ คุณบุ๋ม จาก อำเภอใจ อินเดีย ทราเวล ครั้งแรกติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียการซื้อตั๋วรถไฟข้ามเมืองจากนิวเดลี ไป อัครา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่า การนั่งรถไฟควบคุมเวลาการเดินทางได้ยาก เนื่องจากหากมีอุบัติเหตุ จะทำให้ล่าช้า และแนะนำเป็นเดินทางแบบ Private ทัวร์โดยรถยนต์ พร้อมคนขับ สิริรวมแล้ว 7,300 บาท สำหรับ 3 คน เราตกลงเลือกใช้บริการถยนต์
3/8/66 (วันที่ 7) : วันนี้เราเดินทางออกจาก Leh ด้วยสายการบิน Vistara เวลา 09.20 น. เรานัดหมาย Zangpor มารับเพื่อไปส่งที่สนามบินเวลา 07.00 น. เพราะ Jigmat แนะนำว่าให้เผื่อเวลาประมาณ 2 ชม. เนื่องจากสนามบินขาออกของ Leh ค่อนข้างเล็ก และมีช่องตรวจสัมภาระจำกัด ทำให้เสียเวลาในการตรวจสัมภาระนานกว่าสนามบินทั่วไป ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราไปถึงสนามบินประมาณ 07.15 น. และพบว่า "พนักงานของสายการบิน Vistara "หล่อ มากก" ทำให้เราชุ่มชื่นหัวใจ และนึกเสียดายที่ต้องเดินทางกลับในวันนี้ เราเจอกันช้าไป 555
เราตรวจสัมภาระเสร็จประมาณ 08.45 น. (ที่ช้ามากเพราะเพื่อนเราลืมเอา Battery กล้องออกจากกระเป๋าที่จะโหลด และเอาไปไว้ใต้สุดของเป้ ทำให้ต้องค้นเอาออกมาค่อนข้างนาน) ก่อนจัดกระเป๋า เพื่อน ๆ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อนนะคะ จะได้ไม่เสียเวลามาก ค่ะ หลังจากเรียกขึ้นเครื่องแล้วก็เหิรฟ้าสู่เมืองนิวเดลี
หลังจากคนขับมารับที่สนามบินอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางทรหดหลายวันจากเมือง Leh ก็พรั่งพรู บวกกับอากาศร้อนประมาณ 35 องศา แต่รู้สึกว่าร้อนมากกว่าปกติก่อตัวขึ้น ซึ่งนาทีแรกที่เราเข้าเมืองนิวเดลี เสียงแตร ฝุ่น ความวุ่นวาย ทำให้เราอยากกรี๊ดออกมาซิคะ กรี๊ดเลย ระบายมันออกมา 555
เป็นเหตุทำให้เราบอกคนขับรถว่าเราขอยกเลิก Program ทัวร์ทั้งหมดและขอพาเราไปส่งที่โรงแรม The Prime Delhi เพื่อให้เราได้นอนพักแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับวันแรก (คนขับทำหน้า และ ท่าทาง งง ๆ คงคิดในใจว่า มาเพื่อ???) พอถึงโรงแรมสิ่งที่ทำให้เราหลงไหลมากที่สุดไม่ใช่สภาพของโรงแรมแต่กลับเป็นสัญญาณ Internet ที่ดีระดับ 10 ดาว เหมือนคนได้กลับสู่โลกที่คุ้นเคย หลังจากที่เราเข้าสู่ระบบ Social Media Detox ที่ Leh มาหลายวัน
คืนแรกเราพยายามทำใจกล้าพาตัวเองไปเดินเที่ยวรอบโรงแรม แต่พอเดินไปได้แค่ 300 เมตร ก็ถอดใจ เพราะเสียงแตร ฝุ่น ผู้คน ผลักดันให้เรากลับเข้าไปพักที่โรงแรมน่าจะปลอดภัยที่สุด (เราขออนุญาตบรรยายตามความรู้สึกของเรานะคะ หากขัดใจใครเราต้องขอภัยมา ณ ที่นี้)
4/8/66 (วันที่ 8) : วันนี้เราจะเดินทางไปอัครา นัดคนขับมารับตอน 09.00 น. และก็เริ่มออกเดินทาง ตลอดทางเห็นป้ายสตาร์บัค ทำให้เราอยากลองของ (ปกติเที่ยวประเทศไหนก็ต้องลอง สตาร์บัคของประเทศนั้น เพื่อการเปรียบเทียบ ไม่ใช่รสชาด แต่เป็นการแต่งร้านและบริการของแต่ละพื้นที่ ซึ่งน่าสนใจมาก) หลังจากคนขับรถพาเราเดินทางมาได้ประมาณครึ่งทาง เราเริ่มกังวล เพราะคนขับรถมีอาการเหมือนง่วงนอน เราชวนคุยตลอดทาง ในใจภาวนาว่าขอให้ถึงโรงแรมโดยปลอดภัย
ก่อนถึงโรงแรมเราได้แวะที่ Itimud – ud- Daulah หรือ เบบี้ ทัช ซึ่งมีเรื่องประหลาดใจมาก คือ ทุกคนที่เป็นชาวอินเดีย ขอถ่ายรูปคู่กับเรา แหมะ เราก็ย่ามใจว่าสวยเหมือนญาญ่า ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย 555
ส่วนตัวที่นี่ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรมาก แค่แวะถ่ายรูป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคนขับรถ (เพราะอยากปลอบใจที่เมื่อวานเทไปแล้วหนึ่งรอบ)
*** กลับมาเล่าต่อกันคร่า
หลังจากถ่ายรูปกันสักพัก เราก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม คืนนี้เราเลือกพักโรงแรม Courtyard by Marriott Agra ซึ่งตอนจองห้องได้ราคาสำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 2,300 บาท แต่เนื่องจาก location ของโรงแรมไม่ง่ายที่จะหาอาการทานกันเอง เราจึงตัดสินใจพักแบบรวมอาหาร สรุปราคารวมเตียงเสริม อาหารเย็น + อาหารเช้า เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 7,300 บาท/คืน/3 คน หลังจากเช็คอินเรียบร้อยเราขึ้นไปบนห้อง ถึงกับร้องว้าวววววว!!! ห้องค่อนข้างใหญ่และมีระเบียง outdoor ให้นั่งเล่นด้วย แต่ ใครจะไปใช้บริการได้เนื่องจากอากาศด้านนอกร้อนนน จนไม่สามารถใช้คำว่าชิลลล์ แบบ outdoor ได้
เราเลือกนอนตากแอร์ในห้องสักพัก ก็ตัดสินใจเดินสำรวจรอบ ๆ โรงแรม เลือกซื้อเค้ก 1 ชิ้น ขนม 1 กระป๋องมานั่งกินที่ Lobby
พอหันไปสบตากระป๋องเท่านั้นแหละ "ข้าวโพดอบกรอบ ตรา คอนเน่" แรก ๆ ก็คิดว่าเราอยู่หลายวันจนแปลอังกฤษ - ไทย ได้เร็วปานเจ้าของภาษาแล้วหรืออย่างไร แต่พอขยี้ตาหันมาดูอีกที ความโบ๊ะบ๊ะเป็นเหตุสังเกตได้ หัวเราะน้ำตาแตก คอนเน่ ดังไกลถึงต่างแดน คนรวยเค้ากินกัน อยู่ไทยราคาไม่เกิน 100 มาโดนหรอยที่นี่ 150 บาท
ก่อนถึงเวลาอาหารค่ำ เราก็ไม่ลืมแวะที่เคาน์เตอร์ Reception เพื่อขอให้โรงแรมจัด Surprise วันเกิดให้เพื่อนของเรา ในเวลาอาหารเช้า ซึ่งทางโรงแรมแจ้งว่าได้เตรียมการไว้แล้ว ขอแค่แจ้งเวลาว่าจะให้จัดตอนกี่โมง
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารค่ำ ซึ่งอาหารแต่ละเมนู อู้หู้ มาก หมายถึงเราจะกินอะไร อย่างไรก๊อนนน แต่ละเมนู ยากยิ่งจะตัดใจกินลง 555
มื้อนี้ตัวเรารอดมาได้จากเมนู Chicken Biryani เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานเครื่องเทศกลิ่นจัดจ้านอยู่แล้ว แต่เพื่อนของเราอีกสองคน ถึงขั้นต้องเดินกลับไปเอาถุงยังชีพที่ห้องเพื่อมาบรรเทาทุกข์ของมื้อนี้กันเลยทีเดียว (จ่ายแพงกว่าทำไม 555)
หลังมื้อเย็นเราก็เข้าห้องพักด้วยความหวังที่จะนอนอย่างสบายที่สุดให้สมราคา แต่การนอนคืนนี้ทรมานที่สุด เพราะกลางสนามมีการจัดงานและเปิดเพลงเสียงดังมากทะลุขึ้นมาถึงบนที่นอน ถ้าแค่เพลงเรายังพอทำใจได้ แต่เพลงที่กลั่นออกมาจากลำโพงเสียงแตกนี่สุดทนนนนน (ถ้าเพื่อน ๆ นึกภาพตามเวลาไปงานบุญสักแห่ง บ้านที่มีฝาหม้อมัดติดผนังแล้วโดนกระตุ้นด้วยลำโพงเสียงแตก ฝาหม้อ กับ ฝาบ้านกระทบกันสนุกเลยทีนี้) สุดท้ายเราก็ต้องพยายามข่มตาตัวเองให้พักผ่อน เพราะอีกวันต้องตื่นเช้า รู้ตัวอีกทีเพลงหยุดตอนประมาณ 01.00 น.
5/8/66 (วันที่ 9) : เช้านี้เรานัดคนขับรถมารับตอน 05.30 น. เพื่อเดินทางไปสำรวจ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่นคือ ทัชมาฮาล ตัวเราก็กระตือรือร้นตื่นมาแต่งตัวกันตั้งแต่ 04.00 น. คนขับรถมารับตามเวลา และเดินทางไปทัชมาฮาล
พอเรามาถึงที่จอดรถราง นั่งเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. เพื่อซื้อตั๋วเข้าทัชมาฮาล ระหว่างทางได้กลิ่นอุจจาระวัว หรือ ตัวอะไรไม่รู้ปะทะมาเป็นระยะ
ที่ช่องซื้อตั๋วคนเริ่มต่อคิวเยอะแล้ว พอผ่านเข้าประตูทัชมาฮาล เรายืนตะลึงไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่ใช่เพราะความงาม แต่เป็นเพราะฝูงคน และ ฝูงลิง คิดในใจ นี่ฉันพยายามยามมาให้เช้ามากแล้วน๊า คนยังเยอะขนาดนี้ แต่หันเจอลิงคิดในใจ เราอยู่อินเดีย หรือ เพชรบุรี
เราเดินหามุมเลี่ยงมหาชนเพื่อถ่ายรูปกันสักพักใหญ่ ๆ ก็พากันกลับ สำหรับเราทัชมาฮาล ก็เป็นสถานที่สวย ๆ อีกแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ประทับใจมากถึงขั้นต้องกลับมาอีกครั้ง (ต้องขอโทษถ้าขัดใจคนที่รักสถาปัตยกรรม และ ความงดงามของที่นี่ ซึ่งเราขออนุญาตแชร์ในมุมมองและความรู้สึกส่วนตัวของเราจริง ๆ)
เมื่อมาถึงโรงแรมเราก็ทานอาหารเช้ากัน และนัดแนะเวลาเพื่อจัด surprise วันเกิดให้คุณคุณกิตติ (จริง ๆ พ่อชื่ออำนาจ แต่เราติดปากเรียกคุณกิตติ) แต่สิ่งที่ suprise กว่าทุกอย่างคือหน้าตาคุณกิตติ ที่เรียบเฉย และเหมือนโดนบังคับให้มาอยู่ ณ จุดนี้ ไม่ยินดี ยินร้าย ใด ๆ สงสารก็แต่พนักงานโรงแรมทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว 555 (รูปไม่ค่อยชัดนะคะ capture มาจาก VDO อีกที)
หลังจากที่คุณกิตติทำเรา surprise ในงานวันเกิดแล้ว (เพราะรู้สึกว่าเราตื่นเต้นกว่านางอี๊ก 555) เรากลับมานอนพักเอาแรงที่ห้อง เนื่องจากตื่นเช้ามาก และนัดคนขับรถมารับตอน 11.00 น. เพื่อเดินทางไปสนามบินนิวเดลี ขากลับเราไม่กล้าหลับเลย เพราะคนขับดูจะทั้งขับ ทั้งหลับมากกว่าเราอีก เลยชวนคุยระหว่างทาง ภาวนาให้ถึงสนามบินอย่างปลอดภัย (อีกละ)
และแล้วเราก็กลับถึงสนามบินนิวเดลีอย่างปลอดภัย รอต่อเครื่องกลับไทย พอถึงสุวรรณภูมิตอนเช้าวันที่ 6/8/66 สิ่งที่แรกที่ต้องทำเป็นประจำคือ สั่งผัดกะเพรา และ เบียร์สิงห์โปร 3+1 สุดจัดไม่ต้องรอปลัดบอก เป็นอันจบทริปอย่างสมบูรณ์แบบ
ขอขอบคุณทุกคนที่ตามไปเที่ยวด้วยกันจนจบทริปนะคะ ผิดพลาดประการใด หรือเขียนไม่ถูกใจใครต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
(รูปที่ ทัชมาฮาลหน้าเราจะลอย ๆ ดำ ๆ แดง ๆ แต่แรงและ real ขออภัยด้วยนะคะ 555)