เที่ยว Leh (Ladakh) เทให้หมดทั้งใจ (ตอนที่ 2)

กลับมาต่อตอนที่ 2 กันค่ะ สำหรับคนที่สนใจตอนแรก ติดตามได้ที่ link นี้ค่ะ https://ppantip.com/topic/42189464

31/7/66 (วันที่ 4) : วันนี้เราจะเดินทางไป Pangong Lake ซึ่งได้ยินมาว่า เป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลกและพัก 1 คืน  การเดินทางไปที่นี่ Jigmat Gyalpo บอกว่าขอให้เราออกแต่เช้าเพราะถนนไม่ค่อยดี เราก็คิดว่าคงไม่ต่างจากไทยมาก แต่ขุ่นพระ!!! เส้นทางมันไม่ใช่ถนนค่ะ มันคือการขับไต่บนเศษก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ  ไปทีละนิด ๆ เพื่อเจอทางเรียบประมาณ 300 เมตร และพบก้อนหินอีกที ทรหดมาก ระหว่างทางเขย่าจนเหมือนเรารู้สึกว่าอวัยวะภายในเราเขย่ารวมสลับตำแหน่งกันไปหมดแล้ว 555 แต่ก็ยังมีบางช่วงที่พอเห็นลำธารน้ำสีฟ้าใส ๆ ให้ได้พอสดชื่น และแวะพักคนพักรถ ให้เก็บภาพสวยๆ ได้อยู่บ้าง เรานับถือฝีมือและลีลาการขับรถของ Zangpor มาก ขับไปด้วยแวะจอดเช็คยางไปด้วยตลอดทาง เยี่ยมจริง ๆ นานาจักรยาน

ขับต่อมาอีกสักพักก็ถึงแล้วค่ะ Pangong Lake ภาพแรกที่เห็นมันทำให้ลืมเรื่องการขับไต่เขาอันยากลำบากไปเลย รู้สึกแค่ว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ ฟ้าสวย น้ำใส อากาศดี สัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด และต้องมาเห็นกับตาสักครั้งในชีวิต หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายถ่ายรูป นั่งเล่นดื่มด่ำกับความสวยใสกันไป (รูป set นี้เพื่อนแซวสี และ ทรงเสื้อคอกระเช้าเด่นตัดกับสีน้ำมาก 555)

หลังจากถ่ายรูปกันหนำใจแล้วเราก็เข้าที่พัก เพราะเริ่มมีอาการเพลีย เนื่องจากใช้แรงส่วนมากในการกลั้นหายใจไต่หินระหว่างทาง  คืนนี้เราพักที่ Mentsel Cottage เป็นที่พักอยู่ติดกับทะเลสาบ หลังจากนอนพักแล้ว เราตื่นมาและเลือกเดินเล่นแถวหน้าโรงแรม ซึ่งพบว่าลมพัดแรง และอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก แต่ก็บ่ยั่น หยิบเสื้อและออกไปเดินชมความงามของแสงเย็นกัน (ภาพ set นี้ต้องขออภัยในความหน้าสด เนื่องจากก่อนนอนพักเราอาบน้ำแล้วเลยไม่อยากแต่งหน้าอีก แต่แสงสวยมากเลยอยากลงให้ดู ขอให้เพื่อน ๆ เน้นมองวิวกันเป็นหลักแทนนะคะ 555)

ที่นี่ก็จะเหมือนกับที่ Nubra Valley คือจะตัดกระแสไฟในเวลาประมาณ 22.30 น. จนถึงเช้าเลย เราต้องเตรียมชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างให้พร้อมนะคะ หลังอาหารเย็นเรามานั่งเล่นหน้าห้องลมแรงมาก ลุกทีเก้าอี้พลาสติกปลิวเลย เรานั่งเล่นกันจึนถึงประมาณ 23.30 น. ก็กลับเข้านอน และพบว่าเรานอนไม่หลับเพราะอากาศหนาวมาก เราใส่ชุด Heattech แบบ Ultra แล้วแต่ยังเอาไม่อยู่ ต้องตื่นมาตอน 01.00 น. เพื่อใส่เสื้อผ้าเพิ่มความอบอุ่น ไม่แปลกใจที่ช่วงฤดูหนาวเขาไม่อนุญาตให้ค้างคืนที่นี่ เม่าผิงไฟ

1/8/66 (วันที่ 5) : วันนี้เราเดินทางไปที่ Tsomoriri Lake แต่ก่อนจะจาก Pangong Lake เราได้แวะจุดชมวิวที่สวยมาก เป็นการบอกลาที่ยิ่งทำให้เราหลงรักที่นี่มากขึ้น และหวังว่าสักวันเราจะกลับมาสบตากันอีกครั้งนะ Pangong Lake ที่รัก

เส้นทางระหว่างไป Tsomoriri Lake ก็ลำบากไม่ต่างกัน แต่ส่วนมากจะเป็นทางขึ้นเขาที่ค่อนข้างชัน หลายครั้งที่เหมือนรถจะขึ้นไม่ไหว แต่ Zangpor ก็เอาอยู่ ระหว่างทางเราจะผ่านทะเลสาบเล็ก ๆ ประมาณ 3 ที่ก่อน และในที่สุดเราก็มาถึง ส่วนตัวเราอยากมาที่นี่เพราะคิดว่าวิวแตกต่างจาก Pangong Lake ตรงที่นี่เงาภูเขาจะสะท้อนบนผืนน้ำทำให้มีมิติเหมือนผืนน้ำเป็นกระจกสะท้อน ทำให้วิวดูแปลกตาและน่าสนใจมาก บางรูปทำให้นึกถึงภาพพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคย


หลังจากนั้นเราก็เข้าที่พัก ของคืนนี้ที่ Namkila Tsomoriri Hotel เป็นที่พักที่วิวสวยมาก เราสิงอยู่ในห้องและนั่งมองวิวหายใจทิ้ง เฉย ๆ ก็ยังสุขใจมากมายแล้ว นั่งเล่นจนพบว่าแสงเย็นจากห้องพักสวยมาก ภูเขาสีทองเริ่มประกายขึ้นจากแสงอาทิตย์ที่กระทบเหลี่ยมเขา วุ้ยยยยยย!!!! สวยจับใจจริง ๆ  

ที่นี่ก็ไม่ต่างจาก 2 คืนที่ผ่านมา ตัดไฟเวลาเดิม อย่าลืมเตรียมชาร์จไฟให้อุปรกณ์เต็มที่ก่อนนอนนะคะ

  2/8/66 (วันที่ 6) : วันนี้เราต้องเดินทางกลับไปในตัวเมือง Leh แล้ว ก่อนไปก็แวะถ่ายรูปบอกลา Tsomoriri Lake อีกสักหน่อย แสงเช้าก็สวยไม่แพ้แสงเย็นเลย สีน้ำ สีท้องฟ้า และคนหน้าตาดีมารวมตัวกันมันก็จะฟีน ๆ หน่อย 555

หลังจากเก็บภาพความประทับใจแล้ว ก็พากันบอกลาผืนน้ำ และ ท้องฟ้า หวังว่าสักวันจะได้กลับมาซึมซับบรรยากาศแบบนี้อีกสักครั้ง บ๊ายบาย Tsomoriri Lake 

นั่งรถมาประมาณ 1 เหนื่อยก็กลับมาถึงตัวเมือง Leh คืนนี้เราพักที่ Grand Yasmin Hotel เหมือนเดิม ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายแล้ว เรายังอาลัยอาวรณ์กับหลาย อย่าง ทั้งบรรยากาศระหว่างทางที่ยึดพื้นที่การเชื่อมต่อ Bluetooth และบังคับให้ Zangpor ฟังเพลงไทยมาตลอดทาง (รู้สึกผิดนะเนี่ย 555) อีกทั้งวิวสวย ๆ ความหนาวเหน็บ ความเหนื่อยล้าระหว่างทาง อาหารทุกมื้อที่สั่งแต่ Maggi แต่ทุก ๆ อย่างโดยรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์ที่มิมีวันลืมเลย

ก่อนกลับเราไม่ลืมที่จะร่ำลา Jigmat Gyalpo ที่ดูแลเอาใจใส่เราดีมากไม่มีขาดตกบกพร่อง ตั้งแต่เริ่มคุยเรื่องราคา จนกระทั่งส่งขึ้นเครื่องกลับ เพื่อน ๆ อย่าลืมนะคะ คิดจะเที่ยว Leh แค่คิดถึง Jigmat Gyalpo คุณจะได้รับการบริการที่ดีและประทับใจ โดยไม่ต้องร้องขอใด ๆ 

สุดท้ายแล้วขอเล่าเรื่องที่คิดว่าพอจะเป็นสาระบ้าง
1. ใครที่ชอบดื่มเบียร์แบบเราขอบอกว่าสามารถหาได้จากร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ ร้านขายของชำส่วนมากไม่มีเบียร์ขาย เราเดินหาหลายร้านมาก ไม่แน่ใจว่าหาไม่เจอ หรือเธอไม่มีกันแน่
2. การเตรียมปลั๊กพ่วงไปเผื่อเป็นการดี เนื่องจากปลั๊กไฟนอกเมืองค่อนข้างน้อย และอยู่ในจุดที่เราไม่ค่อยสะดวกใช้งาน (เราติดโทรศัพท์เลยสะดวกแบบชาร์จไปด้วยเล่นไปด้วย)
3. แนะนำให้พกยาป้องกันโรคแพ้ความสูงในกระเป๋าที่ล้วงทานง่าย เพราะช่วงที่เรานอนนอกเมืองน้ำค่อนข้างเย็น ที่ Pangong และ Tsomoriri ไม่มีน้ำอุ่น หลังอาบน้ำ หรือ ระหว่างเดินทางอาจทำให้เราเกิดอาการหน้า และ ตัวชามาแบบปุบปั๊บได้ หากหยิบยาทานได้สะดวกจะดีกว่า
4. ฝุ่นระหว่างทางเยอะมาก Mask เอาไม่อยู่ ควรเตรียมน้ำเกลือ หรือ น้ำยาล้างจมูกไปล้างระหว่างทางด้วย
5. คนที่คิดว่าทานยากเตรียมเสบียงไปเยอะ ๆ มันช่วยได้มากจริง ๆ ทีมเราไม่เคยลืมเอากระเป๋าเสบียงลงรถเลย ต่อให้ลืมก็ต้องกลับไปเอา 555
6. สำหรับเราอากาศบนที่สูงไม่ได้น่ากลัวขนาดที่ทำให้เราป่วยได้ แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เดิน ๆ หยุด ๆ มันช่วยได้มาก อย่าฝืน (เราอ้วนมากตอนแรกก็กังวลแต่พอไปจริง ๆ ใช้ Trick แบบนี้ก็ช่วยได้เยอะเลย)
7. ขอให้เปิดใจในการเที่ยวให้สนุก Enjoy ไปกับทุกสถานการณ์ที่เกิด มันจะทำให้เราไม่เครียดและไม่ผิดหวังในการมาเยี่ยมที่นี่สักครั้งในชีวิต เที่ยว Leh (Ladakh) เทให้หมดทั้งใจ...

ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่อ่านกันจนจบนะคะ หากต้องการหาสาระทักมาหลังไมค์ได้เลยนะคะ แล้วเจอกันกระทู้ต่อไปสำหรับการเดินทางไป ทัชมาฮาล ค่ะ ^^ พาพันขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่