วันที่ 3 Manali-Keylong
นั่งรถไปเลห์บนเส้นทางที่สวยที่สุด ไต่เขาขึ้นไปสูดหมอก โต้ลมแรงบนยอด กลิ้งตัวบนทุ่งดอกไม้ เพ่งมองเขาสีเขียวเนิ่นนาน
กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
ของตุ๊ดตัวเล็กๆและผู้ชายทั้งสี่ของนาง
สามารถติดตามกระทู้หลักได้ที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ เกร๋ๆ
http://ppantip.com/topic/34208002
สอบถามข้อมูลหลังไมค์ได้ที่
https://www.facebook.com/armmiethegypsyprincess/
พวกเราเดินทางบนถนน Manali-Leh highway ถนนที่สวยที่สุดแต่อันตรายที่สุด วันนี้จะเป็นส่วนแรกค่ะ เราจะไปพักที่ Keylong ในกูเกิ้ลอาจบอกว่า มันแค่สามชั่วโมงนะคะ แต่เอาจริงๆต้องผ่านเขาสูง หลายลูก ผ่านจุดสูงสุดของแถวนี้ ภูมิประเทศแปลกๆ เลยใช้เวลาทั้งวันค่ะ ถ้าอยากรู้ว่า เส้นนี้มีอะไรบ้าง ไปเที่ยวพร้อมกันข้างล่างเลยค่ะ
ถูกทักทายให้ตื่นเช้า ด้วยแดดฤดูร้อนในเขตละติจูดสูง ฟ้าสางตั้งแต่ตีห้า วิวห้องพักเห็นภูเขามีหิมะปกคลุมสะท้อนแสงแดดสีทอง การนั่งทำธุระหนัก แล้วมองวิวภูเขาไปด้วยนี่มันช่างฟิน
เราออกตอน 8 โมงค่ะ มีคนรถที่ชื่อ Tsering ดูอายุน้อยกว่าเรา เราขนของขึ้นรถ Avanza India แวะซื้อขนมที่ร้านโชว์ห่วยกักตุนเพราะหนทางนี้ยังอีกยาวไกล
รถค่อยๆไต่ขึ้นภูเขาผ่านคนละเส้นทางที่ ไป Solang Valley เมื่อวานนี้ แต่วันนี้เราออกมาเช้า หมอกปกคลุมไปทั่ว ภูเขาสวยๆก็เขินอายเหมือนพึ่งตื่นใหม่ๆแต่ยังแต่งหน้าไม่เสร็จ แง้มความสวยให้ดูทีละนิด แล้วก็ดึงหมอกมาห่มกลับเหมือนเดิม ขี้อายนะยะ นี่มาจากเมืองไทย เพื่อดูหล่อนนะยะ ดีออกกกก
รถเราเป็น Toyota Avanza อย่าเอาไปเทียบกับอแวนซ่าไทยนะคะ อแวนซ่าอินเดียนี่เป็นรถเทพค่ะไม่ใช่รถครอบครัว เครื่องเค้าตั้ง 2.5 ช่วงล่างแน่น ลุยทุกสภาพยังกว่ารถถัง ยังพูดๆกันว่ากลับไปมาจะซื้ออแวนซ่า แต่เดี๋ยวก่อน ที่ไทยมันเป็นรถครอบครัว นั่นคนขับ Tsering Torottoของเรา
เนื่องจากทางไป Keylong ประมาณ90 กิโลของเรา ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้แวะกินข้างเที่ยงไหม เลยขอตุนสเบียงนิดนึง ที่ 7-11 อินเดีย
วันนี้เรามาทำความรู้จัก"ผู้ชายทั้งสี่ของนาง" กัน แนะนำตัวละครสักหน่อย คนแรก พี่ ต. เป็นหนุ่มเท่ห์ สุดคูล ไม่ว่ามองทางไหนก็เท่ห์ เป็นคนจิตใจดี ประนีประนอม เป็นผู้ใหญ่ ตัดสินใจให้เราได้ หม. เป็นหนุ่มอินดี้ สนุกสนาน มีมุขตลก ใส่ใจรายละเอียด อยู่ด้วยแล้วไม่เคยเหงา ป. เป็นผู้ชายอบอุ่น มีความจริงๆใจ ไม่ทำร้ายใคร สบายใจเมื่ออยู่ใกล้ๆแม้ไม่ต้องคุยกัน ก. เด็กสุดในทริป เป็นหนุ่มเจ้าสเน่ห์ ขี้เล่น ใสๆแบ๊วๆ แต่ฝีมือการถ่ายรูปนั้นเทพอยู่
ทางภูเขาค่อนข้างเปียกชื้นจากหมอก คนขับของเราเปิดเพลง แนวแดนซ์เพื่อเข้ากับจังหวะการขับของเขา ด้วยจังหวะและถนนขึ้นเขาสูงแบบนี้ พวกเราค่อนข้างเสียวเบาๆ เพราะถนนก็ใช่ว่าจะดีถ้าเทียกับบ้านเรา เราเลยถามเขาว่า นี่ถนนมันแย่ขนาดนี้ตลอดทางรึเปล่า Tsering หัวเราะฮึๆ แล้วบอกว่า “That’s a easy road” พวกเราทุกคนต่าง ฮึ!!!!! ถนนนี่ถ้าพวกเรามาขับคงตกเหวตั้งแต่มีรถบรรทุกสวนครั้งแรกแล้ว
ออกจากมะนาลีไปทางเหนือ บนเส้นทาง Manali-Leh Highway โบกมือลามะนาลีที่เห็นลิบๆ เหมือนนางเอกเอมวีที่เหม่อมองเมืองที่จากมา รอพระเอกปั่นจักรยานมาสารภาพรัก
ถนนไต่ขึ้นเขา สีเขียวอุดมสมบูรณ์ นี่หรือคะ Easy Roadของ Tsering นี่พอๆกับทางไปแม่ฮ่องสอนเลยนะ แต่ต่างแค่มันไม่มีที่กั้น และเป็นเลนเดียว
อย่างที่บอกวัวที่นี่ร่าเริงสดใส นึกจะเดินไปไหนก็ไป แม้แต่บนเทือกเขาสูง
ถึงทางจะแย่และหมอกลง แต่เวลาที่ภูเขาแง้มผ้าห่มออกมาให้เราดูค่อนข้างสวยทีเดียว ต้นไม้ต้นหญ้าเขียวขจี บนภูมิประเทศเขาสูงที่อลังการ รายรอบไหล่ทาง มีน้ำตกที่เกิดจากเกิดจากหิมะละลาย ไหลตามซอกเขา และไหลผ่านทาง ลงสู่หุบเหวอุดมสมบูรณ์เบื้องล่าง ดอกไม้,มอสและเฟรินข้างน้ำตก พวกเราไม่รีรอที่จะเทน้ำขวดทิ้ง แล้วเอาขวดไปรองน้ำตก มาดื่มพบว่ามันสดชื่นและ มีรสหวานๆของหญ้าและมอส กลิ่นเขียวๆ
หมอกปกคลุมไปทั่วค่ะ ยิ่งขึ้นสูงหมกยิ่งหนา ถามว่ากลัวไหม กลัวค่ะ เราคอยถาม Tseringตลอดว่าไปได้หรือ ยังไงนางก็บอกว่าเป็น easy road
หมอกยังกะในหนังเรื่อง The Mist แชร์รูปนี้ให้ไปถึงสตูดิโอผู้สร้าง นี่พวกอิฉันหาฉากที่จะอยู่ในหนัง The Mist 2 ให้ละ
ยิ่งสูงขึ้นไป ก็เหมือนจะถูกดูดเข้าไปในสายหมอก เอ๊ะหรือเป็นเมฆ นี่พวกเราอยู่ระดับเมฆแล้วช่ะ และภูเขาสีเขียวอุดมสมบูรณ์นั่น ประหนึ่งว่า นี่คือ The Road To Heaven
นี่ถ้าไม่มีหมอกนะ .....
ตลอดทางจะมีน้ำตกไหลผ่านทาง พวกเราไม่รีรอที่จะเทน้ำแร่อุตสาหกรรมทิ้งหมดขวด แล้วไปรองเอาน้ำธรรมชาติ ที่สดชื่น หวาน และขมปะแล่ม มีกลิ่นเขียวของมอส พวกเรามารู้ทีหลังหลังขึ้นไปบนที่สูง ว่าข้างบนมีขึ้วัวเต็มเบย (บอกแล้วว่ามันไปทุกที่)
ขึ้นมาสูงอีกนิด มีม้าเล็มหญ้าด้วย นี่มันสวรรค์ชัดๆ (แสดงว่าน้ำเมื่อกี้คงมีขี้ม้าด้วย)
ป. ของเราก็ชอบถ่ายรูป บอกว่าที่นี่สวย เดี๋ยวกระทู้หน้าจะมีผลงานของนางให้ดู
มีคนงานทำถนนอยู่บนที่สูงๆ ยอมใจเค้านะ บนที่สูงอากาศบางๆอย่างนี้ แค่หายใจก็เหนื่อยแล้ว ต้องมาใช้แรงงานทั้งวัน คงเหนื่อยน่าดู แต่พี่เค้าจะรู้สึกยังไงนะที่ทำงานกับวิวอลังการแบบนี้ทุกวัน
คนคุมพี่เค้าคือทหารค่ะ ได้ข่าวว่า ถนน Manali-Leh Highwayนี่เป็นถนนของพี่ทหารเค้า
เราจอดแวะที่ Marhi เหมือนเป็นจุดพักรถ เพราะคนขับเรายังไม่ได้กินอะไรมา Marhi มีร้านอาหารและห้องน้ำสาธารณแบบอินเดียจริงๆให้บริการ ดิฉันแนะนำให้ผู้ชายยิงกระต่ายข้างนอกดีกว่าค่ะ บอกได้แค่นี้ ข้างๆเมืองจะมีเนินเขาเล็กๆให้ปีนขึ้นไปดูวิว วิวจริงๆใน google บอกว่าสวยมาก จะเห็นวิวอลังการของทิวเขาเขียวๆ และถนนคดเคี้ยวที่ค่อยๆตัดภูเข้าขึ้นมา แต่พวกเราคงมีกรรมบัง หมอกลงมองอะไรไม่เห็นนอกจากทุ่งหญ้าที่มีขึ้วัวเปียกๆเต็ม
จุดแวะพักที่เมือง Marhi ค่ะ เพราะคนรถเรายังไม่ได้กินข้าวเช้า เป็นที่แรกที่เราได้เจอห้องน้ำสาธารณะ "จริงๆ"ของอินเดีย ป. บอกว่า เห็นขนมหมาเหลืองๆเต็มจนพูน
เมือง Marhi ในมุมสูงค่ะ มันจะมีทางเดินขึ้นมาให้ชมวิว มันควรจะเห็นภาพถนนสวยๆ แต่เมฆหรือหมอกมาเต็ม อ้อลืมไป่าพวกเราอยู่บนสวรรค์ นางฟ้าที่ไหนจะดูวิวโลกมนุษย์กัน ว่ามะ(ประชด)
พี่ ต. ไปยืนอวดแผ่นหลัง ที่จุดที่น่าจะเห็นวิว เห็นไหมคะ ลิบๆนั่น
เราไปต่อและรู้สึกว่ามันสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายใจยาก ต้องสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด วิวเขียวๆ เริ่มเปลี่ยนเป็น น้ำตาลและมีก้อนน้ำแข็งขาวๆ ที่ค่อยๆละลาย พวกเราตื่นเต้นกันมาก
ยังต้องไปอีกไกล ดูระยะทางสิ
สูงขึ้นไปจะเจอธารน้ำแข็งที่ละลายไม่หมด ดูสิมีคนไปเขียนเล่นด้วย นี่อิชั้นไม่เคยมาสูงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
และแล้วก็ถึงจุดสูงสุดของวันนี้ Rohtang Pass 3,978 m (13,050 ft) โอ้สูงกว่าที่ใดๆในชีวิตที่ฉันเคยไป หมอกหนาจนเหมือนฉากในภาพยนต์เรื่อง The Mist ทัศนวิสัย เห็นแค่ราว 4 เมตร ลมแรงและหนาวมาก พวกหนุ่มๆได้ขุดเสื้อกันหนาวเกร๋ๆออกมาสวมใส่
จะขึ้นไปจุดสูงสุดต้องเดินขึ้นเอาอีกนิดนึง เริ่มรู้สึกว่าความสูงเริ่มเล่นงานแล้ว ต้องตั้งสติสูดลมหายใจให้เต็มปอด นึกภาพออกซิเจนเข้าไปจับกับฮีโมโกลบิน แล้วออกวิ่งขึ้นไป ข้างบนจะพบกับ ซุ้มธงมนต์ขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นความเชื่อว่า สายลมจะช่วยสวดมนต์ทุกครั้งที่ธงสะบัด และจุดสูงสุดลมจะพัดมนต์ไปได้ไกลที่สุด ไม่แปลกใจที่ตลอดทริปจะเห็นธงมนต์บนที่สูงๆตลอด
ถึงแล้ว Rohtang Pass นี่ริมถนน แต่จะมีจุดที่สูงทีสุดอยู่ เดินขึ้นไปอีกนิดนะคะ คนดี
บนยอดไม่มีอะไร มีแต่หมอก ทัศนวิสัยแค่เห็นปลายมือตัวเอง และที่สำคัญ ลมแรงจนกระโปรงเปิด
ที่จุดสูงสุดมีธงมนต์ คนที่นี่เชื่อว่า ธงจะสวดแทนเราทุกครั้งที่สะบัด ด้วยลมแรงขนาดนี้ คงจะสวดแรปแทนคนหมื่นคนได้
ที่นี่คนอินเดียเค้าวางหินขอพรกัน นี่หินของอิชั้น "อิชั้นขอพรว่า ขอให้มีความงดงามยิ่งกว่าสตรีใดในปฐพี และมีร่างกายแข็งแรงยิ่งกว่าบุรุษใดในปฐพี" ดูเหมือนว่าจะสัมฤทธิ์นะ (บอกหน่อยว่าอะไรคือทักษะการถ่ายรูป หน้าชัดหลังเบลอ)
เลย Rohtang Pass ไปนิดจะเจอกับทุ่งหญ้าดอกไม้สีเหลือเขียวขจี ที่มองออกไปหน้าผา จะเห็นวิวภูเขาอลังการ โอ้วววมันสวยๆ โอ้สวยจริงๆ โทษทีถ่ายมาได้แค่นี้ค่ะ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่า ชีวิตนี้ไม่มีแฟนก็ได้แล้ว นี่ก็ฟินถึงจุดสุดยอดแล้ว
แกร๊ มันสวยมากกกกกกกกก ยังไงตาก็สวยกว่ารูปนี่ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าตัดสินใจ นั่งเครื่องไปเลห์คงไม่เห็นสิ่งนี้
นี่ขนาด พี่ต. สุดเท่ห์ยังต้องขอถ่ายรูป
พื้นบริเวณนี้เป็นทุ่งดอกไม้ ทอดยาวกว้างไกลไปสุดลูกหูลูกตา แต่ถ่ายไม่ได้เพราะหมอก เลยถ่ายแบบนี้แทน R.I.P.ค่ะ หม.
วันที่3 Manali - Keylong นั่งรถไป Leh ทางบก ส่วนแรกของถนนในฝัน เหมือนนั่งรถขึ้นสวรรค์ ยังไงอย่างงั้นเลย
กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
ของตุ๊ดตัวเล็กๆและผู้ชายทั้งสี่ของนาง
สามารถติดตามกระทู้หลักได้ที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ เกร๋ๆ
http://ppantip.com/topic/34208002
สอบถามข้อมูลหลังไมค์ได้ที่ https://www.facebook.com/armmiethegypsyprincess/
ถูกทักทายให้ตื่นเช้า ด้วยแดดฤดูร้อนในเขตละติจูดสูง ฟ้าสางตั้งแต่ตีห้า วิวห้องพักเห็นภูเขามีหิมะปกคลุมสะท้อนแสงแดดสีทอง การนั่งทำธุระหนัก แล้วมองวิวภูเขาไปด้วยนี่มันช่างฟิน
เราออกตอน 8 โมงค่ะ มีคนรถที่ชื่อ Tsering ดูอายุน้อยกว่าเรา เราขนของขึ้นรถ Avanza India แวะซื้อขนมที่ร้านโชว์ห่วยกักตุนเพราะหนทางนี้ยังอีกยาวไกล รถค่อยๆไต่ขึ้นภูเขาผ่านคนละเส้นทางที่ ไป Solang Valley เมื่อวานนี้ แต่วันนี้เราออกมาเช้า หมอกปกคลุมไปทั่ว ภูเขาสวยๆก็เขินอายเหมือนพึ่งตื่นใหม่ๆแต่ยังแต่งหน้าไม่เสร็จ แง้มความสวยให้ดูทีละนิด แล้วก็ดึงหมอกมาห่มกลับเหมือนเดิม ขี้อายนะยะ นี่มาจากเมืองไทย เพื่อดูหล่อนนะยะ ดีออกกกก
ทางภูเขาค่อนข้างเปียกชื้นจากหมอก คนขับของเราเปิดเพลง แนวแดนซ์เพื่อเข้ากับจังหวะการขับของเขา ด้วยจังหวะและถนนขึ้นเขาสูงแบบนี้ พวกเราค่อนข้างเสียวเบาๆ เพราะถนนก็ใช่ว่าจะดีถ้าเทียกับบ้านเรา เราเลยถามเขาว่า นี่ถนนมันแย่ขนาดนี้ตลอดทางรึเปล่า Tsering หัวเราะฮึๆ แล้วบอกว่า “That’s a easy road” พวกเราทุกคนต่าง ฮึ!!!!! ถนนนี่ถ้าพวกเรามาขับคงตกเหวตั้งแต่มีรถบรรทุกสวนครั้งแรกแล้ว
ถึงทางจะแย่และหมอกลง แต่เวลาที่ภูเขาแง้มผ้าห่มออกมาให้เราดูค่อนข้างสวยทีเดียว ต้นไม้ต้นหญ้าเขียวขจี บนภูมิประเทศเขาสูงที่อลังการ รายรอบไหล่ทาง มีน้ำตกที่เกิดจากเกิดจากหิมะละลาย ไหลตามซอกเขา และไหลผ่านทาง ลงสู่หุบเหวอุดมสมบูรณ์เบื้องล่าง ดอกไม้,มอสและเฟรินข้างน้ำตก พวกเราไม่รีรอที่จะเทน้ำขวดทิ้ง แล้วเอาขวดไปรองน้ำตก มาดื่มพบว่ามันสดชื่นและ มีรสหวานๆของหญ้าและมอส กลิ่นเขียวๆ
เราจอดแวะที่ Marhi เหมือนเป็นจุดพักรถ เพราะคนขับเรายังไม่ได้กินอะไรมา Marhi มีร้านอาหารและห้องน้ำสาธารณแบบอินเดียจริงๆให้บริการ ดิฉันแนะนำให้ผู้ชายยิงกระต่ายข้างนอกดีกว่าค่ะ บอกได้แค่นี้ ข้างๆเมืองจะมีเนินเขาเล็กๆให้ปีนขึ้นไปดูวิว วิวจริงๆใน google บอกว่าสวยมาก จะเห็นวิวอลังการของทิวเขาเขียวๆ และถนนคดเคี้ยวที่ค่อยๆตัดภูเข้าขึ้นมา แต่พวกเราคงมีกรรมบัง หมอกลงมองอะไรไม่เห็นนอกจากทุ่งหญ้าที่มีขึ้วัวเปียกๆเต็ม
เราไปต่อและรู้สึกว่ามันสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายใจยาก ต้องสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด วิวเขียวๆ เริ่มเปลี่ยนเป็น น้ำตาลและมีก้อนน้ำแข็งขาวๆ ที่ค่อยๆละลาย พวกเราตื่นเต้นกันมาก
และแล้วก็ถึงจุดสูงสุดของวันนี้ Rohtang Pass 3,978 m (13,050 ft) โอ้สูงกว่าที่ใดๆในชีวิตที่ฉันเคยไป หมอกหนาจนเหมือนฉากในภาพยนต์เรื่อง The Mist ทัศนวิสัย เห็นแค่ราว 4 เมตร ลมแรงและหนาวมาก พวกหนุ่มๆได้ขุดเสื้อกันหนาวเกร๋ๆออกมาสวมใส่
จะขึ้นไปจุดสูงสุดต้องเดินขึ้นเอาอีกนิดนึง เริ่มรู้สึกว่าความสูงเริ่มเล่นงานแล้ว ต้องตั้งสติสูดลมหายใจให้เต็มปอด นึกภาพออกซิเจนเข้าไปจับกับฮีโมโกลบิน แล้วออกวิ่งขึ้นไป ข้างบนจะพบกับ ซุ้มธงมนต์ขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นความเชื่อว่า สายลมจะช่วยสวดมนต์ทุกครั้งที่ธงสะบัด และจุดสูงสุดลมจะพัดมนต์ไปได้ไกลที่สุด ไม่แปลกใจที่ตลอดทริปจะเห็นธงมนต์บนที่สูงๆตลอด
เลย Rohtang Pass ไปนิดจะเจอกับทุ่งหญ้าดอกไม้สีเหลือเขียวขจี ที่มองออกไปหน้าผา จะเห็นวิวภูเขาอลังการ โอ้วววมันสวยๆ โอ้สวยจริงๆ โทษทีถ่ายมาได้แค่นี้ค่ะ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่า ชีวิตนี้ไม่มีแฟนก็ได้แล้ว นี่ก็ฟินถึงจุดสุดยอดแล้ว