" ขุนเขาไม่ต้องสูง มีเซียนอยู่ก็เลื่องชื่อได้ " " น้ำไม่ต้องลึกมีมังกรอาศัยก็ศักดิ์สิทธิ์เอง "
ท่านมังกรโบราณท่านว่าอย่างนั้น
คนภูเขาก็ต้องเดินขึ้นเขา ถึงแม้นกเขาจะบินข้ามเขาได้รึไม่ก็ตาม แต่คนภูเขาต้องเดินขึ้นเขาหรือข้ามเขาให้ได้ ในเส้นทางชีวิตจริงๆบางทีไม่มีแม้ที่ให้เราได้หยุดพัก
วันนี้มาแบบคนภูเขา จริงๆแล้วก็เป็นคนภูเขาทุกวันนั่นแหละครับ
คนภูเขาหรือเมาเท่นแมน Mountain man ซึ่งในที่นี้หมายถึงคนภูเขาชาวอเมริกาในยุคระหว่างปีค.ศ. 18XX จนถึง 19XX คือพันแปดร้อยกว่าๆถึงพันเก้าร้อยกว่าๆโดยประมาณ ก็คงเป็นยุคที่คนขาวขยายดินแดนรุกไล่ชาวพื้นเมืองหรืออเมริกันเนตีฟที่เราเรียกกันว่าอินเดียนแดงนั่นแหละ มีดบางประเภทที่ผู้กล้าเหล่านั้นนำติดตัวไปใช้บางส่วนในสมัยนี้เราเรียกกันว่ามีดเมาเท่นแมน
คนภูเขาเหล่านั้น เลี้ยงชีพด้วยการขึ้นเขา หาของป่า ล่าสัตว์ ดักสัตว์ ตัดไม้ เมื่อยุคตื่นทองมาถึงชายกล้าเหล่านั้นก็ขุดทองกับเค้าด้วยเหมือนกัน คนภูเขามีทั้งทำงานคนเดียว ทำงานเป็นกลุ่ม หรือทำงานในรูปแบบของพนักงานบริษัทที่ขึ้นตรงกับแค็มป์หรือค่ายก็มี เตรียมข้าวของแล้วก็ออกเดินทาง ทั้งแบบขี่ม้า และเดินด้วยเท้า หายขึ้นเขาเข้าป่าไปแต่ละครั้งนานนับเดือนหรือหลายๆเดือน เข้าเหล่านั้นดำรงชีวิตด้วยปัจจัยที่ธรรมชาติเอื้อเฟื้อแบ่งปันและสิ่งของจำเป็นที่เค้าเอาไปเอง เตรียมเอาไปเอง สิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่จะต้องเอาไปก็คือมีด มีดที่ใช้งานในป่าเขา มีดเมาเท่นแมน
ละแวกบ้านผมก็จัดว่าใกล้เคียงกับภูเขา หรืออยู่ใกล้เขตที่พอจะมีเขาสูงๆต่ำๆอยู่บ้าง มีดที่คนแถวนี้ใช้ในการบุกป่าขึ้นเขาส่วนมากก็จะเป็นมีดอีเหน็บแบบหลังตรงหรือมีดเหน็บเหนือ มีดลาบทำนองนั้น
คนภูเขาพกมีดกันหลายเล่มนะครับ ไม่ค่อยเหมือนทางบ้านเราที่มักจะพกมีดขนาดใหญ่เพียงเล่มเดียวอย่างมีดอีเหน็บหรืออีโต้ มีดลาบ ทำนองนั้น แต่อเมริกันมีคตินิยมพกมีดหลายเล่มมาแต่เดิม คนทั่วๆไปก็พกมีดกันหลายเล่มอยู่แล้ว คนภูเขาที่เข้าป่าไปทีนึงหลายๆเดือนก็ต้องพกให้มากกว่าปรกติหน่อย บางคนพกตั้ง 4-5 เล่มก็มี หรือแนวคิดการใช้ของมีคมสามชิ้นอย่างเนสมักหรือเนสมักทรีโอ Nessmuk trio คือการพกขวาน , มีดใช้งานขนาดย่อมๆ และมีดพับ นอกจากใช้ของมีคมให้ถูกกับงานแล้วยังเพื่อขาดสำหรับการทำมีดหายหรือพังในป่าด้วย
ถ้าไม่นับการเข้าป่าล่าสัตว์หรือต่อสู้กับโจรผู้ร้าย ต่อสู้กับอินเดียนแดงเจ้าถิ่นแล้ว การใช้ชีวิตแบบเมาเท่นแมนก็น่ารื่นรมณ์อยู่พอสมควร การนั่งข้างๆกองไฟอบอุ่น กินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ มองไปรอบๆตัว ขุนเขาเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดาวกระจ่างฟ้าดารดาษ นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นเพียงลำพังในรัศมีหลายตารางกิโลเมตร นั่งฟังเสียงหัวใจตัวเอง เงียบยิ่งกว่าเงียบ งามยิ่งกว่างาม เป็นความงามที่แท้จริง
มีดเมาเท่นแมนที่ใช้กันในยุคนั้นที่เป็นมีดยี่ห้อก็มีนะครับ มีขายกันหลายยี่ห้อ หลังยุคของจิม บูอี้ ในอเมริกาก็เต็มไปด้วยมีดและร้านขายมีด มีทั้งนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในแผ่นดินอเมริกาเอง บริษัทหรือแค็มป์ของเมาเท่นแมนก็มีมีดไว้ให้ลูกจ้างหรือพนักงานเป็นร้อยๆพันๆเล่ม แต่มีอีกมากที่ทำกันเอง ผลิตโดยช่างตีเหล็กหรือแบล็กสมิธประจำท้องถิ่น
มีดเมาเท่นแมนที่เป็นแบบแฮนเมดส์ มักจะออกมาในแบบดิบๆหยาบๆ เต็มไปด้วยริ้วรอยจากการผลิต ทั้งด้ามมีดและตัวใบ คือต้องจัดสร้างขึ้นมาให้ได้ภายในเวลาไม่นานนักให้ทันกับความต้องการของนักเดินทางหรือขบวนคาราวานขนหนังสัตว์ เน้นให้มันมีคมและค่อนข้างแข็งแกร่งทนทานสำหรับงานป่าๆ เรื่องความละเอียดปราณีตก็เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญรองๆลงไป
ผมเองไม่ได้เห็นภูเขาหรือขึ้นไปเดินบนภูเขามานานมากแล้ว เรื่องจริงของชีวิตก็คือเดินหลังบ้านก็ยังลำบาก แต่ก็ยังคิดถึงชีวิตร่มรื่นและมีเสรีแบบนั้น ชอบนั่งกินข้าวเหมือนอยู่บนภูเขาหรือในป่า
คนภูเขาก็ต้องขึ้นเขาถึงจะรู้ว่ามีความยากลำบากและภยันตรายคอยอยู่ ช่างตีเหล็กก็ต้องตีเหล็ก ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าเดินไปบนถนนที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ และสิ่งที่รอคอยอยู่คือเตาไฟอันแสนเร่าร้อน
เตรียมข้าวของแล้วก็ไป ยิ้มแล้วก็ไป ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ถึงต้องล้มลุกคลุกคลานกี่ครั้ง ถ้ายังลุกขึ้นมาได้ เราจะไปกันต่อ
...
ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา
หมอกจางตาฟ้าร่วมกันท้าทาย
ขุนเขายิ่งใหญ่ทางเดินห่างลับไกล
บุกเดินไปไม่เคยหวั่น
...
ขุนเขาไม่ต้องสูงมีเซียนอยู่ก็เลื่องชื่อได้ , น้ำไม่ต้องลึกมีมังกรอาศัยก็ศักดิ์สิทธิ์เอง
ท่านมังกรโบราณท่านว่าอย่างนั้น
คนภูเขาก็ต้องเดินขึ้นเขา ถึงแม้นกเขาจะบินข้ามเขาได้รึไม่ก็ตาม แต่คนภูเขาต้องเดินขึ้นเขาหรือข้ามเขาให้ได้ ในเส้นทางชีวิตจริงๆบางทีไม่มีแม้ที่ให้เราได้หยุดพัก
วันนี้มาแบบคนภูเขา จริงๆแล้วก็เป็นคนภูเขาทุกวันนั่นแหละครับ
คนภูเขาหรือเมาเท่นแมน Mountain man ซึ่งในที่นี้หมายถึงคนภูเขาชาวอเมริกาในยุคระหว่างปีค.ศ. 18XX จนถึง 19XX คือพันแปดร้อยกว่าๆถึงพันเก้าร้อยกว่าๆโดยประมาณ ก็คงเป็นยุคที่คนขาวขยายดินแดนรุกไล่ชาวพื้นเมืองหรืออเมริกันเนตีฟที่เราเรียกกันว่าอินเดียนแดงนั่นแหละ มีดบางประเภทที่ผู้กล้าเหล่านั้นนำติดตัวไปใช้บางส่วนในสมัยนี้เราเรียกกันว่ามีดเมาเท่นแมน
คนภูเขาเหล่านั้น เลี้ยงชีพด้วยการขึ้นเขา หาของป่า ล่าสัตว์ ดักสัตว์ ตัดไม้ เมื่อยุคตื่นทองมาถึงชายกล้าเหล่านั้นก็ขุดทองกับเค้าด้วยเหมือนกัน คนภูเขามีทั้งทำงานคนเดียว ทำงานเป็นกลุ่ม หรือทำงานในรูปแบบของพนักงานบริษัทที่ขึ้นตรงกับแค็มป์หรือค่ายก็มี เตรียมข้าวของแล้วก็ออกเดินทาง ทั้งแบบขี่ม้า และเดินด้วยเท้า หายขึ้นเขาเข้าป่าไปแต่ละครั้งนานนับเดือนหรือหลายๆเดือน เข้าเหล่านั้นดำรงชีวิตด้วยปัจจัยที่ธรรมชาติเอื้อเฟื้อแบ่งปันและสิ่งของจำเป็นที่เค้าเอาไปเอง เตรียมเอาไปเอง สิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่จะต้องเอาไปก็คือมีด มีดที่ใช้งานในป่าเขา มีดเมาเท่นแมน
ละแวกบ้านผมก็จัดว่าใกล้เคียงกับภูเขา หรืออยู่ใกล้เขตที่พอจะมีเขาสูงๆต่ำๆอยู่บ้าง มีดที่คนแถวนี้ใช้ในการบุกป่าขึ้นเขาส่วนมากก็จะเป็นมีดอีเหน็บแบบหลังตรงหรือมีดเหน็บเหนือ มีดลาบทำนองนั้น
คนภูเขาพกมีดกันหลายเล่มนะครับ ไม่ค่อยเหมือนทางบ้านเราที่มักจะพกมีดขนาดใหญ่เพียงเล่มเดียวอย่างมีดอีเหน็บหรืออีโต้ มีดลาบ ทำนองนั้น แต่อเมริกันมีคตินิยมพกมีดหลายเล่มมาแต่เดิม คนทั่วๆไปก็พกมีดกันหลายเล่มอยู่แล้ว คนภูเขาที่เข้าป่าไปทีนึงหลายๆเดือนก็ต้องพกให้มากกว่าปรกติหน่อย บางคนพกตั้ง 4-5 เล่มก็มี หรือแนวคิดการใช้ของมีคมสามชิ้นอย่างเนสมักหรือเนสมักทรีโอ Nessmuk trio คือการพกขวาน , มีดใช้งานขนาดย่อมๆ และมีดพับ นอกจากใช้ของมีคมให้ถูกกับงานแล้วยังเพื่อขาดสำหรับการทำมีดหายหรือพังในป่าด้วย
ถ้าไม่นับการเข้าป่าล่าสัตว์หรือต่อสู้กับโจรผู้ร้าย ต่อสู้กับอินเดียนแดงเจ้าถิ่นแล้ว การใช้ชีวิตแบบเมาเท่นแมนก็น่ารื่นรมณ์อยู่พอสมควร การนั่งข้างๆกองไฟอบอุ่น กินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ มองไปรอบๆตัว ขุนเขาเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดาวกระจ่างฟ้าดารดาษ นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นเพียงลำพังในรัศมีหลายตารางกิโลเมตร นั่งฟังเสียงหัวใจตัวเอง เงียบยิ่งกว่าเงียบ งามยิ่งกว่างาม เป็นความงามที่แท้จริง
มีดเมาเท่นแมนที่ใช้กันในยุคนั้นที่เป็นมีดยี่ห้อก็มีนะครับ มีขายกันหลายยี่ห้อ หลังยุคของจิม บูอี้ ในอเมริกาก็เต็มไปด้วยมีดและร้านขายมีด มีทั้งนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในแผ่นดินอเมริกาเอง บริษัทหรือแค็มป์ของเมาเท่นแมนก็มีมีดไว้ให้ลูกจ้างหรือพนักงานเป็นร้อยๆพันๆเล่ม แต่มีอีกมากที่ทำกันเอง ผลิตโดยช่างตีเหล็กหรือแบล็กสมิธประจำท้องถิ่น
มีดเมาเท่นแมนที่เป็นแบบแฮนเมดส์ มักจะออกมาในแบบดิบๆหยาบๆ เต็มไปด้วยริ้วรอยจากการผลิต ทั้งด้ามมีดและตัวใบ คือต้องจัดสร้างขึ้นมาให้ได้ภายในเวลาไม่นานนักให้ทันกับความต้องการของนักเดินทางหรือขบวนคาราวานขนหนังสัตว์ เน้นให้มันมีคมและค่อนข้างแข็งแกร่งทนทานสำหรับงานป่าๆ เรื่องความละเอียดปราณีตก็เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญรองๆลงไป
ผมเองไม่ได้เห็นภูเขาหรือขึ้นไปเดินบนภูเขามานานมากแล้ว เรื่องจริงของชีวิตก็คือเดินหลังบ้านก็ยังลำบาก แต่ก็ยังคิดถึงชีวิตร่มรื่นและมีเสรีแบบนั้น ชอบนั่งกินข้าวเหมือนอยู่บนภูเขาหรือในป่า
คนภูเขาก็ต้องขึ้นเขาถึงจะรู้ว่ามีความยากลำบากและภยันตรายคอยอยู่ ช่างตีเหล็กก็ต้องตีเหล็ก ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าเดินไปบนถนนที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ และสิ่งที่รอคอยอยู่คือเตาไฟอันแสนเร่าร้อน
เตรียมข้าวของแล้วก็ไป ยิ้มแล้วก็ไป ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ถึงต้องล้มลุกคลุกคลานกี่ครั้ง ถ้ายังลุกขึ้นมาได้ เราจะไปกันต่อ
...
ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา
หมอกจางตาฟ้าร่วมกันท้าทาย
ขุนเขายิ่งใหญ่ทางเดินห่างลับไกล
บุกเดินไปไม่เคยหวั่น
...