สวัสดีค่ะ ชื่อนิดหน่อยค่ะ วันนี้ขอมาประสบการณ์ ของการเป็นโรค ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่มาเขียนนี้ อยากจะมาบอกเกี่ยวกับลักษณะอาการที่เราเป็น ต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เพื่อนได้สังเกตตัวเองหรือคนรอบข้าง ก่อนที่จะเป็นหนักหรือร้ายแรงนะคะ
1. ขออภัยกันก่อนเลย หากเราพูดผิดหลักการแพทย์อะไรไปขออภัยดัวยนะคะ ผ่านมาจะ 1 ปีแล้ว
2. การรักษาของหมอ ของแต่ละท่าน จะไม่เหมือนกันนะคะ ไม่ใช่ว่าจะต้องรักษาเหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน
เริ่มต้นเลย เราเป็นผู้หญิงอ้วน สูงใหญ่ สาวน้อยร้อยโลค่ะ ตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนที่นอนกรนมาตลอด ที่บ้านก็มีแต่คนนอนกรน ซึ่งเป็นสูงอายุ ทั้งนั้น จนกระทั่งโตเรียนมัธยมปลาย เราก็นอนกรนและกรนดังกว่าเดิม พร้อมอาการเริ่มเป็นภูมิแพ้ และทอลซิลโตข้างเดียว แล้วเราก็เป็นภูมิแพ้มาเรื่อยๆ โดยเฉพาะอาการเปลี่ยนแปลงบ่อย
เรียนจบทำงาน มีแฟน และอยู่ด้วยกัน ช่วงต้นปี 2014 แฟนบอกว่า เรากรนน่ากลัว จนมันนอนไม่ได้เลย เราก็บอกมันว่า เราอ่ะเป็นทอลซิลโตนะ มันทำให้หายใจไม่สะดวก แต่แล้วอาการก็เริ่มหนัก เริ่มดังขึ้นอีก จนบอกว่า ไม่ไหวแล้ว แฟนกลัวเราจะขาดหายใจ จนต้องปลุกอยู่เรื่อยๆ
เราเลยตัดสินใจไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่เราใช้
สิทธิประกันสังคมอยู่ ต้องไป แผนก โสด คอ นาสิก โดยแจ้งอาการไปว่าต้องการมา
รักษาทอลซิลโต พอถึงเวลาเข้าตรวจ
หมอให้อ้าปาก คำแรกที่ได้ยิน "
โหทอลซิลโตมากเลยนะ ขวาระดับ 4 ซ้ายระดับ 2"
เรา : โตขนาดไหนคะหมอ
หมอ : นึกภาพตามนะ คอ มีสิ้นไก่ตรงกลาง ทอลซิลโตเข้ามาใกล้ลิ้นไก่มาก แล้วนอนกรนไหม
เรา : กรน ค่ะ จะมารักษาอาการนอนกรนด้วยเลย
หมอ : โอเค หมอเอาใบสอบถามมาให้ทำ
(เราตัดบทสนทนาสั้นๆมานะคะ)
ใบสอบถามนี้ เหมือนเป็นการประเมินอาการ สรุปรวมๆได้ว่า
เราจะมีอาการ : นอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆตลอดเวลา ตื่นมาปัสสาวะกลางดึกบ่อยครั้ง นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตื่นมาไม่สดชื่น สามารถหลับกลางอากาศได้ นั่งๆอยู่สามารถ สัปหงกไปได้ทันที มีอาการเวียนหัว ความดันสูง ออกซิเจนในร่างกายไม่พอ รู้สึกว่านอนแล้วเหนื่อย ไม่มีอาการสะดุ้งลุกขึ้นมาหายใจ
จากอาการทั้งหมดนี้ ตอนแรกเราคิดว่าเป็นปกตินะคะ เพราะคิดว่าเรานั่งทำงานจนดึกดื่น ตี 1 ตี 2 อยู่แลว ถ้าจะง่วง หรืออะไร ก็คงปกติเพราะต้องตื่นแต่เช้า
หลังจากทำแบบสอบถามเสร็จรวมคะแนน แล้วจึงส่งต่อไปยังอาจารย์หมอ แล้วจัดการส่องกล้อง ทางจมูก ต่อมโน่นโต นี่โต ตรงนั้นตรงนี้แถวบริเวณจมูก ข้างใน อาการทอลซิลโต ก็เป็นเหตุผล 1 ในการทำให้นอนกรน เพราะมันโตจนเกือบจะปิดทางเดินหายใจหมดแล้ว
หมอจึงนัดให้ทำ Sleep Test คือการทดสอบการนอนของเรา โดยเราไปนอนโรงพยาบาล 1 คืน โดยที่เราเอาเครื่องนอนที่เราติด พวกหมอน ผ้าห่ม หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เราหลับไปได้ แล้วพยาบาลมาติดเครื่องโน่นนี่เต็มหัวไปหมด แล้วเราก็จะนอน นอนไม่หลับก็ขอยากินได้ สักประมาณเที่ยงคืน พยาบาลเอา ออกซิเจนมาใส่ให้ เพราะเรากรนมาก ตอนเช้าถอดเครื่อง แล้วก็กลับบ้าน ฟังผล 2 อาทิตย์ ผลที่ออกมาคือ เราหยุดหายใจไปทั้งหมด 126 ครั้งต่อ ชั่วโมง หมอถือว่าเยอะค่ะ
หมอให้เลือกระหว่างใช้เครื่อง CPAC หรือผ่า เราเลือกผ่าเลยคะ เราไม่อยากพกเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด เราก็เลยถาม แล้วเรื่องทอลซิลโตนี่ละคะ เอาอย่างไร
หมอ : ตัดออกเลยไหมละ
เรา : แล้วยังจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม
หมอ : ต่อมทอลซิลโต แล้วไม่ยุบคือการที่มันไม่ทำงานแล้ว จะมีไว้หรือตัดทิ้งก็ไม่ต่างกัน
เรา : ตัดเลยคะ ไม่เอาไว้ดีกว่า มองในคอตัวเองผ่านกระจกแล้วมันขัดหูขัดตา
นัดผ่าแล้ว วันแอดมิดมา คุณหมอให้เข้าไปฟังแผนการผ่าตัด ว่าจะทำอะไรบ้าง คุณหมอคนนี้เป็นแพทย์ประจำบ้าน บอกว่า เราจำทำการตัดทอลซิลออกทั้งสองข้างนะ เป็นการผ่าผ่านทางช่องปาก แล้วจะทำการเย็บลิ้นไก่ไปติดเพดานปาก เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจ ไม่ให้มีอะไรมาขวาง แล้วอาจจะต้องนอน ICU 1 คืนเพื่อรอดูอาการ (ทำไมต้องนอนด้วยคะ) คือในทอลซิลก็มีเส้นเลือดผ่าน ถ้าเราตัดไปแล้ว เลือดจะไหลเข้าสู่หัวใจเร็วกว่าเดิม กลัวจะเกิดอันตราย
เราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนเล่นบนเตียง 2 คืน ห้องรวม 6 เตียง คุยกันไป คนไข้เตียงตรงข้ามบอกว่า เรากรนน่ากลัว กรนแบบสะบัดๆ คือ เหมือนเราหายใจไม่ออก แล้วพยายาามจะหายใจประมาณนั้น พยาบาลจะมาวัดไข้และความดัน ออกซิเจนในเลือดตอนเช้า เรามีออกซิเจนต่ำมาก
วันผ่าตัดมาถึง อดอาหาร หลังเที่ยงคืน จิบน้ำนิดๆหน่อย พยาบาลมาใส่สายน้ำเกลือ 11 โมง เปลเขียวมารับแล้ว ตื่นเต้น เข็นลงไป พี่เค้าก็ชวนคุยโน่นนี่ บอกไม่ต้องกลัวนะ แปปเดียว เด็กในห้องเดียวกับน้องเค้าก็ไม่กลัว เพิ่งมาผ่าไปเมื่อวาน
เข้าไป พยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะ วิสัญญี ชวนคุย เพื่อเช็คสติ แล้วก็รมยาเรา หลับภายใน 3 วิ ไม่นาน พยาบาลเข็ญออกมาห้องรอดูอาการ "ผ่าตัดเสร็จแล้วนะคะ" เราค่อยๆลืมตา พระเจ้าเผลอกลืนน้ำลาย แทบชัก ความรู้สึกเหมือนคนเจ็บคอมากๆ แต่หลายเท่ากว่า เราขอที่บ้วนเลือด ไม่งั้นเราพูดไม่ได้ เลือดเต็มปาก พยาบาลถาม เอายาแก้ปวดไหม เราพยักหน้า แล้วมาฉีดให้สักพัก ก็ดีขึ้น ไม่เจ็บมาก แต่เราไม่ได้เข้าไปนอน ICU นะ กลับไปนอนที่ห้องพักเลย พยาบาลนับสิบ มามะรุมมะตุ้มกันที่เตียง วันนั้นเราไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน นอนอย่างเดียว ตื่นมาบ้วนเลือดออกเป็นระยะๆ พอเช้า พยาบาลมาวัดออกซิเจน "วันนี้ออกซิเจนดีมากเลยนะคะ" (เรานี่ยิ้มหน้าบานเลย ดีใจ)
แต่เมื่ออาหารเช้ามา กระบอกใส่น้ำแข็ง น้ำต้มข้าว และก็โอวัลติน ของเหลว ทุกอย่างเป็นของเหลว และต้องกินเย็นๆ เพราะถ้ากินของร้อน ไหมจะละลาย น้ำตาไหลพราก ทั้งหิว ทั้งเจ็บเวลากลืน หลังจากทานแล้วยาตามมา เป็นยาฆ่าเชื้อ สีส้มข้นๆ รสส้ม อันนี้อร่อยมาก และอีกอันเป็นยาแก้ปวดสีเหลืออ่อน แบบยาน้ำเด็ก รสชาติ.....มาก พี่พยาบาลมายืนคุมกินทุกวัน ไม่รู้ว่ากลัวเราดื้อหรืออย่างไร
หลังจากนั้น หมอ และนักเรียนแพทย์ วนเวียนกันมาของส่งกัน เราก็อ้า ทั้งวัน แต่ก็ยินดี เพื่อให้น้องๆหมอได้ศึกษา สองวัน เนื้อเยื่อเริ่มขึ้นมาปิดแผลแล้ว เริ่มดีขึ้นก็อนุญาตให้กล้บบ้านได้ แต่ต้องกินของเหลวต่ออีก 1 อาทิตย์ แล้วกลับมาหาหมอ หมออนุญาตให้กินของอ่อนๆเละๆ แบบโจ๊กได้ แล้ว แต่อย่าเพิ่งกินพวกหมูหรืออะไรที่เป็นของแข็ง 1 เดือน แผลดีขึ้น อนุญาตให้กิน ได้เกือบปกติ แต่อย่าเพิ่งไปจัดหนัก ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะ
อาการของเราดีขึ้น คนในบ้านบอกนอนเงียบ มากจนคิดว่าเราตาย คือเงียบกริบ เราดีใจมาก ไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนก็บอกเราเงียบมาก จนต้องลุกมาดูเลยว่าเรายังหายใจไหม แล้วอาการที่กล่าวมาข้างต้น นอนหลับสนิท ไม่ตื่นกลางดึกอีกเลย สองทุ่มหันถึงหมอน หลับเลย 8 ชั่วโมง ตื่นพอดีเด๊ะ ไม่ง่วงระหว่างทำงาน ไม่เวียนหัว ตอนตื่น สดชื่นมากๆ
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ประกันสังคมออกให้ค่ะ เสียค่าส่วนต่างแค่ 47 บาท ส่วนโรงพยาบาลอื่นหรือสิทธิการรักษาแบบอื่นๆ แนะนำขอรายละเอียดกับทางโรงพยาบาลก่อนนะคะ
ขอบคุณนะคะ ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วย พยายามย่อแล้ว
ขอแชร์ประสบการณ์ ของการเป็นโรค ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
1. ขออภัยกันก่อนเลย หากเราพูดผิดหลักการแพทย์อะไรไปขออภัยดัวยนะคะ ผ่านมาจะ 1 ปีแล้ว
2. การรักษาของหมอ ของแต่ละท่าน จะไม่เหมือนกันนะคะ ไม่ใช่ว่าจะต้องรักษาเหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน
เริ่มต้นเลย เราเป็นผู้หญิงอ้วน สูงใหญ่ สาวน้อยร้อยโลค่ะ ตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนที่นอนกรนมาตลอด ที่บ้านก็มีแต่คนนอนกรน ซึ่งเป็นสูงอายุ ทั้งนั้น จนกระทั่งโตเรียนมัธยมปลาย เราก็นอนกรนและกรนดังกว่าเดิม พร้อมอาการเริ่มเป็นภูมิแพ้ และทอลซิลโตข้างเดียว แล้วเราก็เป็นภูมิแพ้มาเรื่อยๆ โดยเฉพาะอาการเปลี่ยนแปลงบ่อย
เรียนจบทำงาน มีแฟน และอยู่ด้วยกัน ช่วงต้นปี 2014 แฟนบอกว่า เรากรนน่ากลัว จนมันนอนไม่ได้เลย เราก็บอกมันว่า เราอ่ะเป็นทอลซิลโตนะ มันทำให้หายใจไม่สะดวก แต่แล้วอาการก็เริ่มหนัก เริ่มดังขึ้นอีก จนบอกว่า ไม่ไหวแล้ว แฟนกลัวเราจะขาดหายใจ จนต้องปลุกอยู่เรื่อยๆ
เราเลยตัดสินใจไปหาหมอ ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่เราใช้สิทธิประกันสังคมอยู่ ต้องไป แผนก โสด คอ นาสิก โดยแจ้งอาการไปว่าต้องการมา รักษาทอลซิลโต พอถึงเวลาเข้าตรวจ
หมอให้อ้าปาก คำแรกที่ได้ยิน "โหทอลซิลโตมากเลยนะ ขวาระดับ 4 ซ้ายระดับ 2"
เรา : โตขนาดไหนคะหมอ
หมอ : นึกภาพตามนะ คอ มีสิ้นไก่ตรงกลาง ทอลซิลโตเข้ามาใกล้ลิ้นไก่มาก แล้วนอนกรนไหม
เรา : กรน ค่ะ จะมารักษาอาการนอนกรนด้วยเลย
หมอ : โอเค หมอเอาใบสอบถามมาให้ทำ
(เราตัดบทสนทนาสั้นๆมานะคะ)
ใบสอบถามนี้ เหมือนเป็นการประเมินอาการ สรุปรวมๆได้ว่า
เราจะมีอาการ : นอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆตลอดเวลา ตื่นมาปัสสาวะกลางดึกบ่อยครั้ง นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตื่นมาไม่สดชื่น สามารถหลับกลางอากาศได้ นั่งๆอยู่สามารถ สัปหงกไปได้ทันที มีอาการเวียนหัว ความดันสูง ออกซิเจนในร่างกายไม่พอ รู้สึกว่านอนแล้วเหนื่อย ไม่มีอาการสะดุ้งลุกขึ้นมาหายใจ
จากอาการทั้งหมดนี้ ตอนแรกเราคิดว่าเป็นปกตินะคะ เพราะคิดว่าเรานั่งทำงานจนดึกดื่น ตี 1 ตี 2 อยู่แลว ถ้าจะง่วง หรืออะไร ก็คงปกติเพราะต้องตื่นแต่เช้า
หลังจากทำแบบสอบถามเสร็จรวมคะแนน แล้วจึงส่งต่อไปยังอาจารย์หมอ แล้วจัดการส่องกล้อง ทางจมูก ต่อมโน่นโต นี่โต ตรงนั้นตรงนี้แถวบริเวณจมูก ข้างใน อาการทอลซิลโต ก็เป็นเหตุผล 1 ในการทำให้นอนกรน เพราะมันโตจนเกือบจะปิดทางเดินหายใจหมดแล้ว
หมอจึงนัดให้ทำ Sleep Test คือการทดสอบการนอนของเรา โดยเราไปนอนโรงพยาบาล 1 คืน โดยที่เราเอาเครื่องนอนที่เราติด พวกหมอน ผ้าห่ม หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เราหลับไปได้ แล้วพยาบาลมาติดเครื่องโน่นนี่เต็มหัวไปหมด แล้วเราก็จะนอน นอนไม่หลับก็ขอยากินได้ สักประมาณเที่ยงคืน พยาบาลเอา ออกซิเจนมาใส่ให้ เพราะเรากรนมาก ตอนเช้าถอดเครื่อง แล้วก็กลับบ้าน ฟังผล 2 อาทิตย์ ผลที่ออกมาคือ เราหยุดหายใจไปทั้งหมด 126 ครั้งต่อ ชั่วโมง หมอถือว่าเยอะค่ะ
หมอให้เลือกระหว่างใช้เครื่อง CPAC หรือผ่า เราเลือกผ่าเลยคะ เราไม่อยากพกเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด เราก็เลยถาม แล้วเรื่องทอลซิลโตนี่ละคะ เอาอย่างไร
หมอ : ตัดออกเลยไหมละ
เรา : แล้วยังจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม
หมอ : ต่อมทอลซิลโต แล้วไม่ยุบคือการที่มันไม่ทำงานแล้ว จะมีไว้หรือตัดทิ้งก็ไม่ต่างกัน
เรา : ตัดเลยคะ ไม่เอาไว้ดีกว่า มองในคอตัวเองผ่านกระจกแล้วมันขัดหูขัดตา
นัดผ่าแล้ว วันแอดมิดมา คุณหมอให้เข้าไปฟังแผนการผ่าตัด ว่าจะทำอะไรบ้าง คุณหมอคนนี้เป็นแพทย์ประจำบ้าน บอกว่า เราจำทำการตัดทอลซิลออกทั้งสองข้างนะ เป็นการผ่าผ่านทางช่องปาก แล้วจะทำการเย็บลิ้นไก่ไปติดเพดานปาก เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจ ไม่ให้มีอะไรมาขวาง แล้วอาจจะต้องนอน ICU 1 คืนเพื่อรอดูอาการ (ทำไมต้องนอนด้วยคะ) คือในทอลซิลก็มีเส้นเลือดผ่าน ถ้าเราตัดไปแล้ว เลือดจะไหลเข้าสู่หัวใจเร็วกว่าเดิม กลัวจะเกิดอันตราย
เราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนเล่นบนเตียง 2 คืน ห้องรวม 6 เตียง คุยกันไป คนไข้เตียงตรงข้ามบอกว่า เรากรนน่ากลัว กรนแบบสะบัดๆ คือ เหมือนเราหายใจไม่ออก แล้วพยายาามจะหายใจประมาณนั้น พยาบาลจะมาวัดไข้และความดัน ออกซิเจนในเลือดตอนเช้า เรามีออกซิเจนต่ำมาก
วันผ่าตัดมาถึง อดอาหาร หลังเที่ยงคืน จิบน้ำนิดๆหน่อย พยาบาลมาใส่สายน้ำเกลือ 11 โมง เปลเขียวมารับแล้ว ตื่นเต้น เข็นลงไป พี่เค้าก็ชวนคุยโน่นนี่ บอกไม่ต้องกลัวนะ แปปเดียว เด็กในห้องเดียวกับน้องเค้าก็ไม่กลัว เพิ่งมาผ่าไปเมื่อวาน
เข้าไป พยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะ วิสัญญี ชวนคุย เพื่อเช็คสติ แล้วก็รมยาเรา หลับภายใน 3 วิ ไม่นาน พยาบาลเข็ญออกมาห้องรอดูอาการ "ผ่าตัดเสร็จแล้วนะคะ" เราค่อยๆลืมตา พระเจ้าเผลอกลืนน้ำลาย แทบชัก ความรู้สึกเหมือนคนเจ็บคอมากๆ แต่หลายเท่ากว่า เราขอที่บ้วนเลือด ไม่งั้นเราพูดไม่ได้ เลือดเต็มปาก พยาบาลถาม เอายาแก้ปวดไหม เราพยักหน้า แล้วมาฉีดให้สักพัก ก็ดีขึ้น ไม่เจ็บมาก แต่เราไม่ได้เข้าไปนอน ICU นะ กลับไปนอนที่ห้องพักเลย พยาบาลนับสิบ มามะรุมมะตุ้มกันที่เตียง วันนั้นเราไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน นอนอย่างเดียว ตื่นมาบ้วนเลือดออกเป็นระยะๆ พอเช้า พยาบาลมาวัดออกซิเจน "วันนี้ออกซิเจนดีมากเลยนะคะ" (เรานี่ยิ้มหน้าบานเลย ดีใจ)
แต่เมื่ออาหารเช้ามา กระบอกใส่น้ำแข็ง น้ำต้มข้าว และก็โอวัลติน ของเหลว ทุกอย่างเป็นของเหลว และต้องกินเย็นๆ เพราะถ้ากินของร้อน ไหมจะละลาย น้ำตาไหลพราก ทั้งหิว ทั้งเจ็บเวลากลืน หลังจากทานแล้วยาตามมา เป็นยาฆ่าเชื้อ สีส้มข้นๆ รสส้ม อันนี้อร่อยมาก และอีกอันเป็นยาแก้ปวดสีเหลืออ่อน แบบยาน้ำเด็ก รสชาติ.....มาก พี่พยาบาลมายืนคุมกินทุกวัน ไม่รู้ว่ากลัวเราดื้อหรืออย่างไร
หลังจากนั้น หมอ และนักเรียนแพทย์ วนเวียนกันมาของส่งกัน เราก็อ้า ทั้งวัน แต่ก็ยินดี เพื่อให้น้องๆหมอได้ศึกษา สองวัน เนื้อเยื่อเริ่มขึ้นมาปิดแผลแล้ว เริ่มดีขึ้นก็อนุญาตให้กล้บบ้านได้ แต่ต้องกินของเหลวต่ออีก 1 อาทิตย์ แล้วกลับมาหาหมอ หมออนุญาตให้กินของอ่อนๆเละๆ แบบโจ๊กได้ แล้ว แต่อย่าเพิ่งกินพวกหมูหรืออะไรที่เป็นของแข็ง 1 เดือน แผลดีขึ้น อนุญาตให้กิน ได้เกือบปกติ แต่อย่าเพิ่งไปจัดหนัก ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะ
อาการของเราดีขึ้น คนในบ้านบอกนอนเงียบ มากจนคิดว่าเราตาย คือเงียบกริบ เราดีใจมาก ไปเที่ยวกับเพื่อน เพื่อนก็บอกเราเงียบมาก จนต้องลุกมาดูเลยว่าเรายังหายใจไหม แล้วอาการที่กล่าวมาข้างต้น นอนหลับสนิท ไม่ตื่นกลางดึกอีกเลย สองทุ่มหันถึงหมอน หลับเลย 8 ชั่วโมง ตื่นพอดีเด๊ะ ไม่ง่วงระหว่างทำงาน ไม่เวียนหัว ตอนตื่น สดชื่นมากๆ
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ประกันสังคมออกให้ค่ะ เสียค่าส่วนต่างแค่ 47 บาท ส่วนโรงพยาบาลอื่นหรือสิทธิการรักษาแบบอื่นๆ แนะนำขอรายละเอียดกับทางโรงพยาบาลก่อนนะคะ
ขอบคุณนะคะ ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วย พยายามย่อแล้ว