ตอนนำ ตอนที่ 1 โชคชะตา...?
http://ppantip.com/topic/34216321
*************************************************************************************
002
เกาะแก้วมรกต
ราอูลล์ได้เรือลำเล็ก ท่าทางไม่น่ารอดพ้นไปถึงจุดหมาย แต่เขายังพยายาม
“คุณนายป้าหน้ายักษ์ รอข้าก่อนนะ... ข้าจะรีบไปรีบกลับบบบบ”
เขาตะโกนกับท้องทะเลอันเวิ้งว้าง ไม่รู้เดินทางมาไกลเท่าไรแล้ว แต่จุดหมายคือการมุ่งหน้าทางดาวธนูนั้น ยังทำได้ดี
ราอูลล์ตั้งหางเสือให้มุ่งตรง ตัวเองค่อยนั่งพักเอาแรง เผลอหลับไปจนรู้สึกตัวตื่นเมื่อถูกคลื่นโยกโยนรุนแรง
เขามองเห็นคล้ายแนวเขาทะมึนเสียดฟ้า ที่แท้เป็นกำแพงคลื่นยักษ์สูงเทียมเมฆ จากที่พวกชุดแดงบอกทาง เขาว่านี้คือกำแพงพระสมุทร หากพ้นผ่านไปได้ ก็จะเข้าสู่เขตเกาะแก้วมรกต
ชายหนุ่มลดใบเรือลง หันไปคว้าหางเสือ บังคับให้เรือน้อยยังคงอยู่ในทิศทาง
ยิ่งใกล้กำแพงคลื่น ท้องทะเลยิ่งผันผวน ท้องน้ำโยกโยนขึ้นลงจนเขาแทบเอาตัวไม่รอด
ในที่สุด นอกจากความปั่นป่วนของผืนน้ำ ยังมีพายุฝนกระโชกรุนแรง เมื่อสุดจะต้านทาน ร่างของราอูลล์โดนพัดพาลงสู่กระแสน้ำ เรือน้อยถูกคลื่นน้ำวนดูดกลืนตามลงไป
และอีกนานเท่าไรไม่รู้ กว่าที่เขาจะคล้ายได้ยินเสียงคลื่นแผ่วกระทบฝั่ง มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกลิ่นอวลดอกไม้หอมตลบ
สายลมแผ่วเบา ค่อยแตะผิวให้รู้สึกตัว เขามาติดค้างอยู่ริมหาด ต้องเป็นเกาะแก้วมรกตแน่แล้ว
สำลักน้ำออกมาคำหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่ามีแสงแดดแผดจ้า ตอนแรกหายใจไม่สะดวก แต่คงเพราะตัวยาที่พวกเสื้อแดงให้รับประทานเข้าไป ทำให้อีกครู่เขาก็หายใจได้ตามปกติ
ดอกไม้ใบหญ้า ตรงชายหาดนี้และเลยไปจนสุดสายตา ล้วนเป็นสีเหลือบรุ้งงดงาม เสียงนกน้อยไม่ใช่เพียงแค่ส่งสำเนียง แต่มันยังมีจังหวะทำนอง ฟังคล้ายกำลังร้องเพลงประสานเสียง ต้นไม้หมู่หนึ่ง ทั้งหมดปราศจากร่มใบ มีเพียงดอกระยิบระยับสีเขียวสุกใส น่าจะคือที่มาของนามเกาะแก้วมรกต
“นี้คือเกาะของนางฟ้าที่ว่านั่นสินะ”
ราอูลล์พึมพำกับตัวเอง พลางยันกายขึ้น มองหาหนทางเดินลึกเข้าสู่ด้านใน เห็นทางสายหนึ่งตัดตรงเข้าไป ก็มุ่งหน้าสู่สถานที่ของยาวิเศษ
เขาเดินอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบข้าง แต่ก็ไม่ลืมจุดหมายสำคัญ
เข้าสู่เขตป่าโปร่ง ต้นไม้เป็นคล้ายลำไผ่สูงชะลูด แต่มองอีกครั้งก็คล้ายต้นเสา สูงตรงแผ่กิ่งร่มใบเฉพาะบนยอด และทั้งหมดเป็นสีทองอร่าม ละลานตา
เขาเดินมุ่งหน้าต่อไป คราวนี้ค่อยสังเกตเห็นว่า เดินมาตั้งนาน ยังวกกลับมาที่เดิม
“เขาวงกตหรือไงนะ ทำไม... ไอ้กิ่งทองหักๆ นี่ เมื่อกี้ข้าเป็นคนเหยียบมันเองนี่นา”
ราอูลล์เดินวนอยู่อีกนาน กระทั่งกลับมาที่เดิมอีกครั้ง คราวนี้ได้พบกับลานขนาดย่อม บนพื้นมีลายตาราง และตรงช่องตาราง ยืนไว้ด้วยตัวหมากรุกศิลาขนาดยักษ์
เขาผงะ เมื่อมันขยับตัว ไม่ใช่เข้ามาทีละหนึ่ง แต่พร้อมกันทั้งหมด เห็นชัดว่าหมายบดขยี้ผู้บุกรุกให้บี้แบน
ราอูลล์กระชับขวานด้ามเล็กไว้ในมือ พิจารณาแล้วเห็นว่ายากนักจะต่อกร รีบวิ่งหนีเพื่อตั้งหลัก แต่ตัวหมากรุกยักษ์ยังไล่ล่า มันลอยลิ่วคล้ายมีปีกที่มองไม่เห็น ผลักดันบุกจู่โจม กระแทกลงพื้น ราวเท้าพญาช้างกำลังไล่เหยียบย่ำหนูตัวเล็กๆ
พอจนมุมเข้าจริงๆ ราอูลล์ก็หลับหูหลับตา ฟาดขวานทลายฟ้าออกไป เสียงดังเปรี้ยงก้องสะท้อนไปทั่วทั้งเกาะ ตัวหมากรุกศิลาป่นเป็นผงไปทันที
เขาแทบไม่เชื่อสายตา แต่ยังรีบตั้งสติ ไล่ใช้สันขวานทุบหมากรุกยักษ์ตัวที่เหลือจนไม่เหลือชิ้นดี ทว่ายังมีอีกตัวหนึ่งที่หลบหนี จนเขาต้องตาม ขว้างขวานทลายฟ้าไปทำลาย
แล้วอยู่ๆ พื้นดินที่ยืนก็กลายเป็นปล่อง เขาตกวูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
พอรู้สึกตัวก็คล้ายลงมาอยู่ในอีกโลก แหงนมองด้านบนเห็นแต่ท้องฟ้าสีเทาหม่น ไม่เห็นเมฆและดวงอาทิตย์
รู้สึกบนพื้นหยุ่นยวบ พอก้มลงดูก็ตกใจ ขณะนี้เขายืนบนบัวยักษ์ดอกหนึ่ง และที่แท้เขาตกลงมาอยู่ท่ามกลางสระบัวชมพูขนาดสุดลูกหูลูกตานั่นเอง
เขาเหลียวซ้ายแลขวา คิดว่าจะหาทางกลับคืนสู่ฝั่งได้อย่างไร พอคิดไปแค่นั้น ดอกบัวใหญ่ที่รองรับก็เคลื่อนที่ตามใจคิด มันแล่นไปกลางน้ำคล้ายติดเครื่องยนต์ รวดเร็วและนุ่มนวลชวนเพลิดเพลิน แล่นผ่านสายหมอกอุ่นอ่อน กลิ่นเกสรบัวหอมตลบ แสงจางไม่น่าใช่จากดวงอาทิตย์ และบรรยากาศรอบตัวเย็นฉ่ำกำลังสบาย
ดอกบัวยนต์นำเขาเลี้ยวเข้าลำธารสายหนึ่ง แล้วหยุดส่งที่ริมตลิ่ง พอราอูลล์ก้าวพ้น มันก็ผลุบหายลงใต้ธารน้ำ
ในลำธาร น้ำใสไหลเย็น พื้นทรายใต้น้ำคล้ายโรยด้วยเกล็ดทองคำ และเกลื่อนไปด้วยรัตนชาติ ราอูลล์จิบน้ำหวังดับกระหาย พอล่วงลำคอก็รู้สึกเย็นซ่านมีกำลังขึ้นมาทันที
เขาเดินสำรวจมาตามริมทาง โขดหินที่ก้าวผ่านคล้ายถูกสลักเสลาไว้เป็นอย่างดี ขณะเพลินกับบรรยากาศ ได้พบกองอาภรณ์ชุดหนึ่ง พับวางไว้เรียบร้อย พิศดูก็รู้ว่าเป็นของสตรี เขาเหลียวหาเจ้าของ พอไม่เห็นใคร ก็หันกลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งตรงหน้า
กลิ่นหอมมวลบุปผาโชยแตะจมูก เป็นกลิ่นชวนหลงใหลที่ไม่แน่ใจว่า มาจากอาภรณ์สตรีชุดนี้หรือไม่ เขายกขึ้นสูดกลิ่น... เป็นกลิ่นหอมหวานจากชุดนี้จริงๆ
คราวนี้คล้ายได้ยินเสียง หลังโขดหินใหญ่คงเป็นธารน้ำตก เขาค่อยขยับตัวเบาๆ ชะโงกมองผ่านไป ภาพที่เห็นเป็นกอบัวขนาดใหญ่ ชูใบชูดอก ส่วนใหญ่กำลังผลิบาน มีผีเสื้อบินวน ปีกใหญ่โตของมันระยิบระยับราวเกล็ดเพชร
ต้องมีใครสักคนแฝงกายอยู่แน่ๆ ราอูลล์พยายามเพ่งพิจารณา จนอึดใจใหญ่ กว่าจะได้เห็น เป็นเนียนไหล่ของสตรีผู้หนึ่ง
หล่อนกำลังเพลินกับสายน้ำฉ่ำเย็น เล่นล้อกับภมรที่คล้ายเย้าหยอก ไม่รู้สึกตัวว่ามีใครกำลังจ้องมอง แบบตาไม่กะพริบ
“นางฟ้า... นางฟ้าบนเกาะแก้วมรกตนี้แน่ๆ”
ราอูลล์พึมพำ พร้อมหูเริ่มได้ยินคล้ายเสียงดนตรี บรรเลงจากเครื่องแก้วดังกรุ๋งกริ๋ง ราวมวลกระดิ่งลมถูกลมเป่าผะแผ่วเป็นจังหวะละมุนละไม
หรือว่าเสียงนั้นคือดนตรีบรรเลง ขับกล่อมให้การเล่นธารของนางฟ้า ยิ่งสำเริงสำราญหัวใจ
ราอูลล์เพลินมองอย่างหลงใหล รอบกายสตรีที่เห็นแลคล้ายอวลรังสีละมุนสีชมพูอ่อนจาง... ที่คุณนายป้าของเขาเคยพร่ำเพ้อบอกว่า นั้นคือสีของกระแสปราณ ของผู้กำลังตกอยู่ในห้วงรัก...
“นางฟ้า... ต้องเป็นนางฟ้า... สวย... สวยงามขนาดนี้... ต้องเป็นนางฟ้าเท่านั้น...”
เขาถึงกับพร่ำเพ้อรำพัน พอลืมตัวก็เผลอส่งเสียงดัง จนสตรีผู้นั้นหันมามอง
“ใครน่ะ! ดาราว์ ดาราว์หรือเปล่า”
เสียงหวานปานระฆังแก้ว เรียกหา... ใครสักคน
“ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่ดาราว์อะไรทั้งนั้น”
ราอูลล์ก็รีบหลบ รู้สึกตัวเองไร้มรรยาทสิ้นดี พอหล่อนเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้า ก็ผลุบดำน้ำหายไปอึดใจ ก่อนจะค่อยโผล่ขึ้นมาอย่างโมโห
“แล้วเจ้าเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้!”
ราอูลล์ไม่กล้าเงยหน้า ได้แต่บอกปากคอสั่น
“ข้า... ข้าแค่มาหายาให้ป้า ไม่รู้ที่ไหนเป็นที่ไหน เลยเดินหลงมาถึงสระน้ำของพี่นางฟ้า... ขออภัย ให้อภัยข้าด้วยเถอะนะ”
“เจ้า... เจ้า... อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งเข้ามา”
“ไม่สิ... ไม่ ข้าไม่เข้าไปใกล้กว่านี้แน่ๆ อย่าสาป อย่าสาปข้าเลยนะ”
“ไม่ใช่... นั่นน่ะ เจ้าหอบเสื้อผ้าข้าไปทำไม”
“เอ่อ... คืออย่างนี้ ข้ามาถึงนี้ เพราะป้าข้าป่วยหนัก เขาบอกว่าที่นี้มียา ข้าเลยดั้นด้นมา”
ราอูลล์ไม่ได้ฟังที่สตรีที่ยังเปลือยกาย ซ่อนร่างอยู่ใต้ผิวน้ำพูดออกไปเลย
“เสื้อผ้า... เอาเสื้อผ้าข้าไปทำไม จะข่มขู่เอายาวิเศษจากข้าหรืออย่างไร”
“มะ... มะ... ไม่ใช่... ไม่ใช่ขอรับ... นี่ยังไร นี่ไง วะ... วางแล้ว... ข้าวางไว้ตรงนี้... นี่ไง...นี่ไง”
เขาไม่รู้ตัวเหมือนกัน ว่าหอบอาภรณ์หอมอบอวลติดตัวอยู่ตั้งแต่เมื่อไร
“แล้วก็หันไปซี...”
เขารีบทำตาม
“เดินออกไปห้าก้าว...”
เขาทำตามอีก
“ไม่ๆ เดินออกไปสิบห้าก้าว...”
“ได้ๆๆ” ราอูลล์รีบเดินห่าง นับก้าวแบบไม่ให้เกินแม้สักแค่ฝ่ามือเดียว
“ไปอีก ไปไกลอีก... แล้วห้ามแอบมองนะ”
“ได้ๆๆ ข้าไม่มอง ข้าไม่มองแน่ๆ”
เขายกชายเสื้อคลุมปิดหน้าตัวเอง ก้มหน้างุดอยู่กับสองฝ่ามือ รู้สึกว่ารอนานเป็นปี จากที่หล่อนเงียบไป จึงต้องเอ่ยถาม
“พี่นางฟ้า... พี่แต่งตัวเสร็จหรือยัง”
ยังไม่มีเสียงตอบ เขาก็ถามย้ำต่อไปอีก
รอบตัวเงียบจนเขารู้สึกวังเวง ในที่สุดก็อดไม่ได้ต้องชำเลืองมอง
แล้วก็มีเสียงดังตูมๆ ธารน้ำระเบิดกระจายติดต่อกันหลายครั้ง
“บอกว่าห้ามหันมองๆ เห็นไหม แค่นี้ยังคิดไม่ซื่อ”
“ไม่ๆ ก็... พี่นางฟ้าเงียบไป...”
พอตั้งสติได้ ราอูลล์ก็หันหา ไม่มีหญิงสาวในน้ำอีกแล้ว หล่อนไปตั้งหลักตั้งไกล อยู่บนโขดหินใหญ่ และตั้งท่าจะเสกน้ำให้ระเบิดใส่เขาอีกครั้ง
“แม่เฒ่าบอกว่า พวกแอบมองผู้หญิงอาบน้ำเป็นคนชั่ว เป็นพวกบ้าตัณหา ต้องฆ่าให้ตาย”
ราอูลล์ไม่ยอมให้หล่อนได้ทำอย่างที่พูด เขาผุดลุก เดินเข้ามาเผชิญหน้าตรงๆ
“พอๆๆ ไม่ฟังอะไรๆ ก็จะฆ่ากันให้ตาย บ้าหรือเปล่า”
(มีต่อ)
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 2 เกาะแก้วมรกต
ตอนนำ ตอนที่ 1 โชคชะตา...?
http://ppantip.com/topic/34216321
*************************************************************************************
เกาะแก้วมรกต
ราอูลล์ได้เรือลำเล็ก ท่าทางไม่น่ารอดพ้นไปถึงจุดหมาย แต่เขายังพยายาม
“คุณนายป้าหน้ายักษ์ รอข้าก่อนนะ... ข้าจะรีบไปรีบกลับบบบบ”
เขาตะโกนกับท้องทะเลอันเวิ้งว้าง ไม่รู้เดินทางมาไกลเท่าไรแล้ว แต่จุดหมายคือการมุ่งหน้าทางดาวธนูนั้น ยังทำได้ดี
ราอูลล์ตั้งหางเสือให้มุ่งตรง ตัวเองค่อยนั่งพักเอาแรง เผลอหลับไปจนรู้สึกตัวตื่นเมื่อถูกคลื่นโยกโยนรุนแรง
เขามองเห็นคล้ายแนวเขาทะมึนเสียดฟ้า ที่แท้เป็นกำแพงคลื่นยักษ์สูงเทียมเมฆ จากที่พวกชุดแดงบอกทาง เขาว่านี้คือกำแพงพระสมุทร หากพ้นผ่านไปได้ ก็จะเข้าสู่เขตเกาะแก้วมรกต
ชายหนุ่มลดใบเรือลง หันไปคว้าหางเสือ บังคับให้เรือน้อยยังคงอยู่ในทิศทาง
ยิ่งใกล้กำแพงคลื่น ท้องทะเลยิ่งผันผวน ท้องน้ำโยกโยนขึ้นลงจนเขาแทบเอาตัวไม่รอด
ในที่สุด นอกจากความปั่นป่วนของผืนน้ำ ยังมีพายุฝนกระโชกรุนแรง เมื่อสุดจะต้านทาน ร่างของราอูลล์โดนพัดพาลงสู่กระแสน้ำ เรือน้อยถูกคลื่นน้ำวนดูดกลืนตามลงไป
และอีกนานเท่าไรไม่รู้ กว่าที่เขาจะคล้ายได้ยินเสียงคลื่นแผ่วกระทบฝั่ง มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และกลิ่นอวลดอกไม้หอมตลบ
สายลมแผ่วเบา ค่อยแตะผิวให้รู้สึกตัว เขามาติดค้างอยู่ริมหาด ต้องเป็นเกาะแก้วมรกตแน่แล้ว
สำลักน้ำออกมาคำหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่ามีแสงแดดแผดจ้า ตอนแรกหายใจไม่สะดวก แต่คงเพราะตัวยาที่พวกเสื้อแดงให้รับประทานเข้าไป ทำให้อีกครู่เขาก็หายใจได้ตามปกติ
ดอกไม้ใบหญ้า ตรงชายหาดนี้และเลยไปจนสุดสายตา ล้วนเป็นสีเหลือบรุ้งงดงาม เสียงนกน้อยไม่ใช่เพียงแค่ส่งสำเนียง แต่มันยังมีจังหวะทำนอง ฟังคล้ายกำลังร้องเพลงประสานเสียง ต้นไม้หมู่หนึ่ง ทั้งหมดปราศจากร่มใบ มีเพียงดอกระยิบระยับสีเขียวสุกใส น่าจะคือที่มาของนามเกาะแก้วมรกต
“นี้คือเกาะของนางฟ้าที่ว่านั่นสินะ”
ราอูลล์พึมพำกับตัวเอง พลางยันกายขึ้น มองหาหนทางเดินลึกเข้าสู่ด้านใน เห็นทางสายหนึ่งตัดตรงเข้าไป ก็มุ่งหน้าสู่สถานที่ของยาวิเศษ
เขาเดินอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบข้าง แต่ก็ไม่ลืมจุดหมายสำคัญ
เข้าสู่เขตป่าโปร่ง ต้นไม้เป็นคล้ายลำไผ่สูงชะลูด แต่มองอีกครั้งก็คล้ายต้นเสา สูงตรงแผ่กิ่งร่มใบเฉพาะบนยอด และทั้งหมดเป็นสีทองอร่าม ละลานตา
เขาเดินมุ่งหน้าต่อไป คราวนี้ค่อยสังเกตเห็นว่า เดินมาตั้งนาน ยังวกกลับมาที่เดิม
“เขาวงกตหรือไงนะ ทำไม... ไอ้กิ่งทองหักๆ นี่ เมื่อกี้ข้าเป็นคนเหยียบมันเองนี่นา”
ราอูลล์เดินวนอยู่อีกนาน กระทั่งกลับมาที่เดิมอีกครั้ง คราวนี้ได้พบกับลานขนาดย่อม บนพื้นมีลายตาราง และตรงช่องตาราง ยืนไว้ด้วยตัวหมากรุกศิลาขนาดยักษ์
เขาผงะ เมื่อมันขยับตัว ไม่ใช่เข้ามาทีละหนึ่ง แต่พร้อมกันทั้งหมด เห็นชัดว่าหมายบดขยี้ผู้บุกรุกให้บี้แบน
ราอูลล์กระชับขวานด้ามเล็กไว้ในมือ พิจารณาแล้วเห็นว่ายากนักจะต่อกร รีบวิ่งหนีเพื่อตั้งหลัก แต่ตัวหมากรุกยักษ์ยังไล่ล่า มันลอยลิ่วคล้ายมีปีกที่มองไม่เห็น ผลักดันบุกจู่โจม กระแทกลงพื้น ราวเท้าพญาช้างกำลังไล่เหยียบย่ำหนูตัวเล็กๆ
พอจนมุมเข้าจริงๆ ราอูลล์ก็หลับหูหลับตา ฟาดขวานทลายฟ้าออกไป เสียงดังเปรี้ยงก้องสะท้อนไปทั่วทั้งเกาะ ตัวหมากรุกศิลาป่นเป็นผงไปทันที
เขาแทบไม่เชื่อสายตา แต่ยังรีบตั้งสติ ไล่ใช้สันขวานทุบหมากรุกยักษ์ตัวที่เหลือจนไม่เหลือชิ้นดี ทว่ายังมีอีกตัวหนึ่งที่หลบหนี จนเขาต้องตาม ขว้างขวานทลายฟ้าไปทำลาย
แล้วอยู่ๆ พื้นดินที่ยืนก็กลายเป็นปล่อง เขาตกวูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
พอรู้สึกตัวก็คล้ายลงมาอยู่ในอีกโลก แหงนมองด้านบนเห็นแต่ท้องฟ้าสีเทาหม่น ไม่เห็นเมฆและดวงอาทิตย์
รู้สึกบนพื้นหยุ่นยวบ พอก้มลงดูก็ตกใจ ขณะนี้เขายืนบนบัวยักษ์ดอกหนึ่ง และที่แท้เขาตกลงมาอยู่ท่ามกลางสระบัวชมพูขนาดสุดลูกหูลูกตานั่นเอง
เขาเหลียวซ้ายแลขวา คิดว่าจะหาทางกลับคืนสู่ฝั่งได้อย่างไร พอคิดไปแค่นั้น ดอกบัวใหญ่ที่รองรับก็เคลื่อนที่ตามใจคิด มันแล่นไปกลางน้ำคล้ายติดเครื่องยนต์ รวดเร็วและนุ่มนวลชวนเพลิดเพลิน แล่นผ่านสายหมอกอุ่นอ่อน กลิ่นเกสรบัวหอมตลบ แสงจางไม่น่าใช่จากดวงอาทิตย์ และบรรยากาศรอบตัวเย็นฉ่ำกำลังสบาย
ดอกบัวยนต์นำเขาเลี้ยวเข้าลำธารสายหนึ่ง แล้วหยุดส่งที่ริมตลิ่ง พอราอูลล์ก้าวพ้น มันก็ผลุบหายลงใต้ธารน้ำ
ในลำธาร น้ำใสไหลเย็น พื้นทรายใต้น้ำคล้ายโรยด้วยเกล็ดทองคำ และเกลื่อนไปด้วยรัตนชาติ ราอูลล์จิบน้ำหวังดับกระหาย พอล่วงลำคอก็รู้สึกเย็นซ่านมีกำลังขึ้นมาทันที
เขาเดินสำรวจมาตามริมทาง โขดหินที่ก้าวผ่านคล้ายถูกสลักเสลาไว้เป็นอย่างดี ขณะเพลินกับบรรยากาศ ได้พบกองอาภรณ์ชุดหนึ่ง พับวางไว้เรียบร้อย พิศดูก็รู้ว่าเป็นของสตรี เขาเหลียวหาเจ้าของ พอไม่เห็นใคร ก็หันกลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งตรงหน้า
กลิ่นหอมมวลบุปผาโชยแตะจมูก เป็นกลิ่นชวนหลงใหลที่ไม่แน่ใจว่า มาจากอาภรณ์สตรีชุดนี้หรือไม่ เขายกขึ้นสูดกลิ่น... เป็นกลิ่นหอมหวานจากชุดนี้จริงๆ
คราวนี้คล้ายได้ยินเสียง หลังโขดหินใหญ่คงเป็นธารน้ำตก เขาค่อยขยับตัวเบาๆ ชะโงกมองผ่านไป ภาพที่เห็นเป็นกอบัวขนาดใหญ่ ชูใบชูดอก ส่วนใหญ่กำลังผลิบาน มีผีเสื้อบินวน ปีกใหญ่โตของมันระยิบระยับราวเกล็ดเพชร
ต้องมีใครสักคนแฝงกายอยู่แน่ๆ ราอูลล์พยายามเพ่งพิจารณา จนอึดใจใหญ่ กว่าจะได้เห็น เป็นเนียนไหล่ของสตรีผู้หนึ่ง
หล่อนกำลังเพลินกับสายน้ำฉ่ำเย็น เล่นล้อกับภมรที่คล้ายเย้าหยอก ไม่รู้สึกตัวว่ามีใครกำลังจ้องมอง แบบตาไม่กะพริบ
“นางฟ้า... นางฟ้าบนเกาะแก้วมรกตนี้แน่ๆ”
ราอูลล์พึมพำ พร้อมหูเริ่มได้ยินคล้ายเสียงดนตรี บรรเลงจากเครื่องแก้วดังกรุ๋งกริ๋ง ราวมวลกระดิ่งลมถูกลมเป่าผะแผ่วเป็นจังหวะละมุนละไม
หรือว่าเสียงนั้นคือดนตรีบรรเลง ขับกล่อมให้การเล่นธารของนางฟ้า ยิ่งสำเริงสำราญหัวใจ
ราอูลล์เพลินมองอย่างหลงใหล รอบกายสตรีที่เห็นแลคล้ายอวลรังสีละมุนสีชมพูอ่อนจาง... ที่คุณนายป้าของเขาเคยพร่ำเพ้อบอกว่า นั้นคือสีของกระแสปราณ ของผู้กำลังตกอยู่ในห้วงรัก...
“นางฟ้า... ต้องเป็นนางฟ้า... สวย... สวยงามขนาดนี้... ต้องเป็นนางฟ้าเท่านั้น...”
เขาถึงกับพร่ำเพ้อรำพัน พอลืมตัวก็เผลอส่งเสียงดัง จนสตรีผู้นั้นหันมามอง
“ใครน่ะ! ดาราว์ ดาราว์หรือเปล่า”
เสียงหวานปานระฆังแก้ว เรียกหา... ใครสักคน
“ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่ดาราว์อะไรทั้งนั้น”
ราอูลล์ก็รีบหลบ รู้สึกตัวเองไร้มรรยาทสิ้นดี พอหล่อนเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้า ก็ผลุบดำน้ำหายไปอึดใจ ก่อนจะค่อยโผล่ขึ้นมาอย่างโมโห
“แล้วเจ้าเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้!”
ราอูลล์ไม่กล้าเงยหน้า ได้แต่บอกปากคอสั่น
“ข้า... ข้าแค่มาหายาให้ป้า ไม่รู้ที่ไหนเป็นที่ไหน เลยเดินหลงมาถึงสระน้ำของพี่นางฟ้า... ขออภัย ให้อภัยข้าด้วยเถอะนะ”
“เจ้า... เจ้า... อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งเข้ามา”
“ไม่สิ... ไม่ ข้าไม่เข้าไปใกล้กว่านี้แน่ๆ อย่าสาป อย่าสาปข้าเลยนะ”
“ไม่ใช่... นั่นน่ะ เจ้าหอบเสื้อผ้าข้าไปทำไม”
“เอ่อ... คืออย่างนี้ ข้ามาถึงนี้ เพราะป้าข้าป่วยหนัก เขาบอกว่าที่นี้มียา ข้าเลยดั้นด้นมา”
ราอูลล์ไม่ได้ฟังที่สตรีที่ยังเปลือยกาย ซ่อนร่างอยู่ใต้ผิวน้ำพูดออกไปเลย
“เสื้อผ้า... เอาเสื้อผ้าข้าไปทำไม จะข่มขู่เอายาวิเศษจากข้าหรืออย่างไร”
“มะ... มะ... ไม่ใช่... ไม่ใช่ขอรับ... นี่ยังไร นี่ไง วะ... วางแล้ว... ข้าวางไว้ตรงนี้... นี่ไง...นี่ไง”
เขาไม่รู้ตัวเหมือนกัน ว่าหอบอาภรณ์หอมอบอวลติดตัวอยู่ตั้งแต่เมื่อไร
“แล้วก็หันไปซี...”
เขารีบทำตาม
“เดินออกไปห้าก้าว...”
เขาทำตามอีก
“ไม่ๆ เดินออกไปสิบห้าก้าว...”
“ได้ๆๆ” ราอูลล์รีบเดินห่าง นับก้าวแบบไม่ให้เกินแม้สักแค่ฝ่ามือเดียว
“ไปอีก ไปไกลอีก... แล้วห้ามแอบมองนะ”
“ได้ๆๆ ข้าไม่มอง ข้าไม่มองแน่ๆ”
เขายกชายเสื้อคลุมปิดหน้าตัวเอง ก้มหน้างุดอยู่กับสองฝ่ามือ รู้สึกว่ารอนานเป็นปี จากที่หล่อนเงียบไป จึงต้องเอ่ยถาม
“พี่นางฟ้า... พี่แต่งตัวเสร็จหรือยัง”
ยังไม่มีเสียงตอบ เขาก็ถามย้ำต่อไปอีก
รอบตัวเงียบจนเขารู้สึกวังเวง ในที่สุดก็อดไม่ได้ต้องชำเลืองมอง
แล้วก็มีเสียงดังตูมๆ ธารน้ำระเบิดกระจายติดต่อกันหลายครั้ง
“บอกว่าห้ามหันมองๆ เห็นไหม แค่นี้ยังคิดไม่ซื่อ”
“ไม่ๆ ก็... พี่นางฟ้าเงียบไป...”
พอตั้งสติได้ ราอูลล์ก็หันหา ไม่มีหญิงสาวในน้ำอีกแล้ว หล่อนไปตั้งหลักตั้งไกล อยู่บนโขดหินใหญ่ และตั้งท่าจะเสกน้ำให้ระเบิดใส่เขาอีกครั้ง
“แม่เฒ่าบอกว่า พวกแอบมองผู้หญิงอาบน้ำเป็นคนชั่ว เป็นพวกบ้าตัณหา ต้องฆ่าให้ตาย”
ราอูลล์ไม่ยอมให้หล่อนได้ทำอย่างที่พูด เขาผุดลุก เดินเข้ามาเผชิญหน้าตรงๆ
“พอๆๆ ไม่ฟังอะไรๆ ก็จะฆ่ากันให้ตาย บ้าหรือเปล่า”
(มีต่อ)