คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ครึ่งปีมานี่ คุณมีเรื่องคนรักที่ทำงานที่เดียวกันเป็นเรื่องรบกวนจิตใจมาตลอด มาตอนนี้ได้เข้าทำงานที่ใหม่ก็มีเรื่องงานใหม่เข้าอีก ..ใจเย็นๆนะครับ
คุณตั้งสติ ใช้การพิจารณา+การปล่อยวาง เพื่อเผชิญกับอะไรก็ตามที่เข้ามา ...เป็นสิ่งที่ดีแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่คุณตั้งคำถามเข้ามาในห้องศาสนา ก็ขอเป็นอีกหนึ่งเสียง ที่อยากเห็นคุณรักษาจิตใจเบิกบานผ่องใสไว้ให้ได้
อะไรที่เกิดขึ้นที่กลุ้มรุมเราอยู่นั้น ...มันมีเหตุให้เกิดแบบนั้น มันก็เลยมีทางเดินของมันแบบนั้น
เมื่อทางเดินของสิ่งต่างๆ และทางเดินของเรามาเจอกันเข้า ..ก็เกิดการใช้เวลาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งด้วยกัน
..ใครหรืออะไรที่เข้ามาขณะนั้นๆ ทำให้เราชอบใจ มีความสุข ...นั่นก็มาย้อมใจเราให้แจ่มใส และเราก็อยากยื้อยุดแบบนั้นไว้นานๆ
..ใครหรืออะไรที่เข้ามาขณะนั้นๆ ทำให้เราไม่ชอบ ไม่มีความสุข ...นั่นก็มาย้อมใจเราให้หดหู่ และเราก็อยากผลักวิถีแบบนั้นออกไปให้พ้นจากชีวิต
ซึ่งเราทำได้ครับ ...แต่ต้องเห็นความจริงและความอยากของตัวเราให้ชัดซะก่อน และต้องเข้าใจว่าไม่มีอะไรแย่ทั้งหมดหรือดีทั้งหมด
เราต่างหาก ที่ต้องลงมือคัดสรรเอง ...คั้นสิ่งดีออกมาจากสิ่งที่ดูแย่นั้นให้ได้
คุณก็เห็นแล้วว่า แม้งานใหม่จะยังไม่มีอะไรจะให้ทำ และยังไม่เห็นโอกาสก้าวหน้า แต่ก็มีผลตอบแทนที่ดี เทียบกับหากลาออกไป เพื่อมีโอกาสทำงานที่ชอบ แต่เงินเดือนลดลงเกินครึ่ง ซึ่งจะเกิดปัญหาเรื่องเงินแน่ๆ และภาระของงานใหม่ก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก นั่นคือปัญหาใหม่ที่จะต้องเจอ
คุณเข้ามาทำงานที่ปัจจุบันนี่ เพราะผู้ว่าจ้างเห็นแล้วว่าคุณจะช่วยงานขององค์กรได้ ..นั่นคือวิจารณญาณของผู้ว่าจ้างซึ่งเขาเชื่อว่าคุณทำได้ครับ ..ใช้โอกาสที่มีเวลาว่างๆนี้ ศึกษางานไปเรื่อยๆ คอยเสนอตัวเองเข้าช่วยงานในจุดที่ต้องการ..หากไม่ข้ามสายงานและเป็นไปได้ พัฒนาตัวคุณเองไป ..จะไม่มีซักโอกาสนึงข้างหน้าเชียวเหรอ ที่งานจะยุ่งมากมาย แต่หัวหน้างานใหม่ก็ยังจะแบกไว้ทำกันไม่กี่คนนั้น เพราะยังไงๆก็จะไม่รับคนใหม่แล้วนี่ ..ดังนั้นอยู่ที่นี่เพื่อรอพิสูจน์ฝีมือกันก่อน ..แม้ว่าต่อไปก็ยังเป็นสภาพแบบนี้อีก นั่นก็ต้องถือซะว่าบริษัทจ่ายเงินเดือนคุณ เพื่อให้คุณมาเรียนรู้ผู้คนในอีกรูปแบบหนึ่ง ให้คุณได้เวลาในการศึกษาเรียนรู้พัฒนาตัวเอง ให้คุณฝึกความสังเกตุ ความอดทน ความเข้าใจในงานและในคนที่หลากหลายขึ้น ฝึกความสามารถรักษาใจรักษาสติปัญญาความคิดบวกเผชิญกับปัญหาที่เข้ามาโดยไม่ทำให้เราเสียศูนย์ไปกับมัน ..ถึงวันหนึ่ง หากต้องออกไป ...คุณก็จะเก่งจะแกร่งจะพร้อมรอบด้าน ยิ่งกว่าวันที่คุณก้าวเข้ามาที่นี่ ...สู้ต่อดีมั๊ยครับ ?
การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม ธรรมอยู่ในทุกที่ทุกขณะที่เราไม่ปฏิบัติอธรรม และบุญก็อยู่ในทุกขณะที่จิตใจแจ่มใส ... บุญรักษานะครับ
คุณตั้งสติ ใช้การพิจารณา+การปล่อยวาง เพื่อเผชิญกับอะไรก็ตามที่เข้ามา ...เป็นสิ่งที่ดีแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่คุณตั้งคำถามเข้ามาในห้องศาสนา ก็ขอเป็นอีกหนึ่งเสียง ที่อยากเห็นคุณรักษาจิตใจเบิกบานผ่องใสไว้ให้ได้
อะไรที่เกิดขึ้นที่กลุ้มรุมเราอยู่นั้น ...มันมีเหตุให้เกิดแบบนั้น มันก็เลยมีทางเดินของมันแบบนั้น
เมื่อทางเดินของสิ่งต่างๆ และทางเดินของเรามาเจอกันเข้า ..ก็เกิดการใช้เวลาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งด้วยกัน
..ใครหรืออะไรที่เข้ามาขณะนั้นๆ ทำให้เราชอบใจ มีความสุข ...นั่นก็มาย้อมใจเราให้แจ่มใส และเราก็อยากยื้อยุดแบบนั้นไว้นานๆ
..ใครหรืออะไรที่เข้ามาขณะนั้นๆ ทำให้เราไม่ชอบ ไม่มีความสุข ...นั่นก็มาย้อมใจเราให้หดหู่ และเราก็อยากผลักวิถีแบบนั้นออกไปให้พ้นจากชีวิต
ซึ่งเราทำได้ครับ ...แต่ต้องเห็นความจริงและความอยากของตัวเราให้ชัดซะก่อน และต้องเข้าใจว่าไม่มีอะไรแย่ทั้งหมดหรือดีทั้งหมด
เราต่างหาก ที่ต้องลงมือคัดสรรเอง ...คั้นสิ่งดีออกมาจากสิ่งที่ดูแย่นั้นให้ได้
คุณก็เห็นแล้วว่า แม้งานใหม่จะยังไม่มีอะไรจะให้ทำ และยังไม่เห็นโอกาสก้าวหน้า แต่ก็มีผลตอบแทนที่ดี เทียบกับหากลาออกไป เพื่อมีโอกาสทำงานที่ชอบ แต่เงินเดือนลดลงเกินครึ่ง ซึ่งจะเกิดปัญหาเรื่องเงินแน่ๆ และภาระของงานใหม่ก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก นั่นคือปัญหาใหม่ที่จะต้องเจอ
คุณเข้ามาทำงานที่ปัจจุบันนี่ เพราะผู้ว่าจ้างเห็นแล้วว่าคุณจะช่วยงานขององค์กรได้ ..นั่นคือวิจารณญาณของผู้ว่าจ้างซึ่งเขาเชื่อว่าคุณทำได้ครับ ..ใช้โอกาสที่มีเวลาว่างๆนี้ ศึกษางานไปเรื่อยๆ คอยเสนอตัวเองเข้าช่วยงานในจุดที่ต้องการ..หากไม่ข้ามสายงานและเป็นไปได้ พัฒนาตัวคุณเองไป ..จะไม่มีซักโอกาสนึงข้างหน้าเชียวเหรอ ที่งานจะยุ่งมากมาย แต่หัวหน้างานใหม่ก็ยังจะแบกไว้ทำกันไม่กี่คนนั้น เพราะยังไงๆก็จะไม่รับคนใหม่แล้วนี่ ..ดังนั้นอยู่ที่นี่เพื่อรอพิสูจน์ฝีมือกันก่อน ..แม้ว่าต่อไปก็ยังเป็นสภาพแบบนี้อีก นั่นก็ต้องถือซะว่าบริษัทจ่ายเงินเดือนคุณ เพื่อให้คุณมาเรียนรู้ผู้คนในอีกรูปแบบหนึ่ง ให้คุณได้เวลาในการศึกษาเรียนรู้พัฒนาตัวเอง ให้คุณฝึกความสังเกตุ ความอดทน ความเข้าใจในงานและในคนที่หลากหลายขึ้น ฝึกความสามารถรักษาใจรักษาสติปัญญาความคิดบวกเผชิญกับปัญหาที่เข้ามาโดยไม่ทำให้เราเสียศูนย์ไปกับมัน ..ถึงวันหนึ่ง หากต้องออกไป ...คุณก็จะเก่งจะแกร่งจะพร้อมรอบด้าน ยิ่งกว่าวันที่คุณก้าวเข้ามาที่นี่ ...สู้ต่อดีมั๊ยครับ ?
การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม ธรรมอยู่ในทุกที่ทุกขณะที่เราไม่ปฏิบัติอธรรม และบุญก็อยู่ในทุกขณะที่จิตใจแจ่มใส ... บุญรักษานะครับ
แสดงความคิดเห็น
อดทนต่อไปดีหรือไม่คะ
เราได้เข้าทำงานที่แห่งหนึ่งจากการแนะนำของเจ้านายเก่า ด้วยความคิดที่ว่าหากเราเข้าไปแล้วจะช่วยงานบางอย่างขององค์กรได้บ้าง
แต่พอถึงเวลามีการเปลี่ยนหัวหน้างานใหม่ เราไม่ได้ทำงานในสิ่งที่เราอยากทำ พอไปถามหัวหน้าคนใหม่ หัวหน้าคนใหม่บอกเราว่าจริงๆ ที่ทำงานไม่
ต้องการคนเพิ่มอีกแล้ว ถ้าเราไม่ยอมรับสภาพงานแบบนี้ (ซึ่งสบายมากและเงินเดือนค่อนข้างดี) ก็ให้ลาออกไปหางานใหม่เอา
แต่คนที่จ่ายเงินเดือนให้เราเป็นหัวหน้าองค์กรอีกคน ซึ่งไม่เกี่ยวกับหัวหน้าคนใหม่นี้เลย (สรุปคือหัวหน้าคนใหม่นี้ไม่ได้มีอำนาจโดยตรงในเรื่องเงินเดือน
ของเรา) ตอนนั้นเราก็เอาเรื่องจะลาออกไปปรึกษากับหัวหน้าคนเก่า เนื่องจากตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าเราไม่ควรจะอยู่ในที่ที่เค้าไม่ต้องการเรา และเรา
อยากทำงานให้ตรงกับสายงานที่เราเรียนมา หัวหน้าเก่าเราก็บอกให้ลองหางานที่ตรงกับที่เราอยากทำเป็น OT เพิ่ม จะได้ไม่ต้องลาออก
ตอนนี้เราค่อนข้างถูกกันออกจากงานของหน่วยงาน เวลามีประชุมเราก็ไม่เคยได้เข้าประชุมกับเค้า เพราะหัวหน้าไม่เรียกก็ห้ามเข้า
คือจะบอกว่าตอนนี้งานสบายมาก แต่ถูกกีดกันหลายๆ อย่าง (ถ้าคิดแง่บวก คือ ก็ดีเหมือนกันที่เค้าทำให้เราได้ทำงานสบายขนาดนี้ เพราะเค้ากันเราออก
จากงานทั้งหลาย ไม่ให้เรามีส่วนเกี่ยวข้อง)
จนป่านนี้เราก็ยังไม่รู้เลยค่ะว่าเพื่อนร่วมงานบางคนที่ตอนฝึกงานร่วมทำงานด้วยกันมา โกรธเคืองเราเรื่องอะไร อยู่ๆ ก็ทำท่าเหมือนเกลียดเราขึ้นมา โดยที่
เราไม่ได้ไปทำอะไรใครเค้าเลย
ตอนนี้เราพยายามใช้ธรรมะในการปล่อยวาง ใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเขา เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนึกคิดของใครได้ ขอเพียงแค่เรามั่นใจใน
การทำดีของเราต่อไป พยายามไม่ยึดถืออัตตา ไม่คิดว่าเราต้องได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วก็อดทนทำงาน พยายามทำตัวเองให้มีประโยชน์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
เลยยังไม่มีคำตอบออกจากใจว่าควรจะลาออกดีหรือไม่ค่ะ
เราไม่แน่ใจว่าเราคิดแง่บวกและใช้ธรรมะเข้ามาคิดแบบนี้ แล้วอดทนทำงานต่อไปดีหรือไม่คะ
หรือเราควรลาออก (อ้อ..ลืมบอก ถ้าเราลาออก ยังมีที่ที่ต้องการเราอยู่อีก 2 ที่ ที่นั่นมีแต่เพื่อนที่เรารู้จัก แต่แน่นอนงานที่นั่นมีภาระงานมากกว่านี้ และเงินเดือนน้อยกว่านี้มาก อาจจะน้อยกว่ากันประมาณ 3-4 เท่าได้ ทางครอบครัวเราเลยยังไม่ค่อยอยากให้เราออกเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าสุดท้ายเราอยากออกจริงๆ ทางครอบครัวก็คงต้องช่วยกันหางานเสริมอื่นๆ เพิ่ม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายค่ะ)
บางครั้งเราก็ไม่มีคำตอบให้กับตัวเองจริงๆ ค่ะ เลยต้องมาขอความเห็นจากเพื่อนๆ
ตอนนี้ก็พยายามมีสติอยู่กับปัจจุบัน สวดมนต์ พยายามนั่งสมาธิ มีสติระลึกให้ได้มากที่สุด เพื่อประคับประคองชีวิตแต่ละวันให้ผ่านไปๆ
แต่ในเมื่อเรายังเป็นคนธรรมดาที่ยังฝึกสมาธิและยังปล่อยวางได้ไม่ถึงขั้น บางวัน อารมณ์หดหู่เศร้าหมองก็ออกมา เราก็ตามรู้ๆ แต่จิตมันก็เศร้าหมองจริงๆ ค่ะ เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เหมือนรู้แล้วก็แค่รู้ แต่ทำอะไรกับมันไม่ได้
ขอความกรุณาช่วยชี้ทางสว่างให้เราด้วยนะคะ
ขอบุญรักษาทุกท่านค่ะ