สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆพันทิปทุกท่านนะครับ เมื่อพูดถึงอาหารเสริมหรือวิตามินเนี่ยคงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเหล่าคนรักสุขภาพหลายๆคน เชื่อว่าทุกคนที่กินวิตามินหรืออาหารเสริมเข้าไปเนี่ย ล้วนต้องการที่จะมีสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น อ๊ะๆ ในที่นี้ผมไม่ได้ตัดสินนะครับว่าการทานอาหารเสริมเป็นสิ่งที่ดี การทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลายและครบทั้งห้าหมู่ย่อมต้องดีที่สุดอยู่แล้ว แต่เนื่องจากในชีวิตจริง พฤติกรรมการทานอาหารของคนในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปจากอดีต หลายๆคนเลือกรับประทานอาหารแช่แข็ง อาหารจากร้านสะดวกซื้อ ซึ่งอาหารที่ไม่ได้ปรุงสดเหล่านี้ล้วนสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงเลือกที่จะทานวิตามินเสริมเข้าไป โดยเฉพาะสาวๆหรือหนุ่มๆที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบในเมืองกรุง แต่ในขณะเดียวก็ก็อยากมีสุขภาพที่ดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ยี่สิบมาหลายปีแล้วก็อยากจะหยุดอายุตัวเองไว้ที่ยี่สิบอย่างนั้น ทำให้หลายๆคนเลือกที่จะหาวิตามินทั้งหลายมาเสริมมาบำรุงกัน บ้างก็ได้ยินมาจากโฆษณาชวนเชื่อ บ้างก็ได้ยินเขาบอกต่อๆกันมา หนึ่งในวิตามินเสริมความงามยอดฮิตที่กล้าพูดเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักนั่นคือวิตามินซีนั่นเอง วันนี้ The Vitamin Facts ก็จะมาขอแฉความจริงเกี่ยวกับอาหารเสริมวิตามินซีที่สาวๆประโคมกินเข้าไปทุกวันเนี่ย มันมีประโยชน์กับเราจริงหรือเปล่า กินแล้วผิวขาวขึ้นจริงไหม แล้วเราควรซื้อวิตามินซีแบบไหนถึงจะได้ผลดีที่สุด ไปดูกันเลยครับ
วิตามินซีหรืออีกชื่อหนึ่งคือ Ascrobic Acid เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ สัตว์ส่วนใหญ่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีขึ้นมาเองได้ แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ไม่ได้เป็นหนึ่งในสัตว์ส่วนใหญ่เหล่านั้น(ฮ่าๆ) ทำให้คนเราต้องหาวิตามินซีจากการรับประทานผักและผลไม้ ซึ่งวิตามินซีจะไม่มีการสะสมในร่างกาย ถ้าได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกายก็จะขับออกมาทางปัสสวะ
ประโยชน์ที่ท่านจะได้รับจากการทานวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริม
1. การเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดี ร่างกายคนเราได้รับอนุมูลอิสระ(Free Radical)อยู่ตลอดเวลา จากอาหารที่เราทานเข้าไป จากมลพิษในอากาศ หรือแม้แต่กระบวนการเผาผลาญทำให้เกิดพลังงาน ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็งในร่างกายหรือทำให้เซลล์ร่างกายเราเสื่อมสภาพได้ ด้วยคุณสมบัติการเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ของวิตามินซีนี้เอง วิตามินซีจะช่วยในการดักจับอนุมูลอิสระเหล่านี้และกำจัดออกไปจากร่างกายของเรา ทำให้ร่างกายเราสดใสสมบูรณ์ มีพลังอยู่ตลอดเวลา
2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้มีสุขภาพผิวที่ดี เสริมสร้างเนื้อเยื่อหรือบาดแผลต่างๆได้รวดเร็ว รวมถึงร่องรอยจากการเป็นสิว หรืออาจจะกล่าวได้ว่าช่วยทำให้ผิวใส ละเอียด เรียบเนียนขึ้น รวมไปถึงสร้างคอลลาเจนบริเวณหลอดเลือดและข้อต่อกระดูกอ่อนต่างๆ
3. ลดการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของ LDL LDL ย่อมาจากคำว่า Low density lipoprotein หรือไขมันที่มีความหนาแน่นต่ำซึ่งได้รับมาจากการทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวเช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไอศกรีม คุกกี้ เนย นม หรือน้ำมันมันต่างๆที่ใช้ในการปรุงอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสะสมพอกพูนของไขมันที่ผนังเส้นเลือดมากขึ้น เป็นเหตุให้หลอดเลือดตีบ เป็นผลให้หลอดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ และเป็นสาเหตุของหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองเนื่องจากเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองไม่พอมีผลถึงแก่ชีวิตได้
4. เพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย วิตามินซีเป็นสารที่ช่วยในการผลิตเอนไซม์ต่างๆที่ช่วยในการขจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย รวมไปถึงการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
5. ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก หลายๆท่านที่มีปัญหาสุขภาพ เลือดจาง นิยมรับประทานธาตุเหล็กเป็นอาหารเสริม แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าการรับประทานวิตามินซีพร้อมกับธาตุเหล็กจะช่วยเพิ่มประสิทธืภาพในการดูดซึมธาตุเหล็ก ด้วยการเปลี่ยนรูปของธาตุเหล็กให้อยู่ในรูปซีเล็ต (Chelated iron)
6. ช่วยบรรเทาอาการเป็นไข้
7. ลดความดันโลหิต
8. ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
อันตรายที่เกิดได้จากการรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูง
1. อาจทำให้เกิดนิ่วในไต
2. ท้องร่วง ปัสสวะบ่อย ผื่นคัน
3. ทำให้ผลการตรวจวัดค่าต่างๆของร่างกายผิดเพี้ยน เช่น คอเรสเตอรอล ยูริก น้ำตาล ควรงดรับประทานวิตามินซีก่อนทำการตรวจร่างกาย
The Vitamin Facts ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิตามินซี
1. วิตามินซีเป็นวิตามินที่เสื่อมสภาพได้ง่ายมาก เช่นการเจอ น้ำ แสง ความร้อน การปรุงอาหาร ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์
2. วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ นั่นแปลว่าการทานวิตามินซีในขณะท้องว่าง(ก่อนนอน หรือหลังตื่นนอน)จะช่วยให้การดูดซึมได้ประสิทธิภาพที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ฤทธิ์ความเป็นกรดของวิตามินซีอาจจะทำให้การทานวิตามินซีในขณะท้องว่างไม่เหมาะกับทุกคน ผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะควรเลือกรับประทานวิตามินซีในรูป Low Acid หรือ เลือกทานหลังรับประทานอาหารเล็กน้อย(ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง)
3. ขนาดรับประทาน 500-4000 มก./วัน การรับประทานในปริมาณสูง(mega dose) อาจให้ผลดีสำหรับบางคน แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงมาก ในทางปฏิบัติไม่แนะนำให้รับประทานมากกว่า 2000 มก.วัน
4. ผู้ที่ทานคาดหวังผลเรื่องผิวพรรณแนะนำที่ 1000มก./วัน และผู้ที่ทานคาดหวังผลเรื่องลดฝ้า จุดด่างดำแนะนำที่ 2000 มก./วัน
5. ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือได้รับก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์สูงต้องการวิตามินซีในประมาณที่สูงกว่าคนทั่วไป ปริมาณแนะนำที่ 1000 มก./วัน
6. ปัจจุบันไม่มีรายงานใดบ่งชี้ว่าวิตามินซีมีผลต่อสีผิวหรือเมลานินในผิว
7. การรับประทานวิตามินซีคู่กับวิตามินอี, OPC, Bioflavonoids Complex, แมกนีเซียม, แคลเซียม จะทำให้การดูดซึมวิตามินซีมีประสิทธิภาพถึงขีดสุด(supercharger) ซึ่งวิตามินบางยิ่ห้อได้ใส่แร่ธาตุหรือสารเหล่านี้มาอยู่แล้ว
8. Bioflavonoids Complex หรือเกลือซิตรัส ในวิตามินซีหลายๆยี่ห้ออาจผสม Bioflavonoids Complex เข้ามาให้ในวิตามินซีเพื่อช่วยในเรื่องของการดูดซึมวิตามินซี Bioflavonoids Complex ที่ดีควรประกอบไปด้วย ไบโอฟลาโวนอยด์ รูติน เฮสเปอริดิน ในอัตราส่วน 10:1:1 และในทุกๆ 500 มก.ของวิตามินซี ควรมี Bioflavonoids Complex 100 มก.
9. เนื่องจากวิตามินซีไม่สามารถเก็บสะสมในร่างกายได้นานสามารถขับออกมาทางปัสสวะได้ ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพการดูดซึมที่ดี หากต้องการวิตามินซีในปริมาณสูง ควรแบ่งทานให้มากครั้งที่มากที่สุดในหนึ่งวัน และในการทานวิตามินซีแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 500 มก.
10. ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมวิตามินซีมากกว่า 750 มก./วัน ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจมีโอกาสเสี่ยงเป็นนิ่วในไตได้ การทานแมกนีเซียม และวิตามินบี6 ช่วยลดโอกาสเสี่ยงการเป็นนิ่วในไตได้
11. Time Release วิตามินซีบางยี่ห้ออาจจะเขียนฉลากไว้ว่าเป็นแบบ Time Release หรือแบบแตกตัวช้า วิตามินเหล่านี้มีสารเคลือบวิตามินซีไว้เพื่อให้วิตามินซีค่อยๆแตกตัวออก ทำให้ร่างกายนำวิตามินซีไปใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเกณฑ์เบื้องต้นว่าเราควรเลือกซื้อวิตามินซีแบบไหนและเลือกทานปริมาณเท่าไหร่ เพื่อที่จะให้วิตามินซีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลลัพท์ตามที่เราคาดหวังมากที่สุด หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับหลายๆท่านนะครับ แล้วพบกันใหม่กับ The Vitamin Facts ในบทความฉบับหน้าครับ
[The Vitamin Facts] แฉหมดเปลือก อาหารเสริมวิตามินซี
ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงเลือกที่จะทานวิตามินเสริมเข้าไป โดยเฉพาะสาวๆหรือหนุ่มๆที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบในเมืองกรุง แต่ในขณะเดียวก็ก็อยากมีสุขภาพที่ดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ยี่สิบมาหลายปีแล้วก็อยากจะหยุดอายุตัวเองไว้ที่ยี่สิบอย่างนั้น ทำให้หลายๆคนเลือกที่จะหาวิตามินทั้งหลายมาเสริมมาบำรุงกัน บ้างก็ได้ยินมาจากโฆษณาชวนเชื่อ บ้างก็ได้ยินเขาบอกต่อๆกันมา หนึ่งในวิตามินเสริมความงามยอดฮิตที่กล้าพูดเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักนั่นคือวิตามินซีนั่นเอง วันนี้ The Vitamin Facts ก็จะมาขอแฉความจริงเกี่ยวกับอาหารเสริมวิตามินซีที่สาวๆประโคมกินเข้าไปทุกวันเนี่ย มันมีประโยชน์กับเราจริงหรือเปล่า กินแล้วผิวขาวขึ้นจริงไหม แล้วเราควรซื้อวิตามินซีแบบไหนถึงจะได้ผลดีที่สุด ไปดูกันเลยครับ
วิตามินซีหรืออีกชื่อหนึ่งคือ Ascrobic Acid เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ สัตว์ส่วนใหญ่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีขึ้นมาเองได้ แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ไม่ได้เป็นหนึ่งในสัตว์ส่วนใหญ่เหล่านั้น(ฮ่าๆ) ทำให้คนเราต้องหาวิตามินซีจากการรับประทานผักและผลไม้ ซึ่งวิตามินซีจะไม่มีการสะสมในร่างกาย ถ้าได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกายก็จะขับออกมาทางปัสสวะ
ประโยชน์ที่ท่านจะได้รับจากการทานวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริม
1. การเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดี ร่างกายคนเราได้รับอนุมูลอิสระ(Free Radical)อยู่ตลอดเวลา จากอาหารที่เราทานเข้าไป จากมลพิษในอากาศ หรือแม้แต่กระบวนการเผาผลาญทำให้เกิดพลังงาน ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็งในร่างกายหรือทำให้เซลล์ร่างกายเราเสื่อมสภาพได้ ด้วยคุณสมบัติการเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ของวิตามินซีนี้เอง วิตามินซีจะช่วยในการดักจับอนุมูลอิสระเหล่านี้และกำจัดออกไปจากร่างกายของเรา ทำให้ร่างกายเราสดใสสมบูรณ์ มีพลังอยู่ตลอดเวลา
2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้มีสุขภาพผิวที่ดี เสริมสร้างเนื้อเยื่อหรือบาดแผลต่างๆได้รวดเร็ว รวมถึงร่องรอยจากการเป็นสิว หรืออาจจะกล่าวได้ว่าช่วยทำให้ผิวใส ละเอียด เรียบเนียนขึ้น รวมไปถึงสร้างคอลลาเจนบริเวณหลอดเลือดและข้อต่อกระดูกอ่อนต่างๆ
3. ลดการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของ LDL LDL ย่อมาจากคำว่า Low density lipoprotein หรือไขมันที่มีความหนาแน่นต่ำซึ่งได้รับมาจากการทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวเช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไอศกรีม คุกกี้ เนย นม หรือน้ำมันมันต่างๆที่ใช้ในการปรุงอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสะสมพอกพูนของไขมันที่ผนังเส้นเลือดมากขึ้น เป็นเหตุให้หลอดเลือดตีบ เป็นผลให้หลอดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ และเป็นสาเหตุของหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองเนื่องจากเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองไม่พอมีผลถึงแก่ชีวิตได้
4. เพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย วิตามินซีเป็นสารที่ช่วยในการผลิตเอนไซม์ต่างๆที่ช่วยในการขจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย รวมไปถึงการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
5. ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก หลายๆท่านที่มีปัญหาสุขภาพ เลือดจาง นิยมรับประทานธาตุเหล็กเป็นอาหารเสริม แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าการรับประทานวิตามินซีพร้อมกับธาตุเหล็กจะช่วยเพิ่มประสิทธืภาพในการดูดซึมธาตุเหล็ก ด้วยการเปลี่ยนรูปของธาตุเหล็กให้อยู่ในรูปซีเล็ต (Chelated iron)
6. ช่วยบรรเทาอาการเป็นไข้
7. ลดความดันโลหิต
8. ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
อันตรายที่เกิดได้จากการรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูง
1. อาจทำให้เกิดนิ่วในไต
2. ท้องร่วง ปัสสวะบ่อย ผื่นคัน
3. ทำให้ผลการตรวจวัดค่าต่างๆของร่างกายผิดเพี้ยน เช่น คอเรสเตอรอล ยูริก น้ำตาล ควรงดรับประทานวิตามินซีก่อนทำการตรวจร่างกาย
The Vitamin Facts ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิตามินซี
1. วิตามินซีเป็นวิตามินที่เสื่อมสภาพได้ง่ายมาก เช่นการเจอ น้ำ แสง ความร้อน การปรุงอาหาร ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์
2. วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ นั่นแปลว่าการทานวิตามินซีในขณะท้องว่าง(ก่อนนอน หรือหลังตื่นนอน)จะช่วยให้การดูดซึมได้ประสิทธิภาพที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ฤทธิ์ความเป็นกรดของวิตามินซีอาจจะทำให้การทานวิตามินซีในขณะท้องว่างไม่เหมาะกับทุกคน ผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะควรเลือกรับประทานวิตามินซีในรูป Low Acid หรือ เลือกทานหลังรับประทานอาหารเล็กน้อย(ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง)
3. ขนาดรับประทาน 500-4000 มก./วัน การรับประทานในปริมาณสูง(mega dose) อาจให้ผลดีสำหรับบางคน แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงมาก ในทางปฏิบัติไม่แนะนำให้รับประทานมากกว่า 2000 มก.วัน
4. ผู้ที่ทานคาดหวังผลเรื่องผิวพรรณแนะนำที่ 1000มก./วัน และผู้ที่ทานคาดหวังผลเรื่องลดฝ้า จุดด่างดำแนะนำที่ 2000 มก./วัน
5. ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือได้รับก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์สูงต้องการวิตามินซีในประมาณที่สูงกว่าคนทั่วไป ปริมาณแนะนำที่ 1000 มก./วัน
6. ปัจจุบันไม่มีรายงานใดบ่งชี้ว่าวิตามินซีมีผลต่อสีผิวหรือเมลานินในผิว
7. การรับประทานวิตามินซีคู่กับวิตามินอี, OPC, Bioflavonoids Complex, แมกนีเซียม, แคลเซียม จะทำให้การดูดซึมวิตามินซีมีประสิทธิภาพถึงขีดสุด(supercharger) ซึ่งวิตามินบางยิ่ห้อได้ใส่แร่ธาตุหรือสารเหล่านี้มาอยู่แล้ว
8. Bioflavonoids Complex หรือเกลือซิตรัส ในวิตามินซีหลายๆยี่ห้ออาจผสม Bioflavonoids Complex เข้ามาให้ในวิตามินซีเพื่อช่วยในเรื่องของการดูดซึมวิตามินซี Bioflavonoids Complex ที่ดีควรประกอบไปด้วย ไบโอฟลาโวนอยด์ รูติน เฮสเปอริดิน ในอัตราส่วน 10:1:1 และในทุกๆ 500 มก.ของวิตามินซี ควรมี Bioflavonoids Complex 100 มก.
9. เนื่องจากวิตามินซีไม่สามารถเก็บสะสมในร่างกายได้นานสามารถขับออกมาทางปัสสวะได้ ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพการดูดซึมที่ดี หากต้องการวิตามินซีในปริมาณสูง ควรแบ่งทานให้มากครั้งที่มากที่สุดในหนึ่งวัน และในการทานวิตามินซีแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 500 มก.
10. ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมวิตามินซีมากกว่า 750 มก./วัน ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจมีโอกาสเสี่ยงเป็นนิ่วในไตได้ การทานแมกนีเซียม และวิตามินบี6 ช่วยลดโอกาสเสี่ยงการเป็นนิ่วในไตได้
11. Time Release วิตามินซีบางยี่ห้ออาจจะเขียนฉลากไว้ว่าเป็นแบบ Time Release หรือแบบแตกตัวช้า วิตามินเหล่านี้มีสารเคลือบวิตามินซีไว้เพื่อให้วิตามินซีค่อยๆแตกตัวออก ทำให้ร่างกายนำวิตามินซีไปใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเกณฑ์เบื้องต้นว่าเราควรเลือกซื้อวิตามินซีแบบไหนและเลือกทานปริมาณเท่าไหร่ เพื่อที่จะให้วิตามินซีทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลลัพท์ตามที่เราคาดหวังมากที่สุด หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับหลายๆท่านนะครับ แล้วพบกันใหม่กับ The Vitamin Facts ในบทความฉบับหน้าครับ