เจ้าสาวเงากุหลาบ ตอนที่ 10 (ครึ่งหลัง) : โดย ปิ่นนลิน

กระทู้สนทนา



ตอนเดิม

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ตอนที่ 10 (100%)

         เกือบถึงเวลาเลิกงานแล้ว ภายในแผนกออกแบบ พนักงานยังคงนั่งทำงานกันไม่มีใครขยับตัวเตรียมกลับบ้าน


    งานแผนกออกแบบทั้งโครงสร้างอาคาร หรือแม้แต่ออกแบบภายในมักต้องทำงานล่วงเวลาเพราะงานส่วนใหญ่เมื่อไฟติดแล้วก็อยากจะเร่ง รีบทำให้เสร็จๆ เพื่อไม่คั่งค้างในวันต่อไป

    รวมถึงมาหยาเองก็จะพยายามตั้งสติจดจ่อกับงานตรงหน้ามากแค่ไหน แต่หัวที่ปวดตุ้บๆก็ทำให้มาหยาถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับสองข้าง หลับตา หายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆอยู่นานสองนาน

    ขณะหลับตาหนีความทรมานจากอาการปวดหัว เธอเห็นภาพเด็กหนุ่มคนหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาวเรียบร้อย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดตา สวมแหวนเพชรวงหนึ่งกับนิ้วนางของมือเล็กๆที่สวมถุงมือลูกไม้ โดยมีฉากหลังเป็นบ้านโบราญทาสีเหลืองแบบในละครพวกคุณชายคุณหญิง ใบหน้าเด็กสาวเจ้าของผมยาวเพียงเสี้ยวที่มาหยาเห็นนั้นสวยงามมากทีเดียว เด็กสาวใบหน้างดงามก้มมองนิ้วตัวเอง ดวงตาประกายความหวาดหวั่นกับแหวนที่ได้รับ มาหยารู้สึกว่าแหวนเพชรตรงนิ้วนางเล็กๆนั่นเป็ยแบบเดียวกับแหวนเพชรสีกุหลาบ หากเพชรที่อยู่บนแหวนในภาพที่มาหยาเห็นนั้นเป็นเพชรสีขาวงดงาม

    “ให้หญิง ... จะดีหรือคะพี่ชาย" เด็กสาวถาม น้ำเสียงสั่นเครือ คล้ายว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่ควรได้รับมัน ขณะยกมืออีกข้างซึ่งสวมถุงมือเช่นกันขึ้นแตะปากจิ้มลิ้มสั่นระริก

    “พี่ณัยอยากให้สัญญากับน้องหญิงไว้ ว่าพี่จะไม่ทิ้งน้องหญิงไปไหน" เด็กหนุ่มเอื้อนเอ่ยน้ำเสียงนุ่ม น้ำตาหยดเล็กๆร่วงพรูจากดวงตากลมของเด็กสาว

    “หญิงเชื่อพี่ชายค่ะ" เสียงหวานตอบ ก่อนที่มือเรียวข้างซ้ายของเด็กสาวจะถูกมือเด็กหนุ่มกุมขึ้นมา ประทับริมฝีปากลงแผ่วเบา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคมประกายความอ่อนโยนให้

    “พี่ณัยรักน้องหญิงนะครับ หญิงกุหลาบ"

    “ฮะ! ... กุหลาบ!” มาหยาสะดุ้งเฮือก โพล่งออกมาอย่างตกใจ กับเสียงที่เธอได้ยินในความฝัน ก่อนที่จะพบว่าเสียงของเธอทำให้พนักงานรอบๆหันมามองเธอเป็นสายตาเดียว มาหยาไม่มีคำอธิบายใดๆในเมื่อเธอเองยังงุนงงสับสนว่าเธอกลับมาอยู่ในโลกความจริงหรือยัง

    และสิ่งที่ยืนยันได้ก็คือการปรากฏตัวของภีมวัชช์

    ผู้บริหารหนุ่มของโชควรารัตน์เดินเข้ามาในแผนกออกแบบทำให้พนักงานต่างตกใจไม่น้อย และยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับทุกสายตาเมื่อภีมวัชช์มาหยุดยืนตรงโต๊ะของสาวลูกครึ่งเจ้าของดวงตาสีฟ้าสดใสท่ามกลางเสียงฮือฮากระซิบกระซาบ

    “กลับเถอะ" เขาเอ่ยสั้นๆ

    “แต่งานของหนูยัง ...” มาหยาตอบ แต่เห็นท่าว่าอาภีมของเธอจะไม่ฟัง เขาหยิบกระเป๋าสะพายของเธอ รวมถึงช่อดอกกุหลาบสีขาวที่เขาเป็นคนมอบให้เธอมาถือไว้

    “กลับ อาสั่ง รีบปิดคอมพ์เร็วๆ"

    เสียงเข้มทำให้มาหยาไม่คิดดื้อต่อ รีบจัดการเซฟงานแล้วปิดคอมพิวเตอร์ ขยับลุกเดินตามร่างหนาไปเงียบๆ รู้สึกแปลกๆที่ให้ผู้บริหารมาหิ้วกระเป๋า ถือข้าวของให้ พอขอคืน เขาก็ไม่ยอมส่งคืนให้เธอ กลายเป็นที่สงสัยและเป้าสายตาของพนักงานรอบๆไปโดยเลี่ยงไม่ได้

    “เดี๋ยวแวะที่หนึ่งก่อนกลับนะ" ภีมวัชช์บอกขณะอยู่ในลิฟท์กันสองคนกับมาหยา

    “ที่ไหนหรือคะ" มาหยาถามกลับอย่างสงสัย เห็นสีหน้าของร่างสูงคล้ายลำบากใจจะตอบ แต่ในที่สุดภีมวัชช์ก็เฉลยเสียงเบาอย่างหนักใจ

    “โรงพยาบาล"





    โรงพยาบาลที่ภีมวัชช์พามาหยามานั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ เป็นโรงพยาบาลที่ทั้งใหญ่และมีราคาแพง แน่นอนว่ามีครบทุกศาสตร์การรักษา มาหยาคิดว่าภีมวัชช์จะพาเธอมาเยี่ยมคนป่วยแต่ไม่ใช่เลย เขาให้เธอทำบัตรผู้ป่วยก่อนจะเอ่ยชื่อนายแพทย์คนหนึ่งกับพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์

    ร่างสูงเดินนำมาหยามาจนถึงป้ายแผนกที่เขียนว่าจิตเวชและประสาท มาหยาก้าวเท้าต่อไม่ออก หยุดนิ่งมองภีมวัชช์ที่เหมือนจะรู้ตัวหันหลังมา สายตาของมาหยาเต็มไปด้วยความเสียใจ และผิดหวัง

    “ไหม ฟังอาก่อน" มือหนายื่นมาหมายจะกุมมือเรียว หากเจ้าของมือกลับไหวหนี ใบหน้าของมาหยาก้มต่ำไม่ยอมสบตาร่างสูง

    “ไหม ... อาแค่อยากให้ไหมมาตรวจ อาเป็นห่วงนะ" ภีมวัชช์บอกเธอน้ำเสียงอ่อน อยากจะรวบเธอมากอดติดแต่ที่นี่เป็นโรงพยาบาล คนเดินพลุกพล่านเกินไป

    “อาภีมคิดว่าหนูบ้า" เสียงหวานสั่นเครือ ร่างสูงย่อตัวลง เงยหน้ามองวงหน้าหวานที่ก้มลงเพื่อหนีการสบตาเขา ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา และเมื่อเขายอมย่อตัวเพื่อจะได้มองดวงตาสีฟ้า มาหยาก็หมุนกายหนีจนภีมวัชช์ต้องคว้าข้อมือเล็กไว้ทั้งที่ยังไม่ลุกจากท่านั่งยอง

    “ไหมครับ ... ฟังอานะ อาไม่ได้คิดว่าไหมบ้านะ แต่บางทีอาจจะมีอะไรผิดปกติจน ...”

    “จนสติเพี้ยนใช่ไหมคะ" เสียงสั่นเครือตอบ มาหยายังไม่อยากเห็นหน้าอาภีมของเธอเวลานี้ แต่เขายังยึดข้อมือเธอแน่นจนสะบัดไม่หลุด ยิ่งหนีก็ยิ่งรัดแน่น

    “หนูไม่ได้เพี้ยน ไม่ได้บ้า หนูเห็นทุกอย่างจริงๆ มีผีคุณกุหลาบจริงๆนะคะอาภีม"

    “อาจะเชื่อ ถ้าไหมยอมตรวจ ... ไหมไม่อยากพิสูจน์หรือว่าสิ่งที่ไหมเห็นน่ะเป็นเรื่องจริง หรือผิดปกติ ลองตรวจดูก่อนเถอะนะ หมอที่นี่อาก็รู้จักดี เป็นเพื่อนเก่าอาภีมเอง ... นะครับ กระต่ายน้อย ถือว่าทำเพื่ออาเถอะนะ"

    เขามองเธออย่างอ้อนวอน ดวงตากลมเริ่มยอมสบตากับเขา ภีมวัชช์ลุกยืนเต็มความสูง เลื่อนจากยึดข้อมือเล็กเป็นกุมมือบางไว้แน่น ก่อนจะพาเข้าไปด้านใน

+มีต่อ+
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่