เจ้าสาวเงากุหลาบ ตอนที่ 8 : โดย ปิ่นนลิน

กระทู้สนทนา



ตอนเดิมค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ตอนที่ 8

มาหยาฝันอีกครั้ง คราวนี้เธอพบเด็กผู้หญิงคนเดิมในสวนดอกกุหลาบในสนามของบ้านหลังหนึ่ง มาหยาเพ่งมองที่ตัวบ้านทาสีชมพูสดใส ก็รู้สึกคุ้นๆแต่เธอกลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นบ้านหลังนี้ที่ไหน

    สวบ!


    เสียงคล้ายคนแหวกหญ้า หรือพุ่มไม้ทำให้ทั้งมาหยาและเด็กผู้หญิงหันมอง ครั้งนี้เด็กหญิงสวมกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีชมพู ใบหน้าเด็กน้อยน่ารัก ดวงตากลมโตมีขนตาหนาเป็นแพ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มจัดเป็นลอนธรรมชาติถูกรวบไว้ครึ่งหนึ่งติดโบว์สีชมพู น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยทีเดียว

    “มาแล้วเหรอ" เด็กผู้หญิงยืนขึ้น ถามไปด้วยความดีใจ “มาเล่นกันเถอะ หญิงรออยู่นานเลย" ก่อนที่เด็กหญิงตัวน้อยจะวิ่งไปทางเสียงสวบสาบนั้น มาหยาเพ่งมองไปยังจุดที่เด็กผู้หญิงวิ่งไปหา พบว่าเป็นกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งราวห้าหกคนมีทั้งชายและหญิงยืนรออยู่

    “วันนี้เราจะเล่นอะไรดีเหรอ" เด็กหญิงหยุดตรงหน้าเด็กกลุ่มนั้น ถามอีกที น้ำเสียงสดใสจนทำให้บรรยากาศสดชื่นไปด้วย เด็กกลุ่มนั้นคงตอบคำถาม เด็กหญิงพยักหน้าอย่างเร็วๆ

    “ไปสิๆ น่าสนุก แต่ห้ามทำเสียงดังนะ ถ้าท่านแม่รู้ ท่านแม่คงห้ามไม่ให้หญิงเล่นกับพวกเธอ"

    มาหยามองตามจนเห็นกลุ่มเด็กพาเด็กหญิงชุดกระโปรงเดินไปด้านใน ก่อนที่มาหยาจะรู้สึกเหมือนลมพัดรอบตัวเธอเร็วและแรงจนแทบยืนไม่ไหว ไม่นานสายลมนั้นก็สงบลงพร้อมเสียงหวีดร้องของผู้คนในบ้าน

    “ไฟไหม้!” ชายคนหนึ่งวิ่งมาจากทางที่เด็กกลุ่มนั้นเดินหายไป มาหยาเงยหน้ามองเห็นท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม เสียงโหวกเหวก ผู้คนในบ้านต่างชุลมุน เสียงสุดท้ายที่มาหยาได้ยินก่อนจะตื่นขึ้นมาก็คือ

    “คุณหญิงกุหลาบหายไปไหน! มีใครเห็นบ้าง!”







    ภายในแผนกออกแบบของบริษัทโชควรารัตน์ มาหยานั่งมองแแหวนเพชรสีชมพูในมือ เธอพบมันนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าสะพายทั้งๆที่เมื่อวานเธอพยายามหามันแทบตายเพื่อจะเอาให้มณิกาดู แต่กลับหาไม่เจอ พอเมื่อเช้าขณะที่มาหยาหยิบข้าวของลงกระเป๋า เธอก็พบมันอย่างง่ายดาย

    “ไม่อยากให้ใครเจอเหรอ ถึงได้เอาแต่หลบอยู่แบบนี้ คิดจะทำอะไรกับฉันกันแน่ คุณหญิง" มาหยาถามกับแหวนเพชรสีสวย หน้าตาสงสัย และงุนงงเป็นอย่างมาก

    ... หรือว่าคุณหญิงกุหลาบต้องการจะให้เธอเห็นเรื่องราวในอดีตกันนะ ... มาหยาทบทวนฝันเมื่อคืน ก็รู้สึกว่าเธอฝันเกี่ยวกับคุณหญิงกุหลาบอะไรนั่นบ่อยเกินไปแล้ว

    “ไม่อยากให้ใครเจออะไรเหรอ ไหม" เสียงของกฤษณ์ดังเบื้องหน้า ปลุกให้มาหยาละสายตาจากแหวนเพชรในมือเงยมอง กฤษณ์ขมวดคิ้วมองเธออยู่ มาหยาจึงส่งยิ้มกว้างกลับ ส่ายหน้าปฏิเสธ มือก็วางแหวนลงในกระเป๋าเช่นเดิม

    “เปล่าค่ะ พี่กฤษณ์มีอะไรกับไหมหรือเปล่าคะ"

    “ไม่มีอะไร ไหมล่ะเป็นยังไงบ้าง ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพักผ่อนก่อนได้นะ" กฤษณ์บอกอย่างใจดี

    “ไหมไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่กฤษณ์" มาหยาตอบน้ำเสียงสดใส คนฟังจึงพลอยหายกังวลไปบ้าง แต่ยังมีอีกเรื่อง กฤษณ์ถอนหายใจออกมา กลัดกลุ้มใจจนต้องระบายให้ลูกน้องสาวฟัง

    “พี่ล่ะกลุ้มใจจริงๆ เรื่องยายลูกแก้วน่ะสิ อยู่ดีๆก็เกเรใส่พี่ซะงั้น"

    กฤษณ์ทิ้งกายนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เพราะเจ้าของเก้าอี้ตัวนี้ที่ก่อเรื่องให้เขานั้นถูกบิ๊กบอสเรียกพบเป็นการส่วนตัว ไม่รู้ว่ามณิกาจะโดนตำหนิหรือโดนอะไรจากภีมวัชช์บ้าง แม้ภีมวัชช์คนใหม่ กลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากลาออกจากตำแหน่ง ดูใจดีกว่าเดิม ลุคติดดิน สบายๆ อารมณ์ดี แต่กับเรื่องงานแล้ว ภีมวัชช์ดุมากทีเดียว ไม่ค่อยยอมให้เกิดความผิดพลาดอะไรเท่าไร

    ที่ภีมวัชช์เคยลาออกไปครั้งหนึ่งเพราะเรื่องการก่อสร้างถล่มจนมีคนงานก่อสร้างเสียชีวิต รวมถึงโดนคนรักนอกใจ แต่น้องชายที่เคยบริหารอยู่ก่อนได้บริหารผิดพลาด บริษัทขาดทุน ท่านประธานใหญ่กลุ้มใจ ขอร้องภีมวัชช์กลับมาทำงานอีกครั้งเพื่อพลิกวิกฤต ภีมวัชช์ขัดใจบิดาไม่ได้จึงต้องกลับมานั่งตำแหน่งผู้บริหารอีกครั้ง

    “เรื่องที่ลูกแก้วทะเลาะกับคุณพีชน่ะหรือคะ" มาหยาถามกลับ กฤษณ์เลิกคิ้วราวกับเพิ่งรู้เรื่องนี้

    “ทะเลาะเหรอ พี่ไม่รู้เลยนะว่าทะเลาะกัน เห็นบอกแต่ว่ากลัวผีเลยไม่อยากทำ นี่ยัยลูกแก้วถึงกับทะเลาะกับคุณพีชเลยเหรอ ... แต่ถ้าทะเลาะกัน ทำไมคุณพีชถึงยังอยากให้ลูกแก้วทำงานต่อล่ะ นี่ถึงกับขู่บิ๊กบอสเลยนะว่าถ้าเปลี่ยนตัวสถาปนิก คุณพีชจะยกเลิกสัญญา แล้วหาบริษัทอื่นทำ ... คุณภีมงี้จิกตาใส่พี่ เล่นเอาใจคอไม่ดีเลยล่ะ ว่าแต่ไหมรู้หรือเปล่าว่าเขาทะเลาะอะไรกัน" กฤษณ์เอ่ยถาม มาหยาส่ายหน้าตอบ

    “ลูกแก้วไม่ได้เล่าอะไรให้ไหมฟังหรอกค่ะ แค่บอกว่าอึดอัดที่ทำงาน หรืออาจจะเพราะกลัวผีเลยสติหลุดก็ได้นะคะ" มาหยาคาดเดา กฤษณ์ถอนหายใจอีกรอบ เป็นห่วงมณิกาจนร้อนใจ ... ได้แต่หวังว่ามณิกาจะรอดจากห้องเย็นอย่างปลอดภัย

    ห้องเย็น ที่ถูกเรียกขาน คือห้องทำงานผู้บริหารระดับบิ๊ก

    ใครๆก็เรียกแบบนี้ ไม่ค่อยบ่อยนักหรอกที่พนักงานระดับเล็กๆจะถูกเรียกพบตัวต่อตัว ภีมวัชช์ไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น เพราะต้องทำงานดูแลถึงสองบริษัท หากเรื่องนี้ที่มณิกา สถาปนิกสาวแว่นผมแดงถูกเรียกพบ คงเป็นเพราะมณิกาทำงานให้ลูกค้าคนสำคัญของภีมวัชช์ ภีมวัชช์อยากคุยกับสถาปนิกสาวเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

    “ลูกแก้วพูดหรือว่าอยากจะขอเปลี่ยนตัวสถาปนิกทำงานให้นายพีช" ภีมวัชช์ถามตรงๆ

    "มีปัญหาอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกอาได้ไหม"

    ผู้บริหารหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเหมือนญาติคนหนึ่ง ภีมวัชช์รู้จักกับมณิกามานานตั้งแต่สมัยมณิกายังเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับมาหยา เขารู้ว่ามณิกาไม่ใช่เด็กเกเร คงต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆถึงตัดสินใจขอเปลี่ยนตัวสถาปนิกในโปรเจ็คบ้านเก่าของพิชาภพ

    “ถ้าลูกแก้วบอกไป อาภีมจะยอมให้ลูกแก้วเปลี่ยนตัวสถาปนิกไหมคะ" มณิกาถามกลับ แน่นอนว่าภีมวัชช์ต้องปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าช้าๆตอบ

    “ถ้าเหตุผลไม่มีน้ำหนักมากพอ อาจะเปลี่ยนได้ยังไง ถึงอาจะเห็นว่าลูกแก้วเป็นหลานคนหนึ่ง แต่เรื่องงาน อาคงเข้าข้างไม่ได้หรอกนะ"

    “ถ้าอย่างนั้น ลูกแก้วก็ไม่รู้จะบอกไปทำไมเหมือนกันค่ะ" มณิกาคอตก

    “ก็บอกมาสิ เผื่อเราจะได้ช่วยกันแก้ไขได้ นายพีชน่ะ ถึงจะเป็นเพื่อนของอา แต่หมอนั่นก็ไม่ใช่คนยอมอะไรง่ายๆ และก็เป็นคนมีคนรู้จักเยอะมากทีเดียว ... ถ้าเกิดลูกแก้วถอนตัวจากงานนี้ เขาก็คงยกเลิกสัญญาทั้งหมด อาบอกตามตรง อาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นนะ เราจะเสียชื่อเสียง เข้าใจอาใช่ไหม"

    ภีมวัชช์ยอมเปิดใจฟังเหตุผลของสถาปนิกสาว พนักงานของเขา มณิกาขยับตัวไปมาก่อนจะยอมเปิดปากตอบ

    “ลูกแก้วเห็นผีค่ะ ... ลูกแก้วกลัวผี กลัวมากด้วย อาภีมก็รู้ ตอนที่ไปเที่ยวสวนสนุกกันต้องเข้าบ้านผีสิง อาภีมก็เห็นว่าลูกแก้วสติแตกแค่ไหน บ้านนั้นมันแปลกๆ ...”

    “ผีเหรอ" ภีมวัชช์พยายามเข้าใจอยู่ แม้จะอยากหัวเราะขำออกมาก็ตาม เพราะเขาจำได้ว่ามณิกากลัวผีขนาดหนักเลยล่ะ!

    แต่จะว่าไป บ้านเก่าๆแบบนั้น บรรยากาศชวนวังเวงน่าดูทีเดียว ไม่แปลกหรอกถ้ามณิกาจะหลอน และคิดว่าเจอผีเข้า

    “ลูกแก้ว เอาอย่างงี้ เวลาลูกแก้วไปทำงาน ลูกแก้วก็พาเพื่อนไปด้วย จะได้ไม่ต้องกลัว โอเคไหม" เขาแนะนำ สายตาคมเอ็นดูคนตรงหน้า เห็นใจแต่ก็ไม่อยากผิดใจกับเพื่อนจึงลองเสนอคำแนะนำดู

    “ถึงจะไปหลายคนแต่ถ้าผีจะหลอกลูกแก้ว ยังไงลูกแก้วก็เห็นค่ะ ขนาดวันนั้นลูกแก้วอยู่กับอิตาหม่อม เอ้ย! คุณพีช ลูกแก้วยังเจอผีคนเดียวเลย"

    มณิกาไม่คิดว่าพาเพื่อนไปด้วย จะทำให้เธอไม่เจอสิ่งลี้ลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้หรอกนะ

    ชายหนุ่มฟังก็ถอนหายใจ สงสารก็ใช่ แต่เขาก็ไม่สามารถใช้เหตุผลนี้มาเปลี่ยนตัวสถาปนิกได้จริงๆ พิชาภพคงไม่ยอมแน่ๆ

    “ลูกแก้วลองอีกสักครั้งเถอะนะ ถ้าเจออีกคราวนี้อาจะพูดกับนายพีชให้ ... ขอให้ลองอีกสักที แล้วค่อยว่ากัน"

    “อาภีม" มณิกาคราง อาการเหมือนเด็กโดนขัดใจ ใบหน้าหวานล้อมกรอบด้วยผมฟูประกายแดงทำหน้าอยากจะร้องไห้ ภีมวัชช์กลับมองตาเธอยิ้มๆ

    “อย่าดื้อ อาไม่ชอบเด็กดื้อ ... ไปทำงานได้แล้ว ไป"

    มณิกาได้แต่เม้มปากแน่น ขยับลุกจากเก้าอี้ แล้วออกจากห้องทำงานของภีมวัชช์ไปเงียบๆ เจ้าของห้องหนุ่มพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ อดส่ายหัวไปมายิ้มกับเหตุผลของมณิกาไม่ได้จริงๆ


+มีต่อ+
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่