ตอนเดิมค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทนำ - ตอนที่1 http://ppantip.com/topic/34088111
ตอนที่ 2 - ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34089767
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/34090924
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/34093894
ตอนที่ 6
ยากล่อมประสาทออกฤทธิ์ทำให้มาหยาหลับสนิททั้งคืน ไม่ฝันร้ายจนสะดุ้งตกใจตื่นอย่างเมื่อวาน มีเบลอๆ งงๆ บ้างเมื่อลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่
สาวลูกครึ่งยังคงพักอยู่ที่โรงพยาบาลอีกวัน มณิกาบอกว่าอยู่ดีๆ อุณหภูมิร่างกายของมาหยาก็ต่ำลงผิดปกติจนร่างกายเย็นอย่างน่ากลัว แถมยังทำเหมือนจะช็อคอีก หากมาหยาจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย
ความทรงจำสุดท้ายคือเธอใจเต้นแรงเพราะภีมวัชช์โน้มใบหน้ามาอยู่ในระยะประชิดจนปลายจมูกแทบชนกัน หลังจากนั้นมาหยาก็ไม่รู้สึกตัวอีกกระทั่งเธอลืมตาอีกครั้งก็เห็นทั้งแพทย์ และพยาบาล รวมถึงภีมวัชช์ มณิกา โมกข์ แถมหม่อมหลวงพิชาภพอีกคน ต่างยืนมองเธอด้วยสายตากังวล ในแววตาทุกคนล้วนมีความตกใจ เป็นห่วงเธอจนเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะภีมวัชช์ นอกจากจะห่วงเธอแล้ว เขายังมีท่าทางแปลกๆกับเธอ ดวงตาคมที่เคยอ่อนหวานกลับเย็นชา ราวกับโกรธเคืองอะไรเธอ มาหยาจ้องกลับอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนที่ภีมวัชช์จะไล่อ้อมๆให้ทุกคนแยกย้ายกลับอย่างมีมารยาทที่สุด อ้างเพื่อให้มาหยาได้พักผ่อน ส่วนตัวเขาก็หลบไปคุยบางอย่างกับแพทย์ หลังจากนั้นพยาบาลก็นำยามาให้เธอกิน ซึ่งทำให้มาหยาง่วงจนหลับไปในที่สุด
และเช้าวันใหม่นี้ มาหยาก็ไม่เห็นอาหนุ่มต่างสายเลือดอยู่ในห้อง กลับแปลกใจที่เห็นป้าชลลดา พี่สาวของพ่อบุญธรรมนั่งอยู่แทน
“ไหม ตื่นแล้วหรือ เป็นยังไงบ้าง"
ทันทีที่มาหยาลืมตามอง ชลลดาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเตียงก็ถามหลานสาวด้วยความเป็นห่วงทันที
“หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ว่าแต่ป้าดามาได้ยังไงหรือคะ" มาหยาสงสัย เพราะชลลดาเองก็พำนักอยู่อยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวกับพ่อบุญธรรมของมาหยาอาศัยอยู่ โดยบ้านของป้าดาตั้งอยู่ห่างจากบ้านอาจารย์ชัชชวินไปไม่ไกลกันมาก ขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง
“ภีมโทรไปบอกป้าเองจ้ะ ป้าเองต้องมาทำธุระที่กรุงเทพฯนี่พอดี ป้าเลยเฝ้าให้ตอนกลางวัน เพราะภีมต้องไปทำงาน แล้วลูกไม่เจ็บอะไรแล้วใช่ไหม ทำไมอยู่ๆถึงตกบันไดได้ล่ะหืมม์"
คงเพราะชลลดาไม่ค่อยได้ยินว่ามาหยาตกบันได หรือซุ่มซ่ามจนบาดเจ็บมาก่อนจึงค่อนข้างแปลกใจ แถมเสียชัชชวิน น้องชายของเธอก็ตกบันไดจนคอหักตายไปก่อนหน้านี้เอง ทำให้ชลลดาได้ฟังทีแรกก็ตกใจมาก
โชคดีที่ภีมวัชช์รีบบอกว่ามาหยาไม่เป็นอะไร แค่หัวแตกนิดหน่อยเท่านั้น แต่เพื่อให้มั่นใจจึงต้องพักดูอาการอย่างใกล้ชิด
“หนู ...” มาหยาเม้มปาก ครุ่นคิด ลังเลที่จะบอกความจริงออกไป ป้าดาจะเชื่อเธอไหม จะหาว่าเธอเหลวไหลหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป มาหยาก็เหลือบไปเห็นบนโต๊ะข้างเตียงมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดความสูงไม่เกินหนึ่งฟุตตั้งอยู่
ชลลดาคงเห็นสายตาหลานสาวมีคำถามจึงรีบอธิบายออกมา
“อย่าหาว่าป้างมงายเลยนะ แต่ป้าฝันไม่ดีเกี่ยวกับหนูจริงๆ"
“ฝันไม่ดีหรือคะ" มาหยาละสายตาจากพระพุทธรูปมองชลลดาอย่างประหลาดใจ เพราะหลายๆวันนี้มาหยาเองก็ฝันร้ายบ่อยเหมือนกัน
“ป้าฝันเห็นพ่อชัชของหนูมาหาป้าด้วยหน้าตาเศร้ามาก พูดแต่ว่าเป็นห่วงไหม และเป็นความผิดอะไรของเขาสักอย่าง ป้าไม่เข้าใจหรอก แต่พอรู้ว่าไหมตกบันได ป้าก็ยิ่งเป็นห่วง เลยขอสบายใจไว้หน่อยดีกว่านะ"
ชลลดายิ้มบางให้เธออย่างอ่อนโยน มาหยาหรือจะกล้าขัดความเป็นห่วงของผู้เป็นป้าได้
“หนูต้องขอบคุณคุณป้ามากกว่าที่เป็นห่วงหนูขนาดนี้ค่ะ" มาหยายกมือขึ้นไหว้ ซาบซึ้งใจที่แม้ว่าเธอจะไม่ใช่หลานแท้ๆ เป็นเพียงลูกสาวที่เก็บมาเลี้ยง หากทั้งชัชชวิน และชลลดาต่างก็เอ็นดูเธอราวกับเป็นคนในสายเลือดเดียวกัน
ร่างสูงในชุดนอกเครื่องแบบของสารวัตรโมกข์ลงมาจากชั้นบน เห็นน้องสาวนั่งตักข้าวต้มใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย หากที่เตะตาเขาคงเป็นผมทรงใหม่ พี่ชายมาดเข้มจึงเดินยิ้มตรงมาลูบผมสั้นประมาณต้นคอสีน้ำตาลประกายแดง ที่ตอนนี้ถูกดัดเป็นลอนใหญ่ๆ ฟูๆ ด้วยไดร์ม้วนผม
จะว่าไปตอนโมกข์กลับบ้านเห็นมณิกาไปทำสีผมใหม่เป็นสีแดงแรงฤทธิ์ขนาดนี้ เขาเองก็ตกใจ อึ้งไปนาน ไม่ต่างจากหม่อมหลวงพิชาภพหรอก แต่พอคิดว่าที่ผ่านมาเขาตกใจกับทั้งทรงผม การแต่งตัวของน้องสาวมาเยอะขนาดไหน พี่โมกข์ก็เลิกใส่ใจ เห็นเป็นเรื่องปกติของมณิกาไปเรียบร้อย
โมกข์ลูบผมเพราะเอ็นดูน้องสาวที่อายุห่างกันสิบปี มณิกาเป็นลูกหลง ที่บิดามารดามักจะล้อขำๆว่า มณิกาช่างดื้อนัก ทะลึ่งเกิดมาได้ทั้งที่มารดาทำหมันปิดอู่ไปแล้วแท้ๆ
ความเอ็นดูของเขากลับโดนน้องสาวแหวใส่เสียงดัง
“พี่โมกข์! อย่ามาทำผมลูกแก้วเสียทรงน้า อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาม้วนเลยนะ"
ใบหน้าขาวที่ยิ่งสว่างกว่าเดิมเพราะผมสีแดงยู่ แก้มป่องใส่พี่ชาย ท่าทางเอาเรื่องแบบนี้จึงโดนมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆตำหนิ
“ลูกแก้ว ไปเสียงดังใส่พี่แบบนั้นไม่น่ารักเลย"
“ก็กว่าจะม้วนได้แบบนี้มันนานนี่คะ" มณิกาหันไปบอกเหตุผลกับมารดา
“งั้นให้พี่ชายไปส่งน้องสาวแทนคำขอโทษแทนได้ไหม" พี่โมกข์นั่งลงเพื่อรับประทานอาหารเช้าบ้าง ถามขณะหยิบขนมปังใส่ปาก
“เอาค่ะ ... ลูกแก้วไปทำงานก่อนนะคะแม่ วันนี้นัดลูกค้าจอมเรื่องมากไว้ด้วย ไม่อยากไปสาย" มณิการีบวางช้อน ยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม เอาชามไปเก็บในครัวเสร็จสรรพ พร้อมกระเป๋าสะพายคล้องไหล่ เดินมายืนกดดันพี่ชายที่เป็นคนเอ่ยปากว่าจะไปส่ง หากเจ้าตัวยังนั่งลีลา ดื่มนม กรอกตามองเธอไม่ยอมลุกสักที
“พี่โมกข์!” มณิกาเริ่มเท้าสะเอว
คนโดนเร่งกลั้นยิ้ม ยอมให้ เอ่ยลามารดาก่อนจะเดินตามน้องสาวไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
มณิกาให้พี่ชายมาส่งที่เรือนกุหลาบ วันนี้เธอนัดหม่อมพิชาภพมาเพื่อถ่ายรูปเก็บรายละเอียดบ้านอีกรอบก่อนจะทำการนัดช่างมาคุยเรื่องการปรับปรุง
พอทั้งคู่มาถึงก็เห็นรถยนต์ยี่ห้อหรูจอดอยู่สองคัน มีคนขับรถเป็นผู้ชายผิวคล้ำร่างสูงกำลังใช้ผ้าเช็ดกระจกระหว่างรอไปพลางๆ
“ที่นี่น่ะเหรอ" โมกข์ลงจากรถที่จอดอยู่หน้าประตูซึ่งถูกเปิดค้างไว้ มายืนข้างๆน้องสาว กวาดสายตามองบ้านเก่าตรงหน้า ถามมณิกาเพิ่มทันที "ไม่กลัวผีเหรอ"
“พี่โมกข์ก็อย่าพูดสิ ลูกแก้วว่าจะไม่คิดแล้วนะคะ" มณิกาโวยกลับ ก่อนจะหันไปเห็นว่าหม่อมหลวงพิชาภพเดินมาจากสวนข้างๆเรือนกุหลาบพร้อมผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งหน้าตาดีทีเดียว แถมยังท่าทางภูมิฐานในเสื้อเชิ้ตขาวสวมสูทสีกรมทับ มณิกาเผลอมองอยู่นานจนพี่โมกข์หันมองตามบ้าง
“หม่อมราชวงศ์รดาวัฒน์ ทิวัตถ์" โมกข์เอ่ยชื่อผู้ชายที่เดินข้างๆพิชาภพอย่างรู้จักดี เพราะเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวทิวัตถ์มาก่อนหน้านี้
“พี่โมกข์รู้จักด้วยหรือคะ" มณิกาเงยหน้าถามพี่ชาย โมกข์พยักหน้าเบาๆ
“รู้จักสิ เราน่ะหัดดูข่าวสารบ้านเมืองมั่งนะ" คำถามาเมื่อครู่จากมณิกาทำเอาพี่ชายบ่นใส่ ก่อนจะได้ยินพี่ชายเอ่ยร่ำลาเพื่อไปทำงานของเขาบ้าง
พิชาภพแนะนำให้หม่อมราชวงศ์รดาวัฒน์รู้จักกับมณิกาเมื่อเดินมาใกล้
“คุณลุงครับ นี่คือ คุณลูกแก้ว สถาปนิกที่จะมาปรับปรุงบ้านให้ผมครับ"
“สวัสดีค่ะ" สถาปนิกสาวยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยมารยาทเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่สามารถละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายรดาวัฒน์ได้เลย
ดูสิ ... คุณชายรดาวัฒน์ที่ว่าจะดูเป็นหนุ่มใหญ่ อายุน่าจะไม่น้อยกว่าห้าสิบปี แต่ก็ยังดูดีจนออร่าโดดเด่นเด้งกระจาย ทำเอาหม่อมหลวงพิชาภพหมองไปเลยทีเดียว!
“ส่วนนี่ คุณชายรดาวัฒน์ เป็นเจ้าของเดิมบ้านหลังนี้" พิชาภพแนะนำให้สถาปนิกสาวของเขารู้จักคุณชายรดาวัฒน์บ้าง
“สวัสดีจ้ะ ... ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็ถามลุงได้เลยนะ พีช ลุงจะดีใจมากถ้าที่นี่จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง" คุณชายรดาวัฒน์บอกอย่างใจดี ดวงตาคมของราชนิกูลหนุ่มใหญ่พราวระยิบระยับเหมือนผิวน้ำยามต้องแสงแดดชวนให้มอง
มณิกาคิดว่า คุณชายคนนี้ตอนหนุ่มๆต้องเนื้อหอมแน่ๆ!
“อุ๊ย!” อยู่ๆมณิกาก็อุทานอย่างตกใจเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระทบกับหลังศีรษะ หันมองไปด้านหลังที่เป็นเพียงสนามหญ้า ก่อนจะก้มมองที่พื้นเห็นกิ่งไม้หล่นอยู่ตรงพื้นซึ่งรอบๆนอกจากพุ่มดอกเข็ม ดอกกุหลาบแล้วก็ไม่มีต้นใหม่ใหญ่เลย
แน่นอนมณิกาไม่เห็นหรอกว่า คุณหญิงกุหลาบตั้งใจเขวี้ยงกิ่งไม้ใส่หัวมณิกาเอง ... โทษฐานที่คิดไม่ซื่อกับพี่ชายรัดของเธอ!
หม่อมหลวงพิชาภพหันมองเห็นร่างบางหันรีหันขวางก็นิ่วหน้าใส่ ... จะเรียกร้องความสนใจอะไรอีก ยายหัวฟู!
“อย่างที่ลุงบอก" เสียงของคุณชายรดาวัฒน์ดึงความสนใจของพิชาภพให้ละสายตาจากสถาปนิกสาวหัวฟูไปมองได้
“ที่นี่ลุงรักมาก ลุงฝากให้พีช และคุณสถาปนิกช่วยกันดูแล และทนุถนอมด้วยนะ" คุณชายทอดน้ำเสียงนุ่ม สายตาใจดีกับคนรุ่นลูกทั้งคู่
“ตอนผมยังเด็ก ผมได้ยินว่าคุณลุงหวงบ้านหลังนี้ จนไม่คิดว่าคุณลุงจะยอมปล่อยให้คนอื่น"
ความสงสัยของพิชาภพทำให้แววตาของคุณชายรดาวัฒน์อ่อนแสงลงเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มบาง เจือความเศร้าที่พอสัมผัสได้
“ลุงไม่อยากยึดติดอีกต่อไป ... เพราะยังไง ก็ไม่มีทางได้สิ่งที่เสียไปคืนกลับมา ... สู้ให้เอาไปใช้ทำประโยชน์ยังดีกว่า แล้วพีชเองก็ชอบใช่ไหม" คุณชายรดาวัฒน์ถามกลับพร้อมรอยยิ้มใจดี
“ครับ ผมชอบที่นี่ครับ" พิชาภพตอบโดยไม่ต้องคิดนานเลย เขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งสมัยเด็กมากๆ แม้จะไม่เคยเข้าไปในบ้านสักครั้ง ได้แต่มองอยู่ข้างนอกยังจำได้เลยว่าบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยดอกไม้สวยงามราวกับเป็นสวนสวรรค์ทีเดียว
หากเวลาผ่านไปนานจนเขาเองก็เผลอลืมไปว่ายังมีบ้านหลังนี้อยู่ กระทั่งหม่อมแพร ย่าของพิชาภพเอ่ยยกให้เขา เขาถึงได้มาเยือนที่นี่อีกครั้ง
“งั้นก็ดีแล้ว ... ลุงต้องไปแล้วล่ะ แล้วแวะไปกินข้าวเย็นบ้านลุงบ้างนะ" คุณชายรดาวัฒน์เอ็นดูพิชาภพราวกับลูกหลานตน คงเพราะเห็นกันมาตั้งแต่พิชาภพยังเป็นเด็กน้อย คอยเล่นกับธิดาทั้งสองของท่าน
“ครับผม เดินทางดีๆนะครับคุณลุง"
[มีต่อ]
เจ้าสาวเงากุหลาบ ตอนที่ 6 : โดย ปิ่นนลิน
ตอนเดิมค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ 6
ยากล่อมประสาทออกฤทธิ์ทำให้มาหยาหลับสนิททั้งคืน ไม่ฝันร้ายจนสะดุ้งตกใจตื่นอย่างเมื่อวาน มีเบลอๆ งงๆ บ้างเมื่อลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่
สาวลูกครึ่งยังคงพักอยู่ที่โรงพยาบาลอีกวัน มณิกาบอกว่าอยู่ดีๆ อุณหภูมิร่างกายของมาหยาก็ต่ำลงผิดปกติจนร่างกายเย็นอย่างน่ากลัว แถมยังทำเหมือนจะช็อคอีก หากมาหยาจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย
ความทรงจำสุดท้ายคือเธอใจเต้นแรงเพราะภีมวัชช์โน้มใบหน้ามาอยู่ในระยะประชิดจนปลายจมูกแทบชนกัน หลังจากนั้นมาหยาก็ไม่รู้สึกตัวอีกกระทั่งเธอลืมตาอีกครั้งก็เห็นทั้งแพทย์ และพยาบาล รวมถึงภีมวัชช์ มณิกา โมกข์ แถมหม่อมหลวงพิชาภพอีกคน ต่างยืนมองเธอด้วยสายตากังวล ในแววตาทุกคนล้วนมีความตกใจ เป็นห่วงเธอจนเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะภีมวัชช์ นอกจากจะห่วงเธอแล้ว เขายังมีท่าทางแปลกๆกับเธอ ดวงตาคมที่เคยอ่อนหวานกลับเย็นชา ราวกับโกรธเคืองอะไรเธอ มาหยาจ้องกลับอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนที่ภีมวัชช์จะไล่อ้อมๆให้ทุกคนแยกย้ายกลับอย่างมีมารยาทที่สุด อ้างเพื่อให้มาหยาได้พักผ่อน ส่วนตัวเขาก็หลบไปคุยบางอย่างกับแพทย์ หลังจากนั้นพยาบาลก็นำยามาให้เธอกิน ซึ่งทำให้มาหยาง่วงจนหลับไปในที่สุด
และเช้าวันใหม่นี้ มาหยาก็ไม่เห็นอาหนุ่มต่างสายเลือดอยู่ในห้อง กลับแปลกใจที่เห็นป้าชลลดา พี่สาวของพ่อบุญธรรมนั่งอยู่แทน
“ไหม ตื่นแล้วหรือ เป็นยังไงบ้าง"
ทันทีที่มาหยาลืมตามอง ชลลดาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเตียงก็ถามหลานสาวด้วยความเป็นห่วงทันที
“หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ว่าแต่ป้าดามาได้ยังไงหรือคะ" มาหยาสงสัย เพราะชลลดาเองก็พำนักอยู่อยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวกับพ่อบุญธรรมของมาหยาอาศัยอยู่ โดยบ้านของป้าดาตั้งอยู่ห่างจากบ้านอาจารย์ชัชชวินไปไม่ไกลกันมาก ขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง
“ภีมโทรไปบอกป้าเองจ้ะ ป้าเองต้องมาทำธุระที่กรุงเทพฯนี่พอดี ป้าเลยเฝ้าให้ตอนกลางวัน เพราะภีมต้องไปทำงาน แล้วลูกไม่เจ็บอะไรแล้วใช่ไหม ทำไมอยู่ๆถึงตกบันไดได้ล่ะหืมม์"
คงเพราะชลลดาไม่ค่อยได้ยินว่ามาหยาตกบันได หรือซุ่มซ่ามจนบาดเจ็บมาก่อนจึงค่อนข้างแปลกใจ แถมเสียชัชชวิน น้องชายของเธอก็ตกบันไดจนคอหักตายไปก่อนหน้านี้เอง ทำให้ชลลดาได้ฟังทีแรกก็ตกใจมาก
โชคดีที่ภีมวัชช์รีบบอกว่ามาหยาไม่เป็นอะไร แค่หัวแตกนิดหน่อยเท่านั้น แต่เพื่อให้มั่นใจจึงต้องพักดูอาการอย่างใกล้ชิด
“หนู ...” มาหยาเม้มปาก ครุ่นคิด ลังเลที่จะบอกความจริงออกไป ป้าดาจะเชื่อเธอไหม จะหาว่าเธอเหลวไหลหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป มาหยาก็เหลือบไปเห็นบนโต๊ะข้างเตียงมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดความสูงไม่เกินหนึ่งฟุตตั้งอยู่
ชลลดาคงเห็นสายตาหลานสาวมีคำถามจึงรีบอธิบายออกมา
“อย่าหาว่าป้างมงายเลยนะ แต่ป้าฝันไม่ดีเกี่ยวกับหนูจริงๆ"
“ฝันไม่ดีหรือคะ" มาหยาละสายตาจากพระพุทธรูปมองชลลดาอย่างประหลาดใจ เพราะหลายๆวันนี้มาหยาเองก็ฝันร้ายบ่อยเหมือนกัน
“ป้าฝันเห็นพ่อชัชของหนูมาหาป้าด้วยหน้าตาเศร้ามาก พูดแต่ว่าเป็นห่วงไหม และเป็นความผิดอะไรของเขาสักอย่าง ป้าไม่เข้าใจหรอก แต่พอรู้ว่าไหมตกบันได ป้าก็ยิ่งเป็นห่วง เลยขอสบายใจไว้หน่อยดีกว่านะ"
ชลลดายิ้มบางให้เธออย่างอ่อนโยน มาหยาหรือจะกล้าขัดความเป็นห่วงของผู้เป็นป้าได้
“หนูต้องขอบคุณคุณป้ามากกว่าที่เป็นห่วงหนูขนาดนี้ค่ะ" มาหยายกมือขึ้นไหว้ ซาบซึ้งใจที่แม้ว่าเธอจะไม่ใช่หลานแท้ๆ เป็นเพียงลูกสาวที่เก็บมาเลี้ยง หากทั้งชัชชวิน และชลลดาต่างก็เอ็นดูเธอราวกับเป็นคนในสายเลือดเดียวกัน
ร่างสูงในชุดนอกเครื่องแบบของสารวัตรโมกข์ลงมาจากชั้นบน เห็นน้องสาวนั่งตักข้าวต้มใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย หากที่เตะตาเขาคงเป็นผมทรงใหม่ พี่ชายมาดเข้มจึงเดินยิ้มตรงมาลูบผมสั้นประมาณต้นคอสีน้ำตาลประกายแดง ที่ตอนนี้ถูกดัดเป็นลอนใหญ่ๆ ฟูๆ ด้วยไดร์ม้วนผม
จะว่าไปตอนโมกข์กลับบ้านเห็นมณิกาไปทำสีผมใหม่เป็นสีแดงแรงฤทธิ์ขนาดนี้ เขาเองก็ตกใจ อึ้งไปนาน ไม่ต่างจากหม่อมหลวงพิชาภพหรอก แต่พอคิดว่าที่ผ่านมาเขาตกใจกับทั้งทรงผม การแต่งตัวของน้องสาวมาเยอะขนาดไหน พี่โมกข์ก็เลิกใส่ใจ เห็นเป็นเรื่องปกติของมณิกาไปเรียบร้อย
โมกข์ลูบผมเพราะเอ็นดูน้องสาวที่อายุห่างกันสิบปี มณิกาเป็นลูกหลง ที่บิดามารดามักจะล้อขำๆว่า มณิกาช่างดื้อนัก ทะลึ่งเกิดมาได้ทั้งที่มารดาทำหมันปิดอู่ไปแล้วแท้ๆ
ความเอ็นดูของเขากลับโดนน้องสาวแหวใส่เสียงดัง
“พี่โมกข์! อย่ามาทำผมลูกแก้วเสียทรงน้า อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาม้วนเลยนะ"
ใบหน้าขาวที่ยิ่งสว่างกว่าเดิมเพราะผมสีแดงยู่ แก้มป่องใส่พี่ชาย ท่าทางเอาเรื่องแบบนี้จึงโดนมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆตำหนิ
“ลูกแก้ว ไปเสียงดังใส่พี่แบบนั้นไม่น่ารักเลย"
“ก็กว่าจะม้วนได้แบบนี้มันนานนี่คะ" มณิกาหันไปบอกเหตุผลกับมารดา
“งั้นให้พี่ชายไปส่งน้องสาวแทนคำขอโทษแทนได้ไหม" พี่โมกข์นั่งลงเพื่อรับประทานอาหารเช้าบ้าง ถามขณะหยิบขนมปังใส่ปาก
“เอาค่ะ ... ลูกแก้วไปทำงานก่อนนะคะแม่ วันนี้นัดลูกค้าจอมเรื่องมากไว้ด้วย ไม่อยากไปสาย" มณิการีบวางช้อน ยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม เอาชามไปเก็บในครัวเสร็จสรรพ พร้อมกระเป๋าสะพายคล้องไหล่ เดินมายืนกดดันพี่ชายที่เป็นคนเอ่ยปากว่าจะไปส่ง หากเจ้าตัวยังนั่งลีลา ดื่มนม กรอกตามองเธอไม่ยอมลุกสักที
“พี่โมกข์!” มณิกาเริ่มเท้าสะเอว
คนโดนเร่งกลั้นยิ้ม ยอมให้ เอ่ยลามารดาก่อนจะเดินตามน้องสาวไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
มณิกาให้พี่ชายมาส่งที่เรือนกุหลาบ วันนี้เธอนัดหม่อมพิชาภพมาเพื่อถ่ายรูปเก็บรายละเอียดบ้านอีกรอบก่อนจะทำการนัดช่างมาคุยเรื่องการปรับปรุง
พอทั้งคู่มาถึงก็เห็นรถยนต์ยี่ห้อหรูจอดอยู่สองคัน มีคนขับรถเป็นผู้ชายผิวคล้ำร่างสูงกำลังใช้ผ้าเช็ดกระจกระหว่างรอไปพลางๆ
“ที่นี่น่ะเหรอ" โมกข์ลงจากรถที่จอดอยู่หน้าประตูซึ่งถูกเปิดค้างไว้ มายืนข้างๆน้องสาว กวาดสายตามองบ้านเก่าตรงหน้า ถามมณิกาเพิ่มทันที "ไม่กลัวผีเหรอ"
“พี่โมกข์ก็อย่าพูดสิ ลูกแก้วว่าจะไม่คิดแล้วนะคะ" มณิกาโวยกลับ ก่อนจะหันไปเห็นว่าหม่อมหลวงพิชาภพเดินมาจากสวนข้างๆเรือนกุหลาบพร้อมผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งหน้าตาดีทีเดียว แถมยังท่าทางภูมิฐานในเสื้อเชิ้ตขาวสวมสูทสีกรมทับ มณิกาเผลอมองอยู่นานจนพี่โมกข์หันมองตามบ้าง
“หม่อมราชวงศ์รดาวัฒน์ ทิวัตถ์" โมกข์เอ่ยชื่อผู้ชายที่เดินข้างๆพิชาภพอย่างรู้จักดี เพราะเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวทิวัตถ์มาก่อนหน้านี้
“พี่โมกข์รู้จักด้วยหรือคะ" มณิกาเงยหน้าถามพี่ชาย โมกข์พยักหน้าเบาๆ
“รู้จักสิ เราน่ะหัดดูข่าวสารบ้านเมืองมั่งนะ" คำถามาเมื่อครู่จากมณิกาทำเอาพี่ชายบ่นใส่ ก่อนจะได้ยินพี่ชายเอ่ยร่ำลาเพื่อไปทำงานของเขาบ้าง
พิชาภพแนะนำให้หม่อมราชวงศ์รดาวัฒน์รู้จักกับมณิกาเมื่อเดินมาใกล้
“คุณลุงครับ นี่คือ คุณลูกแก้ว สถาปนิกที่จะมาปรับปรุงบ้านให้ผมครับ"
“สวัสดีค่ะ" สถาปนิกสาวยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยมารยาทเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่สามารถละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายรดาวัฒน์ได้เลย
ดูสิ ... คุณชายรดาวัฒน์ที่ว่าจะดูเป็นหนุ่มใหญ่ อายุน่าจะไม่น้อยกว่าห้าสิบปี แต่ก็ยังดูดีจนออร่าโดดเด่นเด้งกระจาย ทำเอาหม่อมหลวงพิชาภพหมองไปเลยทีเดียว!
“ส่วนนี่ คุณชายรดาวัฒน์ เป็นเจ้าของเดิมบ้านหลังนี้" พิชาภพแนะนำให้สถาปนิกสาวของเขารู้จักคุณชายรดาวัฒน์บ้าง
“สวัสดีจ้ะ ... ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็ถามลุงได้เลยนะ พีช ลุงจะดีใจมากถ้าที่นี่จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง" คุณชายรดาวัฒน์บอกอย่างใจดี ดวงตาคมของราชนิกูลหนุ่มใหญ่พราวระยิบระยับเหมือนผิวน้ำยามต้องแสงแดดชวนให้มอง
มณิกาคิดว่า คุณชายคนนี้ตอนหนุ่มๆต้องเนื้อหอมแน่ๆ!
“อุ๊ย!” อยู่ๆมณิกาก็อุทานอย่างตกใจเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระทบกับหลังศีรษะ หันมองไปด้านหลังที่เป็นเพียงสนามหญ้า ก่อนจะก้มมองที่พื้นเห็นกิ่งไม้หล่นอยู่ตรงพื้นซึ่งรอบๆนอกจากพุ่มดอกเข็ม ดอกกุหลาบแล้วก็ไม่มีต้นใหม่ใหญ่เลย
แน่นอนมณิกาไม่เห็นหรอกว่า คุณหญิงกุหลาบตั้งใจเขวี้ยงกิ่งไม้ใส่หัวมณิกาเอง ... โทษฐานที่คิดไม่ซื่อกับพี่ชายรัดของเธอ!
หม่อมหลวงพิชาภพหันมองเห็นร่างบางหันรีหันขวางก็นิ่วหน้าใส่ ... จะเรียกร้องความสนใจอะไรอีก ยายหัวฟู!
“อย่างที่ลุงบอก" เสียงของคุณชายรดาวัฒน์ดึงความสนใจของพิชาภพให้ละสายตาจากสถาปนิกสาวหัวฟูไปมองได้
“ที่นี่ลุงรักมาก ลุงฝากให้พีช และคุณสถาปนิกช่วยกันดูแล และทนุถนอมด้วยนะ" คุณชายทอดน้ำเสียงนุ่ม สายตาใจดีกับคนรุ่นลูกทั้งคู่
“ตอนผมยังเด็ก ผมได้ยินว่าคุณลุงหวงบ้านหลังนี้ จนไม่คิดว่าคุณลุงจะยอมปล่อยให้คนอื่น"
ความสงสัยของพิชาภพทำให้แววตาของคุณชายรดาวัฒน์อ่อนแสงลงเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มบาง เจือความเศร้าที่พอสัมผัสได้
“ลุงไม่อยากยึดติดอีกต่อไป ... เพราะยังไง ก็ไม่มีทางได้สิ่งที่เสียไปคืนกลับมา ... สู้ให้เอาไปใช้ทำประโยชน์ยังดีกว่า แล้วพีชเองก็ชอบใช่ไหม" คุณชายรดาวัฒน์ถามกลับพร้อมรอยยิ้มใจดี
“ครับ ผมชอบที่นี่ครับ" พิชาภพตอบโดยไม่ต้องคิดนานเลย เขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งสมัยเด็กมากๆ แม้จะไม่เคยเข้าไปในบ้านสักครั้ง ได้แต่มองอยู่ข้างนอกยังจำได้เลยว่าบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยดอกไม้สวยงามราวกับเป็นสวนสวรรค์ทีเดียว
หากเวลาผ่านไปนานจนเขาเองก็เผลอลืมไปว่ายังมีบ้านหลังนี้อยู่ กระทั่งหม่อมแพร ย่าของพิชาภพเอ่ยยกให้เขา เขาถึงได้มาเยือนที่นี่อีกครั้ง
“งั้นก็ดีแล้ว ... ลุงต้องไปแล้วล่ะ แล้วแวะไปกินข้าวเย็นบ้านลุงบ้างนะ" คุณชายรดาวัฒน์เอ็นดูพิชาภพราวกับลูกหลานตน คงเพราะเห็นกันมาตั้งแต่พิชาภพยังเป็นเด็กน้อย คอยเล่นกับธิดาทั้งสองของท่าน
“ครับผม เดินทางดีๆนะครับคุณลุง"
[มีต่อ]