๐๐๐ --- ทำงานกับฝรั่ง 6---๐๐๐

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สัปดาห์นี้รู้สึกได้ว่ามีงานจุกจิกที่ต้องทำร่วมกับมร.ชาร์ลหลายอย่าง ตั้งแต่ทำการปล่อยโครงสร้างผลิตภัณฑ์ออกออนไลน์ไป การเก็บงานเข้าไฟล์ตามลำดับขนาดของผลิตภัณฑ์ และตามวันที่สูตรการผลิตหลุดออกไปยังหน่วยงานเครือข่ายต่างๆ แผ่นโน๊ตแปะบนเอกสารว่าต้องเก็บในที่ๆดีที่สุดเพราะต้องใช้ในคราวต่อไป เอกสารเก็บไว้เป็นข้อมูลเผื่อปัญหาเกิดและให้ส่งไปไว้ที่บอส กับเก็บไว้สำหรับหน่วยงานตนเอง แต่ก็มีเอกสารที่ตัดจากหนังสือพิมพ์ พร้อมภาพของบริษัทคู่แข่งที่ผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด โน๊ตที่เขียนมาบนกระดาษ ‘ Post-it’ จึงเขียนว่า

‘ F Y I’( for your information) สำหรับหล่อนดูเท่านั้น มร.ชาร์ลเอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ต้องเกี่ยวข้องกับหล่อนเสมอ

  ตอนบ่ายมร.ชาร์ลได้พูดว่า การทำสต็อคของแผนก Inventory ( เก็บสต็อค, ware house) จะต้องกำหนดขีด Reorder point ให้ระบบ
เตือนเมื่อถึงขีดกำหนด โดยเฉพาะชิ้นงานที่ต้องสั่งจากนอก จะขาดสต็อคไม่ได้เลย และหล่อนก็สงสัยในขนาดของวัสดุที่มันมีขนาดยาวมาก อาจจะตกหล่นจุดเลขของขนาดเป็นมิลลิเมตรก็ได้ เมื่อได้พากันลงไปในโรงงานเพื่อดูขนาดจริงที่แสดงในใบกำกับชิ้นงาน

  พนักงานบางคนก็เหลียวมามองหล่อน ด้วยว่านานๆจะมาเดินให้เห็นสักที มร.ชาร์ลเดินไปที่กรงใส่ชิ้นงานที่มีรูปร่างคล้ายกำไลข้อมือบรรจุอยู่

“ นี่เป็นชิ้นงานที่รอการประกอบ ยูคิดว่าในลังนี้มีจำนวนสักกี่ชิ้น” มร.ชาร์ลลองภูมิหล่อน

 ปาริชาติยืนพินิจพิจารณารูปร่างและเส้นรอบวงของชิ้นงาน มีหัวหน้าสายการผลิตเดินมาสมทบและลูกน้องมามองว่าทำอะไรกัน หล่อนคำนวนว่าความหนาคูณความสูงชิ้นงานคูณจำนวนแถวที่วางได้ หล่อนก็มีคำตอบแล้ว จึงถามกลับไปว่า

“ ยูคิดว่ามันบรรจุกี่ชิ้นล่ะ”

“ เดี๋ยว ให้ไอคิดก่อน” มร.ชาร์ลตอบพร้อมก้มๆเงยๆคำนวนในใจ หัวหน้าสายอมยิ้มมองสองคนคำนวนชิ้นงาน

“ ไอว่ามีสองร้อยชิ้น” หล่อนบอกมาก่อน

“ ไอว่ามีสี่ร้อยชิ้น” มร.ชาร์ล
บอกมา แล้วมองหัวหน้างาน

“ คุณว่าเท่าไร” มร.ชาร์ลถามหัวหน้างาน

“ คุณปาริชาติถูกครับมีสองร้อยห้าสิบชิ้นครับ” หัวหน้าสายการผลิตตอบ

ปาริชาติเอานิ้วมือทำเป็นวงจับที่ข้อมือมร.ชาร์ล พร้อมพูดว่า

“ ยูต้องรู้ว่าข้อแขนยูโตเท่าไร นั่นเป็นเส้นผ่าศูนย์กลางของชิ้นงาน ทีนี้ยูก็จะหาปริมาตรได้แล้ว หล่อนพูดยิ้มๆ หัวหน้าสายขำที่หล่อนเอาวงนิ้วไปวัดขนาดโตข้อแขนของมร.ชาร์ลซึ่งทำให้มร.ชาร์ลหน้าแดงยิ่งเห็นมีคนหัวเราะก็ยิ่งเก้อเขินใหญ่ เพราะคิดไปไกล

   หล่อนไม่คิดว่าทำให้มร.ชาร์ลเสียหน้าแต่ไม่รู้ทำไมจึงขำขันกันนักพวกผู้ชาย เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องก็เล่าให้ภากรฟังและถามว่าหล่อนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า มร.ชาร์ลถึงได้หน้าแดงขนาดนั้น

  กฏระเบียบของบริษัทที่พนักงานต้องปฏิบัติคือไม่มีการประทับบัตรเวลาแทนกัน การมาสายจะนับเป็นนาทีแล้วนำมารวมกันเป็นเปอร์เซ็นต์ในแต่ละเดือนซึ่งจะมีผลโดยรวมไปยังเงินโบนัสสิ้นปี

 มีเรื่องเกิดขึ้นมาจนได้เมื่อเช้าวันหนึ่งปาริชาติได้ขออนุญาตบอสมาสายเพราะอยากจะแวะตักบาตรวันเกิดก่อนมาทำงาน ซึ่งบอสก็อนุญาตด้วยวาจา การตักบาตรวันเกิดผ่านไปด้วยดี มีถาดไม้ ขันข้าว ทัพพีอยู่ในรถของหล่อนที่ขับเข้ามาจอดและลงไปประทับบัตรเวลาก่อนเข้ามาทำงาน และไปทำงานที่ห้องมร.ชาร์ลในตอนสายโดยถือถ้วยMug ใส่น้ำชาหลังจากชงให้บอสแล้วมาด้วย การทำงานก็หมดวันผ่านไป

รุ่งขึ้นหล่อนเห็นเส้นสีแดงขีดใต้เวลาประทับเข้างานที่เลยเวลาปกติไปหนึ่งนาที หล่อนประทับเวลาของวันนี้ลงไปและนำบัตรไปไปวางที่โต๊ะของบอส รอบอสเข้ามา เมื่อบอสลงจากรถเดินก้าวเท้ายาวๆรีบเข้ามาในออฟฟิศ กล่าว กู้ดมอร์นิ่งกันแล้ว หล่อนก็เอ่ยถึงบัตรที่บอสต้องเซ็นวางให้ไว้บนโต๊ะ หล่อนตามเข้ามาเลย บอสก็เซ็นกำกับที่เวลานั้น บัตรถูกนำไปเสียบไว้ที่เดิม

เย็นมากแล้วปาริชาติได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลว่าการมาสายของหล่อนต้องตัดตามนั้นการให้บอสเซ็นไม่มีผล เพราะมาสายก่อนเซ็น หล่อนบอกกับมร.ชาร์ลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอมาที่ห้องฝ่ายบุคคลทันที เรื่องมิได้จบลงง่ายๆ เมื่อฝ่ายบุคคลและการเงินที่เป็นหัวหน้าได้คิดต้องกันว่า เลขาจะถือสิทธิมาสายโดยไม่ต้องถูกตัดเงินโบนัสไม่ได้ เรื่องจึงถึงบอส และบอสก็พูดความจริงว่า หล่อนได้ลาล่วงหน้าแล้ว ซึ่งฝ่ายบุคคลก็ยืนยันว่าต้องลาล่วงหน้าเท่านั้น ปาริชาติเถียงกลับว่าแล้วจะเซ็นลาอย่างไร เมื่อไม่รู้ว่าจะต้องลาทำธุระกี่นาที จะสายกี่นาที

บอสบอกอันนี้เป็นเคสพิเศษ เพราะเวลาของปาริชาติสำคัญมากกับโปรเจ็คหลายล้านที่ทำอยู่ ไม่สามารถให้ลาครึ่งวันได้ จึงลากิจเป็นนาทีเท่าที่จำเป็นและไม่มีผลไปถึงโบนัสเพราะลา ไม่ใช่มาสาย ปรากฏว่าบัตรเวลาของหล่อนถูกนำไปปิดที่บอร์ดของออฟฟิศว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ถูกต้องถืออภิสิทธิ์มากกว่าผู้อื่น มีเสียงพูดของหัวหน้าฝ่ายการเงินว่า ทำไมบอสถึงได้ฟังปาริชาติพูดนัก พูดอะไรก็เชื่อไปหมด เรื่องนี้โจษจันอยู่เป็นสัปดาห์ และการไม่ชอบหน้ากันก็บังเกิดขึ้นระหว่างสองสาวกับปาริชาติ

      เรื่องวุ่นวายรบกวนสมองทำให้ปาริชาติได้รับการเห็นใจจากมร.ชาร์ลมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกมั่นใจในงานที่ Report บอสถึงความก้าวหน้าของงานที่ทำร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีเสียงพนักงานพูดว่า ขลุกกันอยู่สองคนเดี๋ยวได้เรื่อง ดีที่มีอีกคนมาทำด้วย นั่นคือภากร แม่บ้านเป็นคนนำมาเล่าในวันหนึ่งในขณะที่มาเช็ดกวาดห้องหล่อน

อนาวิลตอบจดหมายอีเมล์ของปาริชาติในวันรุ่งขึ้นคือวันจันทร์ หลังจากกลับจากที่ทำงานและทานอาหารเย็นแล้ว เขานึกถึงวันที่ได้ทานอาหารกับหล่อน พร้อมพูดคุยอย่างเข้าใจกัน เมื่อต้องเขียนจดหมายเขาก็ขึ้นต้นด้วย เกดที่รักและคิดถึงซึ่งเขาจะใช้คำนี้ตลอดไปด้วยความเชื่อมั่น

เขียนว่า

เมื่อเช้านี้ไม่นึกว่าหิมะจะตก ลงไปที่รถเจอหิมะเกาะที่หน้ากระจกรถ ต้องเอาที่ขูดหิมะออกทั้งหน้าหลังเกือบไปทำงานสายด้วยรถต้องวิ่งบน
หิมะที่ละลายอยู่บนถนน ถ้าเป็นทางเท้าก็จะจับเป็นแผ่นเรียกว่า Glatteis ทำให้ลื่นได้ เดินต้องระวังหงายท้องอย่างเร็ว ตอนกลางวันทานอาหาร
ที่Kantine ผมอยากให้อาหารร้อนกว่านี้ กว่าจะตักถึงคิวอาหารก็เย็นไปแยะด้วยอากาศหนาว ในโรงงานเปิด Heizung ( heater) เฉพาะในห้องหัวหน้า เพราะปิดประตูโรงงานหมด คนทำงานก็ร้อนอยู่แล้ว ทุกวันเริ่มต้นเหมือนเดิมทำให้เหงามากเมื่อคิดถึงเกด ส่วนของเกดมีอะไรใหม่ก็เล่าให้ฟังบ้าง คงจะเริ่มงานปีใหม่มาด้วยดีและสนุกกับงานนะฮะ อย่าลืมเล่ามาจะได้มีเรื่องอ่านเรื่องคุยตอบกลับด้วย ตอนนี้อากาศก็ยังหนาวอยู่ ทำให้ไม่อยากออกไปไหน ฉะนั้นการสื่อสารทางนี้ก็เป็นส่วนช่วยให้ผมหายเหงาได้ จดหมายเกดผมอ่านไม่เบื่อไม่รู้กี่รอบแล้วยังไม่หายคิดถึงสักที มีแต่จะงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆหรือเพราะว่าเราจากกันตอนที่เข้าใจกันมากๆก็เป็นได้

ขอจบท้ายด้วย คิดถึงอย่างมากนะฮะ / อนาวิล

วันอาทิตย์ต่อมาชัยรัตน์ไม่ได้เข้ากรุงเทพ ปาริชาติอยู่บ้านตอนเกือบเที่ยงก็มีโทรศัพท์มาถึงหล่อนให้ไปสังสรรค์ที่บ้านอาจารย์ที่นับถือที่เกษียณแล้วอยู่คลองกุ่ม รุ่นน้องทำอาหารเตรียมไปแล้ว หากแต่อาจารย์อยากเจอพวกเรา หล่อนจึงต้องไปงานนี้ แต่ก็คุ้มค่าเพราะได้คุยเรื่องเก่าๆ สนุกสนาน ซึ่งเรื่องนี้หล่อนก็ได้นำมาเขียนเล่าให้อนาวิลฟัง คิดว่าอย่างน้อยเขาคงอยากรู้ความเป็นไปของหล่อน ปาริชาติตอบจดหมายเขาทุกอาทิตย์ และคิดไปล่วงหน้าว่า นานเข้าเขาอาจจะหมดเรื่องคุยเพราะกิจกรรมประจำวันก็เหมือนเดิมต่างกับหล่อนที่มีความวุ่นวายแยะ เขาคงมีสิ่งที่จะบอกซ้ำโดยไม่ผิดกติกาอันใดคือคำว่าคิดถึงมาก ที่เขาเป็นฝ่ายบอกมาทุกฉบับ และที่หล่อนสังเกตได้คือ เขาจะพยายามบอกคำศัพท์เยอรมันมาให้หล่อนรู้ด้วยแทบทุกฉบับ ที่ได้ผลดีคือหล่อนจำคำศัพท์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

ตั้งแต่มร.ชาร์ลต้องออกไปนอกบริษัทบ่อยๆ ทำการสื่อสารด้วยโน๊ตข้อความมากขึ้น จนภากรอดพูดไม่ได้ว่า มร.ชาร์ลต้องรายงานตัวปาริชาติตลอดเวลาเลยนะ หล่อนตอบกลับว่า มร.ชาร์ลคงทำเป็นติดนิสัยแล้ว ถ้าเราจะไม่อยู่ก็ควรโน๊ตหรือบอกกับเขาเช่นกัน

  วันนี้มร.ชาร์ลขอคุยกันทั้งหมดสามคนว่า เรื่องการทำแผนภูมิหรือสูตรการผลิตของผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Bill of Materials หรือ Bom’s

การผูกสูตรชิ้นส่วนทั้งหมดยากขึ้นด้วยจำนวนโดยรวมและปริมาณของแต่ละชนิดที่ต้องใช้ในหนึ่งยูนิต ต้องตรวจสอบก่อนปล่อยออกไปสู่ออนไลน์

  ฉะนั้นการทดลองใช้จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง ด้วยการไปตามแก้ที่ปลายทางจะยุ่งยากและเหมือนไร้คุณภาพ

วันต่อมาแผนภูมิของผลิตภัณฑ์ มีสูตรจำนวนการใช้วัสดุที่ผิด ทำให้ทางโรงงานแจ้งกลับเข้ามายัง มามร.ชาร์ลๆ รู้สึกเสียหน้ามากกระมังถึงได้เขียนตัวใหญ่ไว้ที่กระดานแผ่นใหญ่แขวนที่ผนังห้องว่า

No Bom’s Better Than Bad Bom’s !

( มีต่อค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่