[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/34061981
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/34074142
บทที 3 http://ppantip.com/topic/34086850
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/34099828
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/34115552
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/34132021
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/34144326
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/34157623
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/34172897
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/34185422
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/34199165
บทที่ 12 http://ppantip.com/topic/34213144
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปาริชาติได้ตัดสินหัวใจด้วยสติ ปัญญาที่อยู่ในบรรยากาศแห่งรัก การตัดสินใจอะไรก็ไม่ยากเท่าตัดสินความรัก..
ชาร์ลเดินเข้ามาในออฟฟิศตอนเช้าถือกระบอกกลมยาวฟุตกว่าสำหรับใส่แบบมือขวาหิ้วกระเป๋าใส่เอกสาร เมื่อเข้ามาแล้วก็วางกระเป๋าบนโต๊ะ เอากระบอกใส่แบบวางพิงข้างโต๊ะ โดยเปิดฝากระดาษสีน้ำตาลนั้นออกมองเข้าไปในกระบอก วางฝาไว้บนโต๊ะ แล้วจึงเดินไปเปิดแอร์คอนดิชั่น เขานั่งลงขีดเขียนในสมุดบันทึกการทำงานแล้วเก็บใส่ลิ้นชัก ก่อนจะมาอ่านเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทีละแผ่น จนได้ยินเสียงออดเข้างานจึงลงไปที่ไลน์ผลิตข้างล่าง
เมื่อได้เวลาปาริชาติก็ชงชาให้บอสแล้วจึงทำให้ตนเองใส่แก้วมักถือติดมือเดินไปในโรงงาน ผ่านพนักงานกลุ่มเดิมที่เห็นกันจนคุ้นตา หล่อนนึกว่าถ้าหล่อนไม่ได้ทำงานที่นี่อีกแล้ว พนักงานพวกนี้คงไม่ได้เห็นหล่อนอีก หล่อนได้ส่งเอกสารการเป็นออร์แพร์ให้ทางสถานทูตครบแล้ว ด้วยข้อตกลงจากครอบครัวเยอรมันคือ การดูแลเด็กหรือพาไปรับส่งโรงเรียนวันละ ห้าชั่วโมง สัปดาห์ละไม่เกิน สามสิบชั่วโมง อัตราเดือนละสามร้อยยูโร ได้วันพักผ่อนสี่สัปดาห์พร้อมเงินเดือน และให้เวลาเรียนภาษาโดยไม่ต้องจ่ายเงินเอง จากครอบครัวที่อนาวิลติดต่อให้
และจะได้วีซ่าสิบแปดเดือน วันที่ต้องลางานก็ใกล้เข้ามา โดยรอคำตอบและวีซ่าจากสถานทูตเป็นวันกำหนดการลาออกเพื่อไปทำงานที่โน่น
นับจากนี้ต่อไปก็เสมือนเวลาที่นับ Count down ลงทุกวัน
หล่อนนึกถึงภากรว่าวันนี้ยังเป็นวันลาของเขา เขายังไม่รู้ว่าหล่อนจะอยู่อีกไม่นาน หล่อนเหลียวมองรอบๆห้องอย่างทบทวนภาพให้จำ เดี๋ยววันจันทร์ทุกอย่างก็จะเป็นปกติ อารมณ์เศร้าซึมเริ่มคืบคลานเข้ามา กำลังใจน้อยนิดที่คงอยู่ทำให้ฝืนตั้งสมาธิเมื่อเปิดคอมพ์เพื่อพิมพ์งาน Monthly Report สำหรับให้บอสและเก็บเข้าไฟล์ วันนี้วันศุกร์การไปทานข้าวกลางวันเหลือสองคน ชาร์ลขึ้นมาเดินวนเวียนและบอกว่า เดี๋ยวเที่ยงไปทานข้าวกันนะ หล่อนพยักหน้าแล้วพิมพ์งานต่อ เพิ่งพิมพ์งานเสร็จตรวจเช็ค Part ที่พิมพ์ไม่ทันไรก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว
เมื่อเดินออกไปกับชาร์ลคล้อยหลังพนักงานหน่อยเดียว สวนกับพวกออฟฟิศบางคนที่เดินไปทานข้าวโรงอาหารด้านหลังอยู่ในระหว่างสองโรงงานนี้ เมื่อขึ้นรถชาร์ลพามาร้านหมูกรอบ หมูแดงที่ชาร์ลชอบ การกินอย่างเงียบจะเป็นเพราะขาดภากรหรือไรก็ยากจะเดา
ต่างฝ่ายต่างทานกันเงียบๆไม่ได้พูดคุยกันมากกว่านึกถึงภากรเท่านั้นเพราะเขาเหมือนตัวเชื่อมในการสนทนา และหล่อนก็สงบนิ่งจากความคิดอันมากมายของตนเอง ชาร์ลได้แต่สังเกตแล้วก็พูดถึงภากรว่าชอบเป็ดพะโล้มาก สำหรับหล่อนก็ขอให้ทานแยะๆ วันนี้เขาพร้อมจ่ายเพราะเป็นเวรของเขา เมื่อทานเสร็จกลับถึงโรงงานชาร์ลไม่ได้ขึ้นไปบนห้อง หากแต่ไปห้องน้ำยืนสำรวจหน้าตาของตนเองในกระจกสักพักหนึ่งจึงขึ้นไปบนห้องนั่งทำงานเงียบๆ เมื่อเห็นปาริชาติเงียบผิดปกตินึกถึงคำพูดของภากรเลยชวนคุยว่า
“ ปารีส คิดถึงภากรเหรอ”
“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก วันนี้วันศุกร์เดี๋ยววันจันทร์เขาก็มาแล้ว”
“ เย็นนี้ยูไปเล่นแบดมินตันหรือเปล่า”
“ ไปอยู่แล้ว ยูอยากไปเล่นบ้างไหม”
“ ถ้าวันนี้ยูไม่ไปเล่นได้ไหม ไออยากชวนยูไปทานช้าวสักมื้อหนึ่ง”
“ เมื่อเที่ยงก็ใช่มิใช่หรือ”
“ ไม่ใช่หรอก อยากเป็น Weekend date”
“ ไม่รอให้ภากรมาหรือ”
“ ปารีสมันเป็น Date นะ”
“ ไอไม่อยากขาดการไปเล่นแบดมินตันนะ”
“ วันเสาร์ล่ะ”
“ ไอไปเรียนภาษานะ”
“ ไอ หมายถึง Sit down dinner” ชาร์ลลุกขึ้นมาหยิบของในกระบอกกลมเอาซ่อนหลังไว้เดินมาหาหล่อน
“ ปารีส ตอนที่ไอพักร้อนไปอยู่ที่พอร์ทมัธ ไอคิดถึงยูมากเลย และไอต้องบอกยูวันนี้ว่า I love you “ พร้อมส่งดอกกุหลาบให้ทันที
ปาริชาติตกใจลุกขึ้นหน้าซีดสลับแดงอย่างรวดเร็วด้วยนึกไม่ถึง หล่อนพูดออกมาว่า
“ ชาร์ลยูทำอะไร How come?”
“ยูได้ยินชัดแล้ว I love you Paris” เขาเอากุหลาบใส่มือหล่อนๆรับไว้แล้วนั่งลงปรับความรู้สึกเร็วๆ
หล่อนจะพูดว่า Too late มันสายไปเสียแล้ว หากแต่ว่าพูดตอนนี้คงไม่เหมาะ หักหาญน้ำใจกันจนเกินไป หล่อนจึงบอกเขาว่า
“ รอก่อนนะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน ขอบคุณสำหรับกุหลาบแดงดอกนี้”
“ ยูมีเวลานะปารีส แล้วเราคงได้คุยกันตอน Dinner โปรดจำไว้ว่าทุกอย่างมาจากความตั้งใจจริงของไอ และไอก็จะไม่ละเลยเวลาที่ควรจะทำให้ยูเข้าใจ” พูดแล้วก็เดินไปเขียนกระดานว่า
LOVE has no Beginning and Ending LOVE is always
แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หล่อนอ่านลายมือภาษาอังกฤษตัวกลมๆอย่างงงงวยอยู่คนเดียว
หล่อนเอาดอกกุหลาบที่เขาใส่กระบอกที่สำหรับใส่เอกสารม้วนกลมมาให้หล่อน กุหลาบกลีบแข็งก้านยาวที่มักจะได้เห็นตอนวัน Valentine
หล่อนยกขึ้นดม นึกไปถึงอนาวิล หล่อนยังไม่เคยได้กุหลาบจากเขาเลยนะ หล่อนเอาไปวางพิงที่ชั้นวางแฟ้มด้วยโคนก้านบรรจุแค็ปสีเขียวที่มีสำลีชุ่มน้ำอยู่ข้างในและมีแผ่นพลาสติกบางหุ้มห่อยาวประคองก้านมาด้วย
อย่างไรก็ดีหล่อนต้องบอกความจริงกับชาร์ลเร็วดีกว่าช้าทั้งเรื่องลาออกจากงานในเร็ววันนี้และเรื่องที่เขาพยายามทำในวันนี้ด้วย
หล่อนจึงตกลงใจจะนัดเขาในเย็นวันเสาร์ หลังเลิกเรียนภาษาแล้ว ว่านัดที่ไหน เพื่อว่าหล่อนจะต้องกลับเข้าบ้านก่อนหรือเปล่ากว่าจะถึงเวลา
ส่วนชัยรัตน์ที่เคยโทรมานัดก็ได้เข้าใจในตนเองและห่างหายไปแล้ว
ชาร์ลมานั่งรอปาริชาติที่ล็อบบี้ส่วนหน้าของโรงแรมชื่อภาษาอังกฤษบนถนนศรีนครินทร์ใกล้กับสี่แยกตัดกับถนนบางนา-ตราด
เป็นโรงแรมขนาดเล็กหน่อยแต่ชื่อระดับหลายดาวตามแบบฉบับเครือข่ายมากมาย เขาจอดรถหน้าโรงแรมที่มีต้นไม้ขึ้นครึ้มเป็นแนวจอดรถที่ว่างพอและคิดว่าปาริชาติจะมาจอดตรงนั้นและเดินขึ้นทางลาดสูงเข้ามายังประตูใหญ่ด้านหน้าโรงแรมนี้ ด้านขวามือเป็นห้องอาหารบุฟเฟ่ต์และห้องอาหารจีน ด้านซ้ายมือถัดเข้าไปหน่อยเป็นเล้าจน์ที่มีทางเข้าเปิดกว้าง มองไปเห็นโซฟาและเก้าอี้ตั้งห่างกันแบบล็อบบี้ สำหรับแขกที่พักในโรงแรมได้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจพร้อมนักดนตรีฟิลิปปินโนสามคนบรรเลงทุกคืน เขาเห็นหล่อนเดินเข้าประตูมาด้วยกางเกงสแล็คสีฟ้าอ่อนสวมเสื้อสีขาวแขนยาวติดลูกไม้ที่ชายแขนและปิดลำคอ ตรงเอวรัดย่นด้วยการผูกของผ้าสีเดียวกันเป็นโบว์ผูกไว้ข้างหลัง ลักษณะนี้ทำให้หล่อนดูสูงโปร่งและบอบบางแต่คล่องแคล่วด้วยการเดินจนผมที่ผูกเป็นหางม้าด้านหลังแกว่งไปมา ชาร์ลมองหล่อนเพลิน จนหล่อนเข้ามาใกล้ เขาลุกขึ้นยืนต้อนรับ และทักสวัสดีตอนเย็นก่อนนั่งลงพร้อมกันอีกครั้ง
“ ยูดูแปลกตากว่าชุดทำงานนะ”
“ ยูก็ดูแปลกตาในเสื้อแบบนี้” หล่อนมองเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีน้ำทะเลขับผิวขาวของเขาดูเด่นตา
“ ยูหิวหรือยังจะไปทานอาหารเลยไหม” ชาร์ลถามหล่อน
“ ห้องอาหารเปิดแล้วหรือยังล่ะ”
“ เปิดแล้ว ไปเลยก็ดีนะ จะได้มีเวลาทานนาน” ชาร์ลขยับตัวลุกขึ้นพาหล่อนเดินไปทางขวามือส่วนที่เป็นบุพเฟ่ต์ มีผู้คนบางตา เมื่อเลือกโต๊ะนั่งแล้วพากันมาตักอาหาร
“ ไอดีใจนะที่มี Private dinner ของเรา”
“ ไอไม่นึกว่าจะมีวันนี้ ไอคิดว่าคงไม่ต้องพูดให้ภากรฟังนะ”
“ ไอจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเราหรอก ยูจะดื่มน้ำอะไร”
“ ขอน้ำเปล่าก็ได้” ชาร์ลได้ฟังก็เดินไปเอาน้ำและโค้กสำหรับตนเองมาให้
เมื่อได้ตักอาหารทานไปสองรอบแล้ว ก็รู้สึกอิ่มกับอาหาร ปาริชาติคิดว่าจะเริ่มอารัมภบทเรื่องที่หล่อนต้องบอกกับเขา ชาร์ลก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า
“ ปารีสเดี๋ยวอิ่มแล้วยังมีเวลา ไออยากให้ยูลองไปฟังเพลงที่ห้องตรงข้ามนั่นนะ มันโอเพ่นสำหรับแขกที่พักที่นี่ มีฟิลิปปินโนเล่นดนตรีไม่เลวเชียว”
เขาพูดพลางชี้นิ้วไปด้วย ทำให้ล่อนมองตามหยุดที่จะพูดไปก่อน ชาร์ลจ่ายค่าอาหาร หล่อนกล่าวขอบคุณเขา และพากันเดินมาห้องฟังเพลง หล่อนมองเก้าอี้โซฟาวางห่างๆกันมาก ดูโปร่งและสบายดีในบรรยากาศ หากแต่พนักงานเดินไปมามากหน่อยในแสงไฟไม่มืดมาก
ชาร์ลชี้ให้หล่อนนั่งด้านขวามือที่โซฟาตรงกลางที่ใกล้เสาด้านหลังหันหน้าสู่นักดนตรี ที่ยืนบนพื้นมิได้มีเวทีแต่อย่างใด เมื่อเริ่มนั่งบริกรก็เข้ามาชาร์ลบอกว่าเพิ่งมาจากห้องอาหาร ขอเวลาหน่อย บริกรจึงถอยจากไป
ปาริชาติมองไปทั่วๆ เพดานสูงมาก ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกสูงและฝนก็เริ่มตกลงมา น้ำไหลเป็นทางบนกระจกทำให้รู้สึกเย็น สักพักนักดนตรีก็มายืนจับเบสตัวใหญ่และเปียโน กับกีต้าร์ แสงไฟก็หรี่สลัวลง เสียงเบาๆก็เริ่มบรรเลงขึ้นมีแต่เสียงดนตรีเท่านั้น พอปาริชาติขยับจะพูด ชาร์ลก็พูดขึ้นว่า..
( มีต่อค่ะ)
๐๐๐--- ทำงานกับฝรั่ง 13 ---๐๐๐ ตอนจบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชาร์ลเดินเข้ามาในออฟฟิศตอนเช้าถือกระบอกกลมยาวฟุตกว่าสำหรับใส่แบบมือขวาหิ้วกระเป๋าใส่เอกสาร เมื่อเข้ามาแล้วก็วางกระเป๋าบนโต๊ะ เอากระบอกใส่แบบวางพิงข้างโต๊ะ โดยเปิดฝากระดาษสีน้ำตาลนั้นออกมองเข้าไปในกระบอก วางฝาไว้บนโต๊ะ แล้วจึงเดินไปเปิดแอร์คอนดิชั่น เขานั่งลงขีดเขียนในสมุดบันทึกการทำงานแล้วเก็บใส่ลิ้นชัก ก่อนจะมาอ่านเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทีละแผ่น จนได้ยินเสียงออดเข้างานจึงลงไปที่ไลน์ผลิตข้างล่าง
เมื่อได้เวลาปาริชาติก็ชงชาให้บอสแล้วจึงทำให้ตนเองใส่แก้วมักถือติดมือเดินไปในโรงงาน ผ่านพนักงานกลุ่มเดิมที่เห็นกันจนคุ้นตา หล่อนนึกว่าถ้าหล่อนไม่ได้ทำงานที่นี่อีกแล้ว พนักงานพวกนี้คงไม่ได้เห็นหล่อนอีก หล่อนได้ส่งเอกสารการเป็นออร์แพร์ให้ทางสถานทูตครบแล้ว ด้วยข้อตกลงจากครอบครัวเยอรมันคือ การดูแลเด็กหรือพาไปรับส่งโรงเรียนวันละ ห้าชั่วโมง สัปดาห์ละไม่เกิน สามสิบชั่วโมง อัตราเดือนละสามร้อยยูโร ได้วันพักผ่อนสี่สัปดาห์พร้อมเงินเดือน และให้เวลาเรียนภาษาโดยไม่ต้องจ่ายเงินเอง จากครอบครัวที่อนาวิลติดต่อให้
และจะได้วีซ่าสิบแปดเดือน วันที่ต้องลางานก็ใกล้เข้ามา โดยรอคำตอบและวีซ่าจากสถานทูตเป็นวันกำหนดการลาออกเพื่อไปทำงานที่โน่น
นับจากนี้ต่อไปก็เสมือนเวลาที่นับ Count down ลงทุกวัน
หล่อนนึกถึงภากรว่าวันนี้ยังเป็นวันลาของเขา เขายังไม่รู้ว่าหล่อนจะอยู่อีกไม่นาน หล่อนเหลียวมองรอบๆห้องอย่างทบทวนภาพให้จำ เดี๋ยววันจันทร์ทุกอย่างก็จะเป็นปกติ อารมณ์เศร้าซึมเริ่มคืบคลานเข้ามา กำลังใจน้อยนิดที่คงอยู่ทำให้ฝืนตั้งสมาธิเมื่อเปิดคอมพ์เพื่อพิมพ์งาน Monthly Report สำหรับให้บอสและเก็บเข้าไฟล์ วันนี้วันศุกร์การไปทานข้าวกลางวันเหลือสองคน ชาร์ลขึ้นมาเดินวนเวียนและบอกว่า เดี๋ยวเที่ยงไปทานข้าวกันนะ หล่อนพยักหน้าแล้วพิมพ์งานต่อ เพิ่งพิมพ์งานเสร็จตรวจเช็ค Part ที่พิมพ์ไม่ทันไรก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว
เมื่อเดินออกไปกับชาร์ลคล้อยหลังพนักงานหน่อยเดียว สวนกับพวกออฟฟิศบางคนที่เดินไปทานข้าวโรงอาหารด้านหลังอยู่ในระหว่างสองโรงงานนี้ เมื่อขึ้นรถชาร์ลพามาร้านหมูกรอบ หมูแดงที่ชาร์ลชอบ การกินอย่างเงียบจะเป็นเพราะขาดภากรหรือไรก็ยากจะเดา
ต่างฝ่ายต่างทานกันเงียบๆไม่ได้พูดคุยกันมากกว่านึกถึงภากรเท่านั้นเพราะเขาเหมือนตัวเชื่อมในการสนทนา และหล่อนก็สงบนิ่งจากความคิดอันมากมายของตนเอง ชาร์ลได้แต่สังเกตแล้วก็พูดถึงภากรว่าชอบเป็ดพะโล้มาก สำหรับหล่อนก็ขอให้ทานแยะๆ วันนี้เขาพร้อมจ่ายเพราะเป็นเวรของเขา เมื่อทานเสร็จกลับถึงโรงงานชาร์ลไม่ได้ขึ้นไปบนห้อง หากแต่ไปห้องน้ำยืนสำรวจหน้าตาของตนเองในกระจกสักพักหนึ่งจึงขึ้นไปบนห้องนั่งทำงานเงียบๆ เมื่อเห็นปาริชาติเงียบผิดปกตินึกถึงคำพูดของภากรเลยชวนคุยว่า
“ ปารีส คิดถึงภากรเหรอ”
“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก วันนี้วันศุกร์เดี๋ยววันจันทร์เขาก็มาแล้ว”
“ เย็นนี้ยูไปเล่นแบดมินตันหรือเปล่า”
“ ไปอยู่แล้ว ยูอยากไปเล่นบ้างไหม”
“ ถ้าวันนี้ยูไม่ไปเล่นได้ไหม ไออยากชวนยูไปทานช้าวสักมื้อหนึ่ง”
“ เมื่อเที่ยงก็ใช่มิใช่หรือ”
“ ไม่ใช่หรอก อยากเป็น Weekend date”
“ ไม่รอให้ภากรมาหรือ”
“ ปารีสมันเป็น Date นะ”
“ ไอไม่อยากขาดการไปเล่นแบดมินตันนะ”
“ วันเสาร์ล่ะ”
“ ไอไปเรียนภาษานะ”
“ ไอ หมายถึง Sit down dinner” ชาร์ลลุกขึ้นมาหยิบของในกระบอกกลมเอาซ่อนหลังไว้เดินมาหาหล่อน
“ ปารีส ตอนที่ไอพักร้อนไปอยู่ที่พอร์ทมัธ ไอคิดถึงยูมากเลย และไอต้องบอกยูวันนี้ว่า I love you “ พร้อมส่งดอกกุหลาบให้ทันที
ปาริชาติตกใจลุกขึ้นหน้าซีดสลับแดงอย่างรวดเร็วด้วยนึกไม่ถึง หล่อนพูดออกมาว่า
“ ชาร์ลยูทำอะไร How come?”
“ยูได้ยินชัดแล้ว I love you Paris” เขาเอากุหลาบใส่มือหล่อนๆรับไว้แล้วนั่งลงปรับความรู้สึกเร็วๆ
หล่อนจะพูดว่า Too late มันสายไปเสียแล้ว หากแต่ว่าพูดตอนนี้คงไม่เหมาะ หักหาญน้ำใจกันจนเกินไป หล่อนจึงบอกเขาว่า
“ รอก่อนนะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน ขอบคุณสำหรับกุหลาบแดงดอกนี้”
“ ยูมีเวลานะปารีส แล้วเราคงได้คุยกันตอน Dinner โปรดจำไว้ว่าทุกอย่างมาจากความตั้งใจจริงของไอ และไอก็จะไม่ละเลยเวลาที่ควรจะทำให้ยูเข้าใจ” พูดแล้วก็เดินไปเขียนกระดานว่า
LOVE has no Beginning and Ending LOVE is always
แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หล่อนอ่านลายมือภาษาอังกฤษตัวกลมๆอย่างงงงวยอยู่คนเดียว
หล่อนเอาดอกกุหลาบที่เขาใส่กระบอกที่สำหรับใส่เอกสารม้วนกลมมาให้หล่อน กุหลาบกลีบแข็งก้านยาวที่มักจะได้เห็นตอนวัน Valentine
หล่อนยกขึ้นดม นึกไปถึงอนาวิล หล่อนยังไม่เคยได้กุหลาบจากเขาเลยนะ หล่อนเอาไปวางพิงที่ชั้นวางแฟ้มด้วยโคนก้านบรรจุแค็ปสีเขียวที่มีสำลีชุ่มน้ำอยู่ข้างในและมีแผ่นพลาสติกบางหุ้มห่อยาวประคองก้านมาด้วย
อย่างไรก็ดีหล่อนต้องบอกความจริงกับชาร์ลเร็วดีกว่าช้าทั้งเรื่องลาออกจากงานในเร็ววันนี้และเรื่องที่เขาพยายามทำในวันนี้ด้วย
หล่อนจึงตกลงใจจะนัดเขาในเย็นวันเสาร์ หลังเลิกเรียนภาษาแล้ว ว่านัดที่ไหน เพื่อว่าหล่อนจะต้องกลับเข้าบ้านก่อนหรือเปล่ากว่าจะถึงเวลา
ส่วนชัยรัตน์ที่เคยโทรมานัดก็ได้เข้าใจในตนเองและห่างหายไปแล้ว
ชาร์ลมานั่งรอปาริชาติที่ล็อบบี้ส่วนหน้าของโรงแรมชื่อภาษาอังกฤษบนถนนศรีนครินทร์ใกล้กับสี่แยกตัดกับถนนบางนา-ตราด
เป็นโรงแรมขนาดเล็กหน่อยแต่ชื่อระดับหลายดาวตามแบบฉบับเครือข่ายมากมาย เขาจอดรถหน้าโรงแรมที่มีต้นไม้ขึ้นครึ้มเป็นแนวจอดรถที่ว่างพอและคิดว่าปาริชาติจะมาจอดตรงนั้นและเดินขึ้นทางลาดสูงเข้ามายังประตูใหญ่ด้านหน้าโรงแรมนี้ ด้านขวามือเป็นห้องอาหารบุฟเฟ่ต์และห้องอาหารจีน ด้านซ้ายมือถัดเข้าไปหน่อยเป็นเล้าจน์ที่มีทางเข้าเปิดกว้าง มองไปเห็นโซฟาและเก้าอี้ตั้งห่างกันแบบล็อบบี้ สำหรับแขกที่พักในโรงแรมได้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจพร้อมนักดนตรีฟิลิปปินโนสามคนบรรเลงทุกคืน เขาเห็นหล่อนเดินเข้าประตูมาด้วยกางเกงสแล็คสีฟ้าอ่อนสวมเสื้อสีขาวแขนยาวติดลูกไม้ที่ชายแขนและปิดลำคอ ตรงเอวรัดย่นด้วยการผูกของผ้าสีเดียวกันเป็นโบว์ผูกไว้ข้างหลัง ลักษณะนี้ทำให้หล่อนดูสูงโปร่งและบอบบางแต่คล่องแคล่วด้วยการเดินจนผมที่ผูกเป็นหางม้าด้านหลังแกว่งไปมา ชาร์ลมองหล่อนเพลิน จนหล่อนเข้ามาใกล้ เขาลุกขึ้นยืนต้อนรับ และทักสวัสดีตอนเย็นก่อนนั่งลงพร้อมกันอีกครั้ง
“ ยูดูแปลกตากว่าชุดทำงานนะ”
“ ยูก็ดูแปลกตาในเสื้อแบบนี้” หล่อนมองเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีน้ำทะเลขับผิวขาวของเขาดูเด่นตา
“ ยูหิวหรือยังจะไปทานอาหารเลยไหม” ชาร์ลถามหล่อน
“ ห้องอาหารเปิดแล้วหรือยังล่ะ”
“ เปิดแล้ว ไปเลยก็ดีนะ จะได้มีเวลาทานนาน” ชาร์ลขยับตัวลุกขึ้นพาหล่อนเดินไปทางขวามือส่วนที่เป็นบุพเฟ่ต์ มีผู้คนบางตา เมื่อเลือกโต๊ะนั่งแล้วพากันมาตักอาหาร
“ ไอดีใจนะที่มี Private dinner ของเรา”
“ ไอไม่นึกว่าจะมีวันนี้ ไอคิดว่าคงไม่ต้องพูดให้ภากรฟังนะ”
“ ไอจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเราหรอก ยูจะดื่มน้ำอะไร”
“ ขอน้ำเปล่าก็ได้” ชาร์ลได้ฟังก็เดินไปเอาน้ำและโค้กสำหรับตนเองมาให้
เมื่อได้ตักอาหารทานไปสองรอบแล้ว ก็รู้สึกอิ่มกับอาหาร ปาริชาติคิดว่าจะเริ่มอารัมภบทเรื่องที่หล่อนต้องบอกกับเขา ชาร์ลก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า
“ ปารีสเดี๋ยวอิ่มแล้วยังมีเวลา ไออยากให้ยูลองไปฟังเพลงที่ห้องตรงข้ามนั่นนะ มันโอเพ่นสำหรับแขกที่พักที่นี่ มีฟิลิปปินโนเล่นดนตรีไม่เลวเชียว”
เขาพูดพลางชี้นิ้วไปด้วย ทำให้ล่อนมองตามหยุดที่จะพูดไปก่อน ชาร์ลจ่ายค่าอาหาร หล่อนกล่าวขอบคุณเขา และพากันเดินมาห้องฟังเพลง หล่อนมองเก้าอี้โซฟาวางห่างๆกันมาก ดูโปร่งและสบายดีในบรรยากาศ หากแต่พนักงานเดินไปมามากหน่อยในแสงไฟไม่มืดมาก
ชาร์ลชี้ให้หล่อนนั่งด้านขวามือที่โซฟาตรงกลางที่ใกล้เสาด้านหลังหันหน้าสู่นักดนตรี ที่ยืนบนพื้นมิได้มีเวทีแต่อย่างใด เมื่อเริ่มนั่งบริกรก็เข้ามาชาร์ลบอกว่าเพิ่งมาจากห้องอาหาร ขอเวลาหน่อย บริกรจึงถอยจากไป
ปาริชาติมองไปทั่วๆ เพดานสูงมาก ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกสูงและฝนก็เริ่มตกลงมา น้ำไหลเป็นทางบนกระจกทำให้รู้สึกเย็น สักพักนักดนตรีก็มายืนจับเบสตัวใหญ่และเปียโน กับกีต้าร์ แสงไฟก็หรี่สลัวลง เสียงเบาๆก็เริ่มบรรเลงขึ้นมีแต่เสียงดนตรีเท่านั้น พอปาริชาติขยับจะพูด ชาร์ลก็พูดขึ้นว่า..
( มีต่อค่ะ)