[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/34061981
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/34074142
บทที 3 http://ppantip.com/topic/34086850
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/34099828
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/34115552
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/34132021
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/34144326
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/34157623
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/34172897
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/34185422
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/34199165
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นช่วงแห่งความคิดของเพื่อนร่วมงาน คิดถึงเพื่อนร่วมงาน คิดถึงความรู้สึกต่อเพื่อนร่วมงานแต่ที่ปาริชาติยังไม่ได้นึกถึงคือความรู้สึกแท้จริงของตนเองที่มีต่อคนรอบตัว
ปาริชาติทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา ไม่ได้ไปดูภากรที่เล่นเกมส์งอย่างเพลิดเพลิน หล่อนมองดูนาฬิกา เดี๋ยวภากรก็คงรู้สึกตัวว่าสมควรแก่เวลา ส่วน ชาร์ลปล่อยให้เขาอยู่กับความคิดของตนเองไป ซึ่งจำเป็นอย่างมากในขณะนี้ เขาคงจะเข้าใจได้ในที่สุด แต่รอยจูบฝรั่งที่ติดปากหล่อนมานี่สิ หล่อนจะทำอย่างไร ขณะที่นึกไปถึงคำพูดที่ว่า
‘ We learn only from those we love ‘ (…Goethe) เราเรียนรู้จากผู้ที่เรารัก
เรายังไม่ได้รักเขา ฉะนั้นเขาก็ยังไม่ต้องมาสอนอะไรหรอก ถึงแม้ว่ารสชาติจูบของฝรั่งจะไม่เหมือนของคนไทยก็ตาม เพราะฝรั่งจูบเป็นตั้งแต่เด็กแล้ว หล่อนปัดความคิดออกไป เมื่อชาร์ลเดินเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆหล่อน มองตาหล่อนด้วยตาสีฟ้าเจิดจ้า หล่อนจึงยิ้ม
“ ไอจะละลายเป็นไอศกรีมแล้วนะ ชาร์ล”
“ ยูใจแข็งเกินกว่าละลายแน่ๆ” ชาร์ลตอบเบาๆ
“ กำแพงน้ำแข็งในหัวใจไอเริ่มละลายตั้งแต่วันแรกที่เห็นยูแล้วนะ” ชาร์ลพูดเบาลงอีก
ปาริชาติยิ้มถามว่า
“ มันละลายลงมากี่หน ยูก็ทำมันขึ้นมาใหม่ได้ทุกทีมิใช่หรือ”
ชาร์ลหัวเราะเบาๆ
“ ไออยากอยู่กับยู อยากมียู ไว้คุยแบบนี้กันนะ ปารีส ไอว่ามันได้อารมณ์และสนุกดี”
“ อย่าเลย เดี๋ยวยู Addict คำพูดแบบคนไทยพูดฝรั่งแบบไอ ไม่ดีหรอก”
“ ดีสิ มันเป็นเสน่ห์นะ ปารีส”
“ ไอก็พูดโต้ตอบคำพูดยูหรอกนะ ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อเรื่อง”
ภากรลุกเดินมาด้วยเห็นว่าสองคนนั่งรออยู่แล้ว ใบหน้าเก้อเขินจากภาพที่เพิ่งจากมา
“ Reach Final?” ชาร์ลถาม เสร็จไหม
“ Nearly and you?” เกือบไป ยูล่ะ
“ Same as you” เกือบเหมือนกัน ชาร์ลตอบ ปาริชาติงง แต่ก็เดาในอากัปกิริยาทั้งสอง
“ กร เล่นอะไรดูมันเหลือเกินนะ” หล่อนถาม
“ เกมส์ผู้ชายน่ะ”
“ มิน่าลืมเวลาเลย กลับรึยัง”
“ ไป กลับก็กลับ” ภากรขยับตัวว่าพร้อม มองหน้าชาร์ลนิดหนึ่ง ทบทวนว่าเวลานานทีเดียวที่ชาร์ลได้อยู่กับปาริชาติ เขาคงจะตกหลุมรักหล่อนเข้าแล้ว ที่เขารู้ๆคือหล่อนมีแฟนเป็นพนักงานเก่าที่นี่ แต่ไม่รู้ความคืบหน้า และดูว่าหล่อนจะไม่สนใจผู้ชายคนไหนในทางชู้สาวเลย เขาก็นึกว่าหล่อนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแน่นอนแล้ว หากแต่หล่อนไปเที่ยวเยอรมันคนเดียว และบางทีหล่อนก็ดูโอภาปราศัยกับชาร์ลเป็นปี่เป็นขลุ่ยเข้ากันดี เขาไม่อยากเชื่อสายตาตนเองว่าชาร์ลน่ะไปทั้งตัวแล้ว เหมือนหล่อนก็มีใจให้กับชาร์ลดูเกร็งๆกันอยู่ งานนี้มันจะจบลงอย่างไร เขาก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาแล้วซี....
ปาริชาติลุกขึ้นยืน ชาร์ลลุกเดินตามหลังไปส่งทั้งสองโดยลงลิฟต์ไปด้วย ทั้งสองกล่าวขอบคุณ และกล่าวลากับชาร์ล
“ Good night” ชาร์ลกล่าวกับภากร แล้วหันมาทางปาริชาติ
“ Sleep well , don’t forget that you got”
ภากรสงสัยว่าชาร์ลให้อะไรปาริชาติแต่ก็ไม่ติดใจเอ่ยถาม หล่อนยิ้มกริ่ม
“ Have a good Birthday night” หล่อนตอบคิดว่าเขาคงจะเข้าใจในภาษาอังกฤษของหล่อน มิผิดหรอก ชาร์ลทำตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมรอยยิ้ม หล่อนคิดว่าไหนๆเขาก็ได้ไปแล้ว สวมรอยว่าถึงอย่างไรยูก็ได้ไปแล้วนะ....
เมื่อมาถึงรถ ภากรรอปาริชาติขึ้นรถก่อน เขาจึงแยกขึ้นรถขับตามหลังหล่อนไป ชาร์ล
มองทั้งสองจนลับตาไป เขารู้สึกว่าหญิงไทยจะปฏิเสธการสัมผัสครั้งแรกทุกคน เหมือนเป็นสิ่งไม่ดีงาม แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนสิ่งที่ปฏิเสธนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เจอมา
ครั้งนี้ถึงไม่ได้ดังหวัง แต่ก็ได้อะไรติดปลายนวมมาบ้างทั้งๆที่เขาตั้งใจชกเต็มที่ สมกับตั้งการ์ดมานานเต็มทีแล้ว
ชาร์ลถอนใจหลังจากสรุปว่าก็ต้องทำทุกวันให้เหมือนปกติต่อไป หากแต่นับแต่นี้ต่อไปใจเขาคงจะร่ำร้องมากกว่าเดิม เพราะได้รู้รสสัมผัสอบอุ่นริมปากบางจากหล่อนแล้ว แม้ชั่วอึดใจเดียวก็ทำให้ความสุขมันไหลลามปามไปทั่วร่างเชียว ปารีสนะ..เขารู้สึกเสียดายหล่อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...
“ โอ้โฮ หายไปไหนมา มีคนคิดถึง” เสียงคุณอาวุธผู้อาวุโสร้องทักเมื่อหล่อนโผล่หน้ามาให้เห็นในสนามแบดมินตัน
“ คิดถึงหลายคนหรือเปล่า” หล่อนถามกลับด้วยรอยยิ้มแจ่มใสด้วยบรรยากาศของสนามแบดมินตัน
“ มีคนเดียวครับ” เสียงคุณวีระตอบมา ทำเอาทุกคนหัวเราะ หล่อนจึงยิ้มว่าช่างกล้าเล่นต่อหน้าธารกำนันนะ
“ พูดอะไร พยานแยะนะคะ” หล่อนยิ้มมากเมื่อพูด
“ พยานนั่นแหละครับให้พูด” เขาอ้างไปโน่น
หล่อนขำหัวเราะ พวกเขาขึ้นมาทันที ช่างกลมเกลียวกันดีนัก
“ เดี๋ยวขอเวลาซักพยานก่อนนะคะ” หล่อนพูดพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ยาว วางกระเป๋าและไม้แร็คเก็ตหลังจากเปลี่ยนชุดมาเป็นขาสั้นสีขาวจากในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว คนทำความสะอาดเอาไม้ยาวที่ปลายไม้ มีผ้าห่มเหมือนตราโบตั๋นที่ชุบน้ำหมาดมาเช็ดพื้นปาร์เก้ไถวิ่งไปจนรอบบริเวณพื้นที่คอร์ดที่จะเล่น
เมื่อหล่อนเป็นผู้เสิร์ฟให้ผู้อยู่เยื้องฝ่ายตรงข้ามก็เห็นว่าคุณวีระยิ้มมากมาย แต่หล่อนก็เสิร์ฟลูกโยนไปข้างหลังให้เขาตีกลับมา โต้ตอบพันตูกันอยู่สี่ห้าครั้ง เขาก็หยอดลูกหน้าเน็ตมาให้หล่อนผวาไปช้อนไว้จนหัวแทบคะมำ หล่อนเพิ่งนึกได้ว่าเขาแกล้งหรือหยอกหล่อนเข้าให้แล้ว เพราะเห็นยิ้มก่อนรับลูก คงนึกหมายมั่นอยู่ในใจไว้แล้ว หล่อนหันไปค้อนเขาทีหนึ่งเชิงว่ารู้นะ เขายิ้มรับ หล่อนมาดมั่นในใจว่าต้องเอาคืน และความรู้สึกอันฉับไวก็บอกว่าพักนี้เขาหมั่นหยอกเอินหล่อนเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามีใครสังเกตเห็นบ้างไหม หล่อนยังจำได้อีกว่าเวลาไปทานอาหารหลังเลิกเล่น คุณ
วีระมักจะนั่งเก้าอี้ชิดหล่อนเสมอ การตักอาหารให้กันก็มักจะทำเมื่อจานอาหารอยู่ไกล แต่สำหรับเขาใกล้ไกลเขาตักให้หล่อนหมด
หล่อนไม่ได้คิดอะไร แต่การ
กระทำของเขาทำให้รู้สึกได้ นึกๆไปว่าวันหนึ่งหล่อนต้องบอกลาเลิกเล่นกับพวกเขา เพราะต้องไปเยอรมัน พวกเขาจะคิดอย่างไรหนอ สำหรับหล่อนแค่นึกก็ใจหายแล้ว
วันนี้หล่อนจึงตั้งอกตั้งใจเล่นแบดมินตันอย่างพยายามจะเอาชนะคุณวีระ และคิดว่าอนาคตคงไม่ได้มาวิ่งอย่างนี้อีก คุณอาวุธชมหล่อนว่าวันนี้ตีดีขยันวิ่งจัง หล่อนรู้สึกเหนื่อยมากหน่อย แต่ก็ยังไปทานข้าวฟังเพลงกับเพื่อนๆได้ดังปกติ และขับรถกลับบ้านยามดึกดังเคย
เมื่อขับรถไปยังเกอเธ่ในวันเสาร์ หล่อนก็เพิ่งนึกได้ว่าต้องขอใบ Zeugnis, Urkunde หรือ Zertifikat (ประกาศนีบัตร) เพื่อใช้ในการสมัครไปทำงานที่เยอรมันด้วย ภาษาของพี่วาณีที่ต้องผ่าน A 1 เริ่มจะเข้าฝักแล้วสำหรับการพูดเยอรมันเพราะมีสามีช่วยสอนให้ หล่อนยังไม่มีโอกาสบอกพี่วาณีเรื่องไปทำงานที่เยอรมัน เพราะคิดว่าพี่วาณีคงวุ่นเรื่องของตนเองก็มากพอแล้ว หล่อนได้พบพี่วาณีบ้างตอนเลิกเรียน ทำให้อดนึกวันเก่าๆก่อนๆที่มีอนาวิลอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
วันอาทิตย์พรุ่งนี้หล่อนจะเขียนจดหมายถึงเขา
อนาวิลนั่งอ่านจดหมายเก่าๆที่ปาริชาติเขียนเมล์มาถึงเขา อ่านทุกฉบับรวมกันเป็นครั้งที่ร้อยเจ็ดได้แล้วกระมัง ครั้งนี้เขาพิจารณาทุกข้อความที่หล่อนเขียนมา เขาพยามยามจะเข้าถึงจิตใจของหล่อนเกี่ยวกับการตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ว่าจะมีความเป็นไปได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สองวันนี้ความมั่นใจที่เคยมีมันหล่นลดลง และบวกกับจดหมายที่ห่างหายไปในอาทิตย์นี้ทำให้เขาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก คิดวนเวียนซ้ำซากจากข้อมูลเก่าๆโดยมิได้มีอะไรมาให้ความมั่นใจแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นเลย
ความรู้สึกท้อถอยรำไรใกล้เข้ามาทุกที เมื่อเขาคิดว่าหล่อนน่าจะตอบมาได้แล้ว นึกถึงแค่นี้ก็ยกเบียร์ขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ก่อนวางลงแล้วคลิกอ่านจดหมายไปเรื่อยๆจนถึงฉบับสุดท้าย จึงออกจากเน็ตและปิดเครื่องลง เขาส่งสายตาฝ่าความมืดผ่านกระจกหน้าต่างออกไป ความคิดวนเวียนที่คอยลุ้นรอจดหมายจากหล่อน ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจแทนความตื่นเต้นโดยปริยาย จนต้องรีบดื่มเบียร์ให้หมดกระป๋องแล้วเตรียมตัวเข้านอนอย่างมีความรู้สึกปรารถนาในกายคุกรุ่นอยู่แทบทุกคืนเหมือนที่เคยได้รับแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเป็น’สุขทรมาน’เสียเหลือเกินแล้ว...
วิลคะ,
เกดตกลงใจว่าจะมาทำงานตามที่วิลติดต่อไว้ให้ คงต้องเตรียมเอกสารส่วนที่เกดทำได้คือไปเอาเอกสารที่สถานทูตมากรอกแล้ว รอว่าให้วิลบอกมาว่าต้องทำอะไรบ้างที่ต้องเอาไปยื่นให้ครบ ส่วนครอบครัวที่เกดจะไปอยู่ด้วยคงจะส่งให้ทางสถานทูตโดยตรงเลยใช่ไหมคะ เกดคงต้องกะเวลาและลาออกจากงานด้วย นึกแล้วก็ใจหายค่ะ วิลคงรอจดหมายนี้นานหน่อย เกดมักจะคิดนาน วิลคงเข้าใจนะคะ คิดถึงวิลนะคะ/ เกด
อนาวิลเปิดเจอจดหมายในวันอาทิตย์วันเดียวกันแต่คนละเวลา เขารีบอ่านอย่างดีใจมากจนร้อง ฮิป ฮิป ฮูเร ขึ้นมา มันเป็นความโล่งอกหลังจากเก็บกดมานาน เขาถอนหายใจอย่างแรงเมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ทุกอย่างก็เป็นไปดังหวังแล้ว การติดต่อครอบครัวเยอรมันเขาได้ส่งรูปที่ถ่ายหล่อนตรงระเบียงไปให้ครอบครัวนั้นดูและได้สอบถามจนเป็นมั่นเหมาะ ในข้อเรียกร้องที่ครอบครัวอื่นมักจะให้ทำงานต่างๆด้วย นอกเหนือจากดูแลเด็ก นี่เป็นเรื่องที่เขาเองก็รับไม่ได้อย่าว่าแต่ให้หล่อนทำเลย เขาจะรีบติดต่อครอบครัวเยอรมันพร้อมกับจัดการเรื่องเอกสารในเร็ววันนี้ เพราะเรื่องกว่าจะเรียบร้อยใช้เวลาเป็นเดือน เขาอยากให้หล่อนมาเร็วๆดังใจเรียกร้องเสียจริงๆ
Gott sei Dank! ขอบคุณพระเจ้า..
เช้าวันจันทร์นี้เป็นวันที่ทุกอย่างสดชื่นรื่นรมย์นับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาขับรถมาทำงาน Margret เลขาของ Chef Fuchs ทักทาย Guten Morgen พร้อมกับยิ้มหวานมาให้เขาด้วย มาร์เกร็ตเป็นหญิงสาวที่จัดว่าหน้าตาสวย โดยเฉพาะดวงตาโตสีเทาอมเขียว หล่อนมักจะทักทายเขาบ่อยๆตอนเจอกันแถวที่จอดรถ และตรงโถงหน้าบันไดตึก คราวก่อนนั้นทางออฟฟิศและฝ่ายเอ็นจิเนียร์มีนัดโยนโบว์ลิ่งกัน เขาก็ได้ไปร่วมด้วย เลยได้คุยกันมากกว่าตอนอยู่ที่ในทำงาน แต่เมื่อเลิกจากโยนโบว์ลิ่งแล้ว เขาก็แยกตัวกลับ มิได้ร่วมไปต่อกันที่อื่นอีก อะไรๆมันก็เลยไม่ได้พัฒนา เขาคิดว่าอยู่บริษัทเดียวกันอย่าได้มีเรื่องราวอะไรจะดีกว่า สบายใจดียามพบหน้ากัน วันนี้เขาเลยทักสวัสดีตอบและทำท่ารีบร้อนเข้าออฟฟิศดังเช่นเคย เขามิกล้าหันไปมองว่าหล่อนทำท่าทางอย่างไร รู้แต่ว่าเขามีความสุขมากกว่าทุกวันเขาก็พอใจแล้ว
( มีต่อค่ะ)
๐๐๐--- ทำงานกับฝรั่ง 12---๐๐๐
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปาริชาติทรุดตัวนั่งลงที่โซฟา ไม่ได้ไปดูภากรที่เล่นเกมส์งอย่างเพลิดเพลิน หล่อนมองดูนาฬิกา เดี๋ยวภากรก็คงรู้สึกตัวว่าสมควรแก่เวลา ส่วน ชาร์ลปล่อยให้เขาอยู่กับความคิดของตนเองไป ซึ่งจำเป็นอย่างมากในขณะนี้ เขาคงจะเข้าใจได้ในที่สุด แต่รอยจูบฝรั่งที่ติดปากหล่อนมานี่สิ หล่อนจะทำอย่างไร ขณะที่นึกไปถึงคำพูดที่ว่า
‘ We learn only from those we love ‘ (…Goethe) เราเรียนรู้จากผู้ที่เรารัก
เรายังไม่ได้รักเขา ฉะนั้นเขาก็ยังไม่ต้องมาสอนอะไรหรอก ถึงแม้ว่ารสชาติจูบของฝรั่งจะไม่เหมือนของคนไทยก็ตาม เพราะฝรั่งจูบเป็นตั้งแต่เด็กแล้ว หล่อนปัดความคิดออกไป เมื่อชาร์ลเดินเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆหล่อน มองตาหล่อนด้วยตาสีฟ้าเจิดจ้า หล่อนจึงยิ้ม
“ ไอจะละลายเป็นไอศกรีมแล้วนะ ชาร์ล”
“ ยูใจแข็งเกินกว่าละลายแน่ๆ” ชาร์ลตอบเบาๆ
“ กำแพงน้ำแข็งในหัวใจไอเริ่มละลายตั้งแต่วันแรกที่เห็นยูแล้วนะ” ชาร์ลพูดเบาลงอีก
ปาริชาติยิ้มถามว่า
“ มันละลายลงมากี่หน ยูก็ทำมันขึ้นมาใหม่ได้ทุกทีมิใช่หรือ”
ชาร์ลหัวเราะเบาๆ
“ ไออยากอยู่กับยู อยากมียู ไว้คุยแบบนี้กันนะ ปารีส ไอว่ามันได้อารมณ์และสนุกดี”
“ อย่าเลย เดี๋ยวยู Addict คำพูดแบบคนไทยพูดฝรั่งแบบไอ ไม่ดีหรอก”
“ ดีสิ มันเป็นเสน่ห์นะ ปารีส”
“ ไอก็พูดโต้ตอบคำพูดยูหรอกนะ ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อเรื่อง”
ภากรลุกเดินมาด้วยเห็นว่าสองคนนั่งรออยู่แล้ว ใบหน้าเก้อเขินจากภาพที่เพิ่งจากมา
“ Reach Final?” ชาร์ลถาม เสร็จไหม
“ Nearly and you?” เกือบไป ยูล่ะ
“ Same as you” เกือบเหมือนกัน ชาร์ลตอบ ปาริชาติงง แต่ก็เดาในอากัปกิริยาทั้งสอง
“ กร เล่นอะไรดูมันเหลือเกินนะ” หล่อนถาม
“ เกมส์ผู้ชายน่ะ”
“ มิน่าลืมเวลาเลย กลับรึยัง”
“ ไป กลับก็กลับ” ภากรขยับตัวว่าพร้อม มองหน้าชาร์ลนิดหนึ่ง ทบทวนว่าเวลานานทีเดียวที่ชาร์ลได้อยู่กับปาริชาติ เขาคงจะตกหลุมรักหล่อนเข้าแล้ว ที่เขารู้ๆคือหล่อนมีแฟนเป็นพนักงานเก่าที่นี่ แต่ไม่รู้ความคืบหน้า และดูว่าหล่อนจะไม่สนใจผู้ชายคนไหนในทางชู้สาวเลย เขาก็นึกว่าหล่อนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแน่นอนแล้ว หากแต่หล่อนไปเที่ยวเยอรมันคนเดียว และบางทีหล่อนก็ดูโอภาปราศัยกับชาร์ลเป็นปี่เป็นขลุ่ยเข้ากันดี เขาไม่อยากเชื่อสายตาตนเองว่าชาร์ลน่ะไปทั้งตัวแล้ว เหมือนหล่อนก็มีใจให้กับชาร์ลดูเกร็งๆกันอยู่ งานนี้มันจะจบลงอย่างไร เขาก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาแล้วซี....
ปาริชาติลุกขึ้นยืน ชาร์ลลุกเดินตามหลังไปส่งทั้งสองโดยลงลิฟต์ไปด้วย ทั้งสองกล่าวขอบคุณ และกล่าวลากับชาร์ล
“ Good night” ชาร์ลกล่าวกับภากร แล้วหันมาทางปาริชาติ
“ Sleep well , don’t forget that you got”
ภากรสงสัยว่าชาร์ลให้อะไรปาริชาติแต่ก็ไม่ติดใจเอ่ยถาม หล่อนยิ้มกริ่ม
“ Have a good Birthday night” หล่อนตอบคิดว่าเขาคงจะเข้าใจในภาษาอังกฤษของหล่อน มิผิดหรอก ชาร์ลทำตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมรอยยิ้ม หล่อนคิดว่าไหนๆเขาก็ได้ไปแล้ว สวมรอยว่าถึงอย่างไรยูก็ได้ไปแล้วนะ....
เมื่อมาถึงรถ ภากรรอปาริชาติขึ้นรถก่อน เขาจึงแยกขึ้นรถขับตามหลังหล่อนไป ชาร์ล
มองทั้งสองจนลับตาไป เขารู้สึกว่าหญิงไทยจะปฏิเสธการสัมผัสครั้งแรกทุกคน เหมือนเป็นสิ่งไม่ดีงาม แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนสิ่งที่ปฏิเสธนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เจอมา
ครั้งนี้ถึงไม่ได้ดังหวัง แต่ก็ได้อะไรติดปลายนวมมาบ้างทั้งๆที่เขาตั้งใจชกเต็มที่ สมกับตั้งการ์ดมานานเต็มทีแล้ว
ชาร์ลถอนใจหลังจากสรุปว่าก็ต้องทำทุกวันให้เหมือนปกติต่อไป หากแต่นับแต่นี้ต่อไปใจเขาคงจะร่ำร้องมากกว่าเดิม เพราะได้รู้รสสัมผัสอบอุ่นริมปากบางจากหล่อนแล้ว แม้ชั่วอึดใจเดียวก็ทำให้ความสุขมันไหลลามปามไปทั่วร่างเชียว ปารีสนะ..เขารู้สึกเสียดายหล่อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...
“ โอ้โฮ หายไปไหนมา มีคนคิดถึง” เสียงคุณอาวุธผู้อาวุโสร้องทักเมื่อหล่อนโผล่หน้ามาให้เห็นในสนามแบดมินตัน
“ คิดถึงหลายคนหรือเปล่า” หล่อนถามกลับด้วยรอยยิ้มแจ่มใสด้วยบรรยากาศของสนามแบดมินตัน
“ มีคนเดียวครับ” เสียงคุณวีระตอบมา ทำเอาทุกคนหัวเราะ หล่อนจึงยิ้มว่าช่างกล้าเล่นต่อหน้าธารกำนันนะ
“ พูดอะไร พยานแยะนะคะ” หล่อนยิ้มมากเมื่อพูด
“ พยานนั่นแหละครับให้พูด” เขาอ้างไปโน่น
หล่อนขำหัวเราะ พวกเขาขึ้นมาทันที ช่างกลมเกลียวกันดีนัก
“ เดี๋ยวขอเวลาซักพยานก่อนนะคะ” หล่อนพูดพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ยาว วางกระเป๋าและไม้แร็คเก็ตหลังจากเปลี่ยนชุดมาเป็นขาสั้นสีขาวจากในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว คนทำความสะอาดเอาไม้ยาวที่ปลายไม้ มีผ้าห่มเหมือนตราโบตั๋นที่ชุบน้ำหมาดมาเช็ดพื้นปาร์เก้ไถวิ่งไปจนรอบบริเวณพื้นที่คอร์ดที่จะเล่น
เมื่อหล่อนเป็นผู้เสิร์ฟให้ผู้อยู่เยื้องฝ่ายตรงข้ามก็เห็นว่าคุณวีระยิ้มมากมาย แต่หล่อนก็เสิร์ฟลูกโยนไปข้างหลังให้เขาตีกลับมา โต้ตอบพันตูกันอยู่สี่ห้าครั้ง เขาก็หยอดลูกหน้าเน็ตมาให้หล่อนผวาไปช้อนไว้จนหัวแทบคะมำ หล่อนเพิ่งนึกได้ว่าเขาแกล้งหรือหยอกหล่อนเข้าให้แล้ว เพราะเห็นยิ้มก่อนรับลูก คงนึกหมายมั่นอยู่ในใจไว้แล้ว หล่อนหันไปค้อนเขาทีหนึ่งเชิงว่ารู้นะ เขายิ้มรับ หล่อนมาดมั่นในใจว่าต้องเอาคืน และความรู้สึกอันฉับไวก็บอกว่าพักนี้เขาหมั่นหยอกเอินหล่อนเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามีใครสังเกตเห็นบ้างไหม หล่อนยังจำได้อีกว่าเวลาไปทานอาหารหลังเลิกเล่น คุณ
วีระมักจะนั่งเก้าอี้ชิดหล่อนเสมอ การตักอาหารให้กันก็มักจะทำเมื่อจานอาหารอยู่ไกล แต่สำหรับเขาใกล้ไกลเขาตักให้หล่อนหมด
หล่อนไม่ได้คิดอะไร แต่การ
กระทำของเขาทำให้รู้สึกได้ นึกๆไปว่าวันหนึ่งหล่อนต้องบอกลาเลิกเล่นกับพวกเขา เพราะต้องไปเยอรมัน พวกเขาจะคิดอย่างไรหนอ สำหรับหล่อนแค่นึกก็ใจหายแล้ว
วันนี้หล่อนจึงตั้งอกตั้งใจเล่นแบดมินตันอย่างพยายามจะเอาชนะคุณวีระ และคิดว่าอนาคตคงไม่ได้มาวิ่งอย่างนี้อีก คุณอาวุธชมหล่อนว่าวันนี้ตีดีขยันวิ่งจัง หล่อนรู้สึกเหนื่อยมากหน่อย แต่ก็ยังไปทานข้าวฟังเพลงกับเพื่อนๆได้ดังปกติ และขับรถกลับบ้านยามดึกดังเคย
เมื่อขับรถไปยังเกอเธ่ในวันเสาร์ หล่อนก็เพิ่งนึกได้ว่าต้องขอใบ Zeugnis, Urkunde หรือ Zertifikat (ประกาศนีบัตร) เพื่อใช้ในการสมัครไปทำงานที่เยอรมันด้วย ภาษาของพี่วาณีที่ต้องผ่าน A 1 เริ่มจะเข้าฝักแล้วสำหรับการพูดเยอรมันเพราะมีสามีช่วยสอนให้ หล่อนยังไม่มีโอกาสบอกพี่วาณีเรื่องไปทำงานที่เยอรมัน เพราะคิดว่าพี่วาณีคงวุ่นเรื่องของตนเองก็มากพอแล้ว หล่อนได้พบพี่วาณีบ้างตอนเลิกเรียน ทำให้อดนึกวันเก่าๆก่อนๆที่มีอนาวิลอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
วันอาทิตย์พรุ่งนี้หล่อนจะเขียนจดหมายถึงเขา
อนาวิลนั่งอ่านจดหมายเก่าๆที่ปาริชาติเขียนเมล์มาถึงเขา อ่านทุกฉบับรวมกันเป็นครั้งที่ร้อยเจ็ดได้แล้วกระมัง ครั้งนี้เขาพิจารณาทุกข้อความที่หล่อนเขียนมา เขาพยามยามจะเข้าถึงจิตใจของหล่อนเกี่ยวกับการตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ว่าจะมีความเป็นไปได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สองวันนี้ความมั่นใจที่เคยมีมันหล่นลดลง และบวกกับจดหมายที่ห่างหายไปในอาทิตย์นี้ทำให้เขาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก คิดวนเวียนซ้ำซากจากข้อมูลเก่าๆโดยมิได้มีอะไรมาให้ความมั่นใจแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นเลย
ความรู้สึกท้อถอยรำไรใกล้เข้ามาทุกที เมื่อเขาคิดว่าหล่อนน่าจะตอบมาได้แล้ว นึกถึงแค่นี้ก็ยกเบียร์ขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ก่อนวางลงแล้วคลิกอ่านจดหมายไปเรื่อยๆจนถึงฉบับสุดท้าย จึงออกจากเน็ตและปิดเครื่องลง เขาส่งสายตาฝ่าความมืดผ่านกระจกหน้าต่างออกไป ความคิดวนเวียนที่คอยลุ้นรอจดหมายจากหล่อน ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจแทนความตื่นเต้นโดยปริยาย จนต้องรีบดื่มเบียร์ให้หมดกระป๋องแล้วเตรียมตัวเข้านอนอย่างมีความรู้สึกปรารถนาในกายคุกรุ่นอยู่แทบทุกคืนเหมือนที่เคยได้รับแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเป็น’สุขทรมาน’เสียเหลือเกินแล้ว...
วิลคะ,
เกดตกลงใจว่าจะมาทำงานตามที่วิลติดต่อไว้ให้ คงต้องเตรียมเอกสารส่วนที่เกดทำได้คือไปเอาเอกสารที่สถานทูตมากรอกแล้ว รอว่าให้วิลบอกมาว่าต้องทำอะไรบ้างที่ต้องเอาไปยื่นให้ครบ ส่วนครอบครัวที่เกดจะไปอยู่ด้วยคงจะส่งให้ทางสถานทูตโดยตรงเลยใช่ไหมคะ เกดคงต้องกะเวลาและลาออกจากงานด้วย นึกแล้วก็ใจหายค่ะ วิลคงรอจดหมายนี้นานหน่อย เกดมักจะคิดนาน วิลคงเข้าใจนะคะ คิดถึงวิลนะคะ/ เกด
อนาวิลเปิดเจอจดหมายในวันอาทิตย์วันเดียวกันแต่คนละเวลา เขารีบอ่านอย่างดีใจมากจนร้อง ฮิป ฮิป ฮูเร ขึ้นมา มันเป็นความโล่งอกหลังจากเก็บกดมานาน เขาถอนหายใจอย่างแรงเมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ทุกอย่างก็เป็นไปดังหวังแล้ว การติดต่อครอบครัวเยอรมันเขาได้ส่งรูปที่ถ่ายหล่อนตรงระเบียงไปให้ครอบครัวนั้นดูและได้สอบถามจนเป็นมั่นเหมาะ ในข้อเรียกร้องที่ครอบครัวอื่นมักจะให้ทำงานต่างๆด้วย นอกเหนือจากดูแลเด็ก นี่เป็นเรื่องที่เขาเองก็รับไม่ได้อย่าว่าแต่ให้หล่อนทำเลย เขาจะรีบติดต่อครอบครัวเยอรมันพร้อมกับจัดการเรื่องเอกสารในเร็ววันนี้ เพราะเรื่องกว่าจะเรียบร้อยใช้เวลาเป็นเดือน เขาอยากให้หล่อนมาเร็วๆดังใจเรียกร้องเสียจริงๆ
Gott sei Dank! ขอบคุณพระเจ้า..
เช้าวันจันทร์นี้เป็นวันที่ทุกอย่างสดชื่นรื่นรมย์นับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาขับรถมาทำงาน Margret เลขาของ Chef Fuchs ทักทาย Guten Morgen พร้อมกับยิ้มหวานมาให้เขาด้วย มาร์เกร็ตเป็นหญิงสาวที่จัดว่าหน้าตาสวย โดยเฉพาะดวงตาโตสีเทาอมเขียว หล่อนมักจะทักทายเขาบ่อยๆตอนเจอกันแถวที่จอดรถ และตรงโถงหน้าบันไดตึก คราวก่อนนั้นทางออฟฟิศและฝ่ายเอ็นจิเนียร์มีนัดโยนโบว์ลิ่งกัน เขาก็ได้ไปร่วมด้วย เลยได้คุยกันมากกว่าตอนอยู่ที่ในทำงาน แต่เมื่อเลิกจากโยนโบว์ลิ่งแล้ว เขาก็แยกตัวกลับ มิได้ร่วมไปต่อกันที่อื่นอีก อะไรๆมันก็เลยไม่ได้พัฒนา เขาคิดว่าอยู่บริษัทเดียวกันอย่าได้มีเรื่องราวอะไรจะดีกว่า สบายใจดียามพบหน้ากัน วันนี้เขาเลยทักสวัสดีตอบและทำท่ารีบร้อนเข้าออฟฟิศดังเช่นเคย เขามิกล้าหันไปมองว่าหล่อนทำท่าทางอย่างไร รู้แต่ว่าเขามีความสุขมากกว่าทุกวันเขาก็พอใจแล้ว
( มีต่อค่ะ)