วันอาทิตย์ ยามเช้า ชายหนุ่มยังคงมาหาหญิงสาว หลังจากที่เมื่อวาน แผนง้อแผนแรกที่เขาอุตส่าห์คิดมาใช้ แต่หล่อนกลับไม่ขำ แผนสองที่ใช้วิธีเปิดเพลงกล่อมทั้งวันก็ไม่ได้ผล วันนี้เตรียมแผ่นป้ายมาเชียร์หล่อน 7 แผ่น มีข้อความว่า ยิ้มหน่อย,เกดน่ารัก,เกดรักต่อ,ต่อรักเกด,รักเกดจัง,รักกันนะ และจริงจังนะ ตั้งใจว่าเห็นหล่อนเมื่อไหร่ จะชูแผ่นป้ายสลับกันไปเรื่อยๆ
เขาหนีบแผ่นป้าย และลากเก้าอี้มานั่งหน้าบ้านฝั่งตรงข้ามบ้านหญิงสาว เขาไม่อยากไปรบกวนบ้านหล่อนหรอก เขาจึงมาขออนุญาตเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งหลังจากลุงได้ฟังเหตุผลว่า เขาขอใช้พื้นที่หน้าบ้านลุงเพื่อง้อแฟน ลุงแกก็หัวเราะลงลูกคออย่างอารมณ์ดี แล้วยอมให้ใช้ได้ตามสบาย
ตอนนั้นที่พ่อเลี้ยงของหล่อนออกมาเปิดประตูโรงรถ พอเห็นเขา ก็มองด้วยหางตาเหมือนมองไอ้โง่ ก่อนจะขับรถออกไป ชายหนุ่มไม่ยี่หระ ลองซ้อมชูป้าย แล้วสลับป้าย นั่นก็เป็นตอนที่แม่หล่อนเดินออกมา เห็นคำที่เขาถือว่า รักเกดจัง เขาวางป้าย ลุกขึ้นยกมือไหว้ หล่อนยิ้มแล้วส่ายหน้า หล่อนรู้ตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว ที่เขามาป้วนเปี้ยนหน้าบ้าน เขาบอกเจตนาไปชัดแจ้ง ว่ามาจีบเกด ซึ่งหล่อนก็ไม่ว่าอะไร หล่อนหนีบกระเป๋าเดินออกไป
ส่วนเขาก็นั่งหน้าแหงนคอยชูป้ายสลับกันไป ไม่รู้ว่าหล่อนจะเห็นหรือเปล่า แต่ก็ดีกว่าไม่ชูแล้วแล้วหล่อนไม่เห็นล่ะ ตามภาษิตที่ว่า เกินดีกว่าขาด
เขารู้ว่าเขาผิด ถ้านี่เป็นบทลงโทษ เขาก็ยินดีรับ เฮ้อ มีแฟนซักคนช่างยากเย็น หรือจะบอกว่า เอายายนี่เป็นแฟนช่างยากเย็น
ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงจนเกือบจะตรงหัว แท็กซี่มาจอดหน้าบ้านหล่อน แม่ของหล่อนลงมาพร้อมของพะรุงพะรัง เขารีบช่วยหิ้วเข้าบ้าน แล้วออกมานั่งชูป้ายต่อ ผ่านไปสักพัก เป็นแม่หล่อนทนไม่ไหว เดินมาเรียกเขา
"ไอ้หนู เข้ามานี่มา" เขาไปหาอย่างว่าง่าย
"มีอะไรครับ" เขานึกว่ามีอะไรให้ช่วย
"เข้ามารอในบ้าน เดี๋ยวไปเรียกเกดมาให้"
เขาจึงยอมเข้าไป นั่งบนโซฟา ตัวที่เขาเคยวางหล่อนไว้ แม่หล่อนอุ้มตะกร้าผ้าขึ้นไป เขามองไปทางประตูหลังบ้านที่เปิดอยู่ เห็นราวตากผ้าที่ว่างเปล่าที่เอาขึ้นไปนั่นคงเป็นผ้าที่ซักแล้ว เสียงเคาะประตูแว่วมาจากชั้นบน
"มีคนมาหา.....แฟนเราไง......ไม่ใช่ยังไงเล่า ปล่อยเขารอ.....ลงไปพูดกันให้รู้เรื่องสิ แม่เห็นยังรำคาญเลย..........เขาอยู่ข้างล่างนี่.....แม่ให้เข้ามาเอง ......ลงไปหาเขาซะ....ไม่งั้นก็ตามใจ..."
เสียงประห้องเปิดและปิดจากที่ไกลออกไป คงเป็นแม่หล่อนเรียกไม่สำเร็จ แล้วก็เลยเอาผ้าไปเก็บในห้อง
อ้าว ไม่คิดจะลงมาบอกเขาหน่อยเหรอ ให้เขาอยู่ข้างล่างนี่คนเดียวทำอะไร เสียเวลายกป้ายง้อลูกสาวแม่นะครับ
ชายหนุ่มเดินไปที่บันได แหงนมองไปชั้นบน กำลังตัดสินใจว่าจะขึ้นไปเคาะห้องหล่อนดีหรือเปล่า สายตากลับเหลือบเห็นเศษผ้าชมพูตรงหลืบบันได
เมื่อหยิบขึ้นมา ปรากฎว่า ไม่ใช่เศษผ้า แต่มันคือกางเกงในสีชมพู
เขาอยู่ตรงนี้ได้ยินเสียงเครื่องซักผ้าทำงานจากหลังบ้าน กับคิดถึงแม่หล่อนที่อุ้มตะกร้าผ้าซักแล้วข้างบน แล้วกางเกงในตัวนี้มันตกมาจากไหน
มันควรจะถูกซัก หรือเอาไปเก็บล่ะนี่
ชายหนุ่มคลี่ออกดู เห็นมันก็สะอาดสะอ้านดี จะรู้ว่าซักหรือยัง คงต้องพิสูจน์กลิ่นเท่านั้น
หืม
หัวใจเขาพลันเต้นแรง
กางเกงในตัวนี้มันน่าจะเป็นของหล่อนใช่มั้ย แล้ว ถ้ายังไม่ซัก ก็จะมีกลิ่นของหล่อนติดอยู่
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายที่เหนียวคอ กลิ่นของหล่อนจะเป็นยังไงนะ
เขายกชิ้นผ้าสีชมพูในมือขึ้นมาใกล้จมูก
พริบตานั้น ไขสันหลังของเขาเย็นยะเยือกจนสะท้าน
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นมะเขือเทศเดือดใส่แว่นกำลังจ้องลงมา
ตาตุ่มเขาเต้นแรง เพราะหัวใจตกไปอยู่ตรงนั้น
แก้ตัวไม่ขึ้นแล้วสินะ นี่ใช่มั้ย ที่เรียกว่า คาหนังคาเขา เห็นคาตา หลักฐานคามือ
หล่อนเดินรัวแทดๆๆๆลงบันไดอย่างรวดเร็วยังกับกด Fast Forward เข้ามาคว้าสิ่งที่อยู่ในมือของเขาไป
หลังจากนี้เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขาเคยชินกับมันแล้วสินะ...
...............................................................................................................................................................................
หรือจะเป็นบุพเพ 6 : ดม
เขาหนีบแผ่นป้าย และลากเก้าอี้มานั่งหน้าบ้านฝั่งตรงข้ามบ้านหญิงสาว เขาไม่อยากไปรบกวนบ้านหล่อนหรอก เขาจึงมาขออนุญาตเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งหลังจากลุงได้ฟังเหตุผลว่า เขาขอใช้พื้นที่หน้าบ้านลุงเพื่อง้อแฟน ลุงแกก็หัวเราะลงลูกคออย่างอารมณ์ดี แล้วยอมให้ใช้ได้ตามสบาย
ตอนนั้นที่พ่อเลี้ยงของหล่อนออกมาเปิดประตูโรงรถ พอเห็นเขา ก็มองด้วยหางตาเหมือนมองไอ้โง่ ก่อนจะขับรถออกไป ชายหนุ่มไม่ยี่หระ ลองซ้อมชูป้าย แล้วสลับป้าย นั่นก็เป็นตอนที่แม่หล่อนเดินออกมา เห็นคำที่เขาถือว่า รักเกดจัง เขาวางป้าย ลุกขึ้นยกมือไหว้ หล่อนยิ้มแล้วส่ายหน้า หล่อนรู้ตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว ที่เขามาป้วนเปี้ยนหน้าบ้าน เขาบอกเจตนาไปชัดแจ้ง ว่ามาจีบเกด ซึ่งหล่อนก็ไม่ว่าอะไร หล่อนหนีบกระเป๋าเดินออกไป
ส่วนเขาก็นั่งหน้าแหงนคอยชูป้ายสลับกันไป ไม่รู้ว่าหล่อนจะเห็นหรือเปล่า แต่ก็ดีกว่าไม่ชูแล้วแล้วหล่อนไม่เห็นล่ะ ตามภาษิตที่ว่า เกินดีกว่าขาด
เขารู้ว่าเขาผิด ถ้านี่เป็นบทลงโทษ เขาก็ยินดีรับ เฮ้อ มีแฟนซักคนช่างยากเย็น หรือจะบอกว่า เอายายนี่เป็นแฟนช่างยากเย็น
ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงจนเกือบจะตรงหัว แท็กซี่มาจอดหน้าบ้านหล่อน แม่ของหล่อนลงมาพร้อมของพะรุงพะรัง เขารีบช่วยหิ้วเข้าบ้าน แล้วออกมานั่งชูป้ายต่อ ผ่านไปสักพัก เป็นแม่หล่อนทนไม่ไหว เดินมาเรียกเขา
"ไอ้หนู เข้ามานี่มา" เขาไปหาอย่างว่าง่าย
"มีอะไรครับ" เขานึกว่ามีอะไรให้ช่วย
"เข้ามารอในบ้าน เดี๋ยวไปเรียกเกดมาให้"
เขาจึงยอมเข้าไป นั่งบนโซฟา ตัวที่เขาเคยวางหล่อนไว้ แม่หล่อนอุ้มตะกร้าผ้าขึ้นไป เขามองไปทางประตูหลังบ้านที่เปิดอยู่ เห็นราวตากผ้าที่ว่างเปล่าที่เอาขึ้นไปนั่นคงเป็นผ้าที่ซักแล้ว เสียงเคาะประตูแว่วมาจากชั้นบน
"มีคนมาหา.....แฟนเราไง......ไม่ใช่ยังไงเล่า ปล่อยเขารอ.....ลงไปพูดกันให้รู้เรื่องสิ แม่เห็นยังรำคาญเลย..........เขาอยู่ข้างล่างนี่.....แม่ให้เข้ามาเอง ......ลงไปหาเขาซะ....ไม่งั้นก็ตามใจ..."
เสียงประห้องเปิดและปิดจากที่ไกลออกไป คงเป็นแม่หล่อนเรียกไม่สำเร็จ แล้วก็เลยเอาผ้าไปเก็บในห้อง
อ้าว ไม่คิดจะลงมาบอกเขาหน่อยเหรอ ให้เขาอยู่ข้างล่างนี่คนเดียวทำอะไร เสียเวลายกป้ายง้อลูกสาวแม่นะครับ
ชายหนุ่มเดินไปที่บันได แหงนมองไปชั้นบน กำลังตัดสินใจว่าจะขึ้นไปเคาะห้องหล่อนดีหรือเปล่า สายตากลับเหลือบเห็นเศษผ้าชมพูตรงหลืบบันได
เมื่อหยิบขึ้นมา ปรากฎว่า ไม่ใช่เศษผ้า แต่มันคือกางเกงในสีชมพู
เขาอยู่ตรงนี้ได้ยินเสียงเครื่องซักผ้าทำงานจากหลังบ้าน กับคิดถึงแม่หล่อนที่อุ้มตะกร้าผ้าซักแล้วข้างบน แล้วกางเกงในตัวนี้มันตกมาจากไหน
มันควรจะถูกซัก หรือเอาไปเก็บล่ะนี่
ชายหนุ่มคลี่ออกดู เห็นมันก็สะอาดสะอ้านดี จะรู้ว่าซักหรือยัง คงต้องพิสูจน์กลิ่นเท่านั้น
หืม
หัวใจเขาพลันเต้นแรง
กางเกงในตัวนี้มันน่าจะเป็นของหล่อนใช่มั้ย แล้ว ถ้ายังไม่ซัก ก็จะมีกลิ่นของหล่อนติดอยู่
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายที่เหนียวคอ กลิ่นของหล่อนจะเป็นยังไงนะ
เขายกชิ้นผ้าสีชมพูในมือขึ้นมาใกล้จมูก
พริบตานั้น ไขสันหลังของเขาเย็นยะเยือกจนสะท้าน
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นมะเขือเทศเดือดใส่แว่นกำลังจ้องลงมา
ตาตุ่มเขาเต้นแรง เพราะหัวใจตกไปอยู่ตรงนั้น
แก้ตัวไม่ขึ้นแล้วสินะ นี่ใช่มั้ย ที่เรียกว่า คาหนังคาเขา เห็นคาตา หลักฐานคามือ
หล่อนเดินรัวแทดๆๆๆลงบันไดอย่างรวดเร็วยังกับกด Fast Forward เข้ามาคว้าสิ่งที่อยู่ในมือของเขาไป
หลังจากนี้เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขาเคยชินกับมันแล้วสินะ...
...............................................................................................................................................................................