อยากจะเล่าย้อนกลับไปปีที่แล้ว หลังจากที่ตื่นเช้ามาคว้าโทรศัพท์ เปิดเฟสบุ๊ค แล้วมัน โชว์ รูปที่โพสลงไปปีที่แล้ว
ที่ไปถ่ายโพสท่าเริ่ดๆ อยู่แถวหอไอเฟล ภาพยังติดตาอยู่กับการเดินทางไปปารีส ครั้งแรก
พูดถึงปารีส เมืองแห่งความโรแมนติก ที่ไหนก็สวยไปหมด ฝันไว้ตั้งนานว่าถ้ามีโอกาส ขอให้ได้มาเยือนเมืองนี้
ว่าแล้วก็โอกาสก็มาถึงสักที หลังจากวางแผนเป็นแรมปี เก็บตังไปปารีส ก็ดิฉันเบี้ยน้อยหอยน้อยนิคะ
กว่าจะครบก็กินเวลาไปหลายปี เริ่มเลยแล้วกัน วางแผนกันก่อน จะบินไปด้วยสายการบินอะไร ราคาถูกๆ
พักที่ไหน เอาถูกๆ กินอะไร เอาถูกๆ เพราะต้องเหลือตังไว้ช้อปไง
ไปฝรั่งเศสทั้งที มีเหรอที่จะพลาด หลุยส์ วิตตอง, ชาแนล, ลองชอม ไปชิมมาการอง
จะออกเสียงมากาฮอง มาการูน ก็เอาที่ สบายใจกันเลย ที่ลาดูเข่ เอ๊ะ!!
ใครจะอ่านลาดูรี ลาดูเร่ ก็ตามสบายเช่นกันขอบินลัดฟ้าข้ามไปปารีส เมื่อถึง ก็บอกเพื่อนสาวร่วมทริปว่า
ฉัน: นาง!!! ฉันอยากไปกินมาการอง ที่ร้านลาดูรี้ ที่เค้าว่าอร่อยมาก ดังมากที่ปารีส อะ
นาง: ร้านนั้น มันชื่อว่า ลาดูเข่!!!!
ฉัน: เอ๊ะ!!! ก็เขียน Ladure’ ก็ต้องอ่านว่า ลาดูรี้ สิ
นาง: รู้จัก บียองเซ่ มะ!!! มันเขียนเหมือนกัน Beyonce’ > Ladure’ หรือจะให้ฉันบอกแกว่า แกๆ ฟังเพลงใหม่ของ “บียองขี้” ยัง??
ยอมแพ้นาง นางจบเอกฝรั่งเศสมา และทำให้การท่องเที่ยวระหว่างฉันกับนาง ราบรื่น
ประหนึ่งว่าชาติที่แล้วนางเป็นสนมของ พระนางมาเรียอังตัวเนต จะลูฟ จะแวซายน์ นางรู้หมด
(นางเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนฝรั่งเศล เลยหยุดเถียงนาง)
(รูปนี้คือภายในพระราชวังแวร์ซายน์ แปะมาโชว์ให้เห็นการตกแต่งที่เลอค่าอมตะสมคำร่ำลือจริงๆ นะคะ)
และที่ไม่พลาดเลยต้องชอมเซลิเซ่ แวะเยี่ยมชมพระราชวังของพระเจ้าหลุยส์ วิตตอง ที่มีทุกรุ่น ทุกสี ทุกแบบ แบบว่าตาลาย ที่ตาลายเพราะทัวร์จีนลง จนไม่สามารถเข้าถึงพระเจ้าหลุยส์ วิตตองได้ อิฉันจึงต้องขอถวายบังคมลา ขอเตือนว่าอย่ามาช้อปที่ชอมเซลิเซ่ หรืออาจจะต้องเผื่อเวลาสำหรับการช้อปเยอะหน่อย หากอยากได้ของที่ต้องการ เพราะพนักงานขายนางๆ สนใจเศรษฐีจีนกระเป๋าหนักมากกว่าสาวไทยร่างเล็กบอบบาง
จากนั้นก็พุ่งตัวไปมงมาร์ท ว่าจะไปเที่ยวมหาวิหารซาเคร-เกอร์ แล้วไปมูแรงรูจต่อ แต่ด้วยความหน้าตาดี หรือความสวยก็มิทราบ เมื่อย่างกรายขึ้นเนินเพื่อขึ้นสู่มหาวิหาร ชายกำย่ำร่างดำทะมึน ก็มาประชิดตัวดิฉัน กับนาง และพยายามที่จะเอาเชือกมาผูกข้อมือ มิจฉาชีพ!!!! คิดและสบตากะนาง จากนั้นก็ใช้กระแสจิตคุยกัน
ผู้ชาย: Give Me Your Money!!!!
ฉัน: I don’t have money
นางส่งกระแสจิตมา: ดีมาก อย่าเอาเป๋าตังออกมา ไม่งั้นหมดตัวแน่หล่อน
ฉันส่งกระแสจิตไปให้นาง: หล่อน เอาเงินหล่อนให้มันไปสิ ทั้งกระเป๋าตังหล่อนก็ได้ เพราะทั้งกระเป๋าหล่อนมีไม่กี่ยูโร
ผู้ชาย: Who have money? Give me money!!!!!!!
ฉันส่งกระแสจิตไปให้นาง: ควักตังให้มันไปเซ่!!!!!!! กูกลัว!!!!
สุดท้าย นางก็ล้วงตังออกมาได้ และเป็นแบงค์ 50 ยูโร เสร็จแก๊งชายดำกำยำในที่สุด วินาทีนั้นบอกเลยว่ากลัวมาก
เพราะตอนนั้นประมาณหกโมงกว่าๆ เริ่มมืดแล้ว ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ และไม่มีตำรวจ และไม่กล้าตะโกนขอความช่วยเหลือกลัวโดนเสียบ สิ้นชีพอยู่จุดนั้น บอกได้คำเดียว ว่าเสียวมาก!!! ก่อนจะไปเที่ยวก็ได้ยินมาประมาณหนึ่งว่ามิจฉาชีพที่ปารีสเยอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง T^T
>>>>>>>>>>>>>>>>เดี๋ยวจะกลับมาชวนไปช้อปต่อ ขอตัวไปทำมาหากิน เก็บเงินสำหรับทริปต่อไป!!!<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
บิน ช้อป กินเที่ยว “เสียว” ที่ปารีส
ที่ไปถ่ายโพสท่าเริ่ดๆ อยู่แถวหอไอเฟล ภาพยังติดตาอยู่กับการเดินทางไปปารีส ครั้งแรก
พูดถึงปารีส เมืองแห่งความโรแมนติก ที่ไหนก็สวยไปหมด ฝันไว้ตั้งนานว่าถ้ามีโอกาส ขอให้ได้มาเยือนเมืองนี้
ว่าแล้วก็โอกาสก็มาถึงสักที หลังจากวางแผนเป็นแรมปี เก็บตังไปปารีส ก็ดิฉันเบี้ยน้อยหอยน้อยนิคะ
กว่าจะครบก็กินเวลาไปหลายปี เริ่มเลยแล้วกัน วางแผนกันก่อน จะบินไปด้วยสายการบินอะไร ราคาถูกๆ
พักที่ไหน เอาถูกๆ กินอะไร เอาถูกๆ เพราะต้องเหลือตังไว้ช้อปไง
ไปฝรั่งเศสทั้งที มีเหรอที่จะพลาด หลุยส์ วิตตอง, ชาแนล, ลองชอม ไปชิมมาการอง
จะออกเสียงมากาฮอง มาการูน ก็เอาที่ สบายใจกันเลย ที่ลาดูเข่ เอ๊ะ!!
ใครจะอ่านลาดูรี ลาดูเร่ ก็ตามสบายเช่นกันขอบินลัดฟ้าข้ามไปปารีส เมื่อถึง ก็บอกเพื่อนสาวร่วมทริปว่า
ฉัน: นาง!!! ฉันอยากไปกินมาการอง ที่ร้านลาดูรี้ ที่เค้าว่าอร่อยมาก ดังมากที่ปารีส อะ
นาง: ร้านนั้น มันชื่อว่า ลาดูเข่!!!!
ฉัน: เอ๊ะ!!! ก็เขียน Ladure’ ก็ต้องอ่านว่า ลาดูรี้ สิ
นาง: รู้จัก บียองเซ่ มะ!!! มันเขียนเหมือนกัน Beyonce’ > Ladure’ หรือจะให้ฉันบอกแกว่า แกๆ ฟังเพลงใหม่ของ “บียองขี้” ยัง??
ยอมแพ้นาง นางจบเอกฝรั่งเศสมา และทำให้การท่องเที่ยวระหว่างฉันกับนาง ราบรื่น
ประหนึ่งว่าชาติที่แล้วนางเป็นสนมของ พระนางมาเรียอังตัวเนต จะลูฟ จะแวซายน์ นางรู้หมด
(นางเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนฝรั่งเศล เลยหยุดเถียงนาง)
(รูปนี้คือภายในพระราชวังแวร์ซายน์ แปะมาโชว์ให้เห็นการตกแต่งที่เลอค่าอมตะสมคำร่ำลือจริงๆ นะคะ)
และที่ไม่พลาดเลยต้องชอมเซลิเซ่ แวะเยี่ยมชมพระราชวังของพระเจ้าหลุยส์ วิตตอง ที่มีทุกรุ่น ทุกสี ทุกแบบ แบบว่าตาลาย ที่ตาลายเพราะทัวร์จีนลง จนไม่สามารถเข้าถึงพระเจ้าหลุยส์ วิตตองได้ อิฉันจึงต้องขอถวายบังคมลา ขอเตือนว่าอย่ามาช้อปที่ชอมเซลิเซ่ หรืออาจจะต้องเผื่อเวลาสำหรับการช้อปเยอะหน่อย หากอยากได้ของที่ต้องการ เพราะพนักงานขายนางๆ สนใจเศรษฐีจีนกระเป๋าหนักมากกว่าสาวไทยร่างเล็กบอบบาง
จากนั้นก็พุ่งตัวไปมงมาร์ท ว่าจะไปเที่ยวมหาวิหารซาเคร-เกอร์ แล้วไปมูแรงรูจต่อ แต่ด้วยความหน้าตาดี หรือความสวยก็มิทราบ เมื่อย่างกรายขึ้นเนินเพื่อขึ้นสู่มหาวิหาร ชายกำย่ำร่างดำทะมึน ก็มาประชิดตัวดิฉัน กับนาง และพยายามที่จะเอาเชือกมาผูกข้อมือ มิจฉาชีพ!!!! คิดและสบตากะนาง จากนั้นก็ใช้กระแสจิตคุยกัน
ผู้ชาย: Give Me Your Money!!!!
ฉัน: I don’t have money
นางส่งกระแสจิตมา: ดีมาก อย่าเอาเป๋าตังออกมา ไม่งั้นหมดตัวแน่หล่อน
ฉันส่งกระแสจิตไปให้นาง: หล่อน เอาเงินหล่อนให้มันไปสิ ทั้งกระเป๋าตังหล่อนก็ได้ เพราะทั้งกระเป๋าหล่อนมีไม่กี่ยูโร
ผู้ชาย: Who have money? Give me money!!!!!!!
ฉันส่งกระแสจิตไปให้นาง: ควักตังให้มันไปเซ่!!!!!!! กูกลัว!!!!
สุดท้าย นางก็ล้วงตังออกมาได้ และเป็นแบงค์ 50 ยูโร เสร็จแก๊งชายดำกำยำในที่สุด วินาทีนั้นบอกเลยว่ากลัวมาก
เพราะตอนนั้นประมาณหกโมงกว่าๆ เริ่มมืดแล้ว ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ และไม่มีตำรวจ และไม่กล้าตะโกนขอความช่วยเหลือกลัวโดนเสียบ สิ้นชีพอยู่จุดนั้น บอกได้คำเดียว ว่าเสียวมาก!!! ก่อนจะไปเที่ยวก็ได้ยินมาประมาณหนึ่งว่ามิจฉาชีพที่ปารีสเยอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง T^T