ถ้าใครที่เคยไปที่ถนนวิทยุจะพบว่ามีโรงแรมเยอะแยะหลายที่ แต่ถ้าใครสังเกตดี ๆ จะเจอโรงแรมขนาดเล็กแต่เป็นโรงแรม 5 ดาวสไตล์ Modern Boutique โรงแรมที่ว่านี้ก็คือโรงแรม Indigo ที่พึ่งเปิดให้บริการเมื่อ ม.ค. 58 ที่ผ่านมานี้เอง
ถือว่าเป็นโรงแรมน้องใหม่ ที่มีคอนเซ็ปและกิมมิคเก๋ ๆ มากมายเลย แล้วห้องอาหาร Metro on Wireless เป็นห้องอาหารหลักของโรงแรมแห่งนี้ครับ
Metro on Wireless อยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Indigo ซึ่งวิธีการเดินทางมาก็ไม่ยากครับใครที่มาจากถนนพระราม 1 ก็เลี้ยวเข้าถนนวิทยุ ขับไปสัก 300 เมตร จะเจอโรงแรมอยู่ทางซ้ายมืออยู่ระหว่างอาคารวีรสุและอาคารออลซีซั่น เพลส โรงแรมนี้จอดรถในลิฟท์เท่านั้น ตื่นเต้นดีครับ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปลิฟท์มาให้ดูนะ
ขึ้นไปที่ชั้น 2 ของโรงแรมก็จะเจอห้องอาหาร Metro on Wireless ที่เปิดตั้งแต่ 6.30 – 23.00 น. เลย และที่ Metro on Wireless นี้ก็มีคอนเซ็บเจ๋ง ๆ คือ อยากรวมอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของถนนสายเก่าอย่างถนนวิทยุเส้นนี้ มารวมเป็นเรื่องราว โดยอยากให้เมนูและบรรยากาศของห้องอาหารเป็นตัวสะท้อนบอกเรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งจะใช้อาหารเป็นตัวสะท้อนเรื่องราวในอดีตโดยการเสิร์ฟอาหารมาในถาดเหล็ก เถาปิ่นโต อะไรประมาณนั้น แต่อยู่ในบรรยากาศของโรงแรมที่ทันสมัย และสอดแทรกของตกแต่งเก่า ๆ ให้สะท้อนความร่วมสมัยของห้องอาหารด้วย
บรรยากาศภายในห้อง Metro on Wireless ก็ตกแต่งแบบทันสมัย มีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบโซฟา โต๊ะธรรมดา และแบบ Outdoor มีการจัดสรรพื้นที่ได้ดี ดูสบายตาและมีเสน่ห์มาก ๆ เดินเข้ามาแล้วก็หลงรักเลยครับ มีโคมไฟสวย ๆ เก๋ ๆ และเค้าเตอร์บาร์ที่ตกแต่งด้วยของไทย ๆ เช่น ครก, กระติ๊บ, ชะลอม, ปิ่นโต, กาน้ำโบราณ แต่ทุกอย่างก็ดูลงตัวดีครับ
เมนูอาหารของที่นี่ถ้าไม่บอกก็เดาไม่ได้เลยว่าเป็นอาหารไทย เพราะดูจากการตกแต่งคิดว่าน่าจะเป็นอาหารฝรั่งแน่ ๆ แต่พอได้ดูเมนูก็ถึงได้รู้ว่าที่ Metro on Wireless เน้นอาหารไทยพื้นบ้าน มีอาหารจากหลายท้องถิ่นด้วย และมีให้เลือกหลากหลายพอสมควร วันนี้ที่มารีวิวก็จัดไปหลายเมนูเหมือนกัน มีเมนูอะไรบ้างลองไปดูกันครับ
เนเบอร์ฮูด ออร์เดิร์ฟ – 380 บาท
ออร์เดิร์ฟแบบไทย ๆ เสิร์ฟมาในถาดเหล็กเคลือบ แต่มีใบตองรอง สะอาดสะอ้าน มี 4 อย่างคือ ยำแหนมสดข้าวทอดที่ห่อด้วยใบชะพลู, ปอเปี๊ยะเป็ดทอด, ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน และ ไก่สะเต๊ะ ทุกเมนูอร่อยดีครับ แนะนำให้กินไก่สะเต๊ะและปอเปี๊ยะตอนร้อน ๆ ครับ อร่อยดี ที่เด็ดคือน้ำจิ้มครับ ช่วยให้เมนูเหล่านี้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
หมูคลุกฝุ่น – 350 บาท
การนำเสนอและรสชาติให้เมนูนี้เต็ม ๆ เลยครับ เพราะจะเสิร์ฟเป็นส่วนผสมมาให้แล้วให้เรามาคลุกมาเขย่าเอง หมูที่ใช้ทำจะเป็นหมูแดดเดียวที่ทอดมาให้แล้ว ชอบเผ็ดชอบเปรี้ยวก็เลือกใส่เอาครับ ลองเขย่ากันดูก็เวิร์คมาก รสชาติจะไม่เหมือนหมูคลุกฝุ่นที่เคย ๆ กินครับ จะแห้งและรสชาติของส่วนผสมเคลือบอยู่ที่ผิวของหมูแดดเดียว เข้มข้นรสจัดกำลังดีตามที่ชอบเลยครับ อร่อยครับ
ปลาหิมะผัดฉ่า – 750 บาท
เนื้อปลาสมบูรณ์แบบมากทั้งความสุก ความสด แต่ถ้าหนากว่านี้สักหน่อยน่าจะเต็มคำสะใจกว่านี้ ตัวน้ำผัดฉ่านี้ไม่ค่อยสะท้อนความเผ็ดร้อนของผัดฉ่าเท่าไหร่ รสชาติจะอ่อน ๆ หน่อย แต่อร่อยกลมกล่อมไปอีกแบบดีครับ
ขนมจีนแกงกะทิปู – 250 บาท
มาในถาดอีกเช่นกัน เครื่องเยอะดีครับ เหมาะกับสาว ๆ ที่อยากจะดูแลสุขภาพครับ จุดเด่นของเมนูนี้ก็น่าจะเป็นน้ำยาปูที่มีความกลมกล่อมมาก ๆ ความข้นของกะทิก็กำลังดี รสชาติใช้ได้ออกหวานนิด ๆ เวลาผมกินก็ใส่น้ำปลาและพริกป่นเพิ่มนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยชอบอาหารคาวรสหวานครับ รสออกมาดีเลิศเลยครับ เนื้อปูก็ล้นหลามครับ
เนื้อวากิวย่างจิ้มแจ่ว – 790 บาท
เมนูนี้อร่อยเว่อร์ครับ เป็นเนื้อย่างที่ย่างมากำลังดี เนื้อนุ่มมาก ติดมันนิด ๆ กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อมสุด ๆ ทุกอย่างเพอร์เฟคมากสำหรับตัวเนื้อ ผมแทบไม่ได้จิ้มแจ่วเลย แต่ถ้าไม่จิ้มเลยก็ไม่ใช่เมนูเนื้อวากิวย่างจิ้มแจ่วสิเนาะ ลองจิ้มดูก็รสแซ่บดีครับ แต่ผมชอบแบบกินเลยมากกว่า ได้รสชาติของเนื้อเต็ม ๆ เสียดายเมนูนี้ราคาแพงไปมาก ถ้าสัก 2-3 ร้อย นี่จะดีมากเลย เข้าใจว่าเนื้อดี อร่อย แต่มันก็เนื้อย่างอ่ะ ไม่ใช่สเต็กควรราคาถูกกว่านี้ครับ
ยำถั่วพลูหอยเชลล์ – 290 บาท
เมนูนี้ไฮโซหน่อยใช้หอยเชลล์มาเป็นวัตถุดิบกันเลยทีเดียว แต่ผมว่าเมนูประมาณนี้ที่จะต้องเด่นจริง ๆ ก็คือตัวยำครับ ซึ่งผมว่าเมนูนี้ยังต้องปรับปรุงเรื่องรสชาติสักเล็กน้อย รสออกหวานนำมากเกินไป ยังขาดความแซ่บ ความนัว และขาดรสเผ็ดเปรี้ยวของความเป็นยำอยู่น่ะครับ
แกงมัสมั่นเนื้อแกะ – 440 บาท
ดูดีและน่ากินเหลือขนาดครับ ทั้งสีสัน ความเข้มข้น ปกติแล้วแป้งโรตีต้องสั่งแยกเอาเองนะครับ ไม่ได้มาคู่กัน แต่ผมเห็นน้ำแกงข้น ๆ แบบนี้อยากเอาแป้งโรดีมาจิ้มจังเลย เลยจัดซะ กินแล้วก็อร่อยพอประมาณครับ ยังไม่ได้ว้าวเท่าไหร่ แต่ชอบที่ความเข้นข้นน่ะครับ ส่วนเนื้อแกะถ้าทำให้เปื่อยกว่านี้แบบเข้าปากแล้วนุ่มแทบไม่ต้องเคี้ยวเลยเนี่ยผมว่าน่าจะดีกว่านี้ครับ
ต้มข่าไก่ – 260 บาท
เมนูนี้เป็นอีกเมนูตัวแทนของอาหารไทยโบราณครับ(แต่ถ้าโบราณจริง ๆ ต้องเป็นต้มข่าปลาสลิดนะ) หอมกลิ่นกะทิ มีรสเปรี้ยว เค็ม มัน ที่สมดุล กะทิไม่ข้นมาก ซดน้ำแกงกินได้ครับ เนื้กไก่ก็นุ่ม รสชาติดี อร่อยครับ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็อร่อยแล้วครับ
น้ำพริกประจำวัน + ผักสด + ข้าวสวย – ฟรี
ใครที่ไปกินข้าวที่ Metro on Wireless แล้วสั่งกับข้าวมากิน ทางห้องอาหารจะบริการข้าวสวย น้ำพริก ผักสด ให้ฟรี เติมได้ไม่อั้นด้วยครับ เป็นการบริการที่น่ารักมากครับ เค้าอยากให้เหมือนชีวิตต่างจังหวัดที่มีอะไรก็มาแบ่งมาแชร์กันครับ
สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล – 320 บาท
สั่งอาหารไทยมาเยอะแล้วเลยอยากลองอาหารฝรั่งบ้างแต่กินไม่ค่อยไหวแล้วเลยสั่งอะไรที่กินง่าย ๆ หน่อย ก็เลยสั่งเมนูนี้ครับ เสิร์ฟมาในกระทะเลยครับ เครื่องต่าง ๆ นี่กลบเส้นมาหมดเลย ให้มาเยอะมาก ตักเจอเส้นก็ม้วนเข้าปาก และความตกตลึงก็เกิดขึ้น เพราะเส้นมันกำลังงดีมาก ๆ ไม่นุ่มไม่แข็งเกินไปอัลเด็นเต้สุด ๆ ผัดมาได้กลิ่นหอมเลย มีความมันไม่แห้งเลย อร่อยมากครับ เมนูแนะนำเลยครับ
ข้าวกระยาคู – 190 บาท
เป็นเมนูขนมไทยที่ได้แต่เคยเห็นแต่ยังไม่เคยกิน วันนี้ได้มาลอง ตอนเห็นตอนแรกก็แปลกดี เชฟบอกว่าทำจากข้าวนำไปกวนกับน้ำใบเตยจนได้เนื้อที่เนียนนุ่มคล้ายแพนนาคอตต้าเลย ราดมาด้วยกะทิและธัญพืชต่าง ๆ กลิ่นหอมมาก หอมใบเตย กินเปล่า ๆ จะคล้ายขนมเปียกปูนแต่กินกับกะทิที่ราดมาออกเค็มหน่อย ๆ มันเข้ากันดีมากเลยครับ อร่อยดีครับ
ทับทิมกรอบ – 120 บาท
เมนูนี้ผมว่ายังไม่ค่อยโดนครับ เนื้อทับทิมกรอบยังไม่ค่อยนุ่ม แต่น้ำกะทิหอมมาก ส่วนซอฟเซิฟที่โปะมาด้านบนก็ทำจากกะทิ จะได้ความมัน และกลิ่นหอม เนื้อสัมผัสยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เข้าใจว่ากะทิกับความเย็นพอเจอกันมันจะมีเป็นลักษณะเป็นเม็ด ๆ กะทิอยู่บ้างครับ
เครปกล้วยหอม – 120 บาท
เมนูนี้ผมว่าก็ยังธรรมดาครับ แนว ๆ เครปซูเสสครับ ใครชอบเมนูประมาณนี้ก็ลองกันได้ครับ
ขนมปังอบน้ำผึ้ง – 160 บาท
เมนูนี้ยังสู้ร้านเจ้าดัง ๆ ยังไม่ได้ครับ แต่ราคาถูกกว่าท้องตลาดอยู่กินเอาขำ ๆ เน้นถ่ายรูปก็สวยดี
[SR] Metro on Wireless ห้องอาหารสไตล์ Modern boutique สุดเก๋ ของโรงแรม Indigo
ถ้าใครที่เคยไปที่ถนนวิทยุจะพบว่ามีโรงแรมเยอะแยะหลายที่ แต่ถ้าใครสังเกตดี ๆ จะเจอโรงแรมขนาดเล็กแต่เป็นโรงแรม 5 ดาวสไตล์ Modern Boutique โรงแรมที่ว่านี้ก็คือโรงแรม Indigo ที่พึ่งเปิดให้บริการเมื่อ ม.ค. 58 ที่ผ่านมานี้เอง
ถือว่าเป็นโรงแรมน้องใหม่ ที่มีคอนเซ็ปและกิมมิคเก๋ ๆ มากมายเลย แล้วห้องอาหาร Metro on Wireless เป็นห้องอาหารหลักของโรงแรมแห่งนี้ครับ
Metro on Wireless อยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Indigo ซึ่งวิธีการเดินทางมาก็ไม่ยากครับใครที่มาจากถนนพระราม 1 ก็เลี้ยวเข้าถนนวิทยุ ขับไปสัก 300 เมตร จะเจอโรงแรมอยู่ทางซ้ายมืออยู่ระหว่างอาคารวีรสุและอาคารออลซีซั่น เพลส โรงแรมนี้จอดรถในลิฟท์เท่านั้น ตื่นเต้นดีครับ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปลิฟท์มาให้ดูนะ
ขึ้นไปที่ชั้น 2 ของโรงแรมก็จะเจอห้องอาหาร Metro on Wireless ที่เปิดตั้งแต่ 6.30 – 23.00 น. เลย และที่ Metro on Wireless นี้ก็มีคอนเซ็บเจ๋ง ๆ คือ อยากรวมอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของถนนสายเก่าอย่างถนนวิทยุเส้นนี้ มารวมเป็นเรื่องราว โดยอยากให้เมนูและบรรยากาศของห้องอาหารเป็นตัวสะท้อนบอกเรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งจะใช้อาหารเป็นตัวสะท้อนเรื่องราวในอดีตโดยการเสิร์ฟอาหารมาในถาดเหล็ก เถาปิ่นโต อะไรประมาณนั้น แต่อยู่ในบรรยากาศของโรงแรมที่ทันสมัย และสอดแทรกของตกแต่งเก่า ๆ ให้สะท้อนความร่วมสมัยของห้องอาหารด้วย
บรรยากาศภายในห้อง Metro on Wireless ก็ตกแต่งแบบทันสมัย มีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบโซฟา โต๊ะธรรมดา และแบบ Outdoor มีการจัดสรรพื้นที่ได้ดี ดูสบายตาและมีเสน่ห์มาก ๆ เดินเข้ามาแล้วก็หลงรักเลยครับ มีโคมไฟสวย ๆ เก๋ ๆ และเค้าเตอร์บาร์ที่ตกแต่งด้วยของไทย ๆ เช่น ครก, กระติ๊บ, ชะลอม, ปิ่นโต, กาน้ำโบราณ แต่ทุกอย่างก็ดูลงตัวดีครับ
เมนูอาหารของที่นี่ถ้าไม่บอกก็เดาไม่ได้เลยว่าเป็นอาหารไทย เพราะดูจากการตกแต่งคิดว่าน่าจะเป็นอาหารฝรั่งแน่ ๆ แต่พอได้ดูเมนูก็ถึงได้รู้ว่าที่ Metro on Wireless เน้นอาหารไทยพื้นบ้าน มีอาหารจากหลายท้องถิ่นด้วย และมีให้เลือกหลากหลายพอสมควร วันนี้ที่มารีวิวก็จัดไปหลายเมนูเหมือนกัน มีเมนูอะไรบ้างลองไปดูกันครับ
เนเบอร์ฮูด ออร์เดิร์ฟ – 380 บาท
ออร์เดิร์ฟแบบไทย ๆ เสิร์ฟมาในถาดเหล็กเคลือบ แต่มีใบตองรอง สะอาดสะอ้าน มี 4 อย่างคือ ยำแหนมสดข้าวทอดที่ห่อด้วยใบชะพลู, ปอเปี๊ยะเป็ดทอด, ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน และ ไก่สะเต๊ะ ทุกเมนูอร่อยดีครับ แนะนำให้กินไก่สะเต๊ะและปอเปี๊ยะตอนร้อน ๆ ครับ อร่อยดี ที่เด็ดคือน้ำจิ้มครับ ช่วยให้เมนูเหล่านี้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
หมูคลุกฝุ่น – 350 บาท
การนำเสนอและรสชาติให้เมนูนี้เต็ม ๆ เลยครับ เพราะจะเสิร์ฟเป็นส่วนผสมมาให้แล้วให้เรามาคลุกมาเขย่าเอง หมูที่ใช้ทำจะเป็นหมูแดดเดียวที่ทอดมาให้แล้ว ชอบเผ็ดชอบเปรี้ยวก็เลือกใส่เอาครับ ลองเขย่ากันดูก็เวิร์คมาก รสชาติจะไม่เหมือนหมูคลุกฝุ่นที่เคย ๆ กินครับ จะแห้งและรสชาติของส่วนผสมเคลือบอยู่ที่ผิวของหมูแดดเดียว เข้มข้นรสจัดกำลังดีตามที่ชอบเลยครับ อร่อยครับ
ปลาหิมะผัดฉ่า – 750 บาท
เนื้อปลาสมบูรณ์แบบมากทั้งความสุก ความสด แต่ถ้าหนากว่านี้สักหน่อยน่าจะเต็มคำสะใจกว่านี้ ตัวน้ำผัดฉ่านี้ไม่ค่อยสะท้อนความเผ็ดร้อนของผัดฉ่าเท่าไหร่ รสชาติจะอ่อน ๆ หน่อย แต่อร่อยกลมกล่อมไปอีกแบบดีครับ
ขนมจีนแกงกะทิปู – 250 บาท
มาในถาดอีกเช่นกัน เครื่องเยอะดีครับ เหมาะกับสาว ๆ ที่อยากจะดูแลสุขภาพครับ จุดเด่นของเมนูนี้ก็น่าจะเป็นน้ำยาปูที่มีความกลมกล่อมมาก ๆ ความข้นของกะทิก็กำลังดี รสชาติใช้ได้ออกหวานนิด ๆ เวลาผมกินก็ใส่น้ำปลาและพริกป่นเพิ่มนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยชอบอาหารคาวรสหวานครับ รสออกมาดีเลิศเลยครับ เนื้อปูก็ล้นหลามครับ
เนื้อวากิวย่างจิ้มแจ่ว – 790 บาท
เมนูนี้อร่อยเว่อร์ครับ เป็นเนื้อย่างที่ย่างมากำลังดี เนื้อนุ่มมาก ติดมันนิด ๆ กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อมสุด ๆ ทุกอย่างเพอร์เฟคมากสำหรับตัวเนื้อ ผมแทบไม่ได้จิ้มแจ่วเลย แต่ถ้าไม่จิ้มเลยก็ไม่ใช่เมนูเนื้อวากิวย่างจิ้มแจ่วสิเนาะ ลองจิ้มดูก็รสแซ่บดีครับ แต่ผมชอบแบบกินเลยมากกว่า ได้รสชาติของเนื้อเต็ม ๆ เสียดายเมนูนี้ราคาแพงไปมาก ถ้าสัก 2-3 ร้อย นี่จะดีมากเลย เข้าใจว่าเนื้อดี อร่อย แต่มันก็เนื้อย่างอ่ะ ไม่ใช่สเต็กควรราคาถูกกว่านี้ครับ
ยำถั่วพลูหอยเชลล์ – 290 บาท
เมนูนี้ไฮโซหน่อยใช้หอยเชลล์มาเป็นวัตถุดิบกันเลยทีเดียว แต่ผมว่าเมนูประมาณนี้ที่จะต้องเด่นจริง ๆ ก็คือตัวยำครับ ซึ่งผมว่าเมนูนี้ยังต้องปรับปรุงเรื่องรสชาติสักเล็กน้อย รสออกหวานนำมากเกินไป ยังขาดความแซ่บ ความนัว และขาดรสเผ็ดเปรี้ยวของความเป็นยำอยู่น่ะครับ
แกงมัสมั่นเนื้อแกะ – 440 บาท
ดูดีและน่ากินเหลือขนาดครับ ทั้งสีสัน ความเข้มข้น ปกติแล้วแป้งโรตีต้องสั่งแยกเอาเองนะครับ ไม่ได้มาคู่กัน แต่ผมเห็นน้ำแกงข้น ๆ แบบนี้อยากเอาแป้งโรดีมาจิ้มจังเลย เลยจัดซะ กินแล้วก็อร่อยพอประมาณครับ ยังไม่ได้ว้าวเท่าไหร่ แต่ชอบที่ความเข้นข้นน่ะครับ ส่วนเนื้อแกะถ้าทำให้เปื่อยกว่านี้แบบเข้าปากแล้วนุ่มแทบไม่ต้องเคี้ยวเลยเนี่ยผมว่าน่าจะดีกว่านี้ครับ
ต้มข่าไก่ – 260 บาท
เมนูนี้เป็นอีกเมนูตัวแทนของอาหารไทยโบราณครับ(แต่ถ้าโบราณจริง ๆ ต้องเป็นต้มข่าปลาสลิดนะ) หอมกลิ่นกะทิ มีรสเปรี้ยว เค็ม มัน ที่สมดุล กะทิไม่ข้นมาก ซดน้ำแกงกินได้ครับ เนื้กไก่ก็นุ่ม รสชาติดี อร่อยครับ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็อร่อยแล้วครับ
น้ำพริกประจำวัน + ผักสด + ข้าวสวย – ฟรี
ใครที่ไปกินข้าวที่ Metro on Wireless แล้วสั่งกับข้าวมากิน ทางห้องอาหารจะบริการข้าวสวย น้ำพริก ผักสด ให้ฟรี เติมได้ไม่อั้นด้วยครับ เป็นการบริการที่น่ารักมากครับ เค้าอยากให้เหมือนชีวิตต่างจังหวัดที่มีอะไรก็มาแบ่งมาแชร์กันครับ
สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล – 320 บาท
สั่งอาหารไทยมาเยอะแล้วเลยอยากลองอาหารฝรั่งบ้างแต่กินไม่ค่อยไหวแล้วเลยสั่งอะไรที่กินง่าย ๆ หน่อย ก็เลยสั่งเมนูนี้ครับ เสิร์ฟมาในกระทะเลยครับ เครื่องต่าง ๆ นี่กลบเส้นมาหมดเลย ให้มาเยอะมาก ตักเจอเส้นก็ม้วนเข้าปาก และความตกตลึงก็เกิดขึ้น เพราะเส้นมันกำลังงดีมาก ๆ ไม่นุ่มไม่แข็งเกินไปอัลเด็นเต้สุด ๆ ผัดมาได้กลิ่นหอมเลย มีความมันไม่แห้งเลย อร่อยมากครับ เมนูแนะนำเลยครับ
ข้าวกระยาคู – 190 บาท
เป็นเมนูขนมไทยที่ได้แต่เคยเห็นแต่ยังไม่เคยกิน วันนี้ได้มาลอง ตอนเห็นตอนแรกก็แปลกดี เชฟบอกว่าทำจากข้าวนำไปกวนกับน้ำใบเตยจนได้เนื้อที่เนียนนุ่มคล้ายแพนนาคอตต้าเลย ราดมาด้วยกะทิและธัญพืชต่าง ๆ กลิ่นหอมมาก หอมใบเตย กินเปล่า ๆ จะคล้ายขนมเปียกปูนแต่กินกับกะทิที่ราดมาออกเค็มหน่อย ๆ มันเข้ากันดีมากเลยครับ อร่อยดีครับ
ทับทิมกรอบ – 120 บาท
เมนูนี้ผมว่ายังไม่ค่อยโดนครับ เนื้อทับทิมกรอบยังไม่ค่อยนุ่ม แต่น้ำกะทิหอมมาก ส่วนซอฟเซิฟที่โปะมาด้านบนก็ทำจากกะทิ จะได้ความมัน และกลิ่นหอม เนื้อสัมผัสยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ เข้าใจว่ากะทิกับความเย็นพอเจอกันมันจะมีเป็นลักษณะเป็นเม็ด ๆ กะทิอยู่บ้างครับ
เครปกล้วยหอม – 120 บาท
เมนูนี้ผมว่าก็ยังธรรมดาครับ แนว ๆ เครปซูเสสครับ ใครชอบเมนูประมาณนี้ก็ลองกันได้ครับ
ขนมปังอบน้ำผึ้ง – 160 บาท
เมนูนี้ยังสู้ร้านเจ้าดัง ๆ ยังไม่ได้ครับ แต่ราคาถูกกว่าท้องตลาดอยู่กินเอาขำ ๆ เน้นถ่ายรูปก็สวยดี
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น