ประสบการณ์เรื่องผี เมื่อผมไม่อยากให้โลกนี้มีกลางคืน

กระทู้สนทนา
ครั้งหนึ่งในชีวิต...ที่ผมไม่อยากให้โลกนี้มี “กลางคืน”
คืนที่ 1 โรงแรมในเชียงใหม่
    ย้อนไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2534 ขณะนั้นผมกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเปิดนั้น นักศึกษาหลายคนต้องดูแลตัวเอง บางคนทั้งเรียน ควบคู่กับการทำงานพิเศษแบบต่างๆ ไปด้วย เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายทางบ้าน ซึ่งรวมทั้งตัวผมด้วยที่ต้องทั้งเรียน และทำงาน Part time ไปพร้อมๆกัน
       เหตุผลนั่นเองที่ทำให้ผมมีโอกาสเดินทางรับงาน Part time  เป็นของบริษัทไอศครีมชื่อดังแห่งหนึ่ง ระยะเวลาทำงานประมาณ 2 เดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวพอดี อยากไปเที่ยวทางเหนือด้วย จึงตกลงรับงานนี้ ส่วนของเนื้องานไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เดินทางไปกับรถเซลล์ส่งไอศครีม แล้วจดบันทึกหมายเลขเครื่องประจำตู้ทำความเย็นเท่านั้น ซึ่งต้องเดินทางไปในตัวเมืองเชียงใหม่ และอำเภอต่างๆ  รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง เช่น ลำพูน ด้วย ค่าจ้างวันละ 200 บาท         หยุดวันอาทิตย์วันเดียว  มีเพื่อนไปร่วมงานครั้งนี้ประมาณ 12 คน
    ทางบริษัทจัดที่พักให้พวกเรา พักห้องละ 2 คน สถานที่เป็นโรงแรมแห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ แต่ผมยังจำชื่อโรงแรมได้ดี แม้เวลาจะผ่านมาแล้วกว่า 20 ปี) โรงแรมขนาดไม่ใหญ่มาก สภาพปานกลาง มีจำนวนประมาณ 2 - 3  ชั้น น่าจะเป็นโรงแรมที่เหมาะสำหรับพนักงานเซลล์ทั่วไปที่นิยมมาพัก เนื่องจากราคาที่พักไม่ได้แพงมากนัก โรงแรมตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟเชียงใหม่ ฝั่งด้านทิศตะวันตก ซึ่งปัจจุบันทราบข่าวว่าได้รื้อและเลิกกิจการไปแล้ว ถ้าผู้อ่านเป็นคนในพื้นที่คงจะนึกออก ในสมัยนั้นจะมีโรงงานโกดังไม้ตั้งอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นด้วย ผมกับเพื่อนได้พักห้องริมสุด ชั้นที่ 2 เป็นเตียงแยก
    จากการใช้ชีวิตทำงานในเชียงใหม่ ทั้งตื่นเต้น สนุกสนาน ได้เพื่อนใหม่ และถือว่าได้ท่องเที่ยวไปในตัว        เลิกงาน ค่ำก็กลับมานอนพักที่โรงแรมทุกวัน วันไหนอยากเที่ยวก็ชวนเพื่อนไปเที่ยวกันบ้างตามสถานบันเทิงริมแม่น้ำปิง วันหยุด ก็เช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวขึ้นดอยสุเทพ ดอยปุย น้ำพุร้อน ฯลฯ ซึ่งชีวิตก็สนุกสนานกันไปเป็นปกติ
    1 เดือนผ่านไป แล้วเหตุการณ์ในคืนวันหนึ่งก็เกิดขึ้น ทำให้ผมขนลุกทุกครั้งที่นึกถึง และจดจำได้ไม่มีวันลืม หน้าหนาวคืนนั้นอากาศเย็นมาก ผมกับเพื่อนรูมเมท นอนพักผ่อนตามปกติเหมือนทุกคืน จนกระทั่งเวลาประมาณตีสอง ผมรู้สึกคอแห้งผาก กระหายน้ำอย่างมาก น้ำในเหยือกน้ำที่โรงแรมเตรียมไว้ ก็หมดไม่เหลือ (โรงแรมไม่มีตู้เย็นในห้อง) ขณะที่กำลังนอนกระสับกระส่าย คอแห้ง กระหายน้ำ อยู่นั้น ข้างนอกห้องบริเวณระเบียงหน้าห้องพัก ผมได้ยินเสียงร้องของแมวตัวหนึ่งร้องดังเป็นช่วงๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมา 1 เดือนที่มาพักที่นี่ ผมไม่เคยได้ยินเสียงแมวร้องมาก่อนเลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะว่ากระหายน้ำมากกว่า ดังนั้นผมจึงตัดสินใจถือเหยือกน้ำออกมาจากห้อง เพื่อลงไปเติมน้ำที่ล๊อบบี้ชั้นล่าง โดยที่ผมแง้มประตูห้องเปิดไว้นิดหนึ่ง ตอนนั้นไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมต้องแง้มประตูไว้ ในขณะผมเดินลงมาที่ล๊อบบี้ อากาศตอนกลางคืนก็เย็นๆ พิกล เสียงแมวยังร้องดังอยู่เช่นเดิม แต่ผมกลับไม่ได้สังเกตุว่าตัวแมวมันอยู่ตรงไหน ผมลงมาที่เคาน์เตอร์โรงแรมเพื่อเติมน้ำ และลองชะโงกหน้าเรียกพนักงาน หวังว่าจะได้คุยแก้เหงา กลบความกลัวสักนิด แต่ทุกคนกลับห่มผ้านอนหลับกันหมด หลับสนิทเหมือนสลบไสลไม่ไหวติง ไม่เป็นไร ผมได้ดิ่มน้ำแก้กระหายแล้ว และเติมน้ำสำรองเพื่อเก็บไว้ดื่มที่ห้องพักเป็นที่เรียบร้อย จึงเดินกลับขึ้นห้องที่ชั้น 2 แต่ที่สังเกตุคือ เสียงแมวร้องที่ร้องไล่หลังมาเมื่อสักครู่ตอนผมออกจากห้อง มันได้เงียบลงไปแล้ว ผมกลับเข้าห้องนอน ปิดประตู และเริ่มเอนตัวนอนอีกครั้ง
    หลังจากล้มตัวลงนอนที่เตียงของผม ไม่ถึง 2 นาที่ ยังไม่ทันได้หลับตานอนเลยด้วยซ้ำ ผมได้ยินเสียงแมวร้องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้มันกลับดังแว่วๆ แผ่วเบา อยู่ภายในห้อง ผมเริ่มกระสับกระส่าย เพราะเป็นคนกลัวผีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงพยายามข่มตามให้หลับ แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจ ทำอย่างไรก็ไปหลับ ในความมืดสลัวของห้องนั้น วินาทีหนึงผมได้ลองมองไปที่ปลายเตียงของผม เท่านั้นแหล่ะ ตัวผมเริ่มเย็บวาบ ขนลุกซู่ เมื่อสายตาผมจับภาพในความสลัวนั้น มันเป็นเงามืดของร่างผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง ยืนทะมึน ผมยาวสยายลงปิดหน้า เงานั้นเหมือนจะยืนจ้องมาที่ผม ตอนนั้นผมเริ่มตัวแข็ง ขยับเขยื้อนไม่ได้ ตัวเย็น และรู้สึกกลัวมาก จะร้องเรียกเพื่อนที่นอนอยู่เตียวข้างๆ ก็ไม่สามารถทำได้ เริ่มสวดมนต์ ก็สวดผิดๆ ถูกๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่มันหาได้ผลไม่ พระเจ้าช่วย ผมโดนผีหลอกจังๆ เลยเหรอเนี่ย มาแบบนี้เลยเหรอเนี่ย ผมครุ่นคิดอยู่ในใจ การตัดสินใจอีกครั้งสำหรับนาทีนั้นของผม คือ การลองหลับตาลงอีกครั้ง แล้วลืมตาขึ้นมา โดยหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นเพียงการโดนผีอำ เหมือนธรรมดาที่คนทั่วๆไป เคยโดนกัน
    คุณพระคุณเจ้า วันนั้นไม่มีใครช่วยผมได้เลย ผมคิด หลังจากผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เท่านั้นแหล่ะ เหมือนหัวใจผมจะหยุดเต้นแบบเฉียบพลัน เหมือนหัวใจผมจะสลายไปในทันใด ร่างเงาดำของผู้หญิงผมยาว ได้ขยับเข้ามายืนใกล้ๆ ตรงข้างเตียงของผมแล้ว ผมสังเกตได้ว่า ร่างของเธอผอมบาง สวมชุดดำทั้งชุด ผมยาวสลายปกใบหน้า แต่ยังพอมองเห็นใบหน้าได้บ้าง ซึ่งใบหน้าของเธอขาวซีด ซีดจนน่ากลัว นอกจากตอนนี้ตัวผมเริ่มแข็งทื่อแล้ว ผมยังรู้สึกได้เลยมา ดวงตาผมเริ่มเบิกโพลงด้วยความกลัว ผมแทบช็อคขาดใจ เมื่อร่างของเธอเริ่มเอนลงมานอนข้างๆตัวผม ร่างกายที่เย็นเยือกของผมที่เกิดจากความกลัว เริ่มเย็นลงอีก แล้ววินาทีนั้น เธอชะโงกหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นผมสยาย เข้ามากระซิบข้างหู้ของผม
“ให้ฉันนอนนนนนนน ด้วยยยยยยย” เท่านั้นแหล่ะครับ เหมือนคนจะขาดใจ แต่บุญกรรมในชีวิตยังไม่หมด เพื่อนรูมเมทที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ได้รีบวิ่งไปเปิดไฟห้อง และรีบเข้ามาฉุดกระชากดึงแขนผม พร้อมปลุกให้ผมรู้สึกตัว  เราสองคนได้แต่มองหน้ากัน แต่ยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก ได้แค่หอบหมอน ผ้าห่ม ออกจากห้องแล้วไปเคาะประตูห้องเพื่อนข้างๆ เพื่อขอนอนด้วย หลังจากคุยเรื่องราวกัน สรุปว่าขณะที่ผมเดินออกนอกห้องช่วงเวลาตี 2 นั้น รูมเมทผมรู้สึกตัวตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้ยินเสียงแมวร้อง จนกระทั่งผมกลับเข้ามาในห้อง เขาก็สังเกตว่าผมเริ่มล้มตัวลงนอน ผมก็เริ่มมีอาการผิดปกติ อึกอัก ๆ ทุรนทุราย เขาสังเกตช่วงสุดท้ายที่เห็นผมตาเหลือกตาถลน เหมือนคนจะขาดใจ เขาเลยรีบลุกเปิดไฟห้อง และรีบปลุกกระชากผม ผมคิดว่าหากคืนนั้น เพื่อนรูมเมทไม่ปลุกกระชากผมให้ สะดุ้งกลางดึกคืนนั้น ปานนี้ไม่รู้ชีวิตของผมจะเป็นเช่นไร
    ผมขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ให้เธอในคืนวันนั้นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ขอให้ได้รับส่วนบุญ และขออย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันเลย
    เรื่องราวนี้ เกิดขึ้นจริงในช่วงชีวิตหนึ่งของผม ซึ่งช่วงเวลานั้น ผมไม่อยากให้โลกนี้ มีกลางคืน....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่