สวัสดีครับ วันนี้ผมก็ได้มีโอกาสกลับมาเขียนรีวิวให้ตามรอยกันไปพุงแตกอีกครั้งกันนะครับ

วันนี้มี "ร้านข้าวต้ม"  มานำเสนอครับ

อ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งปิดจอครับ ถ้าเป็นแค่ข้าวต้มธรรมดาๆ มีเหรอผมจะกล้ามาเขียนรีวิวแบบนี้.... แล้วร้านข้าวต้มนี้มีดีอะไรล่ะ ?? ไปดูกันเลยละกันครับ
ร้านนี้เป็นร้านข้าวต้ม ที่เรียกได้ว่าคิดเมนู และสูตรอะไรหลายๆอย่าง โดยคนรุ่นใหม่ครับ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย เลยได้มีการผสมผสานอะไรๆหลายๆอย่างกับเมนูของทางร้านครับ เช่น ข้าวหมูบะเต็งไข่ออนเซ็น !!
ด้วยความที่ผมก็วัยรุ่นน่ะนะ และมีความคิดนึงอยู่ในหัวคือ ผมไม่ชอบข้าวต้มอ่ะ อาหารคนแก่ชัดๆ
แต่เดินผ่านแล้วไปสะดุดตากับไข่ออนเซ็นครับ เลยได้มีโอกาสเข้าไปลอง


อันนั้นเอารูปไปยั่วน้ำลายก่อนครับ

มาดูเมนูกันก่อนดีกว่า



จัดกันไปจานแรกครับ กับ ข้าวบะเต็งไข่ออนเซ็น



หมูบะเต็งไม่แข็ง ไม่เละจนเกินไป เรียกได้ว่าพอดีเคี้ยวมันเลยครับ
ไข่ออนเซ็นที่ลวกออกมาได้อย่างดีเลย ไข่ขาวสุกพอดี ไม่มีส่วนดิบที่เป็นสีใสๆเลยครับ
หมดในพริบตาครับ (ไปกัน 2 คน แร้งลงกันอย่างไว)

จานถัดมาเป็นกระดูกหมูอบเต้าเจี้ยวครับ
ออกแรงกดเบาๆ เนื้อหมูก็บี้แล้ว แสดงว่าตุ๋น หรืออบมาพอสมควรเลย เปื่อยใช้ได้เลยครับ กินง่ายไม่เหนียวเลยทั้งๆที่เป็นส่วนติดกระดูกแท้ๆ



มีสั่งเกาเหลาปลามาด้วยครับ

และก็ รวมมิตรลวกจิ้มครับ


อยากจะบอกว่า ปลาสดมากกกกกก ไม่มีกลิ่นคาว และเนื้อเด้งครับ สดมากจริงๆ อันนี้เจ้าของร้านเขาค่อนข้างจะภูมิใจกับปลาเลยนะครับ เพราะทีแรกผมกะจะไม่สั่ง แต่เขาก็เชียร์ ว่าปลาเขาสดจริงๆ เลยลองดู ไม่ผิดหวังจริงๆครับ


รวมมิตรลวกจิ้ม กุ้งตัวบะเริ่ม



และแล้ว ก็มาถึงพระเอกของงาน
ทุกคนคงนึกว่ามันจะเป็น  ซาซิมิปลาเก๋า หรือ อะไรเวอร์ๆใช่ไหมครับ  อย่าเดาไปไกลครับ ของดีอยู่ตรงหน้านี้ เสิร์ฟมาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ แต่ผมเองมองข้ามไป
น้ำจิ้มครับ !!
ร้านนี้ ทำน้ำจิ้ม 2 แบบ ทำเองนะครับ เป็นสูตรของทางร้านเอง คือ น้ำจิ้มซีฟู้ดครับ


และนี่เลยครับ น้ำจิ้มถ้วยนี้ เป็นถ้วยที่ทำให้ผมตัดสินใจทำรีวิวนี้ขึ้นมาครับ
น้ำจิ้ม "เต้าเจี้ยวซีฟู้ด" ครับ


ผมขอถามจริงๆ ในประเทศไทยนี้ หรือในโลกนี้ มีใครเคยเห็นร้านข้าวต้มร้านไหน ประยุกต์เอาน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวมาผสมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดมั้ยครับ
ถ้าเคยแสดงว่าชีวิตผมเกิดมาอาภัพมากเพราะไม่เคยได้กินครับ
คือมันเข้ากันได้แบบลงตัวมากจริงๆ


หลังจากกินข้าวบะเต็งไข่ออนเซ็นชามแรกไปแล้ว มารู้ทีหลังครับว่า เราควรจะคลุกไข่เข้าไปกับข้าว จะทำให้ข้าวเนียน นุ่มลิ้นครับ เลยขออีกซักถ้วย


ถ้วยนี้ ขอลองแบบใส่พริกไทย + ซอสแม็กกี้


ร้านนี้เขาใช้หม้อดิน ทำให้แสงเข้าไม่ถึงทุกมุมครับ อันนี้ขอถ่ายแบบเปิดแฟลชหน่อย


เชื่อไหมครับ คือด้วยความที่ผมคนไทยไง แล้วคนไทยจะมีความเชื่ออย่างนึงว่าเราสามารถกินน้ำจิ้มซีฟู้ดได้กับอาหารทุกแบบอ่ะ
ผมเอาน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวซีฟู้ดมากินกับข้าวบะเต็งออนเซ็นอ่ะ เห้ย!! มันใช่อ่ะ โคตรฟินอ่ะ
ผมขูดถ้วยน้ำจิ้มจนเกลี้ยงถ้วยอ่ะครับ

ซัดข้าวไป 2 ถ้วยหน่อยๆ  พุงแทบแตกครับ นั่งพัก เลยถ่ายรูปบรรยากาศร้าน กับตำแหน่งมาให้ดูครับ
ภายในร้าน ตกแต่งด้วยปูนเปลือย ให้ความรู้สึกดิบ และดูโมเดิร์นดีครับ


ผมว่าทางเจ้าของร้านเขาจะต้องมีธุรกิจขายเครื่องปั้นดินเผาแน่ๆเลยอ่ะ ไอ่ถ้วยพวกนี้เขามีไว้ทำอะไร มันใหญ่เกินกว่าจะใส่ข้าวต้มเสิร์ฟลูกค้านะ


ใครชอบดูบอล ไปนั่งกินข้าวแล้วมีบอลให้ดูด้วยนะเออ

เมืองทองสู้ๆ


ครัวของร้านนี้จะอยู่ด้านหน้านะครับ เป็นครัวโปร่ง และดูค่อนข้างจะสะอาดมากครับ


ร้านครับ

ฝั่งตรงข้ามเป็นกรมประชาสัมพันธ์

ขอมุมเก๋ๆ ฮิปสเตอร์หน่อย



สรุปนะครับ ร้านนี้
ราคา 8/10 ครับ แพงกว่าข้าวต้มทั่วไปข้างนอกหน่อย แต่สำหรับผมรับได้ เพราะเป็นห้องแอร์ แถมอาหารอร่อย
รสชาติ 10/10 ครับ คือมันหาที่ติไม่ได้นะครับถ้าเทียบกับร้านข้าวต้มเหมือนกันนะ
ความทันสมัย 10/10 ครับ ผมชอบมากเลยการผสมผสานของเมนูอาหาร เช่นไข่ออนเซ็น รวมไปถึงน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวซีฟู้ดเทพเนี่ย
ความสะดวก 6/10 ไม่มีที่จอดรถครับ ต้องจอดแปะข้างทาง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเต็ม ผมจอดซะไกลเลยแล้วเดินมา
ความสะอาด 9/10 ครับ ไม่เห็นแมลง หรือสิ่งแปลกปลอมใดๆภายในร้าน หรือครัวนะครับ

สรุปเลย ถ้าใครมีโอกาสได้แวะเวียนไปแถวนั้น อยากให้ไปลิ้มลองอีก 1 ตำนานแห่งข้าวต้มหม้อดินนะครับ
ก่อนไปอย่าลืมเช็คเวลาเปิด-ปิดก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปเสียเที่ยวกัน
จากรูปในเมนู ร้านเปิดจันทร์-เสาร์ ครับ หยุดวันอาทิตย์ และจะเปิดอยู่ 2 ช่วงครับ คือ 11.00-14.00 (มื้อกลางวัน) และ  16.00-22.00 (มื้อเย็น) ครับ

มี Facebook ด้วยนะครับของทางร้าน https://www.facebook.com/kaotommordin

ผมเข้าไปดู Facebook มาเจอ คุณขุนอิน (โหมโรง) มาทานด้วยครับ เอาจริงๆผมไม่รู้จักแกหรอกครับ แต่เห็นทางร้านโพสท์บอกไว้แบบนั้นครับ 5555+