บริษัทมีคนออก แต่ไม่รับคนเพิ่ม งานทั้งหมดตกมาอยู่ที่เรา ต้องพูดยังไงดีให้เขาปรับเงินเดือนเพิ่มให้ครับ ?

คือว่าบริษัทผม เป็นบริษัทที่ค่อนข้างเล็ก ทำงานกันแบบไม่มีระบบงาน ส่วนใหญ่เป็นญาติๆกัน

ตัวผมเองทำงานแผนก IT ซึ่งทำงานมาได้ประมาณ 8 เดือน ก็พอรู้ระบบงานเกือบทั้งหมด ตัวผมเองนั้นทำงานอยู่ภายในแผนกฝ่ายขาย
ทำให้ผมต้องมีหัวหน้าเป็นฝ่ายขาย (จากที่ทำงานด้วยกันมา นิสัยเขาค่อนข้างเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด เลียแข้งเลียขา) ก็ไม่ค่อยถูกกันมากนัก
เพราะเขาชอบหาเรื่องมาว่าผม หางานมาโยนให้ผม ผมทำได้เพียงสวนไปคำสองคำ แล้วก็เงียบ ให้เขาโขกสับ เพราะถึงผมถูก แต่สุดท้าย
ผมก็ผิดอยู่ดี TT-TT เงียบไว้ดีที่สุด.....

แต่แล้ววันหนึ่งเรื่องมันเกิดครับเพราะ IT อีกคนหนึ่งจะลาออก แล้วเขาก็เขียนใบลาออก ดังนั้นเขามีเวลา 30 วันเพื่อสอนงานผม จากนั้น
หัวหน้าก็ ให้สรุปงานที่รับผิดชอบออกมา ได้ผลทั้งหมดดังนี้

*แทน IT1 เป็นผม อีกคนเป็น IT2
- อบรมพนักงานใหม่ - IT1
- เขียน Website ของบริษัท (รวมงานตัดต่อรูปภาพเบื้องต้น) - IT1
- แก้ไขปัญหาโปรแกรมบัญชี Express - IT2
- บำรุง ซ่อมแซม อุปกรณ์ IT ต่างๆ ในบริษัททั้งหมด - IT1 , IT2
- Support แก้ปัญหาให้แก่พนักงานในองค์กร - IT1 , IT2
- ดูแลระบบ Network ภายในองค์กร - IT1 , IT2
- รักษาระบบสำรองไฟ เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินไฟดับให้แก่ทุกๆแผนก IT1 , IT2
- แก้ปัญหาต่างๆ รวมทั้งการรับโทรศัพท์ตอบคำถาม และการ Remote เพื่อแก้ไข - IT1 , IT2
- ทำคู่มือสินค้า - IT1 , IT2

ซึ่งก่อนหน้านี้ ห้องฝ่ายขายจะมีพนักงาน Callcenter และ Checker อยู่ด้วย แต่ทั้งหมดลาออกไปแล้ว และงาน 2 ฝ่ายนี้ IT รับมาหมดแล้วครับ

งาน Callcenter
- รับสายโทรศัพท์ลูกค้า (กรองสายเพื่อโอนไปยังแผนกต่างๆ) - IT1 , IT2
- รับ Order สินค้าทางโทรศัพท์ - IT1 , IT2
- ดูแล Order ร้านค้าบนเว็บไซต์ Online ต่างๆ (เช่น Lazada) - IT2
- เก็บบันทึกรับสายโทรศัพท์ลูกค้า -  IT1 , IT2

งาน Checker
- ดูแลเรื่องระบบ ซ่อม-เคลม สินค้า - IT2
- QC สินค้าของทางบริษัท ทั้งสินค้าเข้าใหม่ และ สินค้าเคลม - IT1 , IT2
- Test สินค้า เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และถ่ายทอดให้แก่ทีมงาน - IT1 , IT2

สรุปงาน IT ที่ผมจะได้รับเพิ่ม
- ภาระที่เคยหาร 2 รับมาทั้งหมด
- ดูแลเรื่องระบบ ซ่อม-เคลม สินค้า
- แก้ไขปัญหาโปรแกรมบัญชี Express
- ดูแล Order ร้านค้าบนเว็บไซต์ Online ต่างๆ (เช่น Lazada)
*ยังมีงานเอกสารจุกจิกของฝ่ายบัญชีอีกเล็กๆน้อย แต่นานๆทำที เลยไม่ได้นับรวมให้ดูครับ

ซึ่งพอใกล้ถึงสัปดาห์สุดท้ายที่ IT2 จะออก (เดือน 6 ของผม) หัวหน้าก็เรียกประชุมถามความคืบหน้าในการส่งมอบงาน ว่าผม สามารถทำได้
หรือเปล่า ? เพราะหัวหน้าเขาชิงพูดก่อนเลยว่า เขาจะไม่รับคนเพิ่ม เพราะเขาเป็นคนหาเงินเดือนให้พนักงานทุกคนในห้องนี้ ผลสรุปออกมาว่า
ผมสามารถรับงานต่อได้ทั้งหมด และผมก็เห็นว่ามันเป็นหนทางที่ผมสามารถเพิ่มเงินเดือนได้ ถ้าผมสามารถรับผิดชอบได้ทั้งหมด เขาจึงบอก
เชิงบังคับว่า ให้ลองทำดูก่อน ถ้าไม่ไหว เขาจะพิจารณาหาคนมาเพิ่ม ซึ่งผมตอบโอเค และทดลองงานที่รับเพิ่ม 1 เดือน แต่ก่อนหน้านั้น มันมี
เรื่อง เรื่องหนึ่ง ที่อึดอัดใจอยากจะพูด เพราะตอนสมัครเข้ามา เขาบอกว่าทดลองงาน 4 เดือน ถ้าผ่านก็ปรับเงินเดือน แต่ก็ล่วงเลยมาหลาย
เดือนแล้วยังไม่มีการคุย จนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าผมผ่านงานแล้วหล่ะ

ส่วนเรื่องการทำงาน ผมคิดว่าผมเป็นคนที่มีความรับผิดชอบข้อนข้างสูง คือผมไม่ค่อยชอบทำงานค้างไว้ ถ้ามีงานเข้ามา ผมจะเคลียร์ให้จบทันที
ไม่ว่าจะใช้เวลากี่วันก็ตาม ก่อนที่จะรับงานใหญ่ชิ้นใหม่ ซึ่งมันมีงานซ้อนมาเรื่อยๆ แต่ผมจะเบรคทำงานอื่น ที่มันง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานก่อน แล้ว
กลับมาทำงานเดิมให้จบ

แต่มาถึงตอนนี้เข้าเดือนที่ 8 เท่ากับว่า ผมรับงานเพิ่มจาก IT2 มาประมาณเดือนกว่าๆแล้ว แต่ยังไม่มีการเรียกประชุมเพิ่มเติม ถ้าผมนิ่งต่อไป
ผมจะไม่มีวันเจริญเติบโตอย่างแน่นอน แถมภาระกดดันมีเพิ่มมากขึ้น เพราะต้องแบกงานเกือบทั้งหมดเอาไว้คนเดียว (ตั้งแต่ผมทำงานมา
ผมไม่เคยได้ลาหยุดเลยแม้แต่วันเดียว) ตอนนี้ความรักบริษัทผมเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ผมคิดว่าบริษัท เอาเปรียบผมมากเกินไป ผมทำงานหนัก
แต่ผมได้เงินเดือนแค่ 15,000 ตอนนี้ผมคิดที่จะลาออก แต่ผมก็เป็นห่วงบริษัท ว่าถ้าผมออก แค่เน็ตหลุดเขาก็แก้ไขกันไม่เป็นแล้ว และเหตุผล
อีกหนึ่งอย่างก็คือ งานที่นี่มันอยู่ใกล้บ้านของผมมาก เดินมาทำงานได้เลย ซึ่งตรงจุดนี้ผมก็คิดไว้ 2 ทางออก คือคุยกับเขาตรงๆ ให้เขาหาคน
มารับหน้าที่ตรงนี้ ก่อนที่ผมจะออก กับขอเขาเพิ่มเงินเดือน ซึ่งแน่นอน ผมต้องขอเงินเพิ่มก่อนที่จะลาออก

แต่ติดตรงนี้แหละครับ ผมจะพูดยังไง ให้เขาเพิ่มเงินเดือนให้ดีครับ เพราะผมไม่อยากว่างงาน ไม่อยากออก โดยไม่มีงานรองรับ แต่จะหางาน
ใหม่มันก็ยาก เพราะผมมีงานทำอยู่แล้ว ถ้าบอก HR ไปว่าทำงานอยู่ อยากเปลี่ยนงาน แค่นี้เขาก็ไม่คุยกับผมแล้ว และผมเป็นคนไม่โกหกนะ
ครับ ซื่อตรง มีอะไรผมพูดตรงๆ แต่ครอบครัวก็แนะนำนะครับ ว่าถ้าหางานใหม่ ก็อย่าไปบอกเค้าสิว่ามีงานแล้ว แต่ผมทำไม่ได้ครับ

ล่าสุดที่เป็นจุดเปลี่ยน คือ ผมอยากได้บ้าน ไปดูและไปลองคุย ผลมันแน่นอนอยู่แล้วครับ ผมสามารถกู้ได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท TT-TT ส่วนบ้านที่
ผมหวังราคา 3 ล้านครับ ผมต้องหาคนกู้ร่วมอย่างเดียว นี่คือจุดเริ่มต้นที่ผมคิดอยากได้เงินเดือนเพิ่ม ผมเริ่มคิดว่า ถ้าผมอยากได้อะไรสักอย่าง
ผมไม่สามารถซื้อมันได้เลย เพราะเงินเดือนมันน้อยเกินไป แต่ก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยคิดจริงๆจัง ว่าจะต้องรีบร้อนเพิ่มเงินเดือน เพราะผมตั้งใจว่า
จะทำงานให้ครบ 1 ปีเสียก่อน ค่อยว่ากัน แต่หลังจากไปดูบ้าน มันทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไปทั้งหมด

รบกวนเพื่อนๆ ช่วยแนะนำผมที ว่าผมควรที่จะทำอย่างไร ขอบคุณมากๆครับ

ปัจจุบัญผมอายุ 27 ปี มีวุฒิ ปวส. กำลังศึกษาต่อ ป.ตรี ภาควันอาทิตย์ ตรงจุดนี้ก็เป็นเหตุผลที่ยื้อผมไว้ไม่ให้ตกงานครับ
เพราะชีวิตผม ผมไม่มีคนสนับสนุนหลัง ผมดิ้นรนมาเองตั้งแต่อายุ 14 ปี ไม่ทำก็ไม่มีที่อยู่ ไม่มีกิน ไม่ได้เรียน ผมเลยต้องสู้
สู้ไปจนกว่าชีวิตผมจะหาไม่ครับ (พิมๆไป น้ำตาจะไหล ผมมาไกลเหมือนกันนะเนี่ย) TT-TT

_______________________________________________________________________________________________________

ปล.ที่จริงแค่อยากระบายเท่านั้นแหละ ไม่รู้จะลงที่ไหน ขอบคุณ Pantip ที่ให้พื้นที่ระบายความอึดอัดในใจ ขอบคุณครับ TT-TT

แก้ไขเพิ่มรายละเอียดที่ตกหล่น
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ลองคุยเรื่องเพิ่มเงินเดือนดูค่ะ แยกเป็นสองเรื่อง

- เรื่องที่จะปรับเงินเดือนหลังผ่านทดลองงาน(ซึ่งผ่านมานานมากแล้ว)
- รวมไปถึงเรื่องที่รับงานมากไปจนเกินหน้าที่แต่ก็จะทำให้ต่อไป ถ้าปรับเงินเดือนขึ้นตามที่คุณสมควรได้

เท่าที่อ่านดู Job description เพิ่มมาเยอะนะคะ ถ้าคุณรู้สึกว่าหนักเกินไปและเกินหน้าที่ ตอนประชุมขอขึ้นเงินเดือนก็กางออกมาดูกันไปเลย
ว่าตอนรับคุณเข้ามา คุยกันไว้ว่างานต้องทำอะไรบ้าง ราคาเงินเดือนเท่านี้ แล้วตอนนี้ทำอะไรมากขึ้น ราคาเงินเดือนควรจะเท่าไหน
จะมีผลขึ้นจริงในเดือนไหน เอาให้ชัดเจน อย่าไปทนเชียวค่ะ
สิทธิของคุณ ถ้าไม่รักษา เจอนายจ้างแบบนี้เค้าก็เอาเปรียบได้ค่ะ เพราะคงไม่มีนายจ้างมาบอกว่า
ผมอยากขึ้นเงินเดือนให้คุณจังคุณทำงานหนักเหลือเกิน ไม่มีหรอกค่ะ คุณต้องเรียกร้องเองในสิ่งที่คุณสมควรได้รับ
ถ้าไม่มีหนทางปรับขึ้น ประชุมกันจบด้วยบอกว่าไม่มีนโยบายจะขึ้นให้ แนะนำให้มองหางานใหม่เถอะค่ะ
อยู่ไปก็มีแต่โดนเอาเปรียบ แล้วอีกเรื่อง HR ส่วนมากไม่สนใจว่าคุณจะมีงานทำอยู่หรือไม่
ถ้าคุณแจกแจงความสามารถว่าคุณทำอะไรให้บริษัทเค้าได้บ้าง
มีการรับนัดสัมภาษณ์ และกำหนดเวลาเริ่มงานอย่างชัดเจนได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่