นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการที่อากาศประเทศไทยมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของผลไม้หลายชนิดออกผลล่าช้า บางส่วนก็ให้ผลผลิตน้อยกว่าปกติ ทำให้ผลไม้มีแนวโน้มราคาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น กล้วยน้ำว้า สับปะรด มะม่วงน้ำดอกไม้ มะขามหวาน
         
โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้นั้นพบว่ามีความต้องการสูงมากจากจีน และตลาดนำเข้าผลไม้ไทยทั่วโลก จากการหารือกับผู้นำสหกรณ์ผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ได้รับรายงานว่ารัฐบาลจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่ทางการเกษตรมาขอความรู้การปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมดิน การให้ปุ๋ยไปจนถึงการดูแล เก็บเกี่ยวอย่างละเอียด โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความมั่นใจในมาตรฐานการเกษตรก่อนการนำเข้าจากไทย
         
"ทางเจ้าของสวนได้แนะนำไปว่าปลูกอย่างไรรสชาติก็สู้ของไทยไม่ได้เพราะดินต่างกันอย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและไม่ควรประมาท เพราะอาจลงเอยเหมือนลำไยที่จีนนำไปปลูกเอง แม้ว่ารสชาติจะสู้ของ ไทยไม่ได้ แต่ก็ลดส่วนแบ่งตลาดส่งออกจากไทยไปพอสมควร"
         
ในภาพรวมส่งออกมะม่วงของไทยปี 2557 มูลค่าพุ่งสูงถึง 3,000 ล้านบาท ปริมาณกว่า 7 หมื่นตัน เพิ่มจากช่วง 10 ปีก่อนที่เคยมีมูลค่าเพียง 100 ล้านบาท มีตลาดหลักคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน แต่ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะม่วงรวม 2 ล้านไร่ แต่เป็นลักษณะการปลูกเชิงธุรกิจไม่ถึง 50% ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนเพื่อสนองความต้องการของตลาด
         
ขณะเดียวกันก็ได้รับรายงานจากเอกชนผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องว่าขณะนี้เกิดภาวะขาดแคลนสับปะรดที่จะนำมาแปรรูปเป็นผลไม้กระป๋องรวมทั้งมีราคาที่สูง โดยพบว่าสับปะรดห้วยมุ่น เข้าโรงงาน 7-11 บาทต่อก.ก. ขายหน้าสวน 12-14 บาทต่อก.ก. ขายปลีก 20-25 บาท ต่อก.ก. ขณะที่มะม่วงน้ำดอกไม้มีผลผลิตลดเหลือไม่ถึง 1 หมื่นตัน
         
สำหรับสถานการณ์การผลิตผลไม้ภาคตะวันออกปีนี้ ออกสู่ตลาดล่าช้ากว่าปีที่แล้วประมาณ 1 เดือน เพราะสภาพดินฟ้าอากาศที่ผันผวน ซึ่งใน จ.จันทบุรี ที่เป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มังคุดออกสู่ตลาดในเดือนมี.ค. ส่วนเงาะ ทุเรียน ออกสู่ตลาดในเดือนถัดมา