เศรษฐกิจชะลอตัว ดอกเบี้ยเงินฝากนิดเดียว กองทุนรวมช่วยได้

กระทู้สนทนา
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ยังมีงานทำมีรายได้ แต่ก็คงรู้สึกได้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัว รายได้ไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ เงินเก็บที่มีเอาไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยนิดเดียว จะเอาไปลงทุนเองก็ไม่กล้ากลัวขาดทุน คงเป็นคำถามที่อยู่ในใจหลายคนว่าเงินเก็บที่มีควรนำไปลงทุนอย่างไรให้เงินงอกเงยมากกว่าฝากเงินไว้กับธนาคาร

ผมคิดว่ากองทุนรวมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากครับ เหตุผลที่สำคัญคือโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคารบนความเสี่ยงที่พอรับได้ โดยมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนมาบริหารกองทุนให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี ซึ่งกองทุนมีอยู่หลายประเภทให้เลือก เช่น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้น กองทุน LTF กองทุน RMF กองทุนทองคำ กองทุนน้ำมัน กองทุนต่างประเทศ เป็นต้น ส่วนวิธีการซื้อ-ขายกองทุนมีส่วนคล้ายกับการฝาก-ถอนเงินในบัญชีธนาคารเลยครับไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยการเปิดบัญชี การซื้อขาย กองทุนรวมก็ทำที่เคาน์เตอร์ธนาคาร อยากรู้ความเคลื่อนไหวในบัญชีก็เอาสมุดไปอัพเดทที่ตู้เอทีเอ็มหรือเช็คในอินเตอร์เน็ตก็ทำได้ และสามารถผูกบัญชีกองทุนรวมไว้กับบัญชีเงินฝากทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องใช้เวลามาก เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีงานประจำไม่ค่อยมีเวลาติดตามการลงทุน  

กองทุนที่คนพูดถึงกันมากสุด คือ กองทุน LTF เน้นลงทุนในหุ้นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 65% ของเงินลงทุน ที่สำคัญได้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีด้วย ดังนั้นผู้มีเงินได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีไม่ควรพลาดเพราะภาษีที่ประหยัดได้เท่ากับเงินออมที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง อีกทั้งช่วยปลูกฝังการเป็นนักลงทุนระยะยาว กองทุนต่อมาที่อยากแนะนำคือ กองทุนตราสารหนี้ เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้บริษัทเอกชน ตั๋วแลกเงิน มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ มีสภาพคล่องสูงซื้อขายได้ทุกวันทำการ ผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าการฝากเงินธนาคาร เหมาะมากที่จะย้ายเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และฝากประจำมาไว้ที่กองทุนตราสารหนี้ พอถึงเวลาต้องการใช้เงินบางส่วนก็ทำรายการขายกองทุนแล้วเงินจะถูกโอนมาบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ผูกบัญชีไว้นั่นเอง กองทุนสุดท้ายที่อยากแนะนำคือ กองทุนต่างประเทศ  มีทั้งที่นำไปลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น ทุกภูมิภาคทั่วโลก เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป และจีน เป็นต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสในการลงทุนในภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว จึงควรแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนกองทุนต่างประเทศ



ข้อมูลจากงาน Krungsri Asset Management Global Fund Forum 2015 ที่เชิญผู้จัดการกองทุนจากบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก ได้แก่ J.P. Morgan, Eastspring และ Schroder มีกองทุนต่างประเทศ (FIF) ที่น่าสนใจในตลาดด้านสุขภาพที่กำลังเติบโต ตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย และตลาดญี่ปุ่นที่กำลังฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ

เอลวินา ลี ผู้จัดการกองทุน J.P. Morgan Asset Management มองว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (Health Care) กำลังมีอัตราการเจริญเติบโตที่น่าสนใจมากในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่น โดยมีปัจจัยหลักหนุน ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุที่ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอันเกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทำให้การคิดค้นนวัตกรรมการป้องกันและรักษาโรคใหม่ๆ ใช้เวลาและต้นทุนที่น้อยลงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

ปาง คิน เหวิง ผู้จัดการกองทุน Schroder Investment Management อธิบายว่า ตลาดเอเชีย (Asia) ถือเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากกว่าตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคอื่น เนื่องจากการขยายตัวของเมืองและการเติบโตของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ  จึงเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสอีกมากสำหรับการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ตลาดในภูมิภาคเอเชียก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการที่สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทที่มีเงินกู้ต่างประเทศอาจจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวมากขึ้น

ไมเคิล วูลลี่ ผู้จัดการกองทุน  Eastspring Investments กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทต่างๆของญี่ปุ่น (Japan) มีพื้นฐานโครงสร้างบริษัทที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถทำกำไรเพิ่มมากขึ้น โดยมีปัจจัยผลักดันภายในประเทศคือการที่กองทุนบำเน็จบำนาญเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพื่อแสวงหารายได้จากการลงทุน ทำให้บริษัทต่างๆ เร่งพัฒนาผลการดำเนินงานให้ดีขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในตลาดญี่ปุ่น

ความเห็นส่วนตัวผมๆแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนกองทุนสุขภาพในตลาดหุ้นอเมริกา เพราะกระแสรักสุขภาพกำลังมาแรงคนยอมจ่ายแพงเพื่อของที่ทำให้สุขภาพดี เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น และต้องการจัดพอร์ตแบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ใครสนใจกองทุนไหนก็ลองศึกษาข้อมูลรายละเอียดดูนะครับ ไม่ได้ยากอย่างที่คิดใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยๆก่อนก็ได้นะครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก www.krungsri.com นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่