สุดยอดไปเลยครับ สสส 10 ปี ที่ผ่านมาได้งบ 30,000 ล้านบาท โดยสามารถใช้เงินได้ตามสบาย
จากข่าวนี้ผมเองก็เพิ่งรู้ว่า สสส เค้าใช้เงินได้สบายๆ จะทำโครงการอะไรก็ได้ ต่อปีได้เงิน มากกว่า 3 พันล้านบาท
http://www.thairath.co.th/content/450921
ในข่าว พี่แกบอกว่า เราจะทำงานเชิงรุก ถ้าเราอยากให้คนไทย สูบบุหรี่น้อยลง เราต้องรู้ก่อนว่าสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ตรงไหน การลดระดับบุหรี่ในประชากร ที่ไม่ใช่ปัจเจกบุคคล บ้านเมืองนี้จะต้องทำอะไรกันบ้าง และอะไรที่ยังไม่ได้ทำ ช่องว่างมีหรือไม่ หรือใครจะต้องทำ ดังนั้นแผนงานต่างๆ ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง" ดร.สุปรีดา กล่าว
แล้วมาดูนี้ครับ จากที่ผ่านมา ที่แกบอกว่าสถิติคนสูบบุหรี่-ซื้อเหล้าลด
แต่แปลกไหมครับที่รายได้จากภาษีบาปกลับเพิ่มขั้นทุกปี มันน่าแปลกใจไหมครับ
นั้นยังไม่พอครับ สสส. อ้างว่า ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ ร่วมกันผลักดันให้คนไทย ลด ละ เลิก การสูบยาสูบทุกประเภท
ส่งผลให้แนวโน้มการสูบบุหรี่ลดลงโดยลำดับในช่วงปี 2534-2554 จาก 12.26 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 32 ของประชากรทั้งประเทศ ในปี 2534 ลดเหลือ 11.40 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.70 ของประชากรทั้งประเทศ ในปี 2554
แต่ลองคิดแบบเด็กๆ ตามผมดูนะครับ ถ้าอัตราการสูบบุหรี่และการซื้อแอลกอฮอล์ลดลงจริง ตามที่ สสส บอก อัตรารายได้ของ สสส ก็น่าจะลดลงตาม เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของ สสส. มาจาก 2% ของภาษีสรรพสามิตที่รัฐเก็บจากการขายยาสูบ สุรา และเบียร์จริงไหม ครับ ไหงบอกคนดืมลดลง แต่รายได้จากการขายเหล้าบุหรีเบียกับเพิ่มขึ้น หรือว่า 1 คนกินดืมมากขึ้นกว่าเดิมเหรอ!
ออเดียวอาจจะมีคนแย้ง จริงๆแล้ว สสส ก็มีรายได้ลดด้วยนะครับ มี 2 ปี จากตลอด 13 ปีที่ผ่านมา (2544-2557) รวมเป็นเงินกว่า 35,848 ล้านบาท มีอยู่เพียง 2 ปีเท่านั้นที่ สสส. ได้รับเงินบำรุงกองทุนจากภาษีบาปในปีนั้นน้อยกว่าปีก่อนหน้า คือในปี 2549 ซึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มอัตราภาษียาสูบเป็น 79% ทำให้การบริโภคยาสูบลดลง และในปี 2552 ที่มีการขึ้นภาษีเบียร์จาก 55% เป็น 60% ทำให้การบริโภคเบียร์ลดลง จนเก็บภาษีเบียร์ได้น้อยกว่าปีก่อนถึงกว่า 4 พันล้านบาท ส่วนปีอื่นๆ รัฐเก็บภาษีบาปได้เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้รายได้ของ สสส. เพิ่มขึ้นด้วย โดยในปี 2557 สสส. แจ้งว่ามีรายได้จากเงินบำรุงกองทุนที่มาจากภาษีบาป 4,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแรกก่อตั้ง ในปี 2544 ที่ได้เงินจากภาษีบาป 1,526 ล้านบาท คิดเป็น 266% หรือกว่า 2 เท่าครึ่ง โอ้วเย่!
มาถึงตรงนี้ ผมพูดได้ไหมว่า สสส ไม่ประสบความสำเร็จในการรณรงค์ให้คนเลิกเหล้าเลิก บุหรี่ แถมงบประมาณที่ใช้ก็มากขึ้นทุกปี
เงินตรงนั้นละลายหายไป หายไปทำอะไรทำแล้วได้ผลจริงหรือ อันนี้ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะมีคำตอบแล้ว
ปล.ขอบคุณข้อมูลดีๆ เปิดหูเปิดตามากครับ ตามลิงค์ด้านล่างออถ้าใครอยากรู้ว่า เพิ่มเติมแบบละเอียดยิบ แนะนำให้เข้าไปอ่านครับ
http://thaipublica.org/2015/05/thaihealth-2015/
สุดยอดไปเลยครับ สสส 10 ปี ที่ผ่านมาได้งบ 30,000 ล้านบาท โดยสามารถใช้เงินได้ตามสบาย
จากข่าวนี้ผมเองก็เพิ่งรู้ว่า สสส เค้าใช้เงินได้สบายๆ จะทำโครงการอะไรก็ได้ ต่อปีได้เงิน มากกว่า 3 พันล้านบาท
http://www.thairath.co.th/content/450921
ในข่าว พี่แกบอกว่า เราจะทำงานเชิงรุก ถ้าเราอยากให้คนไทย สูบบุหรี่น้อยลง เราต้องรู้ก่อนว่าสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ตรงไหน การลดระดับบุหรี่ในประชากร ที่ไม่ใช่ปัจเจกบุคคล บ้านเมืองนี้จะต้องทำอะไรกันบ้าง และอะไรที่ยังไม่ได้ทำ ช่องว่างมีหรือไม่ หรือใครจะต้องทำ ดังนั้นแผนงานต่างๆ ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง" ดร.สุปรีดา กล่าว
แล้วมาดูนี้ครับ จากที่ผ่านมา ที่แกบอกว่าสถิติคนสูบบุหรี่-ซื้อเหล้าลด
แต่แปลกไหมครับที่รายได้จากภาษีบาปกลับเพิ่มขั้นทุกปี มันน่าแปลกใจไหมครับ
นั้นยังไม่พอครับ สสส. อ้างว่า ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ ร่วมกันผลักดันให้คนไทย ลด ละ เลิก การสูบยาสูบทุกประเภท
ส่งผลให้แนวโน้มการสูบบุหรี่ลดลงโดยลำดับในช่วงปี 2534-2554 จาก 12.26 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 32 ของประชากรทั้งประเทศ ในปี 2534 ลดเหลือ 11.40 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.70 ของประชากรทั้งประเทศ ในปี 2554
แต่ลองคิดแบบเด็กๆ ตามผมดูนะครับ ถ้าอัตราการสูบบุหรี่และการซื้อแอลกอฮอล์ลดลงจริง ตามที่ สสส บอก อัตรารายได้ของ สสส ก็น่าจะลดลงตาม เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของ สสส. มาจาก 2% ของภาษีสรรพสามิตที่รัฐเก็บจากการขายยาสูบ สุรา และเบียร์จริงไหม ครับ ไหงบอกคนดืมลดลง แต่รายได้จากการขายเหล้าบุหรีเบียกับเพิ่มขึ้น หรือว่า 1 คนกินดืมมากขึ้นกว่าเดิมเหรอ!
ออเดียวอาจจะมีคนแย้ง จริงๆแล้ว สสส ก็มีรายได้ลดด้วยนะครับ มี 2 ปี จากตลอด 13 ปีที่ผ่านมา (2544-2557) รวมเป็นเงินกว่า 35,848 ล้านบาท มีอยู่เพียง 2 ปีเท่านั้นที่ สสส. ได้รับเงินบำรุงกองทุนจากภาษีบาปในปีนั้นน้อยกว่าปีก่อนหน้า คือในปี 2549 ซึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มอัตราภาษียาสูบเป็น 79% ทำให้การบริโภคยาสูบลดลง และในปี 2552 ที่มีการขึ้นภาษีเบียร์จาก 55% เป็น 60% ทำให้การบริโภคเบียร์ลดลง จนเก็บภาษีเบียร์ได้น้อยกว่าปีก่อนถึงกว่า 4 พันล้านบาท ส่วนปีอื่นๆ รัฐเก็บภาษีบาปได้เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้รายได้ของ สสส. เพิ่มขึ้นด้วย โดยในปี 2557 สสส. แจ้งว่ามีรายได้จากเงินบำรุงกองทุนที่มาจากภาษีบาป 4,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแรกก่อตั้ง ในปี 2544 ที่ได้เงินจากภาษีบาป 1,526 ล้านบาท คิดเป็น 266% หรือกว่า 2 เท่าครึ่ง โอ้วเย่!
มาถึงตรงนี้ ผมพูดได้ไหมว่า สสส ไม่ประสบความสำเร็จในการรณรงค์ให้คนเลิกเหล้าเลิก บุหรี่ แถมงบประมาณที่ใช้ก็มากขึ้นทุกปี
เงินตรงนั้นละลายหายไป หายไปทำอะไรทำแล้วได้ผลจริงหรือ อันนี้ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะมีคำตอบแล้ว
ปล.ขอบคุณข้อมูลดีๆ เปิดหูเปิดตามากครับ ตามลิงค์ด้านล่างออถ้าใครอยากรู้ว่า เพิ่มเติมแบบละเอียดยิบ แนะนำให้เข้าไปอ่านครับ
http://thaipublica.org/2015/05/thaihealth-2015/