การค้นพบล่าสุดของกระผมเกี่ยวกับ : วิปัสสนา -> การไถ่ถอน -> การหลุดออกจากกระแสการเวียนว่าย เห็นแล้วมาเล่าให้ฟัง

กราบทักทายเพื่อนๆที่รักยามดึก

นี่เป็นกระทู้แรกของกระผมหลังจากหยุดเล่น Pantip ไป
หลังจากที่กระผมพบว่าเกิดความทนงตัวขึ้นกับตัวเอง กระผมจำเป็นต้องกล่าวขอขมาเพื่อนๆบางท่านที่เคยใช้คำพูดที่อาจทำให้ขุ่นเคืองใจ
เพื่อก้าวข้ามสิ่งที่ยังติดขัด ยังเป็นตัวตนอยู่
และปลีกวิเวก ปฏิบัติอยู่คนเดียวทุกวันโดยไม่เสวนาเรื่องธรรมะกับใครอีกเลย

วันนี้ระหว่างการปฏิบัติ กระผมได้เห็นหรือค้นพบหรือเข้าใจแล้วว่า การวิปัสสนานั้นมันก่อให้เกิดกระบวนการ การไถ่ถอน ได้อย่างไร
และเหตุใดวิปัสสนานั้นคือเครื่องมือเดียวที่เราจำเป็นต้องใช้เพื่อไปสู่การหลุดพ้น หรือการหลุดออกจาก กระแส หรือ วังวน แห่งการเวียนว่าย ขอรับ

อนึ่ง: สิ่งที่กระผมแชร์นี้มิได้เป็นการอวดตน มิได้มาบอกว่ากระผมเก่งหรือได้พบเรื่องราวเหนือธรรมชาติ หากแต่เป็นการแชร์ประสพการณ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆบางท่าน รวมถึงเป็นการยืนยันว่าพวกเราจำเป้นต้องฝึกเพื่อให้สามารถวิปัสสนาได้เต็มๆ มิเช่นนั้นก็ยังต้องเวียนว่ายต่อไปขอรับ

กระผมขออนุญาต: ใช้ภาษาที่สื่อสารง่ายๆ ตามความรู้ความเข้าใจ ในระดับของวินาทีนี้ขอรับ

วิปัสสนา: พูดให้เห็นภาพ - ขีดเส้นกลางด้วยช็อคสีขาว ซ้ายและขวาคือความไม่มีสิ้นสุด ไม่มีขอบเขตใดใด
ฝั่งขวาคือความว่างเปล่า ฝั่งซ้ายคือเวทนา ใช้ความว่างเปล่าในฝั่งซ้ายนั้นดูเวทนาทางฝั่งขวาให้สิ้น

ความว่างเปล่าอันบริบูรณ์จะดับความคิดที่จะผุดขึ้นมา ความว่างเปล่าอันบริบูรณ์ที่ปราศจากความคิดจะช่วยให้ได้เห็นเวทนาแบบเต็มๆ
ต้องใช้ความช่ำชองจากการฝึกบ่อยๆ ในการที่จะสามารถดูเวทนาที่เกิดขึ้นได้อย่างเต็ม 100 บริสุทธิ์ (หรือการวิปัสสนาอย่างเต็มที่) เป็นระยะเวลานานๆ (แม้ความคิดผุดขึ้นมาก็ต้องไปให้ทัน ดับแล้วกลับมาที่เวทนาใหม่)

การไถ่ถอน: วิปัสสนาเป็นวิธีเดียวในการก่อให้เกิดกระบวนการการไถ่ถอน ซึ่งจะนำไปสู่การหลุดพ้นนั่นเอง (สมถะทำไม่ได้ขอรับ) เมื่อวิปัสสนาได้เต็มกำลัง ก็จะเห็นการไถ่ถอน การคิน การถูกดูดเอาไป (ขออนุญาติใช้คำเหล่านี้มาแทนสภาวะที่เกิดขึ้นเพื่อความเข้าใจกันนะขอรับ) หรือง่ายๆ ก็คือการคืนไปสู่ธรรมชาติขอรับ เมื่อสามารถซัดวิปัสสนาได้เต็มที่ มันจะไถ่ถอนได้มาก เชี่ยว และ ลึก ... พวกตื้นๆนั้นไปก่อน ไปได้ง่าย ไอ้ที่อยู่ลึกนั้นต้องอาศัยประสพการณ์ ความช่ำชองในการไถ่ถอน ในการคลาย ในการปล่อยมันคืนไป

การหลุดออกจากกระแสการเวียนว่าย: พูดแล้วขนลุก เราได้สั่งสมความยึดมั่นถือมั่น ความมีตัวตนมาอย่างยาวนาน ไม่รู้นานมากแค่ไหน หากไม่เรื่มตอนนี้ หากในช่วงชีวิตนี้วิปัสสนาไม่เป็นเลย ก็ต้องเวียนว่ายต่อไป โดยที่เรามิอาจรู้ได้เลยว่าเมื่อดับตรงนี้แล้ว ไอ้ความยึดมั่นนั้นมันจะนำพาไปไหน ... จุดนี้น่ากลัวมากขอรับ

ขณะเดียวกัน ยิ่งปล่อย หรือ คืนมันไป ยิ่งเบา ยิ่งสว่าง ยิ่งชัดเจน
พวกพระอรหันต์หรือพวกที่หลุดจากกระแสหรือวังวนแห่งการเวียนว่ายนั้น คือมันสิ้นสุดการถ่ายถอนแล้ว พวกเค้าเสร็จกิจ คือคืนหมดแล้ว
หมดแล้วซึ่งความยึดในตัวตน มันเป็นการปล่อยในแบบ Auto pilot ไม่มียื้อแล้วแม้แต่ในสัญชาติญาณขอรับ

สรุป: เรื่องการเวียนว่ายกระผมยังไม่อาจอธิบายหรือยืนยันด้วยภาษาว่ามันเป็นยังไง
ภาพแผนผังในการเวียนว่ายในแต่ละเสต็ปแต่ละขั้นตอนมันเป็นยังไง กระผมยังปัญญาไม่ถึงระดับนั้น

แต่เอาเท่าที่รู้ตอนนี้ เท่าที่ปัญญามีตอนนี้คือ
เจ้าสิ่งที่เราถ่ายถอนนั้น (ขอใช้คำว่า A เป็นตัวแทน) คือตัวที่อยู่ในระบบเวียนว่ายหรือวังวนของธรรมชาตินี้
เมื่อตายลง เราไม่มีอีกต่อไป แต่ A ก็ยังไปของมันต่อ (ไปไหน ภพภูมิ หรือยังไง ตอนนี้กระผมยังมิทราบ)
เพียงแต่มันไปประกอบกับ .... แล้วจึงเกิดขึ้น ซึ่งไอ้ที่เกิดขึ้นใหม่นั้นน่ะ มันไม่ใช่เราอีกต่อไปแล้วนะ แต่มันเป็น A ที่สั่งสมมา
แล้วก็ต้องไปรับ สุขทุกข์ หรือ ทำบุญกรรม ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้น

ทางออกเดียว One way out of this horrific system is วิปัสสนา ขอรับ


กระผมหวังว่าการแชร์สิ่งที่กระผมได้พบจากการปฏิบัตินี้นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆไม่มากก็น้อย
ขออภัยในภาษาที่อาจอ่านแล้วชวนให้มึนงง
พบกันเมื่อพบกันขอรับ

ไข่แมว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่