ขอแชร์ความเข้าใจของกระผมจากการวิปัสสนา เรื่องการวาง, การวิปัสสนาโดยใช้เวทนา การวิปัสสนาโดยใช้การเห็นขอรับ

ทักทายยามค่ำคืนขอรับ

ก่อนที่กระผมจะแสดงความเห็นตามหัวข้อกระทู้นี่
ขอแสดงเจตนาอันบริสุทธิ์ของกระผมก่อนว่า กระทู้นี่มิได้ตั้งขึ้นมาเพื่อบอกว่าอะไรผิดอะไรถูก หรือสิ่งที่กระผมเข้าใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
มันอาจจะผิดก็ได้ และแม้วันนี้กระผมจะมีมุมมองแบบนี้ แต่วันหน้ากระผมอาจจะมองมันต่างไปก็เป็นได้เช่นกัน

ประเด็นที่สำคัญคือกระผมจำเป็นต้องแสดงความคิดเห็นนี้แบบชัดๆตามขีดสุดของความเข้าใจที่ได้จากการปฏิบัติของกระผมในวินาทีนี้
หากท่านล้ำหน้ากระผมไปแล้ว ท่านอาจจะมองว่ากระผมนั้นยังด้อยนัก อันนี้กระผมไม่มีปัญหาใดใดเลย น้อมรับทุกอย่าง
หากแม้กระผมล่วงหน้าท่านไปก็ตาม กระผมก็ยังด้อยนักเมื่อเทียบกับผู้อื่น วันหนึ่งท่านอาจจะแซงหน้ากระผมไปไกลมากก็เป็นได้

กระผมขออนุญาติแชร์ด้วยใจบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์แก่นักปฏิบัติทุกระดับและทุกท่านขอรับ

เรื่องคำบัญญัติต่างๆ คำอธิบายทางธรรมนั้นจำเป็นต้องมี เพราะไม่งั้นก็ถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ให้กับผู้อื่นไม่ได้
แต่หากละเรื่องความจำเป็นในการจะถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ต่อๆไป หากไม่ต้องสอนใคร คำสรุปสั้นๆของกระผมเกี่ยวกับการวิปัสสนานั่นก็คือการวาง
(ข้อเว้นเรื่อง ภพ ชาติ บุญ กรรม นรก สวรรค์ etc. เพราะกระผมไม่รู้จริงๆขอรับ)

การเรื่มฝึกวิปัสสนา = การเรื่มฝึกวาง
เมื่อวิปัสสนาได้เก่งขึ้น = ก็เรื่มวางได้มากขึ้น
เมื่อวิปัสสนาได้อย่างไร้ที่ติ ครบบริบูรณ์ = ก็วางได้สิ้น

เนื่องจากกระผมใช้เวทนาในการวิปัสสนาจึงขอใช้คำอธิบายความดั่งนี้:

การใช้คำว่าพิจารณา การเกิดดับ หรือการเปลี่ยนแปลง นั้นคือคำอธิบายความเพื่อให้เข้าใจว่าจะต้องทำเช่นไรเพื่อให้เกิดกระบวนการวิปัสสนา
หากทำได้แล้ว เข้าใจแล้วว่า ต้องพิจารณายังไงให้เป็นวิปัสสนา ก็ใช้ความเข้าใจว่านี่กำลังฝึกวางอยู่

วางได้บ้าง/ยังวางไม่ได้บ้าง วางได้แล้ว/ยังวางไม่ได้เลย อันนี่ผู้ปฏิบัติย่อมรู้เอง
รู้ได้ว่าระหว่างปฏิบัติอยู่นั้น การปฏิบัติของตนนั้นก้าวหน้ามากกว่าเดิม ยังคงเท่าที่เดิม หรือถดถอยลง

ความเจ็บปวดระหว่างปฏิบัติ - คือด่านแรกที่ต้องใช้ความพยายามในการที่จะเข้าใจมันให้ได้
สำหรับกระผมแล้วยากมากๆและใช้เวลานานมากกว่าที่วาง "เจ็บปวด" ลงได้ (คือทุกวันนี้อาการย่อมและยังเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บังคับไม่ได้ตามธรรมชาติ แต่ก็เป็นแค่อาการ ไม่ใช่ "เจ็บปวด" อีกต่อไป) <--- ขออภัยหากอธิบายได้ไม่ดี

ความปิติสุขสะท้าน- อันนี้วูบวาบ เกิดขึ้นเร็ว ซาบซ่า สะท้าน และหายวับ คือวับเลย (อันนี้ก็ต้องวางขอรับ ต้องวางไม่ต่างจากความเจ็บปวด)

ความตื่นเต้นสุดหัวใจ - อธิบายความยากแท้ คือเจ้าอาการนี้มันเกี่ยวเนื่องกับปิติสุข เหมือนวงกลมสองวงที่ทับซ้อนกันอยู่ แต่มันคนละตัวกัน
                              กระผมมีความเห็นว่า วางปิติสุขที่มากๆแล้ว ความตื่นเต้นสุดโต่งมักจะเกิดขึ้น ซึ่งก็ต้องวางให้ได้เช่นกัน

ความนิ่งสบาย ราวกับเส้นตรงที่ไม่มีสิ้นสุด - ก็ต้องวาง

แสงสว่างหรือสิ่งที่เห็นระหว่างปฏิบัติ (การมองเห็นทั้งๆที่หลับตา) (การวิปัสสนาโดยใช้การมองเห็น) - ต้องวาง ซึ่งอันนี้หากยังวิปัสสนาไม่คล่อง หรือไม่เคยวิปัสสนา มันจะยากมาก (หรือเป็นไปไม่ได้เลย) เพราะความคิดมันเกิดขึ้นไวสุดๆ (ยากที่จะรู้ทันความคิดที่ปรากฏขึ้น)
แต่หากวิปัสสนาพอคล่องแล้ว วิธีนี้ก็เป็นการฝึกวิปัสสนาที่เป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติของเราได้เหมือนกัน

* อนึ่งขอใช้คำว่าความคิดแทน สังขาร สัญญา หรือวิญญาน ไปเลยในทีเดียวนะขอรับ*

คือรู้การเกิดดับของสิ่งที่เห็นได้ทันและครบบริบูรณ์หรือไม่ รู้ทันความคิดที่เกิดขึ้นซ้อนตามมากับสิ่งที่ปรากฏขึ้นในการเห็นหรือไม่ (หากท่านวิปัสสนาพอคล่องแล้ว บางครั้งท่านอาจจะรู้ทันเจ้าความคิดที่ปรากฏขึ้นได้ทันท่วงที เห็นการเกิดดับของความคิด บางครั้งท่านอาจไปรู้ช้านิดนึง ไปรู้ตอนความคิดมันเกิดขึ้นมาแล้วช่วงต้น ช่วงกลาง หรือช่วงปลาย แต่อย่างน้อยก็ยังรู้ หรือบางครั้งท่านอาจจะดูการเกิดดับหรือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่เห็นได้เต็มเปี่ยมจนไม่เหลือ Gap ให้ความคิดมันเกิดขึ้นได้เลย)

* หากใช้วิธีการนี้ในการวิปัสสนา เมื่อวิปัสสนาได้พอคล่องแล้ว ในกรณีที่เกิดความคิดขึ้น ท่านจะเห็นว่าความคิดนั้นไม่ได้เร็วถึงขนาดที่จะรู้ไม่ทัน ความเร็วในการเกิดขึ้นของความคิดมันจะไวสักแค่ไหน เร็วกว่าวินาทีไหม อันนี้กระผมไม่ทราบ แต่นักปฏิบัติสามารถรู้ทันมันได้ ซึ่งนับว่า Amazing มากๆขอรับ*

เขียนมายาวแล้ว คืนนี้เอากันเท่านี้ก่อนขอรับ
หากกระทู้นี้ได้สร้างประโยชน์แก่เพื่อนๆแม้เพียงน้อยนิด ก็นับว่าคุ้มต่ายิ่ง
เชิญเพื่อนๆแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่ขอรับ

Good Night

ไข่แมว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่