เหตุผลที่ผู้หญิงควรเล่น เวทเทรนนิ่ง
คุณ ผู้ชายหลายคนคงเคยประสบปัญหานี้ เมื่อชักชวนคุณผู้หญิงไปเล่นเวทเทรนนิ่ง จะได้รับคำตอบกลับมาว่า
“ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวกล้ามขึ้น เดี๋ยวล่ำ ไม่อยากมีกล้าม “ ผมนี่ฟังจนเบื่อ ผมตอบตรงนี้เลย เล่นไปเหอะ เล่นให้ตายก็กล้ามไม่ใหญ่
สำหรับผู้หญิง เหตุผลที่ผู้หญิงไม่สามารถ มีกล้ามเนื้อที่ใหญ่ได้เนื่องจาก ฮอร์โมนเพศเป็นตัวกำหนดครับ อย่างที่รู้กันฮอร์โมนเพศหญิงและเพศชายนั้น มีหน้าที่ ที่ต่างกัน ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนั้นจะเป็นตัวแปรในการช่วยให้มีการสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งในตัวของเพศหญิงจะมีฮอร์โมนเพศชายอยู่น้อย เพราะฉะนั้นยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เพศหญิงจะมีกล้ามเนื้อที่ใหญ่
และยังมีอีกหลายตัวแปรที่ทำให้มีกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น อาหาร พวกคุณผู้หญิงกินโปรตีนได้ถึงระดับที่สร้างกล้ามเนื้อได้หรือเปล่า อย่างนักเพาะกาย ต่ำๆก็กินโปรตีน x2 x3 ของน้ำหนักตัว สมมุติ น้ำหนัก 100กิโล x2 ก็เท่ากับ โปรตีน200กรัม ตีค่าออกมาเป็นไก่ ก็ไก่ประมาณ 1กิโล นี่ยังเบๆนะครับ ถ้าจะบิวท์ให้ขึ้นไปจริง ผมเคยเห็นเขากินกันวันละ 3กิโลด้วยซ้ำ
ถัดมาก็น้ำหนักที่ใช้ในการยก คงไม่มีผู้หญิงคนไหนยกแบบหนักมากๆ ถ้าไม่ได้จะว้อมเพือไปแข่ง ยก น้ำหนัก หรือแข่งเพาะกาย หรอกครับ
สรุป เอา แค่ 3ปัจจัยนี้ ฮอร์โมน อาหาร หนักที่ใช้ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้วที่จะมีกล้ามใหญ่ แต่ที่เห็นมีผู้หญิงที่กล้ามใหญ่ๆแข่งเพาะกาย ก็เป็นไปได้ว่า เขามีการใช้ตารางฝึก กินอาหาร แบบนักเพาะกาย และสุดท้ายอาจมีการใช้ยาช่วยกระตุ้น ปักไปเป็นเข็มๆ
แล้วข้อดีล่ะสำหรับการที่ผู้หญิงมาเล่นเวทเทรนนิ่ง(เล่นแล้วกล้ามใหญ่นี่เลิกคิดไปเลย)
1.ระบบเผาผลาญที่ดีขึ้น เผาผลาญได้เยอะขึ้น ทำให้กินได้เยอะขึ้นโดยที่ไม่ต้องกลังอ้วน ไอ้สูตรที่ว่ากินน้อย อดข้าวเย็น นี่ลืมมันไปเถอะครับ มันจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังคือ ระบบเผาผลาญเราจะเสียกินนิดๆหน่อยๆก็อ้วนง่าย
ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเลย ร่างกายคนเรามันจะจำว่าวันนึงเรารับพลังงานเท่าไหร่ แล้วร่างกายควรจะเผาผลาญเท่าไหร่ เช่น
อีแมว ใช้พลังงานต่อวันรวมการทำกิจกรรมทั้งหมดอยู่ที่ 2,000 แคล/วัน อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อทักอีแมวว่า อีอ้วนนนน!!! อีแมวเสียใจตั้งใจจะลดน้ำหนัก โดยการ ลดอาหาร ไม่กินข้าวเย็น และรับพลังงานน้อยลง โดยตั้งใจจะกินวันละ 1,000 แคล โดยในช่วง 1อาทิตย์แรก น้ำหนักลงไวมากแต่พอเข้าอาทิตย์ที่ 2 น้ำหนักไม่ลง และอีแมวก็กินฉลองไป1มื้อเนื่องจากที่ น้ำหนักลด สิ้นสัปดาห์ที่ 2 สรุปว่าน้ำหนัก อีแมว ขึ้นมาจากเดิมและไม่มีท่าทีที่จะลด สุดท้ายอีแมวถอดใจกลับมากินเหมือนเดิม กลับสู่วงจรอุบาทว์
เหมือนเดิม
มาวิเคราะห์เหตุการณ์นี้กัน อีแมวกินน้อยในช่วงแรกน้ำหนักลดไว เพราะ
ช่วงแรกร่างกายยังใช้พลังงาน 2,000อยู่ และสิ่งที่ถูกดึงออกไปตอนแรก เป็นน้ำในเซลล์ และ อาจจะเป็นกล้ามเนื้อด้วย น้ำในเซลล์สามารถรีดออกไปง่ายมากก็แค่ลดโซเดียมลง
ช่วงสอง น้ำหนักอีแมวในช่วงสัปดาห์ที่2 เริ่มไม่ลง เกิดจาก ร่างกายอีแมว รับรู้ได้ว่าวันๆนึงอีแมวกินแค่ 1,000 แคล ทำให้ร่างกายเข้าเซฟโหมด โดยการใช้พลังงานน้อยลงจากปกติ 2,000
อาจจะลดเหลือเพียง 1,000 หรือไม่เกิน 1,000 เพราะร่างกายคิดว่าสภาพร่างกายแบบนี้คือ อีแมวอาจจะหลงป่า ในป่าไม่มี 7-11 เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยอีแมวโดยการใช้พลังงานน้อยลงเพื่อให้อีแมวมีชีวิตรอดต่อไป
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ อีแมวน้ำหนักไม่ลด เพราะร่างกายใช้พลังงานน้อยลง และผลกระทบที่ตามมาคือ การที่ร่างกายเข้าเซฟโหมด ก็คือ การที่ร่างกายพยายามลดการใช้พลังงานต่างๆ เช่น ระบบภายในเราที่ทำงานเป็นปกติ ไม่ว่าจะ ตับไต ไส้พุง
ก็จะทำงานช้าลง น้อยลง ส่งผลให้ระบบภายในรวนไปหมด
ช่วงสาม การที่อีแมวกินแค่มื้อเดียวเพื่อฉลองแล้วน้ำหนักขึ้น อธิบายได้ดังนี้ ร่างกายอีแมวเข้าเซฟโหมด ทำให้ใช้พลังงานต่อวันแค่ 1,000 เท่านั้น และในมื้อนั้นสมมุติ อีแมวกินบุฟเฟ่แบบจัดเต็ม โดยมื้อนั้น รับพลังงานไปเต็มๆ 1,000 โดยที่ยังไม่รวมมื้ออื่นๆที่กิน ทำให้ วันนั้นอีแมว ใช้ 1,000 แต่กินไปวันนั้น อาจจะ 2,000 ทำให้มีพลังงานส่วนเกินมา 1,000 บวกกับที่ร่างกายอีแมวเข้าใจว่า อีแมว หลงป่าหา 7-11 ไม่ได้ ทำให้ร่างกายเก็บสะสมพลังงานส่วนเกินนั้นทันที น้ำหนักอีแมวเลยพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สรุป อีแมวอดอาหารร่างกายเข้าเซฟโหมดทำให้อีแมวใช้พลังงานน้อยลง กล้ามเนื้ออีแมวถูกดึงไปใช้เป็นพลังงานในช่วงเซฟโหมด ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้น้อยลง(อีแมวต้องกลับมาฟื้นฟูเพิ่มกล้ามเนื้อใหม่เพื่อให้กลับมาใช้พลังงานได้เท่าเดิม)
ตอนนี้อีแมวจะเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟคแล้ว คือกินนิดหน่อยก็อ้วน เพราะกล้ามเนื้อลดลง และ ร่างกายเผาผลาญได้น้อยลง
แค่ข้อแรกก็โคตรยาวละ เดี๋ยวข้ออื่นค่อนมาต่อละกันนะ อดทนกันนิด กึ๊ดเดียวก็จบ
แอด ฮัค
CR -
https://www.facebook.com/wtfwhatthefit
ผู้หญิงกับเวทเทรนนิ่ง
เหตุผลที่ผู้หญิงควรเล่น เวทเทรนนิ่ง
คุณ ผู้ชายหลายคนคงเคยประสบปัญหานี้ เมื่อชักชวนคุณผู้หญิงไปเล่นเวทเทรนนิ่ง จะได้รับคำตอบกลับมาว่า
“ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวกล้ามขึ้น เดี๋ยวล่ำ ไม่อยากมีกล้าม “ ผมนี่ฟังจนเบื่อ ผมตอบตรงนี้เลย เล่นไปเหอะ เล่นให้ตายก็กล้ามไม่ใหญ่
สำหรับผู้หญิง เหตุผลที่ผู้หญิงไม่สามารถ มีกล้ามเนื้อที่ใหญ่ได้เนื่องจาก ฮอร์โมนเพศเป็นตัวกำหนดครับ อย่างที่รู้กันฮอร์โมนเพศหญิงและเพศชายนั้น มีหน้าที่ ที่ต่างกัน ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนั้นจะเป็นตัวแปรในการช่วยให้มีการสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งในตัวของเพศหญิงจะมีฮอร์โมนเพศชายอยู่น้อย เพราะฉะนั้นยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เพศหญิงจะมีกล้ามเนื้อที่ใหญ่
และยังมีอีกหลายตัวแปรที่ทำให้มีกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น อาหาร พวกคุณผู้หญิงกินโปรตีนได้ถึงระดับที่สร้างกล้ามเนื้อได้หรือเปล่า อย่างนักเพาะกาย ต่ำๆก็กินโปรตีน x2 x3 ของน้ำหนักตัว สมมุติ น้ำหนัก 100กิโล x2 ก็เท่ากับ โปรตีน200กรัม ตีค่าออกมาเป็นไก่ ก็ไก่ประมาณ 1กิโล นี่ยังเบๆนะครับ ถ้าจะบิวท์ให้ขึ้นไปจริง ผมเคยเห็นเขากินกันวันละ 3กิโลด้วยซ้ำ
ถัดมาก็น้ำหนักที่ใช้ในการยก คงไม่มีผู้หญิงคนไหนยกแบบหนักมากๆ ถ้าไม่ได้จะว้อมเพือไปแข่ง ยก น้ำหนัก หรือแข่งเพาะกาย หรอกครับ
สรุป เอา แค่ 3ปัจจัยนี้ ฮอร์โมน อาหาร หนักที่ใช้ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้วที่จะมีกล้ามใหญ่ แต่ที่เห็นมีผู้หญิงที่กล้ามใหญ่ๆแข่งเพาะกาย ก็เป็นไปได้ว่า เขามีการใช้ตารางฝึก กินอาหาร แบบนักเพาะกาย และสุดท้ายอาจมีการใช้ยาช่วยกระตุ้น ปักไปเป็นเข็มๆ
แล้วข้อดีล่ะสำหรับการที่ผู้หญิงมาเล่นเวทเทรนนิ่ง(เล่นแล้วกล้ามใหญ่นี่เลิกคิดไปเลย)
1.ระบบเผาผลาญที่ดีขึ้น เผาผลาญได้เยอะขึ้น ทำให้กินได้เยอะขึ้นโดยที่ไม่ต้องกลังอ้วน ไอ้สูตรที่ว่ากินน้อย อดข้าวเย็น นี่ลืมมันไปเถอะครับ มันจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังคือ ระบบเผาผลาญเราจะเสียกินนิดๆหน่อยๆก็อ้วนง่าย
ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเลย ร่างกายคนเรามันจะจำว่าวันนึงเรารับพลังงานเท่าไหร่ แล้วร่างกายควรจะเผาผลาญเท่าไหร่ เช่น
อีแมว ใช้พลังงานต่อวันรวมการทำกิจกรรมทั้งหมดอยู่ที่ 2,000 แคล/วัน อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อทักอีแมวว่า อีอ้วนนนน!!! อีแมวเสียใจตั้งใจจะลดน้ำหนัก โดยการ ลดอาหาร ไม่กินข้าวเย็น และรับพลังงานน้อยลง โดยตั้งใจจะกินวันละ 1,000 แคล โดยในช่วง 1อาทิตย์แรก น้ำหนักลงไวมากแต่พอเข้าอาทิตย์ที่ 2 น้ำหนักไม่ลง และอีแมวก็กินฉลองไป1มื้อเนื่องจากที่ น้ำหนักลด สิ้นสัปดาห์ที่ 2 สรุปว่าน้ำหนัก อีแมว ขึ้นมาจากเดิมและไม่มีท่าทีที่จะลด สุดท้ายอีแมวถอดใจกลับมากินเหมือนเดิม กลับสู่วงจรอุบาทว์
เหมือนเดิม
มาวิเคราะห์เหตุการณ์นี้กัน อีแมวกินน้อยในช่วงแรกน้ำหนักลดไว เพราะ
ช่วงแรกร่างกายยังใช้พลังงาน 2,000อยู่ และสิ่งที่ถูกดึงออกไปตอนแรก เป็นน้ำในเซลล์ และ อาจจะเป็นกล้ามเนื้อด้วย น้ำในเซลล์สามารถรีดออกไปง่ายมากก็แค่ลดโซเดียมลง
ช่วงสอง น้ำหนักอีแมวในช่วงสัปดาห์ที่2 เริ่มไม่ลง เกิดจาก ร่างกายอีแมว รับรู้ได้ว่าวันๆนึงอีแมวกินแค่ 1,000 แคล ทำให้ร่างกายเข้าเซฟโหมด โดยการใช้พลังงานน้อยลงจากปกติ 2,000
อาจจะลดเหลือเพียง 1,000 หรือไม่เกิน 1,000 เพราะร่างกายคิดว่าสภาพร่างกายแบบนี้คือ อีแมวอาจจะหลงป่า ในป่าไม่มี 7-11 เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยอีแมวโดยการใช้พลังงานน้อยลงเพื่อให้อีแมวมีชีวิตรอดต่อไป
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ อีแมวน้ำหนักไม่ลด เพราะร่างกายใช้พลังงานน้อยลง และผลกระทบที่ตามมาคือ การที่ร่างกายเข้าเซฟโหมด ก็คือ การที่ร่างกายพยายามลดการใช้พลังงานต่างๆ เช่น ระบบภายในเราที่ทำงานเป็นปกติ ไม่ว่าจะ ตับไต ไส้พุง
ก็จะทำงานช้าลง น้อยลง ส่งผลให้ระบบภายในรวนไปหมด
ช่วงสาม การที่อีแมวกินแค่มื้อเดียวเพื่อฉลองแล้วน้ำหนักขึ้น อธิบายได้ดังนี้ ร่างกายอีแมวเข้าเซฟโหมด ทำให้ใช้พลังงานต่อวันแค่ 1,000 เท่านั้น และในมื้อนั้นสมมุติ อีแมวกินบุฟเฟ่แบบจัดเต็ม โดยมื้อนั้น รับพลังงานไปเต็มๆ 1,000 โดยที่ยังไม่รวมมื้ออื่นๆที่กิน ทำให้ วันนั้นอีแมว ใช้ 1,000 แต่กินไปวันนั้น อาจจะ 2,000 ทำให้มีพลังงานส่วนเกินมา 1,000 บวกกับที่ร่างกายอีแมวเข้าใจว่า อีแมว หลงป่าหา 7-11 ไม่ได้ ทำให้ร่างกายเก็บสะสมพลังงานส่วนเกินนั้นทันที น้ำหนักอีแมวเลยพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สรุป อีแมวอดอาหารร่างกายเข้าเซฟโหมดทำให้อีแมวใช้พลังงานน้อยลง กล้ามเนื้ออีแมวถูกดึงไปใช้เป็นพลังงานในช่วงเซฟโหมด ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้น้อยลง(อีแมวต้องกลับมาฟื้นฟูเพิ่มกล้ามเนื้อใหม่เพื่อให้กลับมาใช้พลังงานได้เท่าเดิม)
ตอนนี้อีแมวจะเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟคแล้ว คือกินนิดหน่อยก็อ้วน เพราะกล้ามเนื้อลดลง และ ร่างกายเผาผลาญได้น้อยลง
แค่ข้อแรกก็โคตรยาวละ เดี๋ยวข้ออื่นค่อนมาต่อละกันนะ อดทนกันนิด กึ๊ดเดียวก็จบ
แอด ฮัค
CR - https://www.facebook.com/wtfwhatthefit