(ต่อจากเมื่อวานค่ะ)
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น กิ่งแก้วมาเชิญแขกทั้งคู่ให้ไปยังห้องอาหารของเรือนหลวง ที่นั่นเจ้าของคุ้มแสนสวยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอพิลาศล้ำด้วยเสื้อไหมโปร่งแขนยาวสีชมพูและเสื้อเกาะอกสีเดียวกัน เผยผิวนวลผ่องเป็นยองใยภายใต้ร่มผ้าบางเบา ผ้าซิ่นสีเดียวกับเสื้อ ปักลายป่าหิมพานต์แสนวิจิตร
บนโต๊ะอาหารที่ทำด้วยไม้มะฮอกกานีอย่างดีมีสำรับประกอบไปด้วยแกงฮังเล น้ำซุปถั่วลันเตา ผักกุ่มดอง แคบหมูกับน้ำพริกอ่องและข้าวเหนียววางอยู่
เจ้าของเรือนหลวงเชื้อเชิญให้ทั้งคู่นั่ง ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองตามร่างอาคันตุกะหนุ่มไม่วางตา
“ที่เมืองเวียงแถน เราจะทำอาหารพวกนี้ไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พวกคุณคงทานได้” เธอแนะนำสำรับอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยกิริยาแช่มช้อย แล้วเอ่ยถามแขกต่างเมือง
“สบายมากครับ เพื่อนผมที่เชียงใหม่พาไปกินอาหารพวกนี้บ่อย ๆ ผมชอบแกงฮังเลกับน้ำพริกอ่องมาก ทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ” เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอกดูเหมือนเจ้าของคุ้มสาวจะชะงักไปเล็กน้อย เธอยิ้มเยื้อนก่อนเชิญให้สองหนุ่มสาวลงมือทาน
ระหว่างมื้ออาหาร พวงชมพูสังเกตเห็นเจ้านางคนงามคอยบริการเพื่อนหนุ่มของเธอเป็นพิเศษ หญิงเจ้าของคุ้มตักแกงฮังเลให้ชายหนุ่มถี่ ๆ เลือกเอาแต่ชิ้นที่ติดมันนิด ๆ ผักแนมก็เลื่อนเฉพาะแตงกวามาให้ตรงหน้าเหมือนรู้ว่าเขาชอบ นพคุณเองก็ทำหัวร่อต่อกระซิกอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาของครูสาว เขายิ้มและขอบคุณเจ้าหญิงไทเขินทุกครั้งที่เธอบริการด้วยน้ำเสียงตลก ๆ ซื่อ ๆ ตามสไตล์
เจ้านางคำหยาดฟ้ายิ้มแย้ม หยิบจับโน่นนี่ด้วยกิริยาชดช้อย พลางชวนชายหนุ่มแดนไกลสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเจื้อยแจ้ว แววตาคู่สวยสดใสเปล่งประกายแวววาว เจ้านางโฉมงามดูเหมือนมีความสุขมากตลอดมื้ออาหาร ในขณะที่พวงชมพูกลับรู้สึกกลืนข้าวแทบไม่ลงเหมือนข้าวติดคอ
........................................................................
เชิงอรรถ
1ไทใหญ่ : นักมานุษยวิทยาใช้เกณฑ์ด้านวัฒนธรรมและประเพณีแบ่งกลุ่มชาติพันธุ์คนไทออกเป็นสามกลุ่มคือ ไทน้อย ไทใหญ่และไทยสยาม
ไทใหญ่หมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขงเลยไปถึงลุ่มน้ำสาละวิน แม่น้ำอิระวดีและพรหมบุตร กลุ่มชาติพันธุ์ในตระกูลนี้ได้แก่พวกไทใหญ่ที่เรียกตัวเองว่าไตหรือไตโหลง(ไทหลวง) ส่วนคำว่าไทใหญ่นั้นเป็นชื่อในภาษาไทยเท่านั้นไม่ใช่ชื่อที่ใช้เรียกตัวเอง พวกไทเหนือ ไทเขินหรือไทขึน ไทลื้อและไทยวน (ลาวยวน) เป็นต้น ไทใหญ่ในรัฐฉานแบ่งการปกครองออกเป็น 34 หัวเมืองใหญ่ ๆ แต่ละหัวเมืองมีเจ้าฟ้าปกครอง
2จ้าว ลงท้ายของหญิงไทเขินและผู้หญิงทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เหมือนคำว่า คะ ค่ะ
ตอนที่ 2
อาณาจักรแห่งรัก
ค่ำคืนเดือนหงาย แสงจันทร์กระจ่างสาดแสงอ่อนโยนเหนือคุ้มคำหยาดฟ้า แสงนวลตาจับร่างชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเคียงกันมาตามทางเดินระหว่างเรือนหลวงกับอาคารลูกทางซ้ายมือ หนุ่มสาวชาวกรุงพึ่งเสร็จจากการรับประทานอาหารเย็นร่วมโต๊ะกับเจ้าของคุ้มโฉมงาม
นพคุณกับเพื่อนสาวลาประมุขคุ้มกลับห้องพักสุดหรูบนเรือนรับรองของคุ้มโบราณเมื่อเวลาล่วงเข้าเกือบสามทุ่มไปแล้ว โดยมีสายตาอาลัยอาวรณ์ของเจ้าหญิงไทเขินมองตามอย่างสุดจะทัดทาน
หอมกลิ่นดอกกระดังงาที่ปลูกรอบ ๆ อาคารโชยมาตามสายลมเย็น นพคุณสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่างรู้สึกชื่นใจ ชายหนุ่มเหลียวมองเพื่อนสาวที่เดินเคียงกันมา เห็นเธอเดินก้มหน้างุดก็หัวเราะพูดแหย่เพื่อนหญิงคนสนิทว่า
“เป็นอะไรไปยายแม่มด จุกข้าวเหนียวจนพูดไม่ออกละสิ ตะกละดีนัก ฉันเห็นแกกินเอา ๆ ไม่พูดไม่จา” ได้ผล พวงชมพูหยุดเดิน ครูสาวเงยหน้าหันขวับมาทำตาเขียวปัดใส่เพื่อนหนุ่ม
“ฉันไม่ต้องคุยกับใครนี่หว่า ไม่ต้องคอยขอบคุณครับ ๆ ไม่มีคนคอยเอาใจตักข้าวตักแกงให้กิน ฉันก็ต้องบริการตัวเอง กินของฉันเองสิวะ”
หญิงสาวพูดเสียงห้วน หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ตากลมโตจ้องหน้าเพื่อนชายแฝงแววน้อยใจ นพคุณหัวเราะท่าทางเพื่อนสาวพูดทำหน้าตาย
“แกพูดเหมือนอิจฉาฉันเลย เปลี่ยนเป็นทอมตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ไม่เห็นบอกกันมั่งเลย”
“ไอ้เพื่อนบ้า แกมัน...แกมัน โง๊ โง่” พวงชมพูโกรธจริงจัง ระดมกำปั้นน้อย ๆ ทุบไหล่เพื่อนสนิทพัลวัน นพคุณยิ่งหัวเราะชอบใจหนักขึ้น เขาแกล้งร้องโอ๊ย ๆ แล้วรวบสองมือน้อยนั้นไว้ก่อนดึงร่างเพื่อนหญิงเข้ามาประชิด พวงชมพูชะงัก หญิงสาวใจสั่นเมื่อชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาจนใกล้ ตาเป็นประกายระยิบจ้องเข้าไปในตาเธอที่เงยหน้าขึ้นมองทำตัวแข็ง
“เออ ฉันมันโง่ แต่ผู้ชายโง่ ๆ อย่างไอ้นพคนนี้ลองได้รักใครแล้วมันรักจริง รักจนวันตายไม่มีทางเปลี่ยนใจไปเป็นอื่น ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยหยาดฟ้ามาดิน เลอเลิศขนาดไหนก็ตาม ฉันอยากบอกให้แกรู้ไว้”
สาวตาโตชะงักนิ่ง มองตาคมภายใต้คิ้วเข้มของเพื่อนหนุ่มอย่างทึ่ง ตลอดเวลาที่คบหาสนิทสนมกันยาวนานกว่าสิบปี ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งคณะเดียวกันในรั้วมหาวิทยาลัยจนจบออกมาพร้อมกันและได้เข้าทำงานที่เดียวกัน ไม่บ่อยครั้งนักที่พวงชมพูจะเห็นแววตาชนิดนี้ของเพื่อนหนุ่ม มันเป็นแววตาจริงจัง เอาเรื่อง มีความดุดันเข้มแข็งซ่อนอยู่ในที เปลี่ยนนพคุณที่ชอบทำตัวตลกขบขัน ทีเล่นทีจริง เฮฮาไปวัน ๆ ให้กลายเป็นอีกคน
“เออ เข้าใจแล้ว ปล่อยมือฉันทีแกทำฉันเจ็บอยู่นะ” หญิงสาวอึกอักอ้ำอึ้งก่อนบอกเสียงอ่อย ตายังประสานตา พวงชมพูเป็นฝ่ายหลบตาลงมองมือตัวเองในอุ้งมือแข็งแรงก่อน นพคุณคลายมือออกแล้วบีบมือนุ่มนั้นเบา ๆ
“เจ็บมากมั้ยอ่ะ นพขอโทษนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนและกลิ่นสาปจากกายชายทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรง เลือดสาวคงฉีดขึ้นหน้าพวงชมพูจึงรู้สึกร้อนวูบวาบที่ผิวหน้า รีบปฏิเสธเสียงสั่นน้อย ๆ
“ไม่เจ็บ...ไม่เจ็บแล้ว นี่ไอ้นพฉันง่วงจังเข้านอนกันเหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะแก” ครูสาวหมดท่าเพราะบังเกิดอารมณ์วาบหวิวเกินจะต้านทานซึ่งมันทำเอาเสียเชิงการเป็นเพื่อนคู่หู เธอจึงแสร้งเอ่ยชวนเพื่อนชายเข้าที่พัก สาวตาโตพยายามปกปิดความเขินอายในท่าทีและน้ำเสียงเต็มที่ หนุ่มหล่อปล่อยมือเธอเป็นอิสระ เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย คำพูดกลับมาเป็นกระเซ้าเพื่อนสาวเล่นเหมือนเคย
“อืม หลับฝันดีนะยายแม่มด อย่านอนละเมอดิ้นตกเตียงล่ะ” พวงชมพูส่งค้อนให้เขาขวับหนึ่งแล้วสะบัดหน้าเดินหนีนำขึ้นไปบนอาคารที่พัก ทั้งคู่แยกกันหน้าห้องนอนของสาวน่ารัก ชายหนุ่มรอจนเพื่อนสาวเข้าห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกัน
เพื่อนหนุ่มเข้าห้องนอนไปแล้ว แต่พวงชมพูที่แอบเปิดประตูห้องตัวเองแง้มดู ยังมองตามประตูห้องของเขาที่ปิดลง เหตุการณ์ในห้องอาหารของคุ้มคำหยาดฟ้าวันนี้ทำให้ครูสาวรู้สึกไม่สบายใจ หลังอิ่มจากอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย เจ้าของคุ้มสาวยังคงสนทนากับเพื่อนชายของเธอต่อเหมือนสนิทสนมกันมานานแรมปี เจ้าหญิงแสนสวยชี้ชวนให้เขาดูภาพวาดสตรีโบราณซึ่งติดอยู่บนฝาผนังห้องอาหาร สตรีในภาพนั้นสวมชุดเหมือนกันกับชุดที่หล่อนสวมใส่อยู่ไม่ผิดเพี้ยน แถมใบหน้าในภาพวาด ยังประพิมพ์ประพายคล้ายกันกับใบหน้าของหญิงเจ้าของคุ้มคนนี้อีกด้วย
“ท่านเป็นยายทวดของฉันเองค่ะ ชื่อเจ้านางม่านมณี” สตรีสูงศักดิ์จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มเมื่อเอ่ยชื่อนั้นออกมา พอเห็นเขาพยักหน้าน้อย ๆ แสดงการรับรู้โดยไม่มีปฏิกิริยาอื่นอีกหญิงสาวก็มีท่าทีผิดหวังแปลก ๆ ครั้นแล้ว เธอจึงชี้ชวนให้เขาดูเครื่องเรือนโบราณชิ้นอื่นในห้องต่อ พวงชมพูนั่งมองคนทั้งคู่เงียบ ๆ บางครั้งก็หันไปคุยกับกิ่งแก้วซึ่งยืนคอยท่ารับใช้อยู่ใกล้ ๆ ครูสาวรู้สึกอึดอัดแต่ก็รักษากิริยาเอาไว้ ในที่สุดเธอจึงหันไปคว้าแมกกาซีนต่างประเทศมาเปิดอ่านคล้ายสนใจเรื่องราวในหนังสือเสียเต็มประดา แต่ทว่าสายตาคอยลอบมองคนทั้งคู่ซึ่งยังคงสนทนากันอย่างออกรส ราวกับในห้องมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
สาวชาวกรุงพยายามไม่คิดว่าเจ้าหญิงไทเขินแสนสวยและร่ำรวยจะมาสนใจเพื่อนชายแสนธรรมดาของเธอ ไม่ใช่สิ...แสนโหล่ยโท่ยต่างหาก โหล่ยโท่ยรึ...พวงชมพูฉุกใจคิด ถึงนพคุณจะชอบทำอะไรตามใจตัวเอง รักการถ่ายรูปและคลั่งไคล้การเพาะเลี้ยงกล้วยไม้มากกว่าขวยขวายหาความก้าวหน้าในสายงานอาชีพ แต่ผู้ชายกำพร้าพ่อแม่และอยู่ในอุปการะของลุงแก่ที่เป็นพ่อม่ายมาตั้งแต่เด็กคนนี้ กลับหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนครูจนจบ ลุงของเขาไม่มีทายาท แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามรบกวนลุงชราให้น้อยที่สุด และเมื่อมีงานทำ นพคุณก็รับส่งเสียเลี้ยงดูลุงผู้เฒ่าของเขาเรื่อยมาตราบทุกวันนี้ คนอย่างเขาเหมาะสมที่จะเรียกแบบนั้นได้หรือ
บางทีการที่เจ้านางคำหยาดฟ้าสนใจในตัวเพื่อนหนุ่ม อาจเป็นเพราะนพคุณไปมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับคนรักที่อยู่ห่างไกลของหล่อนเข้าเท่านั้น ซึ่งต่างกับเพื่อนสนิทอย่างเธอ เหตุการณ์ประทับใจที่พวงชมพูไม่มีวันลืมเกี่ยวกับตัวของเพื่อนชายคนนี้ก็คือ ตอนที่เธอกับเขาเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่งในมหาวิทยาลัย และพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน วันหนึ่ง ขณะชวนกันเดินลุยฝนที่ตกปรอย ๆ จากอาคารของคณะไปยังโรงอาหาร เมื่อไปถึงยังไม่ทันได้สั่งอาหารมาทาน พวงชมพูเกิดอาการหอบซึ่งเป็นโรคประจำตัวของเธอตั้งแต่เด็กกำเริบ หญิงสาวลืมพกยาพ่นขยายหลอดลมติดตัวมาด้วย เธอหายใจติดขัดดิ้นทุรนทุราย นพคุณไม่เสียเวลาเรียกใครให้ช่วย ชายหนุ่มเอาร่างเพื่อนหญิงขึ้นขี่หลัง แบกร่างเธอวิ่งจากโรงอาหารตรงไปยังห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกลนัก โดยไม่ใส่ใจสายตาคนที่มองดู
เมื่อหญิงสาวได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว แพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปพักที่หอได้ พอเดินออกจากประตูห้องฉุกเฉินมา พวงชมพูก็พบนพคุณยืนยิ้มเผล่รออยู่หน้าห้อง ชายหนุ่มตรงเข้าประคองแล้วพาเธอไปส่งจนถึงหอพัก ท่าทีของเขาต่อเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่รู้สึกว่าเขาฉวยโอกาสล่วงเกินลวนลามแต่อย่างใด
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หนุ่มสาวทั้งคู่เริ่มสนิทกัน หญิงสาวยังพบอีกว่า ผู้ชายซุกซนขี้เล่นคนนี้มีความเป็นสุภาพบุรุษ นพคุณให้เกียรติผู้หญิงเสมอไม่ว่ากับใคร ใส่ใจแม้เรื่องละเอียดอ่อนเล็กน้อยของผู้หญิงที่ผู้ชายมักมองข้าม อย่างเช่นช่วยเช็ดถูห้องครัว ช่วยล้างจานทุกครั้งที่เธอทำอาหารให้กิน แม้แต่เวลาเจ็บป่วยก็ได้เขาคนนี้คอยส่งข้าวส่งน้ำ บังคับให้กินยา พวงชมพูรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยทุกครั้งเมื่อใกล้ชิดกัน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกพิเศษกับชายหนุ่ม จึงตามห่วงตามดูแลนพคุณอยู่ร่ำไป ถึงกับปฏิเสธผู้ชายน่าสนใจหลายคนที่มาให้เป็นตัวเลือก
พวงชมพูกำลังกังวลว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันอาจกำลังเกิดขึ้นกับเจ้านางสาวแห่งคุ้มคำหยาดฟ้าด้วยเช่นกัน เพียงแต่นึกสงสัยว่า เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาคมคายที่อาจบังเอิญไปคล้ายกันกับคนรักผู้นิราศไปของหล่อนเท่านั้นจริง ๆ หรือ
หนุ่มสาวคู่นั้นกลับที่พักไปแล้ว แต่เจ้านางคำหยาดฟ้ายังยืนอยู่บนระเบียงชั้นบนของเรือนหลวงมองไปทางเรือนรับรองที่แขกคนสำคัญพักอยู่อย่างเหงาหงอย กิ่งแก้วเดินเข้ามาหานายสาว ทันได้ยินเสียงทอดถอนหายใจจากร่างงามดังขึ้นเบา ๆ
“เจ้าพี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยชอบอย่างใดก็ชอบอยู่อย่างนั้น” กิ่งแก้วเข้าใจความหมายในถ้อยคำของนายหญิงดี บ่าวผู้จงรักจึงได้แต่พูดปลอบใจ
“แต่ดู ๆ แล้ว พบกันครั้งนี้เจ้าชายพรหมภูมินทร์ท่านสนใจเจ้านางมาก ไม่เหมือนครั้งก่อนนะจ้าว” แม้พยายามพูดให้นายหญิงคลายความวิตก แต่ในใจส่วนลึกหญิงรับใช้คนสนิทก็แอบหวั่นเกรงแทนเช่นกัน การปรากฏกายของหนุ่มสาวชาวกรุง ทำให้สองนายบ่าวหวนรำลึกไปถึงเรื่องราวในกาลก่อนของเมืองเวียงแถน นครแห่งลุ่มน้ำคงอีกครั้ง
หญิงงามอดีตเจ้านางผู้มีชีวิตเป็นอมตะและมีฌานวิเศษจับกระแสจิตตกค้างในชาติภพที่แล้วของเจ้าชายพรหมภูมินทร์หรือนพคุณในชาตินี้ได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าของจิตไม่รู้สึกตัวรำลึกถึงมัน เจ้าชายยังคงรูปร่างหน้าตาลักษณะงามสง่าเฉกเช่นภพก่อน ส่วนหญิงข้างกายคนนั้นก็เช่นกัน...เจ้านางม่านมณี!
สาปเสน่หา ตอนที่ 1. 2 by ล. วิลิศมาหรา
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น กิ่งแก้วมาเชิญแขกทั้งคู่ให้ไปยังห้องอาหารของเรือนหลวง ที่นั่นเจ้าของคุ้มแสนสวยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอพิลาศล้ำด้วยเสื้อไหมโปร่งแขนยาวสีชมพูและเสื้อเกาะอกสีเดียวกัน เผยผิวนวลผ่องเป็นยองใยภายใต้ร่มผ้าบางเบา ผ้าซิ่นสีเดียวกับเสื้อ ปักลายป่าหิมพานต์แสนวิจิตร
บนโต๊ะอาหารที่ทำด้วยไม้มะฮอกกานีอย่างดีมีสำรับประกอบไปด้วยแกงฮังเล น้ำซุปถั่วลันเตา ผักกุ่มดอง แคบหมูกับน้ำพริกอ่องและข้าวเหนียววางอยู่
เจ้าของเรือนหลวงเชื้อเชิญให้ทั้งคู่นั่ง ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองตามร่างอาคันตุกะหนุ่มไม่วางตา
“ที่เมืองเวียงแถน เราจะทำอาหารพวกนี้ไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พวกคุณคงทานได้” เธอแนะนำสำรับอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยกิริยาแช่มช้อย แล้วเอ่ยถามแขกต่างเมือง
“สบายมากครับ เพื่อนผมที่เชียงใหม่พาไปกินอาหารพวกนี้บ่อย ๆ ผมชอบแกงฮังเลกับน้ำพริกอ่องมาก ทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ” เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอกดูเหมือนเจ้าของคุ้มสาวจะชะงักไปเล็กน้อย เธอยิ้มเยื้อนก่อนเชิญให้สองหนุ่มสาวลงมือทาน
ระหว่างมื้ออาหาร พวงชมพูสังเกตเห็นเจ้านางคนงามคอยบริการเพื่อนหนุ่มของเธอเป็นพิเศษ หญิงเจ้าของคุ้มตักแกงฮังเลให้ชายหนุ่มถี่ ๆ เลือกเอาแต่ชิ้นที่ติดมันนิด ๆ ผักแนมก็เลื่อนเฉพาะแตงกวามาให้ตรงหน้าเหมือนรู้ว่าเขาชอบ นพคุณเองก็ทำหัวร่อต่อกระซิกอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาของครูสาว เขายิ้มและขอบคุณเจ้าหญิงไทเขินทุกครั้งที่เธอบริการด้วยน้ำเสียงตลก ๆ ซื่อ ๆ ตามสไตล์
เจ้านางคำหยาดฟ้ายิ้มแย้ม หยิบจับโน่นนี่ด้วยกิริยาชดช้อย พลางชวนชายหนุ่มแดนไกลสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเจื้อยแจ้ว แววตาคู่สวยสดใสเปล่งประกายแวววาว เจ้านางโฉมงามดูเหมือนมีความสุขมากตลอดมื้ออาหาร ในขณะที่พวงชมพูกลับรู้สึกกลืนข้าวแทบไม่ลงเหมือนข้าวติดคอ
เชิงอรรถ
1ไทใหญ่ : นักมานุษยวิทยาใช้เกณฑ์ด้านวัฒนธรรมและประเพณีแบ่งกลุ่มชาติพันธุ์คนไทออกเป็นสามกลุ่มคือ ไทน้อย ไทใหญ่และไทยสยาม
ไทใหญ่หมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขงเลยไปถึงลุ่มน้ำสาละวิน แม่น้ำอิระวดีและพรหมบุตร กลุ่มชาติพันธุ์ในตระกูลนี้ได้แก่พวกไทใหญ่ที่เรียกตัวเองว่าไตหรือไตโหลง(ไทหลวง) ส่วนคำว่าไทใหญ่นั้นเป็นชื่อในภาษาไทยเท่านั้นไม่ใช่ชื่อที่ใช้เรียกตัวเอง พวกไทเหนือ ไทเขินหรือไทขึน ไทลื้อและไทยวน (ลาวยวน) เป็นต้น ไทใหญ่ในรัฐฉานแบ่งการปกครองออกเป็น 34 หัวเมืองใหญ่ ๆ แต่ละหัวเมืองมีเจ้าฟ้าปกครอง
2จ้าว ลงท้ายของหญิงไทเขินและผู้หญิงทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เหมือนคำว่า คะ ค่ะ
ค่ำคืนเดือนหงาย แสงจันทร์กระจ่างสาดแสงอ่อนโยนเหนือคุ้มคำหยาดฟ้า แสงนวลตาจับร่างชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเคียงกันมาตามทางเดินระหว่างเรือนหลวงกับอาคารลูกทางซ้ายมือ หนุ่มสาวชาวกรุงพึ่งเสร็จจากการรับประทานอาหารเย็นร่วมโต๊ะกับเจ้าของคุ้มโฉมงาม
นพคุณกับเพื่อนสาวลาประมุขคุ้มกลับห้องพักสุดหรูบนเรือนรับรองของคุ้มโบราณเมื่อเวลาล่วงเข้าเกือบสามทุ่มไปแล้ว โดยมีสายตาอาลัยอาวรณ์ของเจ้าหญิงไทเขินมองตามอย่างสุดจะทัดทาน
หอมกลิ่นดอกกระดังงาที่ปลูกรอบ ๆ อาคารโชยมาตามสายลมเย็น นพคุณสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่างรู้สึกชื่นใจ ชายหนุ่มเหลียวมองเพื่อนสาวที่เดินเคียงกันมา เห็นเธอเดินก้มหน้างุดก็หัวเราะพูดแหย่เพื่อนหญิงคนสนิทว่า
“เป็นอะไรไปยายแม่มด จุกข้าวเหนียวจนพูดไม่ออกละสิ ตะกละดีนัก ฉันเห็นแกกินเอา ๆ ไม่พูดไม่จา” ได้ผล พวงชมพูหยุดเดิน ครูสาวเงยหน้าหันขวับมาทำตาเขียวปัดใส่เพื่อนหนุ่ม
“ฉันไม่ต้องคุยกับใครนี่หว่า ไม่ต้องคอยขอบคุณครับ ๆ ไม่มีคนคอยเอาใจตักข้าวตักแกงให้กิน ฉันก็ต้องบริการตัวเอง กินของฉันเองสิวะ”
หญิงสาวพูดเสียงห้วน หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ตากลมโตจ้องหน้าเพื่อนชายแฝงแววน้อยใจ นพคุณหัวเราะท่าทางเพื่อนสาวพูดทำหน้าตาย
“แกพูดเหมือนอิจฉาฉันเลย เปลี่ยนเป็นทอมตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ไม่เห็นบอกกันมั่งเลย”
“ไอ้เพื่อนบ้า แกมัน...แกมัน โง๊ โง่” พวงชมพูโกรธจริงจัง ระดมกำปั้นน้อย ๆ ทุบไหล่เพื่อนสนิทพัลวัน นพคุณยิ่งหัวเราะชอบใจหนักขึ้น เขาแกล้งร้องโอ๊ย ๆ แล้วรวบสองมือน้อยนั้นไว้ก่อนดึงร่างเพื่อนหญิงเข้ามาประชิด พวงชมพูชะงัก หญิงสาวใจสั่นเมื่อชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาจนใกล้ ตาเป็นประกายระยิบจ้องเข้าไปในตาเธอที่เงยหน้าขึ้นมองทำตัวแข็ง
“เออ ฉันมันโง่ แต่ผู้ชายโง่ ๆ อย่างไอ้นพคนนี้ลองได้รักใครแล้วมันรักจริง รักจนวันตายไม่มีทางเปลี่ยนใจไปเป็นอื่น ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยหยาดฟ้ามาดิน เลอเลิศขนาดไหนก็ตาม ฉันอยากบอกให้แกรู้ไว้”
สาวตาโตชะงักนิ่ง มองตาคมภายใต้คิ้วเข้มของเพื่อนหนุ่มอย่างทึ่ง ตลอดเวลาที่คบหาสนิทสนมกันยาวนานกว่าสิบปี ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งคณะเดียวกันในรั้วมหาวิทยาลัยจนจบออกมาพร้อมกันและได้เข้าทำงานที่เดียวกัน ไม่บ่อยครั้งนักที่พวงชมพูจะเห็นแววตาชนิดนี้ของเพื่อนหนุ่ม มันเป็นแววตาจริงจัง เอาเรื่อง มีความดุดันเข้มแข็งซ่อนอยู่ในที เปลี่ยนนพคุณที่ชอบทำตัวตลกขบขัน ทีเล่นทีจริง เฮฮาไปวัน ๆ ให้กลายเป็นอีกคน
“เออ เข้าใจแล้ว ปล่อยมือฉันทีแกทำฉันเจ็บอยู่นะ” หญิงสาวอึกอักอ้ำอึ้งก่อนบอกเสียงอ่อย ตายังประสานตา พวงชมพูเป็นฝ่ายหลบตาลงมองมือตัวเองในอุ้งมือแข็งแรงก่อน นพคุณคลายมือออกแล้วบีบมือนุ่มนั้นเบา ๆ
“เจ็บมากมั้ยอ่ะ นพขอโทษนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนและกลิ่นสาปจากกายชายทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นแรง เลือดสาวคงฉีดขึ้นหน้าพวงชมพูจึงรู้สึกร้อนวูบวาบที่ผิวหน้า รีบปฏิเสธเสียงสั่นน้อย ๆ
“ไม่เจ็บ...ไม่เจ็บแล้ว นี่ไอ้นพฉันง่วงจังเข้านอนกันเหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะแก” ครูสาวหมดท่าเพราะบังเกิดอารมณ์วาบหวิวเกินจะต้านทานซึ่งมันทำเอาเสียเชิงการเป็นเพื่อนคู่หู เธอจึงแสร้งเอ่ยชวนเพื่อนชายเข้าที่พัก สาวตาโตพยายามปกปิดความเขินอายในท่าทีและน้ำเสียงเต็มที่ หนุ่มหล่อปล่อยมือเธอเป็นอิสระ เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย คำพูดกลับมาเป็นกระเซ้าเพื่อนสาวเล่นเหมือนเคย
“อืม หลับฝันดีนะยายแม่มด อย่านอนละเมอดิ้นตกเตียงล่ะ” พวงชมพูส่งค้อนให้เขาขวับหนึ่งแล้วสะบัดหน้าเดินหนีนำขึ้นไปบนอาคารที่พัก ทั้งคู่แยกกันหน้าห้องนอนของสาวน่ารัก ชายหนุ่มรอจนเพื่อนสาวเข้าห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปเปิดประตูห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกัน
เพื่อนหนุ่มเข้าห้องนอนไปแล้ว แต่พวงชมพูที่แอบเปิดประตูห้องตัวเองแง้มดู ยังมองตามประตูห้องของเขาที่ปิดลง เหตุการณ์ในห้องอาหารของคุ้มคำหยาดฟ้าวันนี้ทำให้ครูสาวรู้สึกไม่สบายใจ หลังอิ่มจากอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย เจ้าของคุ้มสาวยังคงสนทนากับเพื่อนชายของเธอต่อเหมือนสนิทสนมกันมานานแรมปี เจ้าหญิงแสนสวยชี้ชวนให้เขาดูภาพวาดสตรีโบราณซึ่งติดอยู่บนฝาผนังห้องอาหาร สตรีในภาพนั้นสวมชุดเหมือนกันกับชุดที่หล่อนสวมใส่อยู่ไม่ผิดเพี้ยน แถมใบหน้าในภาพวาด ยังประพิมพ์ประพายคล้ายกันกับใบหน้าของหญิงเจ้าของคุ้มคนนี้อีกด้วย
“ท่านเป็นยายทวดของฉันเองค่ะ ชื่อเจ้านางม่านมณี” สตรีสูงศักดิ์จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มเมื่อเอ่ยชื่อนั้นออกมา พอเห็นเขาพยักหน้าน้อย ๆ แสดงการรับรู้โดยไม่มีปฏิกิริยาอื่นอีกหญิงสาวก็มีท่าทีผิดหวังแปลก ๆ ครั้นแล้ว เธอจึงชี้ชวนให้เขาดูเครื่องเรือนโบราณชิ้นอื่นในห้องต่อ พวงชมพูนั่งมองคนทั้งคู่เงียบ ๆ บางครั้งก็หันไปคุยกับกิ่งแก้วซึ่งยืนคอยท่ารับใช้อยู่ใกล้ ๆ ครูสาวรู้สึกอึดอัดแต่ก็รักษากิริยาเอาไว้ ในที่สุดเธอจึงหันไปคว้าแมกกาซีนต่างประเทศมาเปิดอ่านคล้ายสนใจเรื่องราวในหนังสือเสียเต็มประดา แต่ทว่าสายตาคอยลอบมองคนทั้งคู่ซึ่งยังคงสนทนากันอย่างออกรส ราวกับในห้องมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
สาวชาวกรุงพยายามไม่คิดว่าเจ้าหญิงไทเขินแสนสวยและร่ำรวยจะมาสนใจเพื่อนชายแสนธรรมดาของเธอ ไม่ใช่สิ...แสนโหล่ยโท่ยต่างหาก โหล่ยโท่ยรึ...พวงชมพูฉุกใจคิด ถึงนพคุณจะชอบทำอะไรตามใจตัวเอง รักการถ่ายรูปและคลั่งไคล้การเพาะเลี้ยงกล้วยไม้มากกว่าขวยขวายหาความก้าวหน้าในสายงานอาชีพ แต่ผู้ชายกำพร้าพ่อแม่และอยู่ในอุปการะของลุงแก่ที่เป็นพ่อม่ายมาตั้งแต่เด็กคนนี้ กลับหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนครูจนจบ ลุงของเขาไม่มีทายาท แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามรบกวนลุงชราให้น้อยที่สุด และเมื่อมีงานทำ นพคุณก็รับส่งเสียเลี้ยงดูลุงผู้เฒ่าของเขาเรื่อยมาตราบทุกวันนี้ คนอย่างเขาเหมาะสมที่จะเรียกแบบนั้นได้หรือ
บางทีการที่เจ้านางคำหยาดฟ้าสนใจในตัวเพื่อนหนุ่ม อาจเป็นเพราะนพคุณไปมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับคนรักที่อยู่ห่างไกลของหล่อนเข้าเท่านั้น ซึ่งต่างกับเพื่อนสนิทอย่างเธอ เหตุการณ์ประทับใจที่พวงชมพูไม่มีวันลืมเกี่ยวกับตัวของเพื่อนชายคนนี้ก็คือ ตอนที่เธอกับเขาเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่งในมหาวิทยาลัย และพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน วันหนึ่ง ขณะชวนกันเดินลุยฝนที่ตกปรอย ๆ จากอาคารของคณะไปยังโรงอาหาร เมื่อไปถึงยังไม่ทันได้สั่งอาหารมาทาน พวงชมพูเกิดอาการหอบซึ่งเป็นโรคประจำตัวของเธอตั้งแต่เด็กกำเริบ หญิงสาวลืมพกยาพ่นขยายหลอดลมติดตัวมาด้วย เธอหายใจติดขัดดิ้นทุรนทุราย นพคุณไม่เสียเวลาเรียกใครให้ช่วย ชายหนุ่มเอาร่างเพื่อนหญิงขึ้นขี่หลัง แบกร่างเธอวิ่งจากโรงอาหารตรงไปยังห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกลนัก โดยไม่ใส่ใจสายตาคนที่มองดู
เมื่อหญิงสาวได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว แพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปพักที่หอได้ พอเดินออกจากประตูห้องฉุกเฉินมา พวงชมพูก็พบนพคุณยืนยิ้มเผล่รออยู่หน้าห้อง ชายหนุ่มตรงเข้าประคองแล้วพาเธอไปส่งจนถึงหอพัก ท่าทีของเขาต่อเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่รู้สึกว่าเขาฉวยโอกาสล่วงเกินลวนลามแต่อย่างใด
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หนุ่มสาวทั้งคู่เริ่มสนิทกัน หญิงสาวยังพบอีกว่า ผู้ชายซุกซนขี้เล่นคนนี้มีความเป็นสุภาพบุรุษ นพคุณให้เกียรติผู้หญิงเสมอไม่ว่ากับใคร ใส่ใจแม้เรื่องละเอียดอ่อนเล็กน้อยของผู้หญิงที่ผู้ชายมักมองข้าม อย่างเช่นช่วยเช็ดถูห้องครัว ช่วยล้างจานทุกครั้งที่เธอทำอาหารให้กิน แม้แต่เวลาเจ็บป่วยก็ได้เขาคนนี้คอยส่งข้าวส่งน้ำ บังคับให้กินยา พวงชมพูรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยทุกครั้งเมื่อใกล้ชิดกัน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกพิเศษกับชายหนุ่ม จึงตามห่วงตามดูแลนพคุณอยู่ร่ำไป ถึงกับปฏิเสธผู้ชายน่าสนใจหลายคนที่มาให้เป็นตัวเลือก
พวงชมพูกำลังกังวลว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันอาจกำลังเกิดขึ้นกับเจ้านางสาวแห่งคุ้มคำหยาดฟ้าด้วยเช่นกัน เพียงแต่นึกสงสัยว่า เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาคมคายที่อาจบังเอิญไปคล้ายกันกับคนรักผู้นิราศไปของหล่อนเท่านั้นจริง ๆ หรือ
หนุ่มสาวคู่นั้นกลับที่พักไปแล้ว แต่เจ้านางคำหยาดฟ้ายังยืนอยู่บนระเบียงชั้นบนของเรือนหลวงมองไปทางเรือนรับรองที่แขกคนสำคัญพักอยู่อย่างเหงาหงอย กิ่งแก้วเดินเข้ามาหานายสาว ทันได้ยินเสียงทอดถอนหายใจจากร่างงามดังขึ้นเบา ๆ
“เจ้าพี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เคยชอบอย่างใดก็ชอบอยู่อย่างนั้น” กิ่งแก้วเข้าใจความหมายในถ้อยคำของนายหญิงดี บ่าวผู้จงรักจึงได้แต่พูดปลอบใจ
“แต่ดู ๆ แล้ว พบกันครั้งนี้เจ้าชายพรหมภูมินทร์ท่านสนใจเจ้านางมาก ไม่เหมือนครั้งก่อนนะจ้าว” แม้พยายามพูดให้นายหญิงคลายความวิตก แต่ในใจส่วนลึกหญิงรับใช้คนสนิทก็แอบหวั่นเกรงแทนเช่นกัน การปรากฏกายของหนุ่มสาวชาวกรุง ทำให้สองนายบ่าวหวนรำลึกไปถึงเรื่องราวในกาลก่อนของเมืองเวียงแถน นครแห่งลุ่มน้ำคงอีกครั้ง
หญิงงามอดีตเจ้านางผู้มีชีวิตเป็นอมตะและมีฌานวิเศษจับกระแสจิตตกค้างในชาติภพที่แล้วของเจ้าชายพรหมภูมินทร์หรือนพคุณในชาตินี้ได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าของจิตไม่รู้สึกตัวรำลึกถึงมัน เจ้าชายยังคงรูปร่างหน้าตาลักษณะงามสง่าเฉกเช่นภพก่อน ส่วนหญิงข้างกายคนนั้นก็เช่นกัน...เจ้านางม่านมณี!