ริษยารักข้ามภพ ตอนที่ 35

ตอน 35

“เปรี้ยง....”
เสียงกัมปนาทของปืนระเบิดกึกก้องขึ้นขัดจังหวะ คมกระสุนถากต้นแขนไอ้ดำไปจนเลือดพุ่งกระฉุด ร่างใหญ่โตของมันสะดุ้งเฮือกพร้อมเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ชายหน้าดำเหมือนชื่องอตัวลงยกมือขึ้นกุมต้นแขนข้างที่ถูกยิง เลือดสีแดงไหลทะลักท่วมหลังมือที่กุมอยู่
ผู้คนซึ่งรายล้อมดูเหตุการณ์ต่างแตกตื่นก้มหมอบหนีตายจ้าละหวั่น กลุ่มคนที่กำลังรุมทำร้ายสองหนุ่มพากันหยุดชะงักด้วยความตกใจ หันไปมองที่มาของเสียงราวกับนัดกันไว้
พลันก็เห็นร่างกำยำของหนานอินเฟือนยืนจังก้าอยู่ไม่ไกล กำลังเล็งปืนพกสั้นมายังร่างลูกพี่ของพวกมัน ส่วนเบื้องหลังเขาคือกลุ่มคนงานชายในคุ้มนับสิบถืออาวุธครบมือ มีทั้งดาบ มีดพร้า ท่อนไม้และแท่งเหล็กปลายแหลม
“ไอ้ อีกนัดของกูไม่ใช่ที่แขน แต่กูจะยัดใส่กะโหลกหนาๆ ของ”
“ไอ้อินเฟือน”
หัวหน้ากลุ่มวายร้ายกัดฟันกรอด คำรามเรียกชื่อหนุ่มใหญ่ผู้เข้ามาขัดจังหวะบาทาสามัคคีของพวกตน เจ็บแผลที่ต้นแขนยังไม่เท่าเจ็บใจจากน้ำมือคู่ปรับเก่าคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ถอยไป...”
หนานอินเฟือนตวาดไล่พวกลูกสมุนของไอ้ดำให้ถอยออกห่าง ใบหน้าดุเครียดถทึงอย่างน่าเกรงขาม พวกมันมองหน้าลูกพี่ที่บาดเจ็บจากคมกระสุนอย่างจะถามว่าเอาไงดี  ซึ่งไอ้ดำจำต้องพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งหมดถอยห่างจากร่างยับเยินของสามชายเคราะห์ร้ายแต่โดยดี
“ถือว่าเจ๊ากันแล้วนะโว้ย พวกมันโดนตีนส่วนกูโดนยิง พาพวกมันไปได้แล้ว”
ถึงจะตกเป็นรองแต่เจ้าคนหัวโจกยังไม่วายทำตัวกร่างพูดต่อรองหน้าด้านๆ นึกเจ็บใจที่ไม่ได้พกปืนมาด้วยเพราะบังเอิญมาพบคู่อริเข้ากลางทางโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างเสี่ยชูชัยซึ่งมีหวังว่าจะได้สร้างสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเจ้าของคุ้มคนสวยก็ได้สั่งห้ามเอาไว้ ไม่ให้ตัวมันเองไปมีเรื่องกับใครระยะนี้ เพียงแต่พอมาเจอคู่อริชาวกรุงเข้าก็อดใจหาเรื่องไม่ได้ตามนิสัยอันธพาล
นัยน์ตาคมเหมือนเหยี่ยวของหนานอินเฟือนจ้องหน้าราวจะให้ทะลุเข้าไปถึงเนื้อในของอีกฝ่าย เขาส่งเสียง หึ ในลำคอก่อนทำสัญญาณให้คนงานชายไปดูอาการของคนทั้งสาม ซึ่งต่างก็กุลีกุจอเข้าประคองร่างของสมคิดที่ได้รับบาดเจ็บจากคมมีด และหามร่างบอบช้ำของครูชายทั้งสองพาไปขึ้นรถกระบะหนึ่งในสองคันที่จอดรออยู่ด้านหลัง ซึ่งเมื่อเรียบร้อยแล้วคนขับก็รีบบึ่งรถนำตัวคนเจ็บกลับไปทางคุ้มทันที หนานหนุ่มชำเลืองมองตาม เมื่อเห็นชายเคราะห์ร้ายทั้งสามกลับไปอย่างปลอดภัยแล้วจึงหันมาทางกลุ่มคนร้าย
“นี่มันไม่เข็ดจริงๆ ปีหนึ่งเต็มๆ แล้วนะที่พวกรนหาที่ พิศวาสคุ้มคำหยาดฟ้ากันนักใช่ไหม คงอยากเข้าไปเที่ยวชมคุ้มเต็มที งั้นกูจะให้พวกสมใจ เฮ้ย เอาตัวพวกมันขึ้นรถกลับไปพบเจ้าที่คุ้ม”
ประโยคสุดท้ายออกคำสั่งเสียงกร้าว เหล่าชายไทเขินจึงกรูกันจะเข้าคุมตัวไอ้ดำและลูกสมุนของมันที่ทำท่าฮึดฮัด คิดจะขัดขืน
“กูไม่ไปไหนทั้งนั้น แน่จริงอย่าใช้ปืนสิวะ ตัวต่อตัวกับกูสักตั้งเป็นไง”
ร้องท้าทายวัดดวงเผื่อว่าหนานอินเฟือนเล่นด้วย แต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ระเบิดขึ้นอีกหนึ่งนัด คราวนี้คมกระสุนถากพื้นดินข้างเท้ากระจุย ร่างใหญ่โตสะดุ้งโหยงเกิดอาการแหยงหัวหด เงียบเสียงลงกะทันหัน สมุนคนอื่นก็พลอยหยุดชะงัก
“กูคร้านเล่นกับแล้วไอ้ดำ ที่แล้วๆ มากูไม่เคยให้เรื่องพวกถึงมือเจ้า แต่คราวนี้ช่วยไม่ได้เพราะมันบังอาจทำร้ายผู้ชายพวกนั้น ไปขึ้นรถ...หรืออยาก-ลูกตะกั่วเสียที่นี่”
“คิดจะทำอะไรกูที่คุ้ม อย่านะเว้ย รู้จักเสี่ยน้อยไป ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงเสี่ยรับรองว่าคุ้มผีสิงของพวกราบเป็นหน้ากลองแน่”
แม้หน้าซีดเป็นไก่ต้มแต่ก็ยังรีบอ้างบารมีของเจ้านายมาข่มขู่คนมีปืน
“ไม่ต้องทำปากเก่ง ความผิดของเดี๋ยวเจ้าท่านจะพิพากษาเอง”
แต่พอโดนเล็งปืนมาที่หัวอีกที ในที่สุดลูกน้องของเสี่ยชูชัยทั้งหมดก็ยอมให้ถูกมัดมือด้วยเชือกไนล่อน ก่อนโดนปืนจ่อขู่บังคับนำตัวไปขึ้นกระบะท้ายรถแต่โดยดี

ร่างบอบช้ำยับเยินของสมคิดและสองแขกชายคนสำคัญถูกนำมาถึงคุ้มโบราณโดยรถกระบะของคุ้มที่ตามไปช่วยหลังหญิงทั้งสามปั่นจักรยานมาแจ้งข่าว ซึ่งเจ้านางสาวก็สั่งให้อินเฟือนตามไปช่วยโดยด่วน
รถกระบะอีกคันได้พาลูกสมุนเสี่ยชูชัยซึ่งถูกควบคุมตัวแล่นตามหลังมา ประมุขคุ้มคำหยาดฟ้ายืนเคียงพิษณุและพวงชมพูรอฟังข่าวอยู่บนระเบียงหน้าเรือนด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ ทันทีที่รถกระบะซึ่งบรรทุกร่างของชายเคราะห์ร้ายทั้งสามจอดเทียบหน้าเรือน เธอก็รีบผลุนผลันลงมาดูอย่างร้อนใจ
หญิงสาวถลาเข้าหาร่างชายคนรักพร้อมพวงชมพูซึ่งรออยู่อย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน สองสาวต่างอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่ม เจ้านางไทเขินเงยหน้าขึ้นขวับ เบิกจ้องจนตาแทบถลนมายังสมุนเสี่ยมาเฟียทั้งห้า ประกายแข็งกร้าวในนั้นลุกวาวด้วยโทสาแห่งอดีตราชธิดาเมืองเวียงแถน มันโชนแสงราวจะเผาผลาญร่างคนทั้งห้าให้มอดไหม้ไปเสียเดี๋ยวนั้น
ส่วนพวงชมพูถึงกับร่ำไห้โฮเพราะห่วงใยในตัวชายคนรักกับรุ่นพี่ที่เคารพ ครูสาวพร่ำเรียกชื่อชายหนุ่มทั้งสองที่นอนไม่ได้สติให้รู้สึกตัว สองมือเขย่าตัวเขาไปมา
“ไอ้นพ พี่ชิต ลืมตาสิคะเป็นไงกันมั่ง นพๆ ได้ยินชมพูไหม แกอย่าเป็นอะไรไปนะ”
เจ้านางสาวเลื่อนสายตามามองร่างชายทั้งสองอีกครั้ง คราวนี้ใบหน้างามสลดลง
“โธ่ กี่ภพกี่ชาติเจ้าพี่ก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะข้าเจ้า น้องขอโทษด้วยนะจ้าว เจ้าพี่เจ้าขา ได้ยินเสียงน้องหรือไม่”
ถึงแม้จะอยู่ในอาการตกใจและเป็นห่วงชายคนรัก แต่พอได้ยินเสียงคร่ำครวญของหญิงคู่แข่ง ครูสาวก็หยุดร้องไห้ เงยหน้าขึ้นมองหญิงข้างตัวอย่างไม่พอใจ พูดขัดขึ้นว่า
“นี่คือนพคุณค่ะ ไม่ใช่เจ้าชายอะไรนั่นของคุณ”
ร่างงามชะงัก ตวัดสายตาคมปลาบมาจ้องหน้าครูสาวซึ่งอีกฝ่ายก็จ้องตอบไม่ลดละ เป็นอีกครั้งที่สองหญิงจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของนพคุณก็เริ่มขยับเคลื่อนไหว ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆ สองสาวลืมความขุ่นข้องต่อกันไปชั่วขณะต่างแสดงอาการดีใจ พากันหันมาสนใจร่างชายที่รัก แล้วเรียกชื่อเขาออกมาพร้อมกัน
“นพคุณ”
“เจ้าพี่ภูมินทร์”
อีกด้านหนึ่ง หนานอินเฟือนกระโดดลงจากท้ายกระบะรถคันที่บรรทุกกลุ่มคนร้ายมา เขาตรงมาหาผู้เป็นนายหญิง เอ่ยถามว่า
“สมคิดบาดเจ็บ ถูกมีดแทงเข้าที่ต้นแขน เจ้าจะดูเองหรือให้พาไปโรงพยาบาล”
เจ้านางคำหยาดฟ้าละสายตาจากชายคนรักที่เริ่มรู้สึกตัวแล้ว เธอผละมาดูอาการของคนงานชายที่ถูกทำร้ายแล้วลงมือตรวจดูบาดแผลของสมคิดด้วยท่าทีชำนิชำนาญราวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
“อาการไม่หนักหนา บาดแผลจากมีดไม่ถูกที่สำคัญ พาทั้งสามคนเข้าไปเรือนพยาบาล เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง”
หญิงเจ้าของคุ้มสั่งการ เธอพยักหน้าให้พวงชมพูหลีกทาง ซึ่งครูสาวก็จำต้องถอยห่างจากท้ายรถกระบะเพื่อเปิดทางให้นำคนเจ็บทั้งหมดลงมา ผู้จัดการคุ้มบัญชาการให้คนงานชายหลายคนช่วยกันหามร่างคนเจ็บทั้งหมดตรงไปยังเรือนไม้หลังเล็กซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเรือนหลวง เรือนหลังนี้เจ้าของคุ้มสร้างไว้ให้เป็นสถานพยาบาลสำหรับคนในคุ้ม พวงชมพูรีบวิ่งตามไปทันที
“แล้วไอ้พวกนี้เจ้าจะจัดการกับพวกมันยังไงดี”
หนานอินเฟือนหันมาถามนายสาวพลางบุ้ยใบ้ไปทางกลุ่มวายร้ายหลังกระบะรถ ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้ม...หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้พบเห็นต้องขนในกายลุกเกรียว เพราะเจ้าของรอยยิ้มมีดวงตาลุกวาวราวตานางเสือจ้องขย้ำเหยื่อ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเย็นเยียบ แฝงกระไอสยอง
“ปล่อยมันกลับไป คืนนี้ให้พวกมันได้อยู่พร้อมหน้ากัน พวกเจ้าเข้ามาเยือนถึงถิ่นข้าหลายครั้งแล้ว กลับไปบอกนายเจ้าว่าข้าจะรีบไปเยือนโดยเร็ว”
บอกกลุ่มวายร้ายในรถที่ถูกพันธนาการอยู่ด้วยท่าทีที่เย็นชา
“แจ้งตำรวจเถอะครับเจ้า ไอ้พวกนี้มันอันธพาลชัดๆ เจ้าเป็นผู้หญิง จะสู้รบตบมือกับพวกมันยังไง”
พิษณุซึ่งยืนดูเหตุการณ์รู้สึกเป็นกังวลกับสถานการณ์ของอิทธิพลเถื่อน พยายามเสนอความเห็นเดิม เจ้านางสาวถอนหายใจชำเลืองมองเขาอย่างเอือมระอา
“คุณพีทเงียบเถอะค่ะ เรื่องนี้ดิฉันมีวิธีจัดการอยู่แล้ว”
เป็นอีกครั้งที่พิษณุต้องสะอึกกับคำพูดไร้เยื่อใยของหญิงสาวที่ตนแอบหลงรัก อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจพลุ่งขึ้น หนุ่มวิศวกรส่งสายตาตัดพ้อมาให้แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่สนใจ เขาจึงจำใจต้องเงียบเสียงลง
ทุกคนในที่นั้นต่างพากันฉงนฉงายต่อท่าทีของประมุขคุ้มโบราณที่บอกเหมือนไม่ติดใจเอาความลูกสมุนของเสี่ยใหญ่ มีเพียงสองชายหญิงคนสนิทเท่านั้นที่ยืนฟังอย่างสงบ บัวตองถึงกับลอบถอนหายใจยาวอีกครั้ง เมื่อชำเลืองแลมาที่อดีตแม่ทัพเมืองเวียงแถนก็เห็นแววอนาถใจในดวงตาคมดุจเหยี่ยวของเขาเช่นกัน
สมุนของเสี่ยชูชัยได้รับการปลดพันธนาการและถูกผลักให้ลงจากรถ ไอ้ดำหัวโจกคลำข้อมือตัวเองพลางจ้องหน้าประมุขของคุ้ม แสยะยิ้มให้อย่างยโส
“พูดแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย รู้ตัวก็ดีแล้ว เรื่องวันนี้มันช่วยไม่ได้ แขกของเจ้าอยากมาอวดเก่งเข้าใส่ผมก่อนทำไมล่ะ แต่ถ้าต้องการเอาคืนก็ฝากบอกด้วยแล้วกัน จะเอาคืนเมื่อไหร่ ที่ไหน บอกมาได้เลย ผมพร้อมเสมอ”
พ่นคำพูดออกมาอย่างนักเลงโต เพราะเมื่อได้รับอิสระโดยง่ายไอ้ดำก็นึกเอาเองว่าเจ้านางคนสวยกริ่งเกรงบารมีของเจ้านายตน จึงยังไม่วายพูดอวดโอหัง
“รีบกลับไปเสียเถอะ ฉันบอกอยู่เดี๋ยวนี้ไงว่าจะไปหาถึงที่ จงรอต้อนรับการมาเยือนของเรา”
เสียงตอบกลับบังคับให้ราบเรียบอย่างยิ่ง ใบหน้างามของคนพูดก็สงบนิ่งอย่างน่าเกรงขาม แต่คนอวดดีอย่างสมุนเอกของเสี่ยชูชัยจะสำเหนียกก็หาไม่
“ให้ไวเลยนะเจ้านางอย่าดีแต่พูดล่ะ เสี่ยไม่ชอบรอเก้อ ฉันจะกลับไปบอกให้เสี่ยรู้ว่าเจ้าคนสวยจะไปพบพวกเราเร็ว ๆ นี้  ไป...พวกเรากลับ”
มันพูดท้าทายทิ้งท้าย ผู้หญิงบอบบางแบบนี้ริอ่านจะมาทำเป็นหัวแข็งอวดดี พอเสี่ยเอาจริงในที่สุดก็ต้องยอมอ่อนให้ อีกสักพักเธอก็จะกลายเป็นของเล่น หรือแค่เป็นประโยชน์ในธุรกิจของเจ้านายตนเองเท่านั้น อยู่กับเจ้านายคนนี้มานานจนรู้นิสัยดีว่าเสี่ยชูชัยไม่เคยหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนเดียว ไม่แน่ ผู้หญิงบางคนพอเสี่ยเบื่อยังเคยโล๊ะมาให้ด้วยซ้ำ แค่นหัวเราะออกมาก่อนชวนลูกสมุนเดินกลับออกจากคุ้มไป
“เงาหัวไม่มีแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
บัวตองซึ่งยืนเยื้องนายสาวพึมพำ หญิงรับใช้ผู้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานส่ายหน้าช้าๆ อย่างนึกสังเวชใจ

ภายในเรือนพยาบาลซึ่งเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวหลังเล็ก ยกพื้นสูงเพียงหนึ่งเมตร ข้างในมีห้องโถงกว้างหนึ่งห้อง ตั้งโต๊ะและเก้าอี้สำหรับวางอุปกรณ์กับใช้เป็นที่ตรวจรักษาคนไข้ไว้เกือบกึ่งกลางห้อง ข้างโต๊ะมีตู้ใส่เวชภัณฑ์ที่จำเป็นตั้งอยู่ เลยจากห้องโถงเข้าไปเป็นห้องทำแผลหนึ่งห้องพร้อมห้องน้ำในตัว มีเตียงทำแผลสามเตียงตั้งชิดผนังด้านหนึ่งพร้อมรถเข็นใส่อุปกรณ์ทำแผล คนงานชายช่วยกันแบกร่างคนเจ็บทั้งสามลงนอนบนเตียงทำแผลคนละเตียง เจ้าของคุ้มตามเข้ามาพร้อมบัวตอง หล่อนหันไปบอกบ่าวหญิงคนสนิทว่า
“โทรไปตามพยาบาลสองคนนั้นมาช่วย”
บัวตองรับคำแล้วออกจากห้องไป ไม่นานหญิงสาวในชุดเสื้อกางเกงทะมัดทะแมงสองคนก็เดินเข้ามาในห้อง หลังไหว้ทำความเคารพประมุขคุ้มแล้วก็ตรงมาตรวจดูอาการของคนเจ็บทั้งสามซึ่งขณะนี้เริ่มรู้สึกตัวทันที เธอทั้งคู่มีท่าทางชำนิชำนาญในการตรวจร่างกายและทำความสะอาดบาดแผล หญิงพยาบาลปรึกษากันกับประมุขคุ้มสาว ก่อนที่หญิงคนหนึ่งเริ่มจัดเตรียมเซ็ตทำแผลเพื่อทำการเย็บแผลถูกแทงให้กับสมคิด ขณะที่เจ้านางสาวล้างมือเพื่อจะเย็บแผลให้เอง
พวงชมพูตามมาดูอาการของชายคนรักและรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวตรงเข้ากอดร่างแฟนหนุ่มพลางร้องไห้โฮออกมาอีก นพคุณลืมตาขึ้นพึมพำเรียกชื่อเธอเบาๆ
“ชมพู...”
“แกฟื้นแล้ว เจ็บตรงไหนบ้างไอ้นพ” แฟนสาวของเขาอุทานขึ้นอย่างดีใจ ชายหนุ่มพยายามขยับตัวจะลุกขึ้นแต่ถูกหญิงพยาบาลข้างๆ กดตัวไว้
“อย่าพึ่งลุกเลยจ้าว ขอข้าเจ้าตรวจเช็คร่างกายและทำแผลให้เสร็จเสียก่อน มีรอยถลอกที่ซอกคอ ไหล่และแขน กับแผลปากแตก ที่น่าเป็นห่วงก็คืออาการบอบช้ำภายใน เดี๋ยวพอทำแผลเสร็จคงต้องรอดูอาการทางสมองว่าได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่ แล้วค่อยกลับไปพักที่ห้องพักนะจ้าว”
นพคุณทำตามคำเตือนโดยดี พยายามพูดปลอบแฟนสาวอย่างยากลำบากเพราะเจ็บริมฝีปากที่แตกเป็นแผลจากโดนกำปั้น
“นพไม่เป็นไรแล้วอย่าร้องไห้...”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่