สาปเสน่หา(ตอนที่หายไป...เน้นดราม่า)

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/34762003


นางพญาอสรพิษ

       ร่างบาดเจ็บสาหัสของสมคิดและร่างบอบช้ำยับเยินของสองแขกคนสำคัญถูกนำมาถึงคุ้มโบราณโดยรถกระบะของคุ้มที่ตามไปช่วย ก่อนที่รถกระบะอีกคันจะพาลูกสมุนเสี่ยชูชัยซึ่งถูกควบคุมตัวแล่นตามหลังมา

       ประมุขคุ้มคำหยาดฟ้ายืนเคียงพิษณุและพวงชมพูรอฟังข่าวอยู่หน้าเรือนอย่างกระวนกระวายใจ ทันทีที่รถกระบะคันที่บรรทุกร่างของชายเคราะห์ร้ายทั้งสามจอดเทียบหน้าเรือน เธอก็รีบผลุนผลันลงมาทันที

       เจ้านางสาวถลาเข้าหาร่างชายคนรักพร้อมพวงชมพู ซึ่งรออยู่อย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน สองสาวต่างอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของชายอันเป็นที่รัก

เจ้านางไทใหญ่เงยหน้างามขึ้นขวับ จ้องเขม็งมายังสมุนเสี่ยมาเฟียทั้งห้า ประกายตาแข็งกร้าวลุกวาวด้วยโทสาแห่งอดีตราชธิดาเมืองแหล่ง มันโชนแสงร้อนแรงราวพระเพลิงที่พร้อมจะเผาผลาญร่างคนทั้งห้าให้มอดไหม้ภายในพริบตา ส่วนพวงชมพูนั้นถึงกับร่ำไห้โฮเพราะความห่วงใยชายคนรักกับรุ่นพี่ที่เคารพ ครูสาวพร่ำเรียกชื่อชายหนุ่มทั้งสองที่นอนไม่ได้สติให้รู้สึกตัว

“ไอ้นพ พี่ชิต ลืมตาสิคะ เป็นไงกันมั่ง นพ ๆ ได้ยินชมพูไหม แกอย่าเป็นอะไรไปนะ”

เจ้านางสาวเลื่อนสายตามามองร่างชายต่างถิ่นทั้งสองอีกครั้ง คราวนี้ใบหน้างามกลับเศร้าสลดลง

“กี่ภพกี่ชาติเจ้าพี่ก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะข้าเจ้า น้องขอโทษด้วยนะจ้าว เจ้าพี่เจ้าขา ได้ยินเสียงน้องหรือไม่”

       พวงชมพูนั้นถึงแม้อยู่ในอาการตกใจและเป็นห่วงชายคนรัก แต่พอได้ยินคำคร่ำครวญของคู่แข่งเสน่หา หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้านางไทใหญ่อย่างไม่ชอบใจ พูดขัดขึ้นว่า

“นี่คือนพพรค่ะ ไม่ใช่เจ้าชายเมืองลืออะไรนั่นของคุณ”

       ร่างงามชะงัก ตวัดตาคมปลาบจ้องหน้าสาวตาโต ซึ่งอีกฝ่ายก็หาได้หลบไม่ จ้องตอบไม่ลดละ เป็นอีกครั้งที่สองหญิงจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง ทันใดนั้น ร่างของนพพรก็เริ่มขยับ ชายหนุ่มส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ สองหญิงลืมความขุ่นข้องต่อกันไปชั่วครู่ ต่างแสดงอาการยินดี พากันหันมาทางร่างชายในดวงใจ แล้วเรียกชื่อชายหนุ่มออกมาพร้อมกัน

“นพพร”
“เจ้าพี่เมืองลือ”

       อีกด้านหนึ่ง หนานอินเฟือนกระโดดลงจากท้ายรถกระบะคันที่บรรทุกกลุ่มคนร้ายมา เขาตรงมาหาผู้เป็นนายหญิง เอ่ยถามว่า

“สมคิดบาดเจ็บสาหัส ถูกมีดแทงเข้าที่หน้าท้อง เจ้าจะดูเองหรือให้พาไปโรงพยาบาล”

       ร่างงามละสายตาจากชายคนรัก ผละมาดูอาการบ่าวชายที่ถูกทำร้าย เธอตรวจดูบาดแผลของสมคิด ท่าทีชำนิชำนาญราวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

“อาการไม่หนักหนา บาดแผลจากมีดไม่ถูกที่สำคัญ พาเข้าไปห้องใต้ดิน เดี๋ยวเฮาจัดการเอง อ้อ สมคิดเลือดกรุ๊ปโอ หาคนเลือดกรุ๊ปนี้ไว้สักสองสามคนนะ ให้คนพาคุณผู้ชายสองคนนี่ไปไว้ที่นั่นด้วย”

หญิงเจ้าของคุ้มสั่งการ เธอพยักหน้าให้พวงชมพูหลีกทาง ซึ่งครูสาวก็จำต้องถอยห่างจากท้ายรถกระบะ เพื่อเปิดทางให้นำคนเจ็บทั้งหมดลงมา ผู้จัดการคุ้มบัญชาการให้คนรับใช้ชายร่างใหญ่คนหนึ่ง อุ้มร่างสาหัสของสมคิดลงจากรถ แล้วบ่าวชายหลายคนก็ช่วยกันหามคนเจ็บทั้งหมดตรงไปด้านหลังเรือนหลวง ซึ่งที่นั่นมีห้องลับอยู่ชั้นใต้ดิน พวงชมพูรีบวิ่งตามไปทันที

“แล้วไอ้พวกนี้เจ้าจะจัดการกับพวกมันยังไงดี”

       หนานอินเฟือนหันมาถามนายสาว พลางบุ้ยใบ้ไปทางกลุ่มวายร้ายหลังกระบะรถ ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มเยื้อน...หากเป็นรอยยิ้มที่มันผู้ใดได้พบเห็นขนภายในกายเป็นต้องลุกเกรียว เพราะเจ้าของรอยยิ้มนั้นกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาคมวาวราวตานางเสือร้ายหมายขย้ำเหยื่อ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาประดุจมีเมตตา แต่ทว่าเยียบเย็น แฝงกระไอสยอง

“ปล่อยมันกลับไป คืนนี้ให้พวกมันได้อยู่พร้อมหน้ากัน พวกเจ้าเข้ามาเยือนถึงถิ่นข้าหลายครั้งแล้ว จากนี้ไปจงรับการมาเยือนของเฮาบ้าง”

“แจ้งตำรวจดีไหมครับเจ้า อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงเลย ไอ้พวกนี้มันอันธพาลชัด ๆ เจ้าเป็นผู้หญิง จะสู้รบตบมือกับพวกมันยังไง”

       พิษณุซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่อย่างเคร่งเครียด ยังยืนยันให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเช่นเดิม เจ้านางสาวถอนหายใจ ชำเลืองมองหนุ่มวิศวกรซึ่งยืนข้าง ๆ อย่างเอือมระอา

“คุณพีทเงียบเถอะค่ะ เรื่องนี้ดิฉันมีวิธีจัดการอยู่แล้ว”

       เป็นอีกครั้งที่พิษณุต้องสะอึกกับวาจาไร้เยื่อใยของหญิงสาวที่แอบหลงรักมานาน อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจจึงบังเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หนุ่มวิศวกรจำต้องเงียบเสียงลงพลางส่งสายตาตัดพ้อมาให้ แต่หญิงสาวแสนสวยจะมีท่าทีสนใจก็หาไม่ ทุกคนในที่นั้นต่างพากันฉงนฉงายต่อท่าทีของประมุขแห่งคุ้มโบราณ มีเพียงสองบ่าวคนสนิทเท่านั้นที่ยืนฟังอย่างสงบ จันทร์เป็งถึงกับลอบถอนหายใจยาวอีกครั้ง ข้ารับใช้สาวชำเลืองตามองอดีตแม่ทัพเมืองแหล่ง ก็เห็นแววอนาถใจในดวงตาคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นของเขาเช่นกัน

       ไอ้ดำและสมัครพรรคพวกได้รับการปลดพันธนาการจากเชือกไนล่อน และถูกผลักให้ลงจากรถ ลูกพี่กลุ่มวายร้ายคลำข้อมือตัวเองไปมา พลางจ้องหน้านายหญิงแห่งคุ้มคำหยาดฟ้าแล้วแสยะยิ้มให้อย่างยโส  

“พูดแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย รู้ตัวก็ดีแล้ว ไม่น่าดื้อด้านให้ต้องออกแรงกันเลยนี่นา ช่วยไม่ได้ อยากเอาคืนหรือไง ถ้าอยากเอาคืนเมื่อไหร่ ที่ไหน บอกมาได้เลย เสี่ยพร้อมเสมอ”

เมื่อได้รับอิสระโดยง่าย ไอ้ดำก็นึกเอาเองว่า เจ้านางคนสวยกริ่งเกรงบารมีของเจ้านายตนจึงยังไม่วายพูดอวดโอหัง

“รีบกลับไปเสียเถอะ ฉันบอกอยู่เดี๋ยวนี้ไง ว่าจงรอรับการมาเยือนของเฮาให้ดี”

เสียงหวานใสนั้นราบเรียบอย่างยิ่ง ใบหน้างามของคนพูดก็สงบนิ่งอย่างน่าเกรงขาม แต่คนอวดเก่งอย่างสมุนเอกของเสี่ยชูชัยไม่ได้สำเหนียก

“ให้ไวเลยนะเจ้านาง อย่าดีแต่พูดล่ะ แล้วก็อย่าให้รอเก้อด้วย ฉันจะกลับไปบอกให้เสี่ยรู้ว่า เจ้าคนสวยจะไปพบพวกเราเร็ว ๆ นี้  ไป...พวกเรากลับ”

มันพูดท้าทายทิ้งท้าย ก่อนชวนลูกสมุนกลับออกจากคุ้มไป

“เงาหัวไม่มีแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”

จันทร์เป็งซึ่งยืนเยื้องนายสาวพึมพำในลำคอ หญิงผู้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานส่ายหน้าช้า ๆ อย่างนึกสังเวช



       ภายในชั้นใต้ดินข้างล่างเรือนหลวงที่สร้างเลียนแบบคุกใต้ดินของหอหลวงเมืองแหล่งมิผิดเพี้ยน หลังลงบันไดหินมาถึงข้างล่าง ซึ่งสองฟากมีห้องติดลูกกรงเหล็กสองห้อง ที่ถูกแบ่งออกด้วยทางเดินตรงกลาง ห้องทางขวามือมีภาพวาดสีน้ำมันของเพชฌฆาตกำลังลงทัณฑ์นักโทษขนาดใหญ่ติดผนังห้องชวนสยอง พ้นจากห้องกรงจึงเป็นโถงโล่ง ต่างกันตรงที่มุมหนึ่งของห้องโถงจัดวางเตียงสำหรับทำแผลสองเตียง ถัดเข้าไปอีกเล็กน้อยเป็นห้องสี่เหลี่ยมปิดมิดชิด ไม่มีหน้าต่าง ผนังห้องและประตูบานเลื่อนทำด้วยวัสดุเรียบและมัน ติดตั้งเครื่องดูดอากาศและเครื่องปรับอากาศเอาไว้อย่างดี

       บ่าวชายช่วยกันแบกร่างของครูหนุ่มทั้งสองลงนอนบนเตียงทำแผลคนละเตียง ส่วนสมคิดถูกหามหายเข้าไปในห้องที่มีบานประตูเลื่อนนั้น เจ้าของคุ้มคนสวยตามเข้ามาพร้อมจันทร์เป็ง หล่อนหันไปบอกบ่าวหญิงคนสนิทว่า

“โทรไปตามหมอสันติมา”

       จันทร์เป็งรับคำแล้วออกจากห้องนั้นไป หญิงสาวในชุดเสื้อกางเกงทะมัดทะแมงอีกสองคนที่รอท่าอยู่ในห้อง ตรงเข้ามาตรวจดูอาการของชายหนุ่มต่างถิ่นซึ่งเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เธอทั้งคู่มีท่าทางชำนิชำนาญในการตรวจร่างกายและทำความสะอาดบาดแผล

       พวงชมพูตามเข้ามาดูอาการของชายคนรักและรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวตรงเข้าเขย่าตัวแฟนหนุ่มให้รู้สึกตัว นพพรลืมตาขึ้นพึมพำเรียกชื่อแฟนสาวเบา ๆ ครูสาวน้ำตารื้นก้มลงกอดร่างชายคนรักอย่างดีใจ

“แกฟื้นแล้ว เจ็บตรงไหนบ้างไอ้นพ”

นพพรพยายามฝืนยิ้มให้สาวคนรัก ชายหนุ่มขยับตัวจะลุกขึ้นแต่ถูกหญิงไทใหญ่ข้าง ๆ กดตัวไว้

“อย่าพึ่งลุกเลยจ้าว ขอข้าเจ้าตรวจเช็คร่างกายและทำแผลให้เสร็จเสียก่อน มีรอยถลอกที่ซอกคอ ไหล่และแขน กับแผลปากแตก ที่น่าเป็นห่วงก็คืออาการบอบช้ำภายใน เดี๋ยวพอทำแผลเสร็จคงต้องรอดูอาการทางสมองว่าได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่ แล้วค่อยกลับไปพักที่ห้องนะจ้าว”

เจ้านางโฉมงาม แม้ห่วงใยอาการบาดเจ็บของชายในดวงใจ แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองได้รับการดูแลแล้ว จึงเดินหายลับเข้าไปในห้องที่บ่าวชายหามร่างของสมคิดเข้าไป

เสียงครางแผ่ว ๆ ดังขึ้นจากเตียงของอนุชิต แสดงว่ารุ่นพี่ของทั้งสองก็ได้สติคืนมาแล้วเช่นกัน พวงชมพูรีบตรงเข้าไปดูอาการของครูชายชาวเชียงใหม่ ที่กำลังพยายามขยับตัวลุกขึ้น

“อย่าพึ่งลุกค่ะพี่ชิต น้องเขากำลังทำแผลให้พี่อยู่”

พวงชมพูปราม อนุชิตมีท่าทางมึนงง แต่สักครู่เขาก็เริ่มจำความได้ ชายหนุ่มหันมองซ้ายขวา

“ที่นี่คือที่ไหนกัน ชมพู ไอ้พวกนั้นไปแล้วเหรอ ใครมาช่วยพี่เอาไว้”

ชายหนุ่มถามเป็นชุดอย่างสงสัย เขามีแผลแตกตามใบหน้าหลายแห่ง ส่วนตาซ้ายก็บวมปิด อนุชิตยอมนอนลงให้หญิงไทใหญ่ช่วยเหลือแต่โดยดี

“พี่ปลอดภัยแล้วค่ะ คุณอินเฟือนพาคนไปช่วยทันเวลาพอดี ตอนนี้คุณคำหยาดฟ้าพาพี่กับนพมารักษาอาการบาดเจ็บในห้องพยาบาล ชั้นใต้ดินของเรือนหลวงค่ะ ส่วนคนที่โดนแทง เจ้าพาเข้าไปในห้องโน้น”

หญิงสาวชี้ให้ชายหนุ่มทั้งคู่ดูห้องสี่เหลี่ยมที่อยู่ถัดไป ซึ่งขณะนั้นจันทร์เป็งได้เดินนำชายหนุ่มร่างผอม ใส่แว่นสายตาหนา ๆ เข้ามาในห้องพอดี เขาตรงดิ่งไปยังห้องปริศนานั้นทันที พวงชมพูมองตามร่างชายสวมแว่นอย่างสงสัย อีกทั้งนึกแปลกใจต่อสภาพของห้องใต้ดินแห่งนี้ที่ดูลึกลับ มีทั้งห้องลูกกรงเหล็กเสมือนใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ และห้องที่ประตูปิดสนิทห้องนั้น จึงเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังปฐมพยาบาลนพพรขึ้น

“ห้องโน้นเป็นห้องอะไรคะ” ชี้มือถามไปทางห้องปิดมิดชิด

“อ๋อ ห้องผ่าตัดค่ะ”
หญิงสาวตอบ ขณะที่มือก็สาละวนอยู่กับการใช้ผ้าสะอาดปิดแผลเปิดตามใบหน้าและหลังมือจากการกำหมัดลุ่น ๆ ต่อยกันให้หนุ่มชาวกรุง

“แล้วผู้ชายสวมแว่นที่เข้าไปในนั้นเป็นใครคะ” ครูสาวยังไม่หายสงสัย

“คนนั้นชื่อหมอสันติจ้าว เป็นลูกหลานของคนที่นี่ แต่ก่อนก็เคยอาศัยอยู่ในคุ้มนี้แหละ เจ้าท่านส่งเสียให้เรียนแพทย์ ตอนนี้แกเปิดคลินิกรักษาคนไข้อยู่แถวดอยสะเก็ด”

“เอ่อ แล้วคุณล่ะคะ เป็นใคร ชมพูเห็นคุณทำแผลคล่องจัง”

หญิงสาวชาวไทใหญ่เงยหน้าขึ้นยิ้มให้สาวชาวกรุง ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“ข้าเจ้าชื่อจินดา กับอีกคนนู้นชื่อประนอม เราสองคนจบพยาบาลมาจ้าว แต่กลับมาทำงานดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เจ้าในคุ้มนี้ เราก็โตมาในคุ้มนี้เหมือนกันจ้าว”

หญิงไทใหญ่อีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับบาดแผลของอนุชิตหันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร พวงชมพูครางรับในลำคอ รู้สึกทึ่งกับเรื่องราวลึกลับภายในคุ้มโบราณแห่งนี้

“แล้ว...ห้องที่มีลูกกรงนั่นล่ะค่ะ”

“แต่เดิมเป็นห้องใช้ขังนักโทษต้องอาญาแผ่นดินสมัยก่อนจ้าว ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ห้องนี้เจ้าท่านก็เลยอนุรักษ์เอาไว้เตือนใจลูกหลานเฉย ๆ”

จันทร์เป็งซึ่งเดินเข้ามาได้ยินคำถามพอดีจึงตอบแทนหญิงพยาบาลที่ชื่อจินดา

“แหม...น่ากลัวจังเลยนะคะ”

หญิงชาวกรุงมองภาพวาดที่ติดผนังแล้วนิ่วหน้าอย่างสยอง

“มันน่ากลัวสำหรับคนทำความผิดเท่านั้นจ้าว คนบริสุทธิ์อย่างเรา ๆ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวหรอก”

จันทร์เป็งบอกยิ้ม ๆ หากในใจส่วนลึกของหญิงรับใช้กลับนึกไปว่า คุกใดก็ไม่น่ากลัวเท่าคุกภายในใจมนุษย์...เฉกเช่นคุกในใจของตัวเธอเอง

(มีต่อค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่