ริษยารักข้ามภพ ตอนที่ 36

ตอนที่ 36

คนสนิททั้งสองกลับมาแจ้งความคืบหน้าให้นายหญิงของตนทราบหลังกลับจากสังเกตการณ์ในสถานที่เกิดเหตุ ประมุขคุ้มคำหยาดฟ้านิ่งฟังก่อนเหยียดยิ้มด้วยอาการสะใจ
“สะใจข้านัก สมน้ำหน้าเจ้ามหาคำคืน รนหาที่เอง เกิดมาชาตินี้นึกว่าจะเปลี่ยนแปลงบ้างกลับเลวอย่างเก่า หนานส่งคนงานเราไปช่วยงานศพชาวบ้านที่ตายสองคนนั่น ส่วนบัวตองอยู่ที่นี่ก่อน ข้ามีเรื่องให้เจ้าจัดการอีกเรื่องหนึ่ง”บริวารชายรับคำ เมื่อร่างกำยำออกพ้นประตูไป เธอก็หันมาทางสาวใช้คนสนิท
“มะรืนนี้เจ้าพี่จะพากันกลับไปแล้ว โอกาสเดียวที่เหลืออยู่ก็คืองานเลี้ยงอำลาที่ข้าจะจัดขึ้น พี่จงฝนว่านหลงนางเตรียมเอาไว้ ข้าจำเป็นต้องใช้มัน”
คำสั่งเรียบๆ ของนายสาวแต่ทำให้ถึงกับตัวเย็นวาบ หญิงรับใช้เอ่ยถามเบาแทบเป็นเสียงกระซิบว่า
“เจ้านางจะคิดอ่านทำประการใดต่อฤา”
“จัดการกับรักสามเส้าของข้าเสียให้เสร็จสิ้นในชาตินี้ ข้าตัดสินใจจะใช้วิธีสุดท้ายให้มันสะเด็ดน้ำเสียที”
น้ำเสียงแผ่วลงนั้นกลับสะท้านเข้าไปถึงขั้วหัวใจของบัวตอง นางบ่าวผู้จงรักก้มหน้าลงซ่อนความรู้สึกสลด ว่านหลงนางมีฤทธิ์มอมเมากระตุ้นกำหนัด ชายใดได้กินเพียงอึกเดียวก็จะเกิดอารมณ์กระสันด้วยแรงดำกฤษณา หน้ามืดตามัวใคร่ได้สมสู่ปลดปล่อยกามารมณ์ ไม่มีสติหลงเหลืออยู่ให้คิดหน้าคิดหลัง โธ่เอ๋ย แต่หญิงผู้งดงาม เพียบพร้อมไปด้วยทุกสิ่งเช่นเจ้านางทูนหัวของตนกลับต้องพึ่งพาฤทธิ์ว่านกระตุ้นราคะนี้เชียวหรือ ช่างน่าอัปยศเสียนี่กระไร เหลือบแลใบหน้าแสนโสภาก็เห็นเพียงความเย็นชาราวคนหัวใจตายด้าน เธอจึงได้แต่รับคำเสียงค่อย แต่กระนั้นก็ยังไม่วายเลียบเคียงถามถึงครูสาวชาวกรุง
“เอ้อ เจ้านางเจ้าขา แล้ว...เจ้าม่านล่ะเจ้าข้า คุณพวงชมพูนั้นท่านจะทำเยี่ยงไรกับเธอ บ่าวขออภัยที่บังอาจถาม”
“เจ้าก็ยังเป็นห่วงนางอยู่เช่นเดิมนะบัวตอง”ย้อนถามอย่างหมั่นไส้ ทำเอานางบ่าวทรุดหมอบลงอย่างเกรงกลัวความผิด
“หามิได้ บ่าว...เพียง...เพียง”ท่าทางนั้นเรียกรอยยิ้มเย็นฉาบบนดวงหน้าแฉล้ม รู้ดีว่าบัวตองคิดอะไรอยู่
“หากการทุกสิ่งสมดังใจข้าแล้วล่ะก็...ข้าจะปล่อยนางไป”

สองครูหนุ่มยังนอนพักฟื้นอาการบอบช้ำอยู่ภายในคุ้มโบราณ พวกเขาตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่ออีกสามสี่วันเพื่อให้ร่องรอยเขียวช้ำตามร่างกายเลือนหายไปบ้าง เพราะอนุชิตยังไม่อยากกลับไปให้มารดาเห็นตนในสภาพเช่นปัจจุบัน
เหตุร้ายที่เกิดขึ้นสร้างทั้งความประหลาดใจและโล่งอกให้ชายหนุ่มทั้งสองในเวลาเดียวกัน ถึงแม้จะรู้สึกสะเทือนใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้คนในฟาร์มชูชัยด้วยก็ตาม รวมถึงพิษณุและพวงชมพูด้วย
สาวตาโตนั้นโล่งใจว่าเมื่อไม่มีคนมาคอยรังควานคุ้มโบราณแห่งนี้อีก ชายคนรักก็คงจะหมดข้อกังวล และเมื่อกลับไปเธอกับเขาก็จะได้แต่งงานกัน เขาก็คงจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับหญิงเจ้าของคุ้มคนนี้เสียที
เช่นเดียวกับพิษณุที่รู้สึกสบายใจเรื่องชายคู่แข่งหัวใจ เขาคิดแบบเดียวกันกับครูสาวว่าต่อไปนี้ ที่นี่ก็จะเหลือเพียงเขากับเจ้านางสาวเหมือนอย่างที่เคยเป็น วิศวกรหนุ่มยังไม่ละความพยายามที่จะพิชิตใจสาวงาม ดังนั้นเขาจึงคิดว่าจะต้องเร่งแสดงความสนิทสนมเป็นพิเศษกับเจ้าของคุ้มให้ชายหนุ่มคนอื่นเห็น ใครที่ยังมีใจกับเธอก็จะได้ถอยไป เพราะถึงแม้เจ้านางคำหยาดฟ้าจะมีทีท่าว่าชอบนพคุณ แต่ก็เป็นอันทราบกันดีว่าชายผู้นั้นมีเจ้าของหัวใจไปเสียแล้ว ทีนี้ก็คงเหลือแต่ครูหนุ่มรุ่นพี่คนนั้นกระมัง เพราะเจ้านางไม่นิยมออกไปมีสังคมกับใคร
อาการบอบช้ำภายในของครูชายทั้งสองต่างกัน อนุชิตเจ็บหนักถึงขั้นปัสสาวะออกมาเป็นเลือดสดๆ โชคดีที่มีพยาบาลในคุ้มคอยดูแลทำแผลและจัดหยูกยาให้ ร่วมกับการรักษาโดยใช้สมุนไพรแก้ช้ำในอันแสนวิเศษของประมุขคุ้มสาว อาการของชายหนุ่มจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนนพคุณนั้นเจ็บน้อยกว่ามาก เพราะขณะถูกรุมทำร้ายอนุชิตเอาตัวเข้าบังรุ่นน้องชายเอาไว้
ตั้งแต่เกิดเรื่องร้ายบัวตองและอินเฟือนหมั่นมาเยี่ยมดูอาการและอยู่สนทนาอย่างเป็นกันเองกับสองครูหนุ่มบ่อยๆ ตอนแรกบริวารชายหญิงของเจ้านางสาวมีท่าทีนอบน้อมถ่อมตัว ด้วยยึดถือหนุ่มสาวทั้งหมดเป็นแขกของเจ้านาย ซึ่งเทียบชั้นเป็นคนอีกระดับที่อยู่สูงขึ้นไปจากพวกตน ทั้งสองจึงปฏิบัติกับแขกของประมุขคุ้มเฉกเช่นเจ้านายตัวเอง
แต่ยิ่งได้พูดคุยและคลุกคลีกันหลายวันเข้า ทั้งบัวตองและอินเฟือนกลับรู้สึกว่าแขกทั้งสี่ไม่ได้ถือตัวอย่างที่ตนคิด พวกเขากลับให้ความเกรงใจในอาวุโสของคนทั้งคู่ โดยเฉพาะพวงชมพูกับนพคุณนั้นขี้เล่น ชอบกระเซ้าเย้าแหย่ให้คนรับใช้ทั้งสองขำขัน ส่วนอนุชิตก็วางตัวเป็นพี่ชายที่ดี ถึงแม้เขาจะแอบชอบพวงชมพูแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงอาการอิจฉาริษยาหนุ่มรุ่นน้องออกมา มีเพียงความหม่นหมองที่เผลอฉายออกมาทางแววตายามเห็นคู่รักหวานชื่นเข้าใส่กันเท่านั้นที่ปิดเท่าไหร่ก็ปิดไม่มิด
สองวันหลังความหายนะของฟาร์มเสี่ยชะตาขาด นพคุณก็สามารถลุกขึ้นเดินเองได้แล้ว แต่ก็ยังโขยกเขยก เขาอ้อนพวงชมพูให้ประคองพามาเยี่ยมอนุชิตในห้องพัก ซึ่งพอดีกับที่พิษณุก็เข้ามาเยี่ยมอาการของครูหนุ่มด้วยเช่นกัน วิศวกรหนุ่มท่าทางหงอยๆ เพราะผิดหวังจากการพยายามทำตัวใกล้ชิดกับเจ้าของคุ้มคนงาม แต่เธอกลับปฏิบัติต่อเขาราวพี่สาวใจดีกับน้องชายอยู่นั่นแล้ว สร้างความน้อยใจให้กับเขาอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรหนุ่มตี๋ก็ไม่ละความพยายาม เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีแต้มต่อเหนือคนอื่นเพราะเป็นคนเดียวที่เข้านอกออกในคุ้มได้ราวเป็นคนของที่นี่มานานแล้ว เจ้าของคุ้มเองก็ไม่เคยแสดงท่าทางรังเกียจ เพียงแต่เธอปากหนักยังไม่ยอมรับรักเขาเท่านั้นเอง ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะหัวใจของสาวสวยคนนี้ให้จงได้
หลังเสร็จจากการทักทายกัน ชายหนุ่มทั้งหมดซึ่งมีปัญหาหัวใจยุ่งเหยิงพัลวันก็นั่งลงสนทนากัน
“จบเรื่องน่าปวดหัวจากพวกมาเฟียลงแล้วพวกคุณจะพักอยู่ที่นี่อีกนานไหมครับ”
วิศวกรหนุ่มลองถามหยั่งเชิงชายผู้ที่เขาถือเอาเป็นคู่แข่งหัวใจดู นพคุณยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรู้ทัน
“รอให้พี่ชิตอาการดีขึ้นอีกหน่อยก่อนครับ ขืนกลับไปทั้งยังฟกช้ำดำเขียวทั่วตัวแบบนี้ ป้ามาลีแกจะเป็นลมเอา แต่คงไม่เกินอาทิตย์หน้า หลังจากนั้นผมกับชมพูก็จะพากันกลับกรุงเทพเสียที”
“แล้วเราจะหาฤกษ์แต่งงานกันค่ะ”
แฟนสาวของนพคุณพูดต่อท้ายทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ นพคุณหันมาทำตาวาวเข้าใส่คนรัก
“เอาฤกษ์สะดวกอย่างที่บอกใช่ไหม ดีจัง ฉันอยากมีเมียจนตัวสั่นแล้วว่ะ”
ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มต้นแท้ๆ แต่พวงชมพูกลับเป็นฝ่ายเขินอายหน้าแดงเสียเอง เธอส่งค้อนขวับให้แฟนหนุ่มแล้วแอบบิดแขนเขาแรงๆ แก้เขิน นพคุณแกล้งร้องลั่น
“โอ๊ย ใจร้ายชะมัด นพยังไม่ทันหายดีประทุษร้ายกันอีกแล้ว”
สาวตาโตรีบปล่อยมือที่หยิกทันที หน้าเผือดสีลงเพราะความเป็นห่วงแฟนหนุ่ม กลัวว่าตัวเองจะพลั้งมือทำเขาเจ็บเข้าจริงๆ
“แกเจ็บเหรอ ขอโทษนะ...ชมพูไม่ได้ตั้งใจ”ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ทำหน้าทะเล้นพูดล้อแฟนสาว
“เป็นห่วงนพเหรอจ๊ะที่รัก ชื่นใจจัง”
“ไอ้นพบ้าแกแกล้งเจ็บนี่ กะล่อนมากนักนะ แล้วพูดอะไรออกมา หน้าไม่อาย...”
แล้วหญิงสาวก็กลบเกลื่อนความขวยอายด้วยการเสหันไปทักอินเฟือนและบัวตองซึ่งเดินเข้ามาพอดี
“เอ้า พี่อินเฟือนมาเยี่ยมแต่เช้าเลยนะคะ พี่บัวตองเอาสมุนไพรมาประคบให้พี่ชิตอีกแล้ว หอมกลิ่นไพลจังค่ะ”
สองคนสนิทของเจ้านางคำหยาดฟ้าทันได้ยินคำสนทนาหยอกเย้าของคู่รักเข้าพอดี ทั้งคู่ต้องหยุดหันมามองหน้ากันอย่างนึกสังเวชอยู่ครู่หนึ่งก่อนก้าวเข้ามาหา
บัวตองสังเกตเห็นท่าทีของอนุชิตที่ซึมไปเพราะเห็นคู่รักแสดงความรักต่อกัน ซ้ำยังออกปากว่าจะหาฤกษ์แต่งงานกันทันทีที่กลับถึงกรุงเทพก็เข้าใจ เธอจึงเข้ามาแตะไหล่ปลอบใจเขา ท่าทีของชายอกหักทำให้นึกสงสารจับใจ เพราะถึงแม้เขาจะพยายามปกปิดความรู้สึกเอาไว้เต็มที่ แต่บางครั้งก็ยังไม่วายเผลอแสดงออกมาให้คนช่างสังเกตได้รับรู้ แตกต่างจากหนุ่มวิศวกรที่มีท่าทีโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที รีบจัดแจงช่วยยกเก้าอี้มาบริการสองผู้มาใหม่
“เชิญนั่งครับ”
บัวตองวางห่อสมุนไพรลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เธอกล่าวขอบคุณพิษณุแล้วยิ้มให้สี่หนุ่มสาวอย่างเอ็นดู
“ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองล่วงหน้าและขอให้มีความสุขในชีวิตคู่ จนกระทั่งถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะจ้าว” อวยพรให้คู่รักแล้วในใจก็นึกอยากให้เป็นอย่างนั้นเสียจริงๆ
“แล้วคุณชิตล่ะเมื่อไหร่จะมีข่าวดี รูปหล่อนิสัยดีแบบนี้เห็นทีคงอีกไม่นาน ถ้าถึงวันนั้นอย่าลืมบอกมาทางคุ้มเราด้วยนะจ้าว”
หันมาสัพยอกคนไข้หนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งเขาก็ยิ้มเซียวๆ ตอบ ในใจปวดหนึบกับคำทักทายแบบนั้น เพราะเขาจะมีข่าวดีในเร็ววันได้อย่างไร ในเมื่อคนที่ตัวเองแอบชอบได้ตกลงปลงใจจะแต่งงานกับคนที่เธอรักไปเสียแล้ว หญิงสาวคนอื่นเขาก็ไม่เคยรักใคร เพราะหัวใจเจ้ากรรมได้ทุ่มเทความรักให้รุ่นน้องคนสวยไปเสียจนหมดสิ้น
เมื่อเหลือบไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของรุ่นน้องสาวก็ยิ่งใจหาย เพราะตลอดมาก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่ายังแอบมีความหวัง พวงชมพูคือหนึ่งเดียวในดวงใจของเขามานาน ซึ่งเขาแน่ใจว่ารักเธอ แต่ความรักมันบังคับกันไม่ได้ ในเมื่อเธอไม่มีใจให้อนุชิตก็คิดจะตัดใจจากเธอ เขาอาจเลิกรักเธอตอนนี้ไม่ได้ แต่พอนานไป เวลาคงช่วยเยียวยาแผลใจให้เอง อย่างไรก็ดี เขาไม่ควรอิจฉาในความสุขของเธอและไม่ควรเกิดทุกข์เพราะรักเธอเช่นกัน
“คงอีกนานครับพี่ ว่าแต่มาถามผม แล้วพี่สองคนล่ะครับเมื่อไหร่จะมีข่าวดี”
อนุชิตเย้ากลับ เพราะจากท่าทีที่มักแสดงความเอื้ออาทรต่อกันของชายหญิงคู่นี้ ก็ทำให้เขาเข้าใจว่าทั้งสองคงชอบพอกัน บัวตองสะอึก เผลอหันไปมองหน้าคร้ามของอินเฟือนอย่างลืมตัว
โธ่เอ๋ย แม้กาลเวลายาวนานเกือบหนึ่งร้อยปี แต่หญิงอาภัพก็มิเคยได้แย้มความในใจให้ชายที่ตนแอบรักได้ล่วงรู้ บัวตองพยายามบังคับตัวเองแล้ว หากแต่การดูแลเอาใจใส่จากอินเฟือนรวมทั้งความใกล้ชิดก็เกินจะยับยั้งความต้องการของหัวใจได้  
ส่วนอินเฟือนนั้นกลับขรึมลง จิตของอดีตแม่ทัพกระหวัดไปถึงใบหน้าผุดผาดของคำแปง นางกำนัลสาวเมียรักขึ้นมา
“แหม คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ พี่อินเฟือนกับข้าเจ้า...ไม่ได้เป็นคนรักกัน”
บัวตองรีบอ้อมแอ้มปฏิเสธแล้วก้มหน้าลงซ่อนความอาดูร หนานอินเฟือนชำเลืองดูหญิงรับใช้คู่หู ทำไมเขาจะไม่รับรู้ว่าสตรีร่วมชะตากรรมคิดยังไงกับตัวเอง บัวตองใส่ใจดูแลเขาอย่างดีตลอดมาเกินกว่าคนร่วมชายคาธรรมดาจะปฏิบัติต่อกัน เธอทำแบบนี้มานานมาก แต่จนแล้วจนรอดอินเฟือนก็ไม่สามารถคิดกับเธอเกินเลยไปกว่าน้องสาวคนหนึ่ง มิใช่เพราะรังเกียจรอยราคีของเธอเมื่อในอดีต แต่เป็นเพราะหัวใจของอินเฟือนได้มอบให้กับหญิงงามที่ชื่อว่าคำแปงไปจนหมดสิ้น ไม่เหลือให้ใครอีกแล้ว หนานหนุ่มหัวเราะ หึ หึ ในลำคอ
“ผมคงแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตครับ เมื่อเมียกับลูกสาวผมถูกฆ่าตายไปแล้ว ความรักของผมก็ตายตามไปด้วย แต่ถ้าใครแต่งงานกันผมก็รู้สึกยินดีด้วย จากใจจริงครับผม”
เรื่องของความรักในวันนี้นอกจากคู่ของนพคุณกับพวงชมพูแล้ว ก็ดูเหมือนว่าฟ้าได้ลิขิตให้ผิดฝาผิดตัวกันไปจนหมดสิ้น เหมือนฟ้าตั้งใจล้อเล่นกับชีวิตมนุษย์โดยไม่สนใจว่าหัวใจของมนุษย์เหล่านี้ทุกดวงล้วนเศร้าจริงเจ็บจริง
คำปรารภเรื่องการแต่งงานของสองหนุ่มสาวมิใช่มีเพียงอนุชิตเท่านั้นที่เกิดอาการเจ็บปวดเศร้าซึม ดวงหน้างามของเจ้านางสาวเศร้าสลดลง จากนั้นก็กลับเครียดเขม็งขึ้นเมื่อคาดคะเนจากคำบอกเล่าของหญิงรับใช้คู่ใจได้ว่า ตนเองอาจจะไม่สมหวังในชาติภพนี้อีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าพี่เอ๋ย จงทำให้รักสามเส้าของเราจบสิ้นลงเสียแต่ในชาติภพนี้เถอะ หากยังปฏิเสธอยู่อีก ข้าก็จะติดตามท่านไปทุกชาติ จนกว่าท่านจะรักและยอมรับข้อเสนอของข้า”
ระงับความอาดูรลง ก่อนเปล่งประกาศิตกร้าวแห่งจอมนางออกมา!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่