'มาร์ค' แนะนายกฯ เร่งปรับ ครม. 'ยงยุทธ-อดุลย์' ขอเดินหน้าทำงาน



"อภิสิทธิ์" แนะ "ประยุทธ์" ปรับ ครม. แก้การทำงานล่าช้า ระบุต้องเร่งฟื้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อภาคชนบท วอนอย่าปรับเปลี่ยนคน แต่งานออกมาเหมือนเดิม ขณะที่ "ยงยุทธ-อดุลย์" ไม่สนปรับ ครม.ขอเดินหน้าทำงานต่อ...

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 58 นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. และสวนดุสิตโพล ที่เผยผลสำรวจเกินครึ่งสนับสนุนให้มีการปรับ ครม. ว่า เป็นเรื่องที่โพลก็ทำกันไป ตนไม่ทราบตื้นลึกหนาบาง คิดว่าเราทุกคนใน ครม. ทำงานด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ และทราบดีว่าการที่เราได้มาอยู่ในที่นี้ ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่เลือกสรรเรามาแค่นี้ เราก็มีความภูมิใจ พอใจ และดีใจที่สุดแล้ว เราทำเท่าที่เราทำได้ ส่วนการประกาศใช้ ม.44 แก้ปัญหาเด็กแว้น ก็เป็นมาตรการที่รัฐบาลออกมา โดยทางกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ผลักดัน

อย่างไรก็ตาม เรามีมาตรการอื่นด้วย ไม่ใช่ใช้มาตรการเดียว เช่น มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีการดูแลควบคุมเรื่องเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และยังมีเรื่องต่างๆ ที่ไม่ใช่การใช้กฎหมายเพียงฝ่ายเดียว รวมถึงมาตรการอื่นที่ส่งเสริมเยาวชนให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์เหมาะสมก็มีอยู่มาก ดังนั้นไม่ใช่มีแต่ห้าม แต่มีการส่งเสริมการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ อย่างเช่นช่วงปิดภาคเรียน เป็นต้น ซึ่งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ก็เข้ามามีส่วนสนับสนุนอยู่มาก คิดว่าการดำเนินการต้องมองในภาพรวม ซึ่งมีทั้งไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ และส่งเสริมการกระทำในสิ่งที่เหมาะสม

ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึง การปรับ ครม.เพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีความเห็น ก็คงยังทำงานอย่างเต็มที่ต่อไป

ที่วัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) จ.สุราษฎร์ธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เป็นดุลพินิจของนายกฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร หวังว่าท่านจะพิจารณาในเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพในเรื่องงานที่ไม่สามารถตอบสนองประชาชนได้ อีกด้าน คือ อาจจะทบทวนแนวคิด วิธีการบริหารจัดการส่วนในเรื่องตัวบุคคลที่จะปรับนั้น ก็อยู่ที่นายกฯ จะพิจารณา ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องให้ปรับทีมเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่หัวหน้าทีมนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งานด้านเศรษฐกิจเป็นงานที่น่าเห็นใจ เพราะมีปัจจัยที่เป็นลบหลายตัว และเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงยาก โดยเฉพาะในชนบทที่ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ จะไปคาดหวัง เรื่องส่งออกหรือปัจจัยอื่นไม่ได้ ก็จะต้องมาทำอย่างไรให้ประชาชนในชนบท โดยเฉพาะเกษตรกรมีเงินหมุนเวียน น่าจะเป็นภารกิจสำคัญ ย้ำอย่าหลงโจทย์ ครม.ปรองดอง

เมื่อถามว่า ที่มีแนวคิดการปรับ ครม.เป็น ครม.ปรองดอง โดยนักการเมืองในอดีต มาร่วม ครม.ด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำคัญที่สุดคือ ควรเน้นมุ่งเรื่องงานในเชิงบริหาร เพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาเศรษฐกิจความคาดหวังของประชาชนมากกว่า อย่าไปให้น้ำหนักว่าเป็นพรรคการเมือง หรือไม่ใช่พรรคการเมือง เพราะถ้ามีเรื่องนักการเมืองเข้าไป ก็จะเป็นการไปเพิ่มปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีก ว่าทาง คสช.เองก็วางตัวมาโดยตลอดว่า เป็นรัฐบาลชั่วคราว ที่ไม่มีแนวคิดในการที่จะไปยื้อ ทอดอำนาจ แต่พอมีการเอานักการเมืองเข้ามา หรือบางคนอาจจะมาเป็นนักการเมืองในอนาคต ก็จะมีปัญหาเพิ่มขึ้น ตนมองว่า ควรมุ่งเรื่องการบริหารจะดีกว่า

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการนำอดีตนักการเมืองมาจริงจะทำให้ศรัทธาของ คสช.ลดลง หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ อย่าไปยึดเรื่องคน ให้ยึดเรื่องงานจะดีกว่า และถ้ามีความจำเป็นต้องปรับคนแล้วให้งานดีขึ้น ท่านก็ต้องปรับ ถ้าเปลี่ยนคนแล้วงานยังเหมือนเดิมก็ไม่ควรเปลี่ยน คือ ถ้าพูดรวมๆ ลักษณะแนวนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ยังเป็นแบบอนุรักษ์นิยมเกินไป เกรงปัญหาเรื่องประชานิยมจนเกินไป ความจริงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องเป็นประชานิยม ยังเป็นแบบอนุรักษ์นิยม ถ้ามีวิธีการที่เหมาะสมถูกต้อง ยังมีงานบางด้านที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบจริงที่เกิดกับประชาชนระดับล่าง เพราะอาจจะเป็นความเชื่อในเรื่องกลไกตลาดบ้าง สุดท้ายไม่ได้เข้ามาดูแลให้ประชาชนที่มีกำลังซื้อ ต้องไปตกในภาวะที่มีหนี้สินสูง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างเรื่องภัยแล้ง รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่า จะมีมาตรการชดเชยประชาชนอย่างไร การไปให้รีรอ หรือชะลอการเพาะปลูกต่างๆ เป็นการไปสร้างภาระให้ประชาชนได้ เมื่อถามต่อว่า หากไม่มีการปรับ ครม. สมควรที่จะมีการเพิ่มบุคลากรมาช่วยงานหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ถ้าจะไม่ปรับบุคคล ก็อยากให้ นายกฯ ประกาศเลยว่าไม่ปรับ แล้วเร่งเดินหน้าทำงานต่อไป