สวัสดีครับเพื่อนๆ เนื่องจากเริ่มลดน้ำหนักมาได้ประมาณ1ปีเเล้ว โดยสิ่งเเรกที่ตัดออกเลยคือน้ำอัดลม
ที่นี้ก็มีปัญหาคือเวลาอยากดื่มอะไรเย็นๆมันก็ไม่ค่อยถึงใจสักเท่าไหร่ ก็เลยหันไปหา Coke Zeroแทน
โดยระยะหลังๆมามีกระเเสที่บอกว่าน้ำตาลเทียมทำให้อ้วน เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมไปถึงโรคมะเร็ง
เเละอื่นๆอีกมากมายกำลังมาเเรงในโลกSocial ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ Line
ซึ่งบุคลที่เเชร์เรื่องเหล่านี้นั้นรวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์เเละบุคคลที่อยู่ในสายสุขภาพต่างๆ
ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าใน
ข้อมูลที่เรามีในปัจจุบันนั้นได้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ปล. อาจจะมีคนมาบอกว่าก็เลิกดื่มสิ อันนี้มันก็จริงครับ เเต่อันนี้ไว้สำหรับเป็นทางเลือกอีกทางเท่านั้น
น้ำตาลเทียมคืออะไร
น้ำตาลเทียมเป็นสารที่ให้ความหวานที่สังเคราะห์ขึ้นมาซึ่งสามารถให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาล
ในขณะที่ให้พลังงานหรือเเคลอรี่ต่ำ ซึ่งจะพบได้ในอาหารไอเอตหรือในหัวข้อที่เราพูดถึงอยู่คือน้ำอัดลมนั่นเอง
ซึ่งโดยส่วนมากจะใช้สารที่ชื่อว่า Aspartame เป็นหลัก (เเละจะเป็นหัวข้อหลักในที่นี้)
1 น้ำตาลเทียมทำให้สมองเสพติดความหวาน เเล้วทำให้ทานอาหารเพิ่มขึ้นได้จริงหรอ?
ต้องบอกก่อนว่าเจตตนาที่ใส่รูปนี้เพื่อจุดประสงค์ในการอ้างอิง เเละไม่มีจุดประสงค์อื่นใด
รูปนี้อธิบายถึงการเชื่อมโยงกันของจำนวนประชากรที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยที่ BMI>30(BMI>25ถือว่าเป็นระดับโรคอ้วน)
ดังนั้นการที่มีการใช้น้ำตาลเทียมเพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้มีส่วนในการลดปัญหาโรคอ้วนในประชากรโดยเฉลี่ยได้
ในทางกลับกันนั้นการใช้น้ำตาลอย่างแพร่หลายนั้นมีส่วนเชื่อมโยงกับโรคอ้วนด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2892765/figure/F1/
ในปี2008 ในการทดลองในหนูนั้นได้พบว่า การบริโภคน้ำตาลเทียม(Non-caloric substance)นั้น
สามารถทำให้หนูทดลองสูญเสียความสามารถในการคาดคะเน ปริมาณพลังงานที่ได้รับ(ทางการกิน)
จากรสชาติของความหวาน ซึ่งการสูญเสียการคำนวนนี้ทำให้เกิดการได้รับพลังงานเกิน (Positive energy balance)
เเละการทดลองนี้บอกเป็นนัยได้ว่า การบริโภคน้ำตาลเทียมนั้นทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18298259/
ในปี2011 มีการทดลองเพื่อตอบข้อสันนิษฐานที่น้ำตาลเทียมนั้นมีการเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนไปของพฤติกรรม
การบริโภคน้ำตาล โดยการทดลองครั้งนี้ได้ทดลองในมนุษย์ โดยการใช้ fMRI(functional MRI ) เพื่อดูประมาณ
การทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับความหวานจริง(น้ำตาลเเท้) กับ ความหวานเทียม(น้ำตามเทียม)
การทดลองนี้นั้นได้สนับสนุนข้อสันนิษฐานที่น้ำตาลเทียมสามารถทำให้เกิดเการเปลี่ยนเเปลงของสมอง
เเละทำให้พฤติกรรมการกินเปลี่ยนแปลง(เพิ่มการบริโภคน้ำตาล) เนื่องจากน้ำตาลเทียมนั้น
กระตุ้นสมองในคนละส่วนกับน้ำตาลเทียม ทำให้ร่างกายเราไม่ได้รับการตอบ สนองความอยาก(ความหวาน)
ซึ่งอาจจะทำให้มีการกระตุ้นความน้ำตาลของน้ำตาลเเท้เพิ่มขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3289048/figure/F1/
ดังนั้นจึงขอสรุปว่า น้ำตาลเทียมมีความเกี่ยวเนื่องกันกับการทำให้สมองเสพติดความหวานเเละทำให้ทานอาหารเพิ่มขึ้นนะครับ
2 น้ำตาลเทียม กับ โรคมะเร็ง ?
มีการตั้งข้อสงสัยว่าน้ำตาลเทียมสามารถทำเกิดโรคมะเร็งต่างๆได้หรือเปล่า หลังจากที่หาข้อมูลหลายๆที่นั้น
ยังไม่มีรายงานไหนที่สามารถสรุปผลได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหาความเกี่ยวโยงกับข้อมูลที่มีอยู่เเล้วหรือข้อมูลใหม่ที่ได้รับ
จุดนี้ค่อนข้างเป็นที่น่าสงสัยเพราะเนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารนี้เป็นวงกว้าง เเต่เป็นที่น่าแปลกที่ไม่มีการสรุปผลที่สมบูรณ์
งานรายงานที่หาเจอเเละมีความน่าเชื่อถือระดับนึงคือของ European Ramazzini Foundation (ERF) ที่ทำไว้ในปี2005
(ทดลองกับหนูทดลอง) ได้รายงานว่าน้ำตาลเทียมนั้นเป็นสารก่อมะเร็งจริง (carcinogen) เเละ ได้แสดงความเห็นว่า
การบริโภคน้ำตาลเทียมในปัจจุบันนั้นควรได้รับการทบทวนใหม่
ต่อมา European Food Safety Authority (EFSA)ได้นำข้อมูลของการทดลองมาตรวจสอบใหม่เเละได้สรุปว่า
ผลการทดลองที่ได้นั้นไม่ได้สนับสนุนข้อสรุปที่บอกว่าน้ำตามเทียมเป็นสารก่อมะเร็ง(สรุปว่าไม่ใช่สารก่อมะเร็ง)
เเละการบริโภคน้ำตาลเทียมในปัจจุบันนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการทบทวนใหม่
ในปี2006 FDA(อย. ของประเทศอเมริกา) ได้นำข้อมูลของการทดลองของ ERF มาตรวจสอบอีกครั้ง
เเละในปี2007 FDA ประกาศว่า FDA ได้ข้อมูลจาก ERF ไม่ครบถ้วนจึงไม่สามารถสรุปผลได้ เเต่จากข้อมูลที่ FDA ได้รับนั้น
ก็ยังยืนยังว่าน้ำตามเทียมไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็งตามที่ ERF ได้สรุปมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.fda.gov/food/ingredientspackaginglabeling/foodadditivesingredients/ucm208580.htm
เนื่องจากเนื้อหาข้อมูลนั้นมีเยอะมากเเละหลายๆมุมมองที่ไม่สามารถเอามาลงได้หมด(ใช้เวลาเตรียมกระทู้นี้อยู่นานพอสมควร)
จขกท. จึงข้อสรุปง่ายๆตามนี้
1. ถ้าเป็นจำเป็นต้องใช้น้ำตาลเทียมจริงๆ(ผู้ป่วยโรคเบาหวาน) ก็ใช้ได้ตามปกติ
2. ถ้าต้องการใช้เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำตาลแท้ ก็ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ
3. การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคนั้นเป็นทางออกดีที่สุด (ลึกๆเชื่อว่ามีอะไรในกอไผ่ตามเคย ฮ่าๆ)
ปล.
1.กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกของจขกท. มีอะไรเเนะนำได้นะครับ
2.ถ้าเพื่อนๆมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีเเชร์ได้เลยนะ
3.ขอสรุปนี้เป็น คหสต. เเละใช้หลังฐานเเละข้อมูลที่มีอยู่ในการอ้างอิง โดยสมมุติว่าทุกรายงานทดลองนั้นเป็นจริง
น้ำตาลเทียมไม่ดีต่อสุขภาพจริงมั้ย? มาดูกัน...
ที่นี้ก็มีปัญหาคือเวลาอยากดื่มอะไรเย็นๆมันก็ไม่ค่อยถึงใจสักเท่าไหร่ ก็เลยหันไปหา Coke Zeroแทน
โดยระยะหลังๆมามีกระเเสที่บอกว่าน้ำตาลเทียมทำให้อ้วน เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมไปถึงโรคมะเร็ง
เเละอื่นๆอีกมากมายกำลังมาเเรงในโลกSocial ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ Line
ซึ่งบุคลที่เเชร์เรื่องเหล่านี้นั้นรวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์เเละบุคคลที่อยู่ในสายสุขภาพต่างๆ
ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าในข้อมูลที่เรามีในปัจจุบันนั้นได้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ปล. อาจจะมีคนมาบอกว่าก็เลิกดื่มสิ อันนี้มันก็จริงครับ เเต่อันนี้ไว้สำหรับเป็นทางเลือกอีกทางเท่านั้น
น้ำตาลเทียมคืออะไร
น้ำตาลเทียมเป็นสารที่ให้ความหวานที่สังเคราะห์ขึ้นมาซึ่งสามารถให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาล
ในขณะที่ให้พลังงานหรือเเคลอรี่ต่ำ ซึ่งจะพบได้ในอาหารไอเอตหรือในหัวข้อที่เราพูดถึงอยู่คือน้ำอัดลมนั่นเอง
ซึ่งโดยส่วนมากจะใช้สารที่ชื่อว่า Aspartame เป็นหลัก (เเละจะเป็นหัวข้อหลักในที่นี้)
1 น้ำตาลเทียมทำให้สมองเสพติดความหวาน เเล้วทำให้ทานอาหารเพิ่มขึ้นได้จริงหรอ?
ต้องบอกก่อนว่าเจตตนาที่ใส่รูปนี้เพื่อจุดประสงค์ในการอ้างอิง เเละไม่มีจุดประสงค์อื่นใด
รูปนี้อธิบายถึงการเชื่อมโยงกันของจำนวนประชากรที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยที่ BMI>30(BMI>25ถือว่าเป็นระดับโรคอ้วน)
ดังนั้นการที่มีการใช้น้ำตาลเทียมเพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้มีส่วนในการลดปัญหาโรคอ้วนในประชากรโดยเฉลี่ยได้
ในทางกลับกันนั้นการใช้น้ำตาลอย่างแพร่หลายนั้นมีส่วนเชื่อมโยงกับโรคอ้วนด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในปี2008 ในการทดลองในหนูนั้นได้พบว่า การบริโภคน้ำตาลเทียม(Non-caloric substance)นั้น
สามารถทำให้หนูทดลองสูญเสียความสามารถในการคาดคะเน ปริมาณพลังงานที่ได้รับ(ทางการกิน)
จากรสชาติของความหวาน ซึ่งการสูญเสียการคำนวนนี้ทำให้เกิดการได้รับพลังงานเกิน (Positive energy balance)
เเละการทดลองนี้บอกเป็นนัยได้ว่า การบริโภคน้ำตาลเทียมนั้นทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในปี2011 มีการทดลองเพื่อตอบข้อสันนิษฐานที่น้ำตาลเทียมนั้นมีการเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนไปของพฤติกรรม
การบริโภคน้ำตาล โดยการทดลองครั้งนี้ได้ทดลองในมนุษย์ โดยการใช้ fMRI(functional MRI ) เพื่อดูประมาณ
การทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับความหวานจริง(น้ำตาลเเท้) กับ ความหวานเทียม(น้ำตามเทียม)
การทดลองนี้นั้นได้สนับสนุนข้อสันนิษฐานที่น้ำตาลเทียมสามารถทำให้เกิดเการเปลี่ยนเเปลงของสมอง
เเละทำให้พฤติกรรมการกินเปลี่ยนแปลง(เพิ่มการบริโภคน้ำตาล) เนื่องจากน้ำตาลเทียมนั้น
กระตุ้นสมองในคนละส่วนกับน้ำตาลเทียม ทำให้ร่างกายเราไม่ได้รับการตอบ สนองความอยาก(ความหวาน)
ซึ่งอาจจะทำให้มีการกระตุ้นความน้ำตาลของน้ำตาลเเท้เพิ่มขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดังนั้นจึงขอสรุปว่า น้ำตาลเทียมมีความเกี่ยวเนื่องกันกับการทำให้สมองเสพติดความหวานเเละทำให้ทานอาหารเพิ่มขึ้นนะครับ
2 น้ำตาลเทียม กับ โรคมะเร็ง ?
มีการตั้งข้อสงสัยว่าน้ำตาลเทียมสามารถทำเกิดโรคมะเร็งต่างๆได้หรือเปล่า หลังจากที่หาข้อมูลหลายๆที่นั้น
ยังไม่มีรายงานไหนที่สามารถสรุปผลได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหาความเกี่ยวโยงกับข้อมูลที่มีอยู่เเล้วหรือข้อมูลใหม่ที่ได้รับ
จุดนี้ค่อนข้างเป็นที่น่าสงสัยเพราะเนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารนี้เป็นวงกว้าง เเต่เป็นที่น่าแปลกที่ไม่มีการสรุปผลที่สมบูรณ์
งานรายงานที่หาเจอเเละมีความน่าเชื่อถือระดับนึงคือของ European Ramazzini Foundation (ERF) ที่ทำไว้ในปี2005
(ทดลองกับหนูทดลอง) ได้รายงานว่าน้ำตาลเทียมนั้นเป็นสารก่อมะเร็งจริง (carcinogen) เเละ ได้แสดงความเห็นว่า
การบริโภคน้ำตาลเทียมในปัจจุบันนั้นควรได้รับการทบทวนใหม่
ต่อมา European Food Safety Authority (EFSA)ได้นำข้อมูลของการทดลองมาตรวจสอบใหม่เเละได้สรุปว่า
ผลการทดลองที่ได้นั้นไม่ได้สนับสนุนข้อสรุปที่บอกว่าน้ำตามเทียมเป็นสารก่อมะเร็ง(สรุปว่าไม่ใช่สารก่อมะเร็ง)
เเละการบริโภคน้ำตาลเทียมในปัจจุบันนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการทบทวนใหม่
ในปี2006 FDA(อย. ของประเทศอเมริกา) ได้นำข้อมูลของการทดลองของ ERF มาตรวจสอบอีกครั้ง
เเละในปี2007 FDA ประกาศว่า FDA ได้ข้อมูลจาก ERF ไม่ครบถ้วนจึงไม่สามารถสรุปผลได้ เเต่จากข้อมูลที่ FDA ได้รับนั้น
ก็ยังยืนยังว่าน้ำตามเทียมไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็งตามที่ ERF ได้สรุปมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื่องจากเนื้อหาข้อมูลนั้นมีเยอะมากเเละหลายๆมุมมองที่ไม่สามารถเอามาลงได้หมด(ใช้เวลาเตรียมกระทู้นี้อยู่นานพอสมควร)
จขกท. จึงข้อสรุปง่ายๆตามนี้
1. ถ้าเป็นจำเป็นต้องใช้น้ำตาลเทียมจริงๆ(ผู้ป่วยโรคเบาหวาน) ก็ใช้ได้ตามปกติ
2. ถ้าต้องการใช้เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำตาลแท้ ก็ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ
3. การหลีกเลี่ยงหรืองดบริโภคนั้นเป็นทางออกดีที่สุด (ลึกๆเชื่อว่ามีอะไรในกอไผ่ตามเคย ฮ่าๆ)
ปล.
1.กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกของจขกท. มีอะไรเเนะนำได้นะครับ
2.ถ้าเพื่อนๆมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีเเชร์ได้เลยนะ
3.ขอสรุปนี้เป็น คหสต. เเละใช้หลังฐานเเละข้อมูลที่มีอยู่ในการอ้างอิง โดยสมมุติว่าทุกรายงานทดลองนั้นเป็นจริง