เคยตกหลุมมั้ย...หลุมพลาง

เราอยากจะให้กำลังใจ ใครต่อใครบ้างเผื่อจะมีประโยชน์ หากไม่มากมาย ก็คงน้อยนิด แต่บางครั้ง บางสถานการณ์เราก็รู้สึกค้นพบได้ในภายหลัง มันทำให้เรารู้สึกดีทุกครั้ง ที่ผ่านสถานการณ์ร้ายๆ มาได้ เราก็เลยอยากจะแชร์บ้างไรบ้าง
ไม่อยากเยิ่นเย้อ…เอาละเริ่มได้

คนเราเคยตกหลุมอะไรกันบ้าง เราคนหนึ่งละที่ตก...

1.    หลุมความคิด

คือ เริ่มเลยนะ ปกติเราเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง บางครั้งเรามีเรื่องไม่สบายใจ แต่เราไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น เพราะเราจะแบ่งแยกเสมอ ถ้าหากตอนนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ เราก็จะจดจ่อกับสิ่งๆ นั้น โดยลืมเรื่องที่เราไม่สบายใจไปเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งเราได้อาศัยอยู่กับคนๆ หนึ่ง ตอนเราไปทำงาน บางครั้งเรามีอาการวิตก กังวล เราชอบจินตนาการไปเองว่า คนที่เรารักมากๆ เขาจะไปทำอะไรโน่นนี่ไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง เรียกง่ายๆ ว่า เป็นคนชอบคิดเอง เออเอง จินตนาการผิดๆ หรือถูกๆ เราก็ไม่รู้ แต่เราก็คิดไปก่อน และคิดไปในทางที่ไม่ดีอีกด้วย เราก็เริ่มเป็นทุกข์ใจ แล้วคอยคิดย้ำๆ แบบนั้นเสมอ จนเรารู้สึกเราไม่มีความสุขเลย และแล้วสิ่งที่เราวิตกกังวลมันก็เป็นจริง มันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงกระทบจิตใจเรามากๆ เป็นเรื่องที่เกินการจินตนาการของเราเสียอีก ณ ตอนนั้น เรายิ่งตกหลุมความคิดของเรามากยิ่งขึ้น เราย้ำความคิดๆๆๆๆๆๆๆ คิดแต่เรื่องแย่ๆ มากกว่าเดิมอีก เราเริ่มคิดต่อยอดความคิดแย่ๆ อันนั้น โยงใยไปทั่ว จนรู้สึกได้ว่าเราตกลงไปอยู่ในหลุมของความเครียดเรียบร้อยแล้ว เราตกอยู่ในนั้นจริงๆ นะ ในขณะที่เราเดิน นั่ง กิน นอน ยืน ดูกระจก เราไม่มีความรู้สึกว่าเรามีตัวตนอยู่เลย เรารู้สึกล่องลอย สภาพแวดล้อมรอบข้างดูหดหู่ สีสันในชีวิตเริ่มหายไป เราคิดอะไรๆ ก็แย่ๆ ไปหมด เราร้องไห้หลายครั้งกับความคิดแย่ๆ ที่คิดไปเอง แล้วสิ่งที่เราชอบคิดโยงไยไปทั่ว บางครั้งมันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ ซะอีก เราอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งว่า เราเป็นคนที่เชื่อในสัญชาตญาณ ลางสังหรณ์ของเราเองอย่างมาก เพราะทุกครั้งที่เรารู้สึกมันจะกลายเป็นจริง 80-90% จนกลายเป็นคนที่กลัวความรู้สึกของตัวเอง (เราก็แอบคิดนะว่าเราเป็นโรคจิตหรือเปล่า) ตอนนั้นสภาพจิตใจเราย่ำแย่มากที่สุดในชีวิต เราเริ่มรู้สึกเข้าใจคนที่เขาเจอปัญหาแล้วหาทางออกไม่ได้ แต่สำหรับเราเมื่อเรารู้สึกจิตใจย่ำแย่มากๆ จนเราทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เราจะเข้าหาศาสนา และเราก็คิดว่าคนอื่นๆ ก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เราเริ่มที่จะสวดมนต์ตามศาสนาของเรา ก็ใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่ง พยายามทำจิตใจเราให้สงบมากขึ้น เราพยายามไม่คิด ไม่จินตนาการสิ่งที่ไม่ดี ทุกอย่างตอนนี้เราเริ่มคิดบวก หรือพูดง่ายๆ ว่า เราอาจจะปลงแล้ว ว่าคนเรามันต้องมีช่วงเวลายากๆ สักครั้งหนึ่งแหละ ในชีวิตอ่ะ ไม่งั้นชีวิตคงจะไม่มีรสชาติ แต่บางทีสถานการณ์มันก็รสชาติเข้มข้น จัดจ้านซะเหลือเกิน จนเราเหนื่อย เราท้อ แต่เราก็จะแสดงออกมามากมายไม่ได้ แต่เราก็แอบกรี๊ดเลยนะ หึหึ จนเราต้องมองกลับมาที่หัวใจเราเอง ถ้าเราปล่อยให้ความคิดแย่ๆ สถานการณ์แย่ๆ เข้ามาทำร้ายจิตใจเรามากมายขนาดนี้ เราต้องเอาชนะมันให้ได้ มันคือหนทางเดียวที่หัวใจเราจะกลับมาเป็นปกติ จะกลับมาสดใสเหมือนเดิม เมือคิดได้แบบนั้น เราก็เลยปลอบใจตัวเองเป็นอันดับแรก และเปลี่ยนคำว่า ปัญหา ให้เป็นคำว่า ท้าทาย เราชอบความท้าทายอันนี้ เรียกว่ากระหายเลยก็ได้ หึหึ และเราก็พยายามจินตนาการในสิ่งที่เป็นบวก ความคิดลบๆ เราเริ่มน้อยลง เราเปลี่ยนความคิดตัวเองในทุกๆ วัน สร้างความคิดให้เป็นแรงบันดาลใจ ไม่ใช่เฉพาะตัวเราเอง แต่เป็นคนรอบข้างเราด้วย เราพยายามใจเย็นๆ กับทุกสถานการณ์ ตั้งสติ ค่อยๆ คิด อย่างเป็นระบบ แล้วกลั่นออกมาเป็นคำพูด และเราก็เชื่อว่าถ้าเรามีความคิด หรือความเชื่ออย่างไร เราก็จะเป็นคนดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามา ไม่ได้ทั้งหมด แต่มันก็คงเป็นส่วนหนึ่งละนะ หลังจากสถานการณ์ร้ายแรงครั้งนั้นผ่านไป เรารู้สึกเหมือนขึ้นมาจากหลุมความเครียดอันนั้น หลุมความคิดแย่ๆ ของเราเอง หลุมร้ายที่เราเองสร้างขึ้นเพื่อให้ตัวเองตกลงไป เราไม่อยากให้ใครๆ เป็นแบบนั้น

สำหรับเราแค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยนจริงๆ เท่

ปล.อ่านแล้ว งง บอกด้วยนะ จะได้แก้ไข (อันนี้ถือว่าร่างไว้ก่อน อิอิ)
เดี๋ยวจะมีหลุมที่ 2 ตามมา...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่