โพลชี้ชัด! คนไทยส่วนมาก EQ ต่ำ ชี้เป้าพบปัญหามากในกลุ่มคนทำงานโรงพยาบาล นักวิชาการเตือนอนาคตเด็กไทยต้องมีสุขภาพจิตดี
จากผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient หรือ EQ) ในประเทศไทย พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า คนไทยจำนวนมากยังขาดความสามารถในการจัดการอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งมักต้องเผชิญกับความเครียดสะสมและปัญหาสุขภาพจิตจากการทำงาน
กลุ่มเป้าหมายในโรงพยาบาล: ความเครียดและ EQ ต่ำเกี่ยวโยงกัน
ผลการศึกษาชี้ว่า บุคลากรในโรงพยาบาล เช่น พยาบาล แพทย์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน เป็นกลุ่มที่พบปัญหา EQ ต่ำบ่อยที่สุด เนื่องจากลักษณะงานที่ต้องเผชิญกับความกดดันสูง เช่น การดูแลผู้ป่วยในสภาวะวิกฤต ความคาดหวังของญาติผู้ป่วย และการจัดการกับข้อร้องเรียน ทำให้หลายคนสะสมความเครียดจนส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมอารมณ์
“คนที่ทำงานในโรงพยาบาลมักต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในทุกๆ วัน และไม่มีเวลาพอในการฟื้นฟูตัวเอง หลายคนจึงมี EQ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย” นักวิจัยจากโพลกล่าว
นักวิชาการเตือน: EQ สำคัญต่ออนาคตเด็กไทย
ดร.วิชัย ปัญญากุล นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ระบุว่า การปลูกฝัง EQ ตั้งแต่วัยเด็กเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมเด็กไทยให้พร้อมเผชิญกับสังคมที่ซับซ้อนในอนาคต
“ในยุคที่โลกหมุนเร็วขึ้น สุขภาพจิตที่ดีคือพื้นฐานสำคัญในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ เด็กไทยควรได้รับการปลูกฝังให้รู้จักจัดการอารมณ์ตัวเอง มีความเห็นอกเห็นใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย” ดร.วิชัยกล่าว พร้อมย้ำว่า หากประเทศไทยไม่เร่งแก้ปัญหาสุขภาพจิตในระดับครอบครัวและโรงเรียน เด็กในยุคปัจจุบันอาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถรับมือกับความท้าทายในชีวิตได้
วิธีแก้ปัญหา: สร้างสังคมสุขภาพจิตดี
นักวิชาการและนักจิตวิทยาเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา EQ ต่ำในคนไทย โดยเน้นที่การสร้างสังคมที่ใส่ใจสุขภาพจิต เช่น
1. เพิ่มการอบรมเรื่อง EQ ในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลและองค์กรที่เผชิญกับความเครียดสูง
2. ปลูกฝังสุขภาพจิตดีตั้งแต่เด็ก ผ่านหลักสูตรโรงเรียนที่สอนเรื่องการจัดการอารมณ์ ความเห็นอกเห็นใจ และการสื่อสาร
3. ส่งเสริมการดูแลสุขภาพจิตในครอบครัว โดยเปิดโอกาสให้พ่อแม่และลูกได้พูดคุยกันมากขึ้น
ประชาชนเสียงแตก: EQ ต่ำเพราะสังคมกดดัน?
ข่าวนี้ยังจุดประกายให้ชาวเน็ตไทยแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางคนมองว่าความกดดันจากสังคมไทย เช่น ความคาดหวังในการประสบความสำเร็จ และความเคร่งครัดในเรื่องกฎระเบียบ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ EQ คนไทยต่ำ
“ระบบการศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่ง เราสอนให้เด็กแข่งกันเรียน แต่ไม่สอนให้เขาเข้าใจตัวเองหรือผู้อื่น” ผู้ใช้งานโซเชียลรายหนึ่งกล่าว
“ถ้าคนไทยจะ EQ สูงขึ้น ต้องเริ่มจากเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรก่อน ทำไมเราถึงกดดันตัวเองและคนอื่นมากเกินไป” อีกคนเสริม
อนาคตที่ดีกว่า: สังคมไทยต้องร่วมมือ
ท้ายที่สุด นักวิชาการเห็นพ้องกันว่า การยกระดับ EQ ของคนไทยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว โรงเรียน องค์กร และรัฐบาล หากทำได้สำเร็จ ประเทศไทยจะไม่เพียงแค่ผลิตคนเก่ง แต่ยังสร้างคนที่มีสุขภาพจิตดีและพร้อมสร้างสังคมที่มีความสุขร่วมกัน.
โพลชี้ชัด! คนไทยส่วนมาก EQ ต่ำ ชี้เป้าพบปัญหามากในกลุ่มคนทำงานโรงพยาบาล นักวิชาการเตือนอนาคตเด็กไทยต้องมีสุขภาพจิตดี
จากผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient หรือ EQ) ในประเทศไทย พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า คนไทยจำนวนมากยังขาดความสามารถในการจัดการอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งมักต้องเผชิญกับความเครียดสะสมและปัญหาสุขภาพจิตจากการทำงาน
กลุ่มเป้าหมายในโรงพยาบาล: ความเครียดและ EQ ต่ำเกี่ยวโยงกัน
ผลการศึกษาชี้ว่า บุคลากรในโรงพยาบาล เช่น พยาบาล แพทย์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน เป็นกลุ่มที่พบปัญหา EQ ต่ำบ่อยที่สุด เนื่องจากลักษณะงานที่ต้องเผชิญกับความกดดันสูง เช่น การดูแลผู้ป่วยในสภาวะวิกฤต ความคาดหวังของญาติผู้ป่วย และการจัดการกับข้อร้องเรียน ทำให้หลายคนสะสมความเครียดจนส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมอารมณ์
“คนที่ทำงานในโรงพยาบาลมักต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในทุกๆ วัน และไม่มีเวลาพอในการฟื้นฟูตัวเอง หลายคนจึงมี EQ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย” นักวิจัยจากโพลกล่าว
นักวิชาการเตือน: EQ สำคัญต่ออนาคตเด็กไทย
ดร.วิชัย ปัญญากุล นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ระบุว่า การปลูกฝัง EQ ตั้งแต่วัยเด็กเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมเด็กไทยให้พร้อมเผชิญกับสังคมที่ซับซ้อนในอนาคต
“ในยุคที่โลกหมุนเร็วขึ้น สุขภาพจิตที่ดีคือพื้นฐานสำคัญในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ เด็กไทยควรได้รับการปลูกฝังให้รู้จักจัดการอารมณ์ตัวเอง มีความเห็นอกเห็นใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย” ดร.วิชัยกล่าว พร้อมย้ำว่า หากประเทศไทยไม่เร่งแก้ปัญหาสุขภาพจิตในระดับครอบครัวและโรงเรียน เด็กในยุคปัจจุบันอาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถรับมือกับความท้าทายในชีวิตได้
วิธีแก้ปัญหา: สร้างสังคมสุขภาพจิตดี
นักวิชาการและนักจิตวิทยาเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา EQ ต่ำในคนไทย โดยเน้นที่การสร้างสังคมที่ใส่ใจสุขภาพจิต เช่น
1. เพิ่มการอบรมเรื่อง EQ ในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลและองค์กรที่เผชิญกับความเครียดสูง
2. ปลูกฝังสุขภาพจิตดีตั้งแต่เด็ก ผ่านหลักสูตรโรงเรียนที่สอนเรื่องการจัดการอารมณ์ ความเห็นอกเห็นใจ และการสื่อสาร
3. ส่งเสริมการดูแลสุขภาพจิตในครอบครัว โดยเปิดโอกาสให้พ่อแม่และลูกได้พูดคุยกันมากขึ้น
ประชาชนเสียงแตก: EQ ต่ำเพราะสังคมกดดัน?
ข่าวนี้ยังจุดประกายให้ชาวเน็ตไทยแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางคนมองว่าความกดดันจากสังคมไทย เช่น ความคาดหวังในการประสบความสำเร็จ และความเคร่งครัดในเรื่องกฎระเบียบ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ EQ คนไทยต่ำ
“ระบบการศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่ง เราสอนให้เด็กแข่งกันเรียน แต่ไม่สอนให้เขาเข้าใจตัวเองหรือผู้อื่น” ผู้ใช้งานโซเชียลรายหนึ่งกล่าว
“ถ้าคนไทยจะ EQ สูงขึ้น ต้องเริ่มจากเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรก่อน ทำไมเราถึงกดดันตัวเองและคนอื่นมากเกินไป” อีกคนเสริม
อนาคตที่ดีกว่า: สังคมไทยต้องร่วมมือ
ท้ายที่สุด นักวิชาการเห็นพ้องกันว่า การยกระดับ EQ ของคนไทยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว โรงเรียน องค์กร และรัฐบาล หากทำได้สำเร็จ ประเทศไทยจะไม่เพียงแค่ผลิตคนเก่ง แต่ยังสร้างคนที่มีสุขภาพจิตดีและพร้อมสร้างสังคมที่มีความสุขร่วมกัน.