หมู่บ้านเงาจันทร์ (Village of lunar's shadow) - ตอนที่ 33 : จองล้างจองผลาญ



แนวเรื่อง : ลึกลับ ระทึกขวัญ สืบสวนเหนือธรรมชาติ
ผู้แต่ง : Phakin (ภาคิน) -- https://www.facebook.com/phakin.uttabolyukol

"ปริศนา" ยิ่งลึกลับ ยิ่งน่าค้นหา แต่จะมีใครคาดคิดว่า
บนเส้นทางอันน่าตื่นเต้นของการค้นหาคำตอบ
จะมีเรื่องราวมากมายที่คอยนำพาเหล่าผู้ค้นหาไปสู่ "ความตาย"

อ่านตอนเก่า (ในฉบับ รีไรท์ (แก้คำผิด ปรับปรุงสำนวน จัดหน้าให้อ่านง่ายขึ้น))ได้ที่นี่ครับ
- https://www.facebook.com/phakin.uttabolyukol
- http://writer.dek-d.com/freedomlism/story/view.php?id=1267018

เอาหล่ะสิ... หลังจากแพรลากเหยื่อรายที่สามมาทรมานให้ดูกันแบบสด ๆ
หล่อนก็ประกาศกร้าว จะตามจองล้างจองผลาญให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องตายตามกันไป
ความแค้นของเธอยังคงไม่หมดง่าย ๆ
แล้วพวกมนต์จะทำอย่างไร เขาจะจบเรื่องนี้โดยการหาตัวน้องสาวของแพรเจอหรือไม่
หรือจะพลาดท่าเสียทีกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป
ติดตามต่อได้ในตอนที่ 33 เลยครับ

ตอนที่ 33 : จองล้างจองผลาญ



    "ตาแล้วไอ้บอมบ์!" ผีแพรแผดเสียงตะโกนลั่น พร้อมกับสาวเท้าเข้ามาใกล้กับเรือนขึ้นเรื่อย ๆ พลางแสยะยิ้มด้วยใบหน้าที่ชุ่มโชกด้วยเลือด และโคลน จนกระทั่งก้าวขึ้นมาถึงบันไดเรือน

    โอมตั้งสติได้ก่อนจึงคว้าสร้อยพระซึ่งคล้องอยู่ที่ประตูออกแล้วยื่นมาข้างหน้าอย่างร้อนรน เพื่อใช้เป็นกำแพง สกัดกั้นไม่ให้วิญญาณใจบาปได้ก้าวล่วงเข้าใกล้มากกว่านี้

    ด้วยพุทธานุภาพ แพรไม่สามารถที่จะเข้าใกล้พวกเขาได้มากกว่าที่เป็นอยู่ มันจึงทำได้เพียงแผดเสียงตะโกนแช่งชักหักกระดูกอยู่ด้านล่างเท่านั้น "ไอ้พวกนี้จะขัดขวางกูไปถึงไหน วันนี้กูจะต้องเอาชีวิตไอ้บอมบ์ให้ได้ ส่วนพวกที่คอยขัดขวางกู กูจะคอยตามจองล้างจองผลาญตลอดไป" น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายของเธอยิ่งทวีความกรรโชกมากขึ้นหลายเท่าตัว เพราะความโกรธที่ถูกขัดขวาง

    พวกมนต์ทุกคนตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก แม้จะทำใจดีสู้เสือเพื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณของแพรเท่าใด แต่พวกเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความกลัวมีมากกว่าหลายเท่านัก

    "พี่บอมบ์บอกมาได้แล้ว ใครเป็นน้องสาวของแพร เราจะได้จบเรื่องนี้กัน!” มนต์พูดขึ้นอย่างร้อนรน เพราะตระหนักได้ดีว่า หากไม่หาตัวสาวปริศนาคนนี้ให้เจอโดยเร็วที่สุด เรื่องจริงที่ยิ่งกว่าฝันร้ายก็คงจะไม่มีวันจบสิ้น "เร็วสิพี่!"

    เสียงของมนต์เรียกสติของบอมบ์ให้กลับมาจากภาพความสยองเบื้องหน้า บอมบ์สูดหายใจเข้าครั้งหนึ่งเพื่อรวบรวมคำพูดก่อนที่จะตัดสินใจให้คำตอบแก่มนต์ "น้องสาวของแพรคือ......."

    "ไอ้บอมบ์! คิดจะขัดขืนกูเหรอ!" แพรตวาดเสียงดังลั่นกว่าปรกติหลายเท่าตัว

    ในเวลานั้นเอง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ด้วยอารามตกใจทำให้บอมบ์สะดุ้งตัวโยนขนลุกขนชันไปทั่วร่าง ซ้ำร้ายในจังหวะที่กำลังผงะอย่างลนลาน พลาดท่าพลัดตกจากชานเรือนไปกองอยู่ที่พื้น...หลุดจากขอบเขตอำนาจปกป้องแห่งพุทธคุณ...โดยไม่มีใครคว้าตัวไว้ได้ทัน

    ไม่มีใครรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการขาดความระมัดระวังของเจ้าตัวเอง หรือเป็นเพราะเวรกรรมกำลังทำหน้าที่ของมันกันแน่
แพรมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น แผดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจในความผิดพลาดอันหมายถึงชีวิต

    แม้จะเจ็บจุก แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน ชายหนุ่มจากบ้านเด็กกำพร้าผู้เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มตะเกียกตะกายลุกขึ้น หมายจะพุ่งตัวหนีในทันที

    แต่ผีสาวก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป มันพุ่งตัวแหวกอากาศมาอยู่ข้างตัวของเหยื่อด้วยความรวดเร็วเหมือนลมพัด ก่อนจะจับร่างนั้นกดลงกับพื้น แล้วขึ้นคร่อมต่อทันทีราวกับไม่ต้องการให้เหยื่อของตนได้มีโอกาสหนี

    ดวงตาของบอมบ์สั่นระริกอยู่ภายใต้ม่านน้ำตาซึ่งหลั่งออกมาเพราะความขลาดกลัวความตาย นึกสำเหนียกเสียใจในบาปที่ตนได้ก่อไว้เมื่อครั้งอดีต หากแต่มันก็สายไปแล้ว เพราะหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนร่างของเขาในตอนนี้ คือมัจจุราชผู้หิวกระหายในการแก้แค้น...และที่สำคัญเธอเองก็พร้อมที่จะมอบความตายอันโหดเหี้ยมให้

    “ไป ไป ไอ้ผีนรก อย่ามายุ่งกับกู ไป...” ชายหนุ่มตวาดลั่นพร้อมส่งคำสบถออกมาเร็วปร๋อ

    อีกครั้งที่เสียงร้องของเหยื่อไม่สามารถลดความกระหายเลือดของเธอลงได้

    ผีนรกในร่างหญิงสาวแลบลิ้นสีเขียวปนม่วงของตนออกมาแล้วกระดกไปมาอยู่สองสามที ก่อนจะก้มลงเลียที่ใบหน้า และซอกคอของชายหนุ่มราวกับเป็นการหยอกล้อให้เหยื่อได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบเดียวกับที่เคยทำกับเธอเมื่อคราวนั้น

    “อย่านะไอ้ผีบ้า อ๊าก กลับลงนรกของไปซะ... หยุด ปล่อยกู อ๊าก...” บอมบ์ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว กอปรกับความรู้สึกขยะแขยงอย่างหาที่สุดไม่ได้ แม้จะหลับตาปี๋ แต่ก็ไม่อาจจะปิดกลั้นน้ำตาแห่งความพรั่นพรึงไว้ได้ เหงื่อกาฬผุดขึ้นจนชุ่มไปทั้งตัว แต่แม้จะพยายามดิ้นรนเท่าไรก็ไม่สามารถสะบัดให้หลุดได้

    อมนุษย์สาวกลับยิ่งพึงใจมากขึ้นที่ได้เห็นเหยื่อของตัวเองกำลังดีดดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เสมือนกำลังเพลิดเพลินกับรสชาติแห่งความสะใจ จากนั้นจึงเปลี่ยนเป้าหมาย อมนุษย์สาวใช้ลิ้นเน่าเหม็นของตัวเองคลึงไปตามใบหูของเหยื่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากขึ้นแล้วจึงฝังฟันลงไปสุดแรง เลือดสดซึมออกจากรอยแผลเหล่านั้นให้ผีสาวได้ดื่มกินราวกับเป็นน้ำหวานรสอร่อย แต่นั่นยังไม่สะใจ ผีสาวกดฟันลงในเนื้อแน่นกว่าเก่า จากนั้นจึงสะบัดหัวของตนกระชากให้ใบหูของผู้ตกเป็นเหยื่อขาดติดมาด้วย

    “อ๊าก..............................” ชายหนุ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สายเลือดพวยพุ่งออกมาจากตำแหน่งที่เคยเป็นใบหู อาบย้อมผืนดินให้กลายเป็นสีแดงแจ๋

     วิญญาณสาวใจโหดลุกขึ้นยืนมองดูร่างที่ดีดดิ้นไปมาของเหยื่ออย่างพึงใจ พลางขบเคี้ยวใบหูในปากให้เกิดเสียง “กรุบ กรุบ” เบา ๆ ราวกับชิ้นส่วนมนุษย์นี้เป็นเพียงขนมยามว่างเท่านั้น จากนั้นจึงหยิบหินก้อนใหญ่ที่วางอยู่ข้าง ๆ  เงื้อมือขึ้น แล้วทุบลงไปที่หัวของบอมบ์ด้วยความแค้น ของเหลวข้นคลั่กไหลซึมออกมาตามรอยแยกของหนังศีรษะ ความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นความชาด้วยกลไกการทำงานของร่างกาย ทว่าสติของเขาต่างหากที่กำลังลางเลือนไป แรงกระแทกทำให้เกิดความมึนงงจนประคองตัวเองไว้ไม่อยู่ พร้อมกับสำนึกสุดท้าย...สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปคือความตาย

    วิญญาณผีสาวไม่รอช้า ง้างมือขึ้นกลางอากาศแล้วทุบลงมาอีกหนอย่างไร้ความเมตตา “โพละ!” กะโหลกศีรษะของผู้ตกเป็นเหยื่อบิแตกออกด้วยแรงกระแทก ของเหลวสีแดงสดพวยพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง พร้อมกับที่ร่างของเด็กหนุ่มแน่นิ่งไป

    แต่เพียงเท่านั้นมันคงยังไม่สาแก่ใจ อมนุษย์ใจโหดแผดเสียงหัวเราะอีกครั้ง จากนั้นจึงลงมือถูกทุบหัวของบอมบ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแหลกเละ ไม่เหลือเค้าเดิมของมัน กลายเป็นเพียงแค่เศษเนื้อหนัง และสมองแหลกเหลวที่ผสมปนเปกันอย่างน่าสะอิดสะเอียนอยู่บนกองเลือดเท่านั้น
มนต์ที่ตั้งสติได้ก่อนรีบคว้าตัวทุกคนแล้วพาเข้าไปหลบในเรือนทันที

    "โอม รีบเอาสร้อยไปแขวนไว้ที่ประตูเร็ว!" มนต์เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังจนเกือบจะเป็นตะโกน

    "ไม่ได้หว่ะ ตอนไอ้เชี่ยนั่นเสียหลักตกลงไป มือมันคว้าเอาสร้อยพระกูไปด้วย" โอมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน "แต่ตอนมันตกจากเรือนคงทำสร้อยพระกระเด็นไปไหนก็ไม่รู้... ห่า จะตายยังดันสร้างความลำบากให้อีก"

    การพลัดตกจากเรือนของอดีตฆาตกรคนสุดท้ายในครั้งนี้ นอกจากจะพรากเอาชีวิตของเขาไปแล้ว มันยังพรากเอาความหวังสุดท้ายในการตามหาน้องสาวของแพร รวมถึงเครื่องป้องกันภัยเพียงชิ้นเดียวของพวกมนต์ไปด้วย ตอนนี้พวกเขาแทบหมดหวังที่จะมีชีวิตรอดผ่านพ้นคืนนี้ไป ความกลัวเข้าเล่นงานจนแทบประคองสติไว้ไม่อยู่

    "ต่อไปก็ถึงคราวของพวกทุกคน สะเออะเรื่องกูกันดีนัก ตายตามกันไปให้หมด!" เสียงของแพรดังขึ้นจากหน้าประตูราวกับต้องการจะข่มขู่ให้กลัว เพื่อความสะใจก่อนที่จะลงมือมอบความตายอันแสนโหดร้ายให้แก่พวกเขาบ้าง

    “โครม...!” วินาทีต่อมา ประตูเรือนถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง ร่างของแพรปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงกัดฟันด้วยความแค้น

    “กรี๊ด.......” หญิงสาวในกลุ่มต่างส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

    เด็กหนุ่มนักเขียนหันกลับเผชิญหน้ากับผีร้ายในทันที ดวงตาเบิกโพลงขึ้น กล้ามเนื้อทุกส่วนสัดในร่างกายแข็งเกร็ง แม้จะมองไม่เห็น แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดซึ่งส่งผ่านอณูอากาศ ก่อให้เกิดวังวนเย็นเยือกน่าสยดสยอง เวลานี้พวกเขาไม่เหลือเครื่องรางใดไว้ป้องกันตัวอีกต่อไป มีเพียงเนื้อหนังมังสา และจิตใจที่สั่นคลอนเท่านั้น

    มนต์เองก็ไม่รู้ว่า ควรทำอย่างไรต่อไปก็ตามที แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คงมีเพียงแค่อย่างเดียว... "คุณก็แก้แค้นคนที่ทำร้ายคุณได้หมดแล้วนี่ ทำไมพวกคุณไม่ปล่อยพวกเราไปซะ เราไม่มีความแค้นอะไรกับคุณ" มนต์ทำใจดีสู้เสือเจรจาต่อรองกับสัมภเวสีเป็นครั้งแรกในชีวิต

    "แต่กูมี! โดยเฉพาะไอ้ตี๋นั่น... มันไม่ยอมช่วยกู มันดูกูโดนพวกมันทำ ส่วนพวกทุกคนก็ชอบขัดขวางกูดีนัก กูจะส่งพวกลงไปอยู่ในนรกกับพวกสี่ตัวนั้นให้หมด" เสียงตวาดกร้าวของเธอเสียดแทงเข้าสู่โสตประสาทของเหล่าผู้คนหาความจริงราวกับลูกธนู

    สิงห์ทรุดตัวลงกับพื้นราวกับคนไร้กำลัง เช่นเดียวกับฝน ส่วนฟ้าเองก็ถึงกับผงะถอยหลังด้วยความตกใจ โจ้หันมองรอบตัวเลิ่กลั่กราวกับต้องการค้นหาอะไรสักอย่างเพื่อใช้เป็นอาวุธ หวังสู้สุดตัวด้วยทักษะศิลปะการต่อสู่ซึ่งได้ร่ำเรียนมาบ้างนิดหน่อย

    “หยุดเถอะ!” โอมกระชากเสียงขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ จากนั้นจึงปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบเป็นปรกติทันทีที่ผีสาวหันมาประสานสายตา “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร หากทำเช่นนี้ต่อไป เธอเองก็จะไม่ได้ไปผุดไปเกิดกันพอดี” จากนั้นจึงยกสองมือขึ้นพนม ตั้งสมาธิ เสี่ยงลองใช้วิธีเดิมดูอีกครั้ง “ท้าวเวสสุวรรณโณ...”

    “กรี๊ด.........” ทันใดนั้น ผีสาวก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด ดีดดิ้นไปมาราวกับถูกเพลิงกัลป์แผดเผา

    “เฮ้ย ได้ผลหว่ะ” มนต์อุทานออกมาอย่างลืมตัวด้วยความดีใจ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า

    เด็กหนุ่มทายาทสัปเหร่อจึงท่องต่อไป หวังให้ผีร้ายได้ยอมแพ้ แล้วล่าถอยไปตั้งหลักก็ยังดี อย่างน้อยก็เพื่อซื้อเวลาเพิ่มให้พวกเขาสามารถตามหาตัวน้องสาวของแพรได้ทัน

    ชั่วแว่บหนึ่ง ความคิดก็ผุดขึ้นในหัวของมนต์ เด็กหนุ่มสัญญากับตัวเองว่า หากเขารอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ เขาจะต้องทำให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

    ไม่กี่วินาทีต่อมา โอกาสก็มาถึง ผีสาวค่อย ๆ ล่าถอยออกจากเรือนไปทีละนิดจนลับหายไปในที่สุด พวกเขารอดตายมาได้ราวกับปาฏิหาริย์

    “หายไปแล้ว” เสียงของโจ้ดังขึ้น

    “โอม ทำไมคราวนี้ได้ผลวะ?” แม้จะโล่งอกไปได้เปราะหนึ่ง แต่ก็ไม่วายเกิดคำถามขึ้นในจิตใจของเด็กหนุ่มนักเขียน

    “ไม่รู้เหมือนกันหว่ะ กูแค่ลองเสี่ยงดูเฉย ๆ” เด็กหนุ่มทายาทสัปเหร่อเองก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้เช่นกัน “ไม่คิดว่า...”

    “พี่ว่า ช่างมันเถอะ ตอนนี้เรารีบหาตัวน้องสาวของแพรกันเถอะ ถึงอยู่อย่างนี้ พอเธอกลับมาอีกหนก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น” แม้คนอื่นจะมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความโล่งอก หากแต่หัวคิ้วของฟ้ายังคงขมวดเข้าหากันอยู่


---------- ยังไม่จบ อ่านต่อด้านล่างครับ -----------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่