บัณเฑาะก์อาถรรพ์ (กะเทยผี) ตอนที่ 2 - หุ่นนี้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน!

บัณเฑาะก์อาถรรพ์ (กะเทยผี) ตอนที่ 1 จุดกำเนิดอาถรรพ์ สาปสยอง https://ppantip.com/topic/37365867

รถกระบะตอนเดียวที่เกือบจะเก่าคันหนึ่ง วิ่งโยกเยกมาตามทางขึ้นดอยที่คดเคี้ยวและสูงชัน  ขับมุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้านบนยอดดอย ที่นี่เป็นตำบลเล็กๆของดอยแม่สะลอง จังหวัดเชียงราย

ภายในรถกระบะนั้นก็คือไอ้นกกับไอ้เปลวนั่นเอง ทั้งสองนั่งคู่กันมาบนรถกระบะเก่าๆ ทั้งคู่นั่งกันมาด้วยท่าทีหวาดกลัวหน้าซีดเหมือนยังไม่หายตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไอ้เปลวมองไปข้างหลังรถกระบะบ่อยๆเหมือนคอยมองสิ่งผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นด้านหลังรถ

“กูกลัว มันจะปล่อยเราไปจริงๆหรือพี่ ”

ไอ้นกผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับเอียงศีรษะมองไปที่เจ้ากลอยที่มีอาการหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปบนถนนมืดๆต่อไป เขาก็มีหน้าตาหวาดหวั่นไม่ต่างไปจากเพื่อนรุ่นน้องเท่าไหร่นัก เพียงแต่เขาอาจจะมีจิตใจที่แข็งกว่าไอ้เปลว

“กูไม่รู้ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นล่ะ “ ไอ้นกทำหน้าเครียด หัวคิ้วแทบจะชนเป็นเส้นเดียวกัน เขามองไปข้างหน้า เร่งเครื่องยนต์ให้แรงกว่านี้อีกเพราะอยากจะให้ไปถึงเร็วๆ

ไอ้เปลวนั่งกัดปลายเล็บตัวเองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะนึกถึงภาพตอนที่อยู่ในถ้ำกับสิ่งประหลาดน่าหวาดกลัว

“ฮึ....แต่เพื่อความดีของแกทั้งสอง กูจะปล่อยพวกไปถ้าช่วยกูสำเร็จ” ผีที่มีท่าทีน่าหวาดกลัวกลับมีความโอนอ่อนลงอย่างประหลาด ไอ้เปลวกับไอ้นก ยังคงมีอาการหวาดผวากอดกันกลม

“ชะชะช่วยอะไร” ไอ้นกพูดออกมาปากของมันสั่นระริก

“คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ ที่พวกมาขุดหาสมบัติในถ้ำที่ปิดตายมาหลายร้อยปี แล้วมาเจอหุ่นของกู” ปีศาจผีสิงยิ้มเยาะ ก่อนจะกลับร่างกลายเป็นสตรีผู้เลอโฉมดังเดิม

“เอาหุ่นนี้ไปเสนอขาย ที่ที่เอ็งอยากจะไปขาย และกูจะปล่อยไปถ้าหากทำสำเร็จ”

ไอ้เปลวกับไอ้นกไม่ได้คิดอะไรเลย รีบรับคำนั้นอย่างว่าง่าย ก็เขาไม่มีทางเลือกอะไรอีกแล้วนี่นา หลังจากที่สองหนุ่มรับคำ ร่างของสตรีนางนี้ก็แข็งกลับกลายเป็นหุ่นขึ้นมาดังเดิม

ทั้งคู่รีบยกหุ่นนั้นอย่างเร่งรีบ ในตอนแรกที่พวกเขาพบหุ่น หุ่นนั้นมีน้ำหนักมากจนแทบจะยกไม่ขึ้น แต่บัดนี้กลับยกขึ้นง่ายเหมือนกระสอบสำลี

เมื่อยกขึ้นท้ายกระบะแล้ว พวกเขาวางหุ่นเป็นแนวนอนราบไปกับพื้นกระบะ พร้อมกับเอาผ้าหนาๆคลุมไว้ไม่ให้ใครเห็น ทั้งคู่รีบขับรถออกไปอย่างเร่งรีบ ไม่ได้หันหลังกลับมามองเลยว่าตอนนี้ ใบไม้ใบหญ้าที่เคยโดนตัดอย่างโล่งเตียนตรงปากทางเข้าถ้ำกลับเลื้อยยาวปกปิดโดยรอบเหมือนกับไม่เคยมีคนมาเยี่ยมกรายละแวกแห่งนี้มาก่อน

ไอ้เปลวคำนึงถึงเรื่องราวที่ผ่านมาพลางก็เอามือลูบไปที่แขนตัวเองอย่างช้าๆ พร้อมกับส่ายหน้าเหมือนลึกๆเขารู้สึกเสียใจที่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับนี้

รถกระบะคันนี้ยังคงขับโขยกไปตามทางข้างหน้าด้วยความเร็วเกินกำลังรถเก่าๆ และเพียงเวลาไม่นานภาพของหมู่บ้านบนดอยเขาก็ปรากฏขึ้นรำไร ในสายตาของหนุ่มทั้งสอง

“ถ้าผีกะเทยมันปล่อยเราตามสัญญา เราก็จะรวยแล้ว เงินล้านอย่างน้อยเราต้องได้” ไอ้นกมีสีหน้าที่ดีขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“ถ้างั้นก็ดีซิพี่”  ไอ้เปลวตอบเหมือนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก

ครู่ต่อมารถกระบะคันนั้นก็มาจอดที่ประตูรั้วไม้ระแนง ที่ภายในบ้านนั้นเป็นบ้านทรงเรือนไทยหลังโอ่อ่า ของหม่อมราชวงศ์ศักดิ์ทอง เพชรมณีนพคุณ ผู้สะสมของโบราณล้ำค่า

“ถึงสักที”
นกบอกก่อนที่จะก้าวลงจากรถ โดยมีเปลวตามลงมาด้วย

“ทำไมถึงเงียบ น่ากลัวอย่างนี้ล่ะพี่” เปลวชักสงสัย

นกแหงนหน้ามองช้ามรั้วขึ้นไปที่ประตูบ้าน แล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด

“จะมีใครอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ซี”

ไอ้เปลวทำหน้าวิตกกังวล “ถ้าไม่มีใครอยู่เราจะทำยังไงกัน จะต้องนอนในรถกับหุ่นนี่น่ะเหรอ” พูดจบพลางมองไปที่หุ่นผีที่นอนไร้ชีวิตอยู่ท้ายรถกระบะ

“เดี๋ยวกูลองเรียกดู”

ไอ้นกบอกพร้อมก้าวไปที่หน้าประตูรั้วซึ่งก็ไม่ได้สูงมากจนเกินไป พอจะมองเห็นได้ทั้งหมด ก่อนจะตัดสินใจป้องปากเรียกออกไปดังๆ

“มีใครอยู่ไหมครับ ผมเอาของมาขายครับ เฮ้!”

สิ้นเสียงเรียกของนกก็มีสุนัขเห่าหอนสวนออกมาจากทางตึกใหญ่ตรงหน้า

"ไอ้หะ....” นกสบถ “เรียกหาคนหมายิ้มขานรับ”

แต่เพียงอึดใจต่อมา ร่างผอมบางของสตรีสูงอายุนางหนึ่งที่มีบุคลิกอย่างกับผู้ดีชั้นสูง เสื้อผ้าแพรไหมราคาสูง เดินออกมาอย่างว่าง่าย แต่สีหน้าเรียบนิ่งคิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนครุ่นคิดเพราะไม่คุ้นหน้าชายทั้งสอง

ไอ้นกกับเจ้าเปลวขยับตัวมายืนใกล้กันพร้อมกับส่งยิ้มให้ก่อน เมื่อเห็นสตรีชราผู้นั้นเดินมาอย่างช้าๆแต่ดูมั่นคงเกินอายุขัดกับผมหงอกขาวเต็มหัวแต่ถูกเกล้ามวยไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม

“พวกคุณต้องการมาพบใครหรือคะ”

หญิงชราถามทันทีเมื่อเดินมาถึง หล่อนมองมาที่สองหนุ่มอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเหมือนคิดว่าคนละชั้นกันเกินกว่าจะเสวนาด้วย

ท่านคือ หม่อมเจ้าหญิง แสงเฉิดฉาย เพชรมณีนพคุณ โปรดที่จะอยู่อย่างเรียบง่ายกับหลานชายเพียงสองคนและไม่โปรดที่จะมีคนงาน

“คืออย่างนี้นะครับ ผมอยากจะพาหุ่นปั้นโบราณมาฝากขายให้ท่าน หุ่นนี้งดงามไร้ที่ติดมากเลยครับ” ไอ้นกพยายามพูดอย่างสุภาพที่สุดในชีวิต

“มันน่าจะมีอายุหลายร้อยปีเลยล่ะครับ” ไอ้เปลวรีบพูดขึ้นมาอีกคน

“ตอนนี้คุณชายศักดิ์ทองยังไม่ตื่นนอนเลยนะ พวกเธอดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย ฉันไม่อยากจะให้พวกเธอเข้ามาตอนนี้ เอาเป็นว่าฉันจะให้เธอรออยู่ตรงนี้ก่อน ฉันจะไปปลุกคุณชายสักครู่นะ”

หญิงชราไม่ได้รอให้ชายหนุ่มทั้งสองตอบอะไรเลย พูดเสร็จก็สะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ไอ้นกและเจ้าเปลวมองตามอย่างเสียไม่ได้

“ยายหม่อมนี่วางมาดชะมัด” เจ้าเปลวพูดอย่างอารมณ์เสีย

“เงินล้าน ท่องเอาไว้แล้วแกจะหายเหนื่อย” ไอ้นกพูดให้คิด

เปลวทำหน้าซีดเผือดลงและมองไปที่หุ่นผีที่มีผ้าปิดคลุมไว้ เขาไม่อาจจะทำนายอนาคตได้ว่าจะอยู่หรือตาย เหมือนชีวิตอยู่ในกำมือของผีตนนี้

ไม่นานนักร่างสูงใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ ผิวพรรณผ่องใสแบบผู้ดี เดินออกมาหาชายหนุ่มทั้งสองที่รออยู่แล้ว

“คุณทั้งสองมีธุระอะไรกับผม” หม่อมราชวงศ์ ศักดิ์ทองยิ้มเพียงเล็กน้อย

นกและเปลวเผยอยิ้มเบาๆก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้งถึงเรื่องที่ต้องการพบ

“คืออย่างนี้ครับ ผมกับเพื่อนมีหุ่นปั้นเงินโบราณน่าจะหลายร้อยปีมาขายให้กับท่าน เป็นหุ่นผู้หญิงไทยสวยงามมากเลยล่ะครับ เอ่อ...ผมอยากจะให้ท่านดูถ้าชอบก็ขายเลยครับ เอาไว้ประดับในห้องก็สวยงามมากๆนะครับท่าน”

“ลองเอามาดูก็ได้  ขับรถเข้ามาจอดก่อนซี”

หม่อมราชวงศ์ ศักดิ์ทองเปิดประตูออกอย่างว่าง่าย เหมือนถูกสะกดจิตด้วยคำพูดที่ว่า หุ่นโบราณหลายร้อยปี เขามีความสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะส่วนตัวแล้วเขานิยมชมชอบการสะสมของโบราณอยู่แล้ว ไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมาย เขาพร้อมที่จะทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อซื้อสิ่งของที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะแพงสักแค่ไหนก็ตาม

ทั้งสองนำรถกระบะเก่าคนนั้นเข้ามาจอดเทียบกับประตูบ้านหลังใหญ่บนยอดดอย พลางช่วยกันยกหุ่นเข้าไปในห้องโถงรับแขกกว้างขวางสวยงาม ที่ประดับประดาด้วยของโบราณหลากหลายชิ้น เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น

ไม่กี่นาทีต่อมา ผ้าที่คลุมหุ่นตัวนั้นก็หลุดออกมาจนหมด

"โอ้โห “

หม่อมราชวงศ์อุทานออกมา เมื่อเห็นลักษณะของหุ่นตัวนี้อย่างถนัดตา

“ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ว่าจะเหลือของล้ำค่าอายุหลายร้อยปียังหลงเหลืออยู่ในประเทศไทย และมีสภาพที่สมบูรณ์มากๆ”

ไอ้นกและเจ้าเปลวอมยิ้มออกมา แววตาเรืองรองไปด้วยความหวัง เขาเชื่อมั่นเหลือเกินว่าจะต้องได้ราคาอย่างงาม

คุณชายศักดิ์ทองยิ้มบางๆ เมื่อเอื้อมมือไปลูบที่ใบหน้าที่สวยงามของหุ่น มันดูสมจริงและสวยงามมากเหลือเกิน

ไอ้นกมองหน้าเจ้าเปลว และทำหน้าเหวอเมื่อเห็นเช่นนั้น เพราะพวกเขาก็ผ่านช่วงนี้มาแล้ว คือความหลงใหลรูปโฉมที่งดงามของหุ่นนี้ แต่แท้จริงแล้วนั้นเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณร้าย

แต่เขาไม่มีทางที่จะบอกหม่อมราชวงศ์ศักดิ์ทองแน่นอน เพราะเงินคือทุกอย่างที่เขาต้องการ รวมทั้งหุ่นผีก็อยากจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

“ฝีมือการปั้นดูละเมียดละไมมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าสมัยยุคก่อนจะปั้นได้ขนาดนี้”

ระหว่างนั้นที่ทั้งสองกำลังวุ่นอยู่กับหุ่น หม่อมเจ้าหญิง แสงเฉิดฉาย เพชรมณีนพคุณ เดินลงมาพอดี เหมือนถูกต้องมนต์สะกด เพียงแค่เห็นด้านหลังของหุ่นที่เป็นสีเงินทั้งตัว ทำให้หญิงชรารีบเดินมาดูอย่างเร็วไว

“ชาย ขอแม่ดูหน้าหุ่นตัวนี้หน่อย” หญิงชราขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ เหมือนมีความสงสัยอะไรบางอย่างในใจ

“คุณเทียด! คุณเทียดจริงๆด้วย” หญิงชราร้องเสียงดัง เหมือนตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น แต่ก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเพราะไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นทวดของตัวเองในรูปแบบของหุ่นปั้นอีกครั้ง

ทั้งสามคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นโดยเฉพาะหม่อมราชวงศ์ศักดิ์ทอง เขาไม่เคยรู้เลยว่ารูปปั้นนี้จะเป็นคุณเทียด  เขารีบถามหญิงชราทันที

“ท่านย่าพูดจริงหรือครับ”  เขารีบประคองหญิงชราขึ้นมาในอ้อมกอด พร้อมกับมองหน้าหุ่นงดงามตรงหน้า

“จริงซีลูก แม่ยังเด็กแต่แม่ก็จำคุณเทียดของย่าได้ ท่านงามมาก งามไร้ที่ติจริงๆ ท่านไม่เคยแก่เลยจนวันท่านตาย”

หญิงชรากล่าวทั้งน้ำตา จ้องมองใบหน้าหุ่นภายใต้อ้อมกอดของหลานชาย

“แต่ย่าแปลกใจ หุ่นนี่ใครปั้น มันไม่เคยมีบันทึกหรือเรื่องบอกเล่าอะไรเลย ทำไมถึงมีหุ่นได้ล่ะ” หญิงชราก็สงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดหุ่นคุณเทียดถึงได้บังเอิญเสียทุกอย่างเลย เหมือนทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว

“พวกเธอเอาหุ่นคุณเทียดมาจากไหนกัน!”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่